ในที่สุด Apple TV 4K รุ่นที่ 3 ที่เปิดตัวครั้งแรกในเดือนตุลาคมปี 2022 ที่ผ่านมาก็พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยทางการแล้วในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งเชื่อว่ามีหลายคนที่กำลังรอคอยเป็นจับจองเพราะในรุ่นนี้มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่มีขนาดเล็กลง เบากว่าเดิม และมาพร้อมประสิทธิภาพที่แรงขึ้นอย่างมาก แต่กลับมีราคาถูกลงอย่างไม่น่าเชื่อ
สเปก Apple TV 4K รุ่นที่ 3
- A15 Bionic
- ความจุ 64GB (รุ่น Wi-Fi) และ 128GB (รุ่น Wi-Fi + Ethernet)
- การเชื่อมต่อไร้สาย Wi‑Fi 6 802.11ax พร้อม MIMO แบบ 2×2, Bluetooth 5.0
- พอร์ตเชื่อมต่อ Gigabit Ethernet (เฉพาะรุ่น Wi-Fi + Ethernet), HDMI 2.1
- รองรับ Dolby Vision, HDR10+ และ Dolby Atmos ระดับ 4K
- รองรับระบบเสียงรอบทิศทาง Dolby Atmos, Dolby Digital 7.1 หรือ Dolby Digital 5.1
- ขนาด 93 x 93 x 31 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 208 กรัม (รุ่น Wi-Fi) หรือ 214 กรัม (รุ่น Wi-Fi + Ethernet)
สเปก Apple TV Remote (รุ่นที่ 3)
- การเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0, Infrared
- พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่
- คลิกแพดที่รองรับการสัมผัส
- ปุ่มทางลัดเรียกใช้งาน Siri โดยตรง
- ขนาด 136 x 35 x 9.25 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 66 กรัม
แกะกล่อง Apple TV 4K รุ่นที่ 3
Apple TV 4K รุ่นที่ 3 มีขนาดตัวเครื่องเล็กลงและเบากว่ารุ่นก่อน ทำให้กล่องบรรจุภัณฑ์ก็มีรูปทรงที่เปลี่ยนแปลงไป จากกล่องรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส เปลี่ยนมาใช้กล่องที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า
รูปภาพบนฝากล่องก็เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย จากเดิมที่เป็นรูปภาพ Apple TV กับ Apple TV Remote วางคู่กัน ก็มีการขยับรูปภาพของรีโมทให้เข้ามาวางซ้อนทับบาวส่วนของ Apple TV
ข้างกล่องจะติดชื่อผลิตภัณฑ์ Apple TV 4K พร้อมกับชื่อรุ่น Wi-Fi หรือ Wi-Fi + Ethernet ส่วนด้านล่างจะบอกคุณสมบัติที่น่าสนใจของ Apple TV 4K รุ่นนี้เอาไว้
เมื่อยกฝากล่องขึ้นมาจะพบกับ Apple TV 4K เป็นอย่างแรก โดยมีแผ่นพลาสติกสีดำพันรอบตัวเครื่องเพื่อป้องกันริ้วรอยระหว่างการจัดส่ง
หลังจากหยิบ Apple TV 4K กับถาดรองออกไป ก็จะพบกับ Apple TV Remote อยู่ในซองที่พันไว้อย่างเรียบร้อย และสายไฟ ส่วนคู่มือวางอยู่ใต้สุดของกล่อง สำหรับสาย HDMI ไม่ได้มีแถมมาให้ต้องซื้อเพิ่มเอาเองเช่นเดิม
ดีไซน์เล็กและเบาลงกว่าเดิม
ดีไซน์โดยรวมของ Apple TV 4K ใหม่ล่าสุด ยังคงเป็นรูปทรงกล่องสี่เหลี่ยมที่มีมุมโค้งมนเหมือนรุ่นก่อนๆ แต่ความจริงแล้ว Apple TV 4K รุ่นที่ 3 ได้รับการออกแบบใหม่ที่แตกต่างไปจากรุ่นที่ 2 อย่างชัดเจน เริ่มตั้งแต่ด้านบนที่มีเพียงโลโก้ Apple เท่านั้น ไม่มีตัวอักษร TV ที่เคยอยู่ข้างๆ ในรุ่นก่อน ส่วนขอบด้านข้างรอบด้านมีพื้นผิวมันเงา ด้านหน้าซ่อนไฟ LED ไว้ 1 ดวง
ด้านหลังมีช่องต่อสายไฟ, พอร์ต Gigabit Ethernet สำหรับต่อสาย LAN และ พอร์ต HDMI (สำหรับรุ่น Wi-Fi + Ethernet ขณะที่รุ่น Wi-Fi จะไม่มีพอร์ต Ethernet)
ส่วนฐานก็ไม่มีโลโก้ Apple และไม่พบช่องระบายอากาศแบบวงกลมที่เคยเห็นในรุ่นก่อน
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า Apple TV 4K รุ่นที่ 3 ได้รับการออกแบบใหม่ ทำให้ขนาดตัวเครื่องเล็กลงกว่าเดิม โดยมีความกว้าง x ยาว 93 x 93 มิลลิเมตร สูง 31 มิลลิเมตร ขณะที่ Apple TV 4K รุ่นที่ 2 มีความกว้าง x ยาว 98 x 98 มิลลิเมตร สูง 35 มิลลิเมตร ทำให้รุ่นใหม่มีมิติตัวเครื่องเล็กลงประมาณ 12%
นอกจากตัวเครื่องจะมีขนาดกะทัดรัดมากขึ้น น้ำหนักก็ยังเบาลงอย่างมาก โดยรุ่น Wi-Fi + Ethernet มีน้ำหนัก 214 กรัม ขณะที่ Apple TV 4K รุ่นที่ 2 มีน้ำหนัก 425 กรัม เรียกได้ว่าน้ำหนักของ Apple TV 4K รุ่นที่ 3 หายไปเกือบครึ่ง
Apple TV 4K รุ่นที่ 3 มาพร้อม Apple TV Remote รุ่นที่ 3 ซึ่งยังดูคล้ายกับ Apple TV Remote รุ่นก่อน ทั้งสีสันและวัสดุ ประกอบด้วยไมโครโฟน, ปุ่มเพาเวอร์, ปุ่มคลิกแพด, ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม/ทีวี, ปุ่มเล่น/หยุดพัก, ปุ่มปิดเสียง และ ปุ่มปรับระดับเสียง ด้านข้างรีโมทมีปุ่มค้นหา หรือ Siri ด้านบนรีโมทเป็นอินฟราเรด
อย่างไรก็ตาม ด้านล่างของ Apple TV Remote รุ่นใหม่ เปลี่ยนจากพอร์ตเชื่อมต่อ Lightning เป็น USB-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ให้กับรีโมท
ชิป A15 Bionic
Apple TV 4K รุ่นที่ 3 ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดีขึ้นอย่างมาก โดยมาพร้อมชิป A15 Bionic แบบเดียวกับที่พบใน iPhone 13 เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ซึ่งใช้ชิป A12 Bionic จะพบว่า CPU เร็วขึ้น 50% และ GPU แรงกว่าเดิม 30% ส่งผลให้ Apple TV 4K รุ่นใหม่ ไม่เพียงแต่จะให้ประสบการณ์การใช้งานด้านความบันเทิงได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น แต่ยังกลายเป็นคอนโซลที่รองรับการเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล
ด้านความจุของ Apple TV 4K รุ่นที่ 3 ก็เพิ่มมากขึ้น 2 เท่า จากเดิมที่มีให้เลือก 32GB / 64GB ในรุ่นใหม่แบ่งออกเป็น 2 ตัวเลือก ได้แก่ รุ่น Wi-Fi มีความจุ 64GB และรุ่น Wi-Fi + Ethernet มีความจุ 128GB สามารถลงเกมกราฟิกสวยๆจาก Apple Arcade ได้แบบจุใจ
รองรับทั้ง HDR10+ และ Dolby Vision
Apple TV 4K รุ่นที่ 3 รองรับทั้ง HDR10+ และ Dolby Vision ช่วยเพิ่มความคมชัดและรายละเอียดด้วยอัตราส่วนคอนทราสต์ที่ดีขึ้นและความลึกของสีที่มากขึ้น จึงสามารถแสดงคอนเท้นต์ได้อย่างคมชัดทุกรายละเอียด ให้สีสันสดใสสมจริง บนจอทีวีความละเอียด 4K ที่มีพิกเซลมากกว่า TV HD ถึง 4 เท่า และยังมี 4K Scaler ช่วยเพิ่มความคมชัดให้กับคอนเท้นต์ที่มีความละเอียดต่ำกว่า 4K อีกทั้งยังรองรับระบบเสียงรอบทิศทาง Dolby Atmos, Dolby Digital 7.1 หรือ Dolby Digital 5.1 ถือเป็นศูนย์รวมสุดยอดความบันเทิงที่สมบูรณ์แบบทั้งภาพและเสียง
รับชมไปพร้อมกันผ่าน SharePlay
Apple TV 4K ช่วยให้ผู้คนใกล้ชิดกันมากขึ้น แม้ไม่ได้อยู่ในที่เดียวกัน ด้วยฟีเจอร์ SharePlay เพียงเริ่มต้นการโทร FaceTime บน iPhone หรือ iPad แล้วเพิ่ม Apple TV เพื่อสัมผัสประสบการณ์การรับชมร่วมกันบนหน้าจอของทุกคนแบบซิงค์กัน ทำให้ทุกคนที่อยู่ในการเชื่อมต่อมีความรู้สึกร่วมกันไปกับคอนเท้นต์ที่กำลังรับชม โดยที่ทุกคนยังสามารถควบคุมการเล่นคอนเท้นต์ด้วยปุ่มควบคุมการเล่นแบบแชร์ ไม่ว่าจะเป็นการกดเล่น หยุด หรือข้ามไปข้างหน้า
สลับโปรไฟล์ภายในครอบครัว
เนื่องจาก Apple TV เป็นอุปกรณ์ให้ความบันเทิงสำหรับทุกคนในครอบครัว แต่สมาชิกในบ้านแต่ละคนต่างก็มีช่วงอายุและรายการโปรดแตกต่างกันไป Apple TV 4K รุ่นใหม่ จึงรองรับการเพิ่มบัญชีแต่ละคนในครอบครัวได้ ซึ่งแต่ละบัญชีก็จะได้รับประสบการณ์ที่ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับคอนเท้นต์ที่แต่ละคนติดตาม อย่างเช่น โปรไฟล์ของเด็ก ก็จะได้รับคำแนะนำคอนเท้นต์ที่เหมาะสมกับเด็กเป็นต้น ในบางกรณีที่ต้องการชมเนื้อหาพร้อมกันทั้งบ้านยังสามารถเชิญให้เข้ามารับชมด้วยกันได้อีกด้วย
ร้องคาราโอเกะด้วย Apple Music Sing
Apple Music Sing เป็นฟีเจอร์ใหม่ของ Apple Music ที่เปิดตัวเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทำให้เพลงใน Apple Music ที่รองรับฟีเจอร์ Apple Music Sing ไม่เพียงแต่แสดงเนื้อเพลงเท่านั้น ยังสามารถลดเสียงร้อง เพื่อให้ผู้ใช้งานร้องเพลงตามแบบคาราโอเกะได้อย่างสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นเพลงที่ร้องคนเดียว หรือร่วมกันร้องหลายคน
ทั้งนี้ Apple Music Sing รองรับการใช้งานเฉพาะผู้ที่สมัครสมาชิก Apple Music และใช้งานผ่าน iPhone หรือ iPad อย่างไรก็ตาม Apple TV ก็รองรับ Apple Music Sing ด้วยเช่นกัน และมีเฉพาะ Apple TV 4K รุ่นที่ 3 เท่านั้นที่รองรับ (ไม่สนับสนุน Apple TV รุ่นก่อนหน้านี้) วิธีการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Sing หรือคาราโอเกะ ที่สามารถตัดเสียงร้องออกไปนั้นทำได้ง่ายมาก เพียงแค่ให้เลือกเพลงโปรดแล้วเลือกให้แสดงเนื้อเพลง จากนั้นจะเห็นไอคอนรูปไมโครโฟน ให้เลือกแล้วกดลดเสียงนักร้องได้ตามใจเลย
สามารถดูเพลย์ลิสต์ Apple Music Sing และเพลงที่สามารถร้องตามได้ที่ https://apple.co/Apple-Music-Sing
Apple Arcade แหล่งเกมคอนโซลดีๆ นี่เอง
Apple TV 4K รุ่นก่อน สามารถเล่นเกมใน Apple Arcade ได้ดีอยู่แล้ว แต่สำหรับ Apple TV 4K รุ่นใหม่ล่าสุด ได้รับการอัปเกรดประสิทธิภาพด้วยชิป A15 Bionic ที่ได้รับการปรับปรุง CPU และ GPU ให้เร็วขึ้น 50% และ 30% ตามลำดับ ทำให้ Apple TV 4K รุ่นที่ 3 ตอบสนองการเล่นเกมได้อย่างลื่นไหลมากยิ่งขึ้น
Apple Arcade บน Apple TV 4K รองรับเกมคุณภาพมากมายกว่า 200 เกม อาทิ NBA 2K23 Arcade Edition, Jetpack Joyride 2, Sneaky Sasquatch, SongPop Party, Hanx101 Trivia, Crossy Road Castle หรือ Warped Kart Racers, Gear.Club Stradale และยังมีการเพิ่มเกมเข้ามาให้เล่นอย่างต่อเนื่องในแต่ละเดือน โดยทุกเกมใน Apple Arcade สามารถเล่นได้อย่างเต็มรูปแบบโดยไม่ต้องซื้อไอเท็มพิเศษเพิ่มเติมและไม่มีโฆษณากวนใจ
Apple TV 4K รุ่นที่ 3 ยังสนับสนุนการเชื่อมต่อกับคอนโทรลเลอร์จากเครื่องเกมคอนโซลชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น DualShock 4 ของ PlayStation 4, DualSense ของ PlayStation 5 รวมไปถึงคอนโทรลเลอร์ของ Xbox และคอนโทรลเลอร์ไร้สายแบบ Bluetooth
Apple TV+ แหล่งรวมซีรีส์และภาพยนตร์ระดับพรีเมียม
Apple TV 4K ถูกสร้างมาเพื่อรับชมความบันเทิงระดับพรีเมียมจากบริการ Apple TV+ ที่มีทั้งซีรีส์ดราม่าเข้มข้น, ซีรีส์คอมเมดี้, สารคดี, ภาพยนตร์, การถ่ายทอดสดกีฬาอย่างการแข่งขัน Major League Soccer ตลอดจนรายการบันเทิงสำหรับเด็กและครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น…
- Ted Lasso ซีรีส์คอมเมดี้ที่กวาดมาแล้ว 4 รางวัลจาก Emmy Award นำแสดงโดย Jason Sudeikis
- Sharper ภาพยนตร์แนวทริลเลอร์ชิงไหวพริบที่เล่าเรื่องราวความลับที่ซ่อนอยู่ในมหานครนิวยอร์ก นำแสดงโดย Julianne Moore, Sebastian Stan, John Lithgow
- Hello Tomorrow! เรื่องของโลกย้อนยุคแต่ล้ำหน้าของกลุ่มเซลส์แมน นำแสดงโดย Billy Crudup
- Shrinking ซีรีส์คอมเมดี้อบอุ่นหัวใจนำแสดงโดย Jason Segel และ Harrison Ford
- The Boy, the mole, the fox and the horse หนังสั้นแนวแอนิเมชันที่เล่าเรื่องราวความสัมพันธ์เจ้าของรางวัล Oscar สาขาภาพยนตร์สั้นแอนิเมชันยอดเยี่ยมปีล่าสุด
นอกจากนี้ Apple TV+ ยังมีสารคดี “Sidney” ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของ Sidney Poitier ผู้เป็นตำนาน, “Causeway” ที่นำแสดงและอำนวยการสร้างโดย Jennifer Lawrence นักแสดงเจ้าของรางวัล Academy Award, ภาพยนตร์ฉลองเทศกาลอย่าง “Spirited” ที่นำแสดงโดย Will Ferrell, Ryan Reynolds และ Octavia Spencer, ซีรีส์ดราม่ายอดฮิต “Severance”, “Shantaram” ที่สร้างจากนิยายขายดี รวมถึง “Bad Sisters,” “Mythic Quest,” “Pachinko” และซีรีส์อื่นๆ อีกมากมาย
สรุปราคาและการจำหน่าย
Apple TV 4K ตอบสนองการรับชมความบันเทิงทั้งภาพและเสียงได้อย่างสมบูรณ์แบบไร้ข้อกังขา ด้านภาพรองรับทั้ง HDR10+ และ Dolby Vision ด้านเสียงรองรับระบบเสียงรอบทิศทาง Dolby Atmos, Dolby Digital 7.1 หรือ Dolby Digital 5.1 แต่สิ่งที่ผู้ใช้งานจะได้จาก Apple TV 4K รุ่นที่ 3 คือ การอัปเกรดประสิทธิภาพที่แรงขึ้นจากชิป A15 Bionic จึงสามารถเล่นเกมจาก Apple Arcade ได้อย่างลื่นไหล อีกทั้งยังเป็น Apple TV เพียงรุ่นเดียวในตอนนี้ ที่รองรับฟีเจอร์ Apple Music Sing ทำให้ Apple TV 4K เป็นศูนย์รวมความบันเทิงของทุกคนในบ้านอย่างแท้จริง เหมาะสำหรับเจ้าของ Apple TV รุ่นเก่าที่ต้องการอัปเกรดเป็นรุ่นใหม่ ไปจนถึงผู้ใช้งานกล้องทีวีของ Android ที่กำลังมองหากล่องทีวีรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงและต้องการเข้าถึงบริการต่างๆ ของ Apple ทั้ง Apple Arcade, Apple Music และ Apple TV+
ปกติแล้วการอัปเกรดฮาร์ดแวร์ของ Apple จะมาพร้อมราคาที่สูงขึ้น โดยเฉพาะการอัปเกรดประสิทธิภาพและดีไซน์ใหม่ แต่สำหรับ Apple TV 4K รุ่นที่ 3 กลับมีราคาถูกลงกว่าเดิม หากย้อนไปดูราคาเปิดตัวของ Apple TV 4K รุ่นที่ 2 จะพบว่ามีราคาเริ่มต้นที่ 6,700 บาท สำหรับรุ่น 32GB และ 7,400 บาท สำหรับรุ่น 64GB แต่สำหรับ Apple TV 4K รุ่นที่ 3 เริ่มต้นเพียง 5,290 บาท สำหรับรุ่น 64GB (รุ่น Wi-Fi) และราคา 5,990 บาท สำหรับรุ่น 128GB (รุ่น Wi-Fi + Ethernet) สามารถสั่งซื้อได้แล้ววันนี้