Apple เตรียมจัดงานประชุมนักพัฒนาซอฟต์แวร์ Worldwide Developers Conference (WWDC) 2023 ในระหว่างวันที่ 5 – 9 มิถุนายนนี้ ซึ่งจะมีการแนะนำ iOS 17 ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ของ iPhone และคาดว่าจะมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ 7 รายการดังต่อไปนี้
ปรับปรุง Control Center
Control Center ใน iPhone ไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงมากนัก นับตั้งแต่ iOS 11 ที่เปิดตัวในปี 2017 จึงคาดว่า Control Center ใน iOS 17 จะช่วยให้ผู้ใช้งานปรับแต่งได้มากขึ้น รวมถึงมีการออกแบบใหม่ หลังจากไม่มีการเปลี่ยนแปลงมานาน 6 ปี
Dynamic Island มีประโยชน์มากขึ้น
ปัจจุบัน Dynamic Island พบได้เฉพาะใน iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max แต่ในเดือนกันยายนนี้ คาดว่า iPhone 15 Series จะมาพร้อม Dynamic Island ทั้ง 4 รุ่น ทำให้ Apple ต้องนำเสนอฟีเจอร์ใหม่สำหรับ Dynamic Island อย่างเช่น รวมอินเทอร์เฟซของ Siri ไว้ใน Dynamic Island แทนที่จะแสดงผลในด้านล่างหน้าจอ
ปรับปรุงวิดเจ็ต
Apple ถูกอ้างว่า กำลังทดสอบระบบอินเทอร์แอคทีฟสำหรับวิดเจ็ตบนหน้าจอหลัก รวมถึงมุมมอง Today View เป็นระบบอินเทอร์แอคทีฟ สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว จะมีทั้งปุ่ม แถบเลื่อน และวิธีการโต้ตอบอื่นๆ ที่ทำให้วิดเจ็ตปรับเปลี่ยนได้
ปรับปรุงการค้นหา
ยังไม่มีรายงานที่ชัดเจนนักเกี่ยวกับการปรับปรุงระบบค้นหา Search และ Spotlight ของ iOS 17 แต่แหล่งข่าวคาดว่า Apple จะมีการปรับปรุงการค้นหาให้ดีขึ้น เนื่องจากระบบค้นหาได้รับการปรับปรุงมาโดยตลอด อย่างที่ผ่านมา Apple ได้พยายามปรับปรุงผลการค้นหาข้อความในรูปภาพและวิดีโอ และอนุญาตให้ผู้ใช้ค้นหาหัวข้อที่ต้องการในรูปภาพ และยังหวังว่า iOS 17 จะได้รับการปรับปรุงการค้นหาในแอป Settings เพื่อให้ผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือมากขึ้น
App Store จากรายอื่น
Apple ถูกกฎหมายใหม่ในยุโรปบังคับให้ผู้ใช้งาน iPhone ต้องรองรับการ Sideloading หรืออนุญาตให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งแอปพลิเคชั่นที่หามาจากแหล่งอื่นได้ นอกเหนือจาก App Store ของ Apple รวมถึงต้องอนุญาตให้ iPhone รองรับร้านค้าแอปของรายอื่นด้วย
Apple มีเวลาจนถึงเดือนมีนาคม 2024 ในการปฏิบัติตามกฎหมายใหม่ของยุโรป ดังนั้น Sideloading ยังไม่จำเป็นต้องอยู่ใน iOS 17 เวอร์ชันแรกที่ แค่คาดว่าจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงใน iOS 17 เวอร์ชัน Beta สำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์
ปรับปรุง CarPlay
CarPlay จะได้รับการปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานแบบยกเครื่องใหม่ โดยรองรับระบบ Infotainment ในรถยนต์ที่มีหลายหน้าจอ เพื่อให้ประสบการณ์ที่สอดคล้องกัน ซึ่งทาง Apple เคยกล่าวว่า CarPlay จะถูกปรับแต่งให้เหมาะกับรถยนต์รุ่นใหม่แต่ละรุ่น เพื่อรองรับหน้าจอที่มีรูปทรงและเลย์เอาต์แตกต่างกัน
อีกประสบการณ์ใหม่ของ CarPlay คือ จะถูกรวมเข้ากับแผงหน้าปัดรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็น มาตรวัดความเร็ว มาตรวัดความเร็ว มาตรวัดระยะทาง มาตรวัดเชื้อเพลิง มาตรวัดอุณหภูมิเครื่องยนต์ มาตรวัดแรงดันน้ำมัน และอื่นๆ โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกดีไซน์แผงหน้าปัดได้ตามต้องการจากหลากหลายแบบ
CarPlay เวอร์ชันใหม่ จะสามารถควบคุมอุณหภูมิในรถยนต์อย่างเต็มระบบ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรับอากาศ เครื่องทำความร้อน ความแรงพัดลม ไปจนถึงอุณหภูมิเบาะนั่ง พวงมาลัย และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่รองรับการปรับอุณหภูมิ
นอกจากนี้ หน้าจอหลักของ CarPlay เวอร์ชันใหม่ จะรองรับวิดเจ็ต คล้ายกับ iPhone / iPad เพื่อแสดงข้อมูลโดยย่อของแอปหรือฟีเจอร์ต่างๆ เช่น ระยะเวลาการเดินทาง การประหยัดน้ำมัน ระยะทาง กิจกรรมในปฏิทิน สภาพอากาศ การโทร สถานะของประตูโรงรถที่เปิดใช้งาน HomeKit และอื่นๆ อีกทั้งยังสามารถเลื่อนดู Widget ภายในแผงหน้าปัดได้อีกด้วย
มุ่งเน้นความเสถียรเป็นพิเศษ
Mark Gurman จากสำนักข่าว Bloomberg เชื่อว่า Apple จะเน้นการปรับปรุง iOS 17 ไปที่การแก้ไขข้อบกพร่อง พร้อมปรับปรุงประสิทธิภาพ การจัดการพลังงาน และ ความเสถียร เพื่อให้การอัปเดต iOS 17 ปราศจากข้อผิดพลาด
ที่มา – MacRumors