หลังจากที่ได้ทำการแกะกล่องกันไปเรียบร้อยแล้ว มาต่อกันด้วยการสัมผัสตัวเครื่องของ Nokia Lumia 920 แบบเป็นๆ กับดีไซน์สไตล์โดดเด่น แตกต่างจากค่ายอื่นอย่างเห็นเด่นชัด การออกแบบ Unibody ชิ้นเดียว มีให้เลือกถึง 5 สีทั้ง สีเหลือง แดง ขาว เทา และดำ โดย 3 สีแรกจะมีพื้นผิวแบบมันวาวที่เรียกว่า Hi Gross นั่นเอง
[adsense]
(เพิ่มเติมที่ http://www.flashfly.net/wp/?p=40832 ) เหมาะสำหรับวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ที่ชอบชีวิตมีสีสันไม่เหมือนกัน หรือเป็นตัวแม่แห่งวงการแฟชั่น ส่วน 2 สีหลังจะเป็นแบบด้านเหมาะสำหรับนักธุรกิจ หรือคุณผู้ชายเท่ๆ
สำหรับเป็คของ Nokia Lumia 920 ใช้ระบบปฎิบัติการ Windows Phone 8 เวอร์ชั่นล่าสุดจาก Microsoft ที่รองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบ มาพร้อมชิพ Snapdragon S4 แบบ Dual-core 1.5Ghz แรม 1GB กล้องดิจิตอลความละเอียด 8.7 ล้านพิกเซล ถ่าย VDO ได้ที่ความละเอียด Full HD 1080P กล้องหน้าความละเอียด 1.2 ล้านถ่าย VDO ความละเอียด 720P HD หน่วยความจำในตัวเครื่อง 32GB ไม่สามารถเพิ่มได้ และมีพื้นที่บน Sky Drive ฟรีอีก 7GB รองรับการใช้งาน 3G ในไทยได้ทุกค่ายรวมไปจนถึง 4G LTE เลยทีเดียว รองรับ NFC มี Bluetooth เวอร์ชั่น 3.1 สามารถใช้ Lumia 920 เป็นจุดกระจายสัญญาณ Wi-Fi และสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่รองรับได้สูงสุด 5 เครื่อง แบตเตอรี่ความจุถึง 2,000 mAh
ตัวเครื่อง Nokia Lumia 920 มีขนาดบาง 10.7 มม. หนัก 185 กรัม มาพร้อมหน้าจอ PureMotion HD+ ขนาด 4.5 นิ้วใหญ่สะใจ ที่มีความละเอียดระดับ WXGA ที่ (1280×768 px.)
Nokia Lumia 920 ใช้ SIM Card แบบ Micro SIM โดยในชุดจำหน่ายจะมี PIN มาให้จิ้มบริเวณถาดใส่ซิมที่ด้านบนของตัวเครื่อง ช่องที่อยู่ใกล้ตรงกลางนั่นคือที่แจ๊กขนาด 3.5 มม. สำหรับใส่หูฟัง และไมโครโฟน
ด้านหน้าตัวเครื่องมีจอขนาดใหญ่ 4.5 นิ้ว ใช้กระจก Corning Gorilla 2 ทนทานต่อรอบขีดข่วน หน้าจอกระจกเป็นแบบโค้ง 2.5D อัตราส่วน 15:9 ที่ Nokia บอกว่าเป็นอัตราหน้าจอที่สอดคล้องกับการใช้งานโทรศัพท์ด้วยมือมากที่สุด
นอกจากนี้ยังมีกล้องด้านหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล สามารถถ่าย VDO ได้ที่ความละเอียด HD 1280 x 720 px. อีกด้วย เหมาะสำหรับการใช้งาน VDO Call ที่มีความคมชัดในระดับ HD เลยทีเดียว
ด้วยเทคโนโลยี HD+ ทำให้ Nokia Lumia 920 มีพิกเซลมากกว่าการแสดงผลภาพปกติ 720p (1280×720) ถึง 7% นอกจากนี้จำนวนพิกเซลต่อตารางนิ้วยังสูงกว่าจอเรตินาของ iPhone 5 ที่มีจำนวนพิกเซลต่อตารางนิ้ว 326 ppi ขณะที่หน้าจอ HD+ ของ Nokia Lumia 920 มีจำนวนพิกเซลต่อตารางนิ้วที่ 332 ppi
นอกจากนี้คุณสมบัติเด่นที่ Nokia Lumia 920 มีไม่เหมือนใครคือหน้าจอซูเปอร์ เซ็นซิทีฟ ที่สามารถใช้ปากกา ถุงมือ กุญแจรถ สัมผัสหน้าจอเพื่อใช้งานได้อีกด้วย หรือแม้แต่สาวๆที่ไว้เล็บยาวแล้วก็ตกแต่งสวยงาม ปกติต้องวางนิ้วมือในมุมต่างๆ เพื่อใช้งานหน้าจอสัมผัสด้วยความลำบาก แต่ Nokia Lumia 920 สามารถใช้เล็บสัมผัสหน้าจอเพื่อใช้งานปกติได้ง่ายมากๆ หรืออีกตัวอย่างคือเวลาไปเที่ยวต่างประเทศที่มีอากาศหนาวมากๆ จนต้องใส่ถุงมือ พอเวลาเราจะใช้สมาร์ทโฟนสักรุ่นถ่ายภาพขณะนั้น จะลำบากมากๆ เพราะต้องถอดถุงมือออกมาสัมผัสอากาศหนาวเพื่อกดหน้าจอ ปัญหาจุกจิกเหล่านี้จะหมดไปด้วยหน้าจอของ Lumia 920
ด้านล่างจะมีปุ่มมาตราฐานของ Windows phone 3 ปุ่มนั่นคือปุ่ม Back,Home และปุ่มเสริช (bing)
ทางด้านซ้ายของตัวเครื่องเรียบไม่มีปุ่มใดๆ ทางด้านขวาจะมีปุ่ม เพิ่มลดเสียง ปุ่มปิดเปิดเครื่อง และปุ่มถ่ายภาพ โดยสังเกตุดีๆจะเห็นว่าพวกปุ่มต่างๆรอบตัวเครื่องจากรุ่นเดิมที่ใช้เป็นสีเงินเงาวาว เปลี่ยนเป็นสีเทาเข้มหมด รวมถึงวัสดุบริเวณกล้องถ่ายรูปด้วย ซึ่งช่วยให้ทนต่อรอยขีดข่วนกว่าเดิมมากๆ
ทางด้านล่างจะมีช่องเสียบสาย Micro USB 2.0 สำหรับชาร์จไฟและเชื่อมต่อความพิวเตอร์ และมีลำโพงสเตอร์ริโอซ้ายขวาประกบอยู่ด้วย
ด้านหลังจากมีกล้องดิจิตอลความละเอียด 8.7 ล้านพิเซลพร้อม เลนส์ Carl Zeiss Tessar และเทคโนโลยีถ่ายภาพขั้นเทพ PureView มีแฟลช LED คู่แบบใหม่ที่มีกำลังสูงกว่าเดิม ช่วยในการถ่ายภาพกลางคืนที่ต้องการความไวของแฟลชสูง สามารถถ่าย VDO ความละเอียดระดับ Full HD 1080p อีกด้วย
นอกจากนี้ยังใช้เซ็นเซอร์รุ่นใหม่ที่เรียกว่า Back-side Illuminated sensor หรือ BSI แทนที่เซ็นเซอร์แบบเดิม ซึ่งช่วยให้แสงเข้าถึงพื้นที่รับแสงภายในตัวกล้องได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดเมื่อต้องถ่ายภาพในสภาพแสงน้อย และ Nokia ได้ใส่รูรับแสงขนาดใหญ่ f/2.0 ซึ่งช่วยให้แสงเข้าถึงพื้นที่รับแสงได้มากขึ้น
เท่านี้ยังไม่พอ Nokia ยังคิดค้นเทคโนโลยี OIS (Optical Imaging Stabilization) ช่วยลดการสั่นของกล้องเกิดขึ้นเมื่อถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย การถ่ายด้วยมือเดียว หรือถ่ายภาพขณะเคลื่อนไหว โดยเทคโนโลยี OIS ทำงานโดยการจับการสั่นของกล้องโดยใช้ gyroscope จากตัวเครื่องนั่นเอง
ชมภาพเต็มๆที่นี่ http://www.flashfly.net/wp/?p=40812
นอกจากนี้ Nokia Lumia 920 ยังมีหน้าจอที่มีพิกเซลมากกว่า DVGA (960×640) ถึง 60% จึงสามารถตอบสนองได้เร็วถึงขั้นสามารถแสดงวิดีโอ 60fps ได้โดยไม่มีสะดุดอีกด้วย
และที่เด็ดสุดคือ Nokia Lumia 920 มาพร้อมนวัตกรรมชาร์จแบตไร้สายที่ไม่เคยมีมาก่อน โดย Nokia ก็ได้เตรียมอุปกรณ์ชาร์จแบตไร้สายหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น Fatboy Rechargeable Pillow หมอนชาร์จแบตไอเดียสร้างสรรค์จากแฟตบอย (Fatboy) หรือ JBL PowerUp อุปกรณ์ชาร์จแบตไร้สายมากับลำโพงเสียงคุณภาพสูง เสียงใสดีจริงๆ สามารถชาร์จไปพร้อมกับขณะเปิดเพลงจาก Lumia 920 ได้พร้อมกันด้วย
จะเห็นได้ว่าในบทความนี้แทบจะไม่ได้พูดถึงระบบปฎิบัติการ Windows Phone 8 เลย ซึ่งในบทความต่อไปจะมาเข้าถึงเรื่อง SoftWare ในตัวเครื่อง Lumia 920 กันบ้างว่า Windows Phone 8 มีความสามารถอะไรที่โดดเด่นและแตกต่างจากระบบอื่นอย่างไร ที่แน่ๆการใช้ชีวิต Social ของยุคนี้จะทำให้เป็นเรื่องง่ายมากๆ เชื่อหรือไม่ว่าเราสามารถใช้งาน Facebook,Twitter ได้ทันทีหรือการแชตอย่าง MSN, Facebook Chat ก็สามารถใช้งานโดยไม่ต้องเสียเวลาติดตั้งแอพเพิ่มเลยก็ยังได้ รวมไปถึงแนะนำให้รู้จักกับแอพต่างๆว่ามีความน่าสนใจขนาดไหน
บทความโดย www.flashfly.net
http://www.flashfly.net/wp/?p=41632
[adsense2]