แอปพลิเคชั่น Final Cut Pro และ Logic Pro สำหรับ iPad พร้อมให้ดาวน์โหลดแล้ววันนี้ ผ่านทาง App Store ส่วนจะมีราคา และรองรับ iPad รุ่นใดบ้าง? เราได้สรุปมาให้แล้ว
Final Cut Pro สำหรับ iPad
- วางจำหน่ายในราคา 199 บาทต่อเดือน หรือ 1,990 บาทต่อปี สามารถทดลองใช้ได้ฟรี 1 เดือน
- สามารถใช้งานร่วมกับ iPad รุ่นที่มาพร้อมชิป M1 หรือใหม่กว่า เช่น iPad Pro ที่ออกมาในปี 2021 – 2022, iPad Air รุ่นที่ 5 ที่ออกมาในปี 2022
- iPad ต้องทำงานบน iPadOS 16.4 หรือเวอร์ชันใหม่กว่า
Final Cut Pro สำหรับ iPad มีอินเทอร์เฟซการสัมผัสแบบใหม่หมดและเครื่องมือที่ใช้งานง่าย ซึ่งจะช่วยปลดล็อคเวิร์กโฟลว์ใหม่ๆ สำหรับผู้สร้างวิดีโอ เริ่มจาก Jog Wheel ใหม่ที่จะทำให้กระบวนการตัดต่อง่ายยิ่งกว่าที่เคย และช่วยให้ผู้ใช้โต้ตอบกับคอนเทนต์ด้วยวิธีใหม่ๆ อย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน โดยผู้ใช้สามารถไปยังตำแหน่งที่ต้องการใน Magnetic Timeline หรือย้ายคลิป และตัดต่อแบบรวดเร็วได้แม่นยำถึงระดับเฟรมเพียงแค่ใช้นิ้วแตะ แล้วยกระดับความคิดสร้างสรรค์ไปอีกขั้นโดยอาศัยความรวดเร็วทันใจและใช้ง่ายของ Multi-Touch
ดาวน์โหลด Final Cut Pro สำหรับ iPad จาก App Store
Logic Pro สำหรับ iPad
- วางจำหน่ายในราคา 199 บาทต่อเดือน หรือ 1,990 บาทต่อปี สามารถทดลองใช้ได้ฟรี 1 เดือน
- สามารถใช้งานร่วมกับ iPad รุ่นที่มาพร้อมชิป A12 Bionic หรือใหม่กว่า เช่น iPad mini รุ่นที่ 5 หรือใหม่กว่า, iPad รุ่นที่ 7 หรือใหม่กว่า, iPad Air รุ่นที่ 3 หรือใหม่กว่า, iPad Pro ตั้งแต่รุ่นที่เปิดตัวในปี 2018 จนถึงรุ่นล่าสุด
- iPad ต้องทำงานบน iPadOS 16.4 หรือเวอร์ชันใหม่กว่า
Logic Pro สำหรับ iPad รวมขุมพลังของ Logic Pro เข้ากับความสะดวกในการพกพาของ iPad จนได้เป็นแอปสร้างสรรค์เพลงระดับมืออาชีพที่มีครบทุกอย่างในแอปเดียว อย่างคำสั่งนิ้วแบบ Multi-Touch ที่ให้นักสร้างสรรค์เพลงเล่นเครื่องดนตรีแบบซอฟต์แวร์และโต้ตอบกับส่วนควบคุมได้อย่างเป็นธรรมชาติ และไปยังตำแหน่งที่ต้องการในโปรเจ็กต์ที่ซับซ้อนได้ด้วยการหนีบหรือกางนิ้วเพื่อซูมและการปัดเพื่อนเลื่อนหน้าจอ หรือ Plug-in Tiles ที่จะนำส่วนควบคุมที่มีประโยชน์ที่สุดมาอยู่ที่ปลายนิ้วเพื่อให้นักสร้างสรรค์ออกแบบเสียงอย่างที่ต้องการได้ง่ายและรวดเร็ว ส่วนไมโครโฟนในตัวของ iPad ก็ช่วยให้ผู้ใช้บันทึกเสียงร้องหรือเครื่องดนตรี ในขณะที่ไมโครโฟน 5 ตัวคุณภาพระดับสตูดิโอบน iPad Pro ก็สามารถเปลี่ยนแทบทุกพื้นที่ให้กลายเป็นสตูดิโอบันทึกเสียงได้ นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งได้อย่างแม่นยำและใช้ Apple Pencil เพื่อวาด Track Automation ได้อย่างละเอียด แล้วเชื่อมต่อ Smart Keyboard Folio หรือ Magic Keyboard เพื่อเรียกใช้คำสั่งต่างๆ ด้วยปุ่มคีย์บอร์ด ซึ่งช่วยให้การทำงานเร็วขึ้น