Apple แนะนำฟีเจอร์ใหม่ของซอฟต์แวร์สำหรับการช่วยการเข้าถึง หรือ Accessibility ด้านการรับรู้ การมองเห็น การได้ยิน และการเคลื่อนไหว โดยจะพร้อมใช้งานในปลายปีนี้ ซึ่งชัดเจนว่าฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของ iOS 17, iPadOS 17 และ macOS 14 ที่กำลังจะเปิดตัวในงานประชุมนักพัฒนา WWDC 2023 ช่วงต้นเดือนมิถุนายนนี้
ฟีเจอร์ใหม่ของ Accessibility มาพร้อมเครื่องมือที่เป็นนวัตกรรมใหม่ สำหรับผู้ที่พูดไม่ได้ หรือเสี่ยงที่จะสูญเสียความสามารถในการพูดของตนเอง การอัปเดตใหม่ๆ เหล่านี้ สร้างขึ้นจากความก้าวหน้าทั้งทางด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ รวมถึงการเรียนรู้ของระบบบนอุปกรณ์ เพื่อให้มั่นใจถึงความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ และเป็นการขยายขอบเขตของคำมั่นสัญญาที่มีมาอย่างยาวนานของ Apple ในการสร้างผลิตภัณฑ์สำหรับทุกคน
Assistive Access ช่วยเหลือผู้ใช้ซึ่งพิการทางด้านการรับรู้
Assistive Access ใช้นวัตกรรมในด้านการออกแบบเพื่อกลั่นกรองแอปและประสบการณ์ในการใช้คุณสมบัติที่จำเป็นของตนเองเพื่อลดภาระด้านการรับรู้ โดยคุณสมบัตินี้สะท้อนให้เห็นถึงความคิดเห็นจากผู้ที่พิการด้านการรับรู้และผู้ช่วยเหลือที่พวกเขาไว้วางใจ โดยเน้นไปที่กิจกรรมซึ่งพวกเขาชื่นชอบ และถือเป็นพื้นฐานของ iPhone และ iPad นั่นก็คือการติดต่อกับผู้คนอันเป็นที่รัก การถ่ายภาพและรื่นรมย์ไปกับภาพถ่าย และการฟังเพลง
Assistive Access เพิ่มประสบการณ์ที่ปรับแต่งได้สำหรับโทรศัพท์และ FaceTime ซึ่งผสมผสานกันเป็นแอปการโทรเพียงหนึ่งเดียว รวมถึงแอปข้อความ, กล้อง, รูปภาพ และเพลง คุณสมบัตินี้มอบอินเทอร์เฟซอันแตกต่างด้วยปุ่มแบบคอนทราสต์สูงและป้ายตัวอักษรขนาดใหญ่ รวมถึงเครื่องมือซึ่งจะช่วยให้ผู้ช่วยเหลือที่ได้รับความไว้วางใจปรับแต่งประสบการณ์สำหรับผู้ที่ตนเองให้การช่วยเหลืออยู่ ตัวอย่างเช่น สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการสื่อสารด้วยภาพ แอปข้อความจะมีคียบอร์ดแบบอิโมจิอย่างเดียว และตัวเลือกในการบันทึกข้อความวิดีโอ เพื่อแชร์กับผู้ซึ่งเป็นที่รัก นอกจากนี้ผู้ใช้และผู้ช่วยเหลือที่ได้รับความไว้วางใจยังสามารถเลือกได้ระหว่างเลย์เอาท์แบบกริดที่เห็นได้ชัดเจนมากขึ้นสำหรับหน้าจอโฮมและแอปของตนเอง หรือเลย์เอาท์แบบแถวสำหรับผู้ใช้งานซึ่งชื่นชอบข้อความมากกว่า
Live Speech และ Personal Voice การช่วยการเข้าถึงด้านการพูดอันล้ำหน้า
ด้วย Live Speech บน iPhone, iPad และ Mac ทำให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์สิ่งที่ตนเองต้องการพูดเพื่อให้พูดออกเสียงได้ในระหว่างการโทรศัพท์หรือโทร FaceTime รวมถึงการสนทนาแบบต่อหน้า ผู้ใช้ยังสามารถบันทึกวลีที่ใช้กันบ่อยที่สุดเพื่อพูดสอดแทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็วในระหว่างการสนทนากับครอบครัว เพื่อนๆ และเพื่อนร่วมงานได้ โดย Live Speech ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับผู้คนนับล้านทั่วโลกซึ่งพูดไม่ได้ หรือผู้ที่สูญเสียความสามารถในการพูดไปตามกาลเวลา
สำหรับผู้ใช้ซึ่งเสี่ยงที่จะสูญเสียความสามารถในการพูด อย่างเช่นผู้ที่เพิ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค ALS (Amyotrophic Lateral Sclerosis) หรือโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือโรคอื่นๆ ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อความสามารถในการพูดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คุณสมบัติ Personal Voice จะเป็นหนทางง่ายๆ และปลอดภัยในการสร้างเสียงที่เหมือนเสียงของตัวเอง
ผู้ใช้สามารถสร้าง Personal Voice ด้วยการอ่านชุดข้อความที่จะปรากฎขึ้นแบบสุ่มเพื่อบันทึกเสียงยาว 15 นาทีบน iPhone หรือ iPad คุณสมบัติการช่วยการเข้าถึงด้านการพูดนี้จะใช้การเรียนรู้ของระบบบนอุปกรณ์เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลให้แก่ผู้ใช้ และผสานกับ Live Speech ได้อย่างกลมกลืนเพื่อให้ผู้ใช้สามารถพูดได้ด้วย Personal Voice ของตนเองในขณะที่สื่อสารกับบุคคลอันเป็นที่รัก
โหมดการตรวจจับในแอปแว่นขยายแนะนำ Point and Speak สำหรับผู้ใช้ซึ่งตาบอดหรือมีสายตาเลือนราง
Point and Speak ในแอปแว่นขยายทำให้ผู้ใช้ซึ่งพิการทางการมองเห็นโต้ตอบกับสิ่งของต่างๆ ที่มีป้ายข้อความหลายๆ อันได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น ในระหว่างการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอย่างเช่นไมโครเวฟ Point and Speak จะผสานข้อมูลจากแอปกล้อง สแกนเนอร์ LiDAR และการเรียนรู้ของระบบบนอุปกรณ์ในการอ่านข้อความบนแต่ละปุ่ม ขณะที่ผู้ใช้เลื่อนนิ้วของตัวเองไปตามแต่ละปุ่มกด โดย Point and Speak ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาให้รวมอยู่ในแอปแว่นขยายบน iPhone และ iPad ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมร่วมกับ VoiceOver และสามารถใช้ได้กับคุณสมบัติแว่นขยายอื่นๆ อย่างเช่น การตรวจหาผู้คน การตรวจจับประตู และคำอธิบายภาพ เพื่อช่วยผู้ใช้ในการเคลื่อนที่ไปในสภาพแวดล้อมของโลกจริงๆ
คุณสมบัติอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- ผู้ใช้ที่หูหนวกหรือหูตึงสามารถจับคู่ อุปกรณ์ช่วยฟัง Made for iPhone ได้โดยตรงกับ Mac และปรับแต่งเพื่อความสบายในการรับฟังได้
- การสั่งการด้วยเสียง เพิ่มคำแนะนำในการออกเสียงสำหรับการแก้ไขข้อความ เพื่อให้ผู้ใช้ซึ่งพิมพ์ด้วยเสียงของตนเองสามารถเลือกคำที่ถูกต้องจากคำที่อาจฟังคล้ายๆ กัน อย่างเช่น “do”, “due” และ “dew”4 นอกจากนี้ ด้วย คู่มือการสั่งการด้วยเสียง ผู้ใช้ยังสามารถเรียนรู้เคล็ดลับเกี่ยวกับการใช้คำสั่งเสียงเพื่อเป็นทางเลือกนอกเหนือจากการสัมผัสและการพิมพ์ทั้งบน iPhone, iPad และ Mac
- ผู้ใช้ที่พิการด้านร่างกายและการเคลื่อนไหวซึ่งใช้ การควบคุมสวิตช์ สามารถเปลี่ยนสวิตช์อันใดก็ได้ให้เป็นตัวควบคุมการเล่นเกมแบบเสมือนจริง เพื่อเล่นเกมโปรดของตัวเองบน iPhone และ iPad
- สำหรับผู้ใช้ซึ่งมีสายตาเลือนราง ในตอนนี้ สามารถปรับ ขนาดข้อความ ได้ง่ายขึ้นบนทุกแอปของ Mac อย่างเช่น Finder, ข้อความ, เมล, ปฏิทิน และโน้ต
ส่วนผู้ใช้ซึ่งอ่อนไหวต่อภาพเคลื่อนไหวเร็วๆ สามารถหยุดภาพที่มีองค์ประกอบการเคลื่อนไหวอย่างเช่น GIF ในแอปข้อความหรือซาฟารีได้ชั่วคราวโดยอัตโนมัติ - สำหรับผู้ใช้ VoiceOver เสียงของ Siri จะฟังเป็นธรรมชาติและชัดเจนแม้ในการพูดตอบกลับด้วยความเร็วสูง และผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งอัตราการพูดของ Siri ได้โดยมีตัวเลือกตั้งแต่ 0.8x ถึง 2x