หลังจากที่ได้รีวิว MacBook Air M2 และ MacBook Pro M2 ไปในปีที่แล้ว ล่าสุดปี 2023 ทาง Apple ก็ได้เปิดตัว MacBook Pro รุ่นใหม่ช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยมีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ 14 นิ้ว และ 16 นิ้ว ทั้งคู่ยังมาพร้อมชิปรุ่นใหม่ล่าสุดของ Apple Silicon ซึ่งก็คือ M2 Pro และ M2 Max จึงได้รับการปรับปรุงทั้งประสิทธิภาพการทำงาน และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานยิ่งขึ้น โดยทีมงาน @Flashfly ได้รับ MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว พร้อมชิป M2 Pro มารีวิว
สเปก MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว (2023) ชิป M2 Pro
- จอภาพ Liquid Retina XDR ขนาด 16.2 นิ้ว
- ชิป Apple M2 Pro
- หน่วยความจำแบบรวมขนาดสูงสุด 32GB
- ตัวจัดเก็บข้อมูลแบบ SSD ความจุสูงสุด 8TB
- การเชื่อมต่อไร้สาย Wi‑Fi 6E (802.11ax), Bluetooth 5.3
- พอร์ตเชื่อมต่อ Thunderbolt 4 (3 พอร์ต), MagSafe 3, HDMI 2.1, ช่องเสียบการ์ด SDXC, ช่องต่อหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
- กล้อง FaceTime HD ความละเอียด 1080p
- ระบบเสียง 6 ลำโพง พร้อมวูฟเฟอร์แบบตัดแรงสั่น
- รองรับระบบเสียง Spatial Audio เมื่อเล่นเพลงหรือวิดีโอที่มาพร้อม Dolby Atmos
- ชุดไมโครโฟน 3 ตัว พร้อมบีมฟอร์มมิ่งตามทิศทางของเสียง
- ระบบยืนยันตัวตน Touch ID
- แบตเตอรี่ลิเธียมพอลิเมอร์ 100 วัตต์-ชั่วโมง
- ขนาดตัวเครื่อง 355.7 x 248.1 x 16.8 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 2.15 กิโลกรัม
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเงิน และ สีเทาสเปซเกรย์
แกะกล่อง
MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว (2023) ถูกบรรจุไว้ในกล่องสีขาว อันเป็นเอกลักษณ์ของ Apple หน้ากล่องพิมพ์รูปภาพของผลิตภัณฑ์ในมุมมองด้านหน้า ซึ่งเน้นที่จอแสดงผลขนาดใหญ่ บนดีไซน์เกือบจะไร้กรอบ ภายในกล่องจะพบกับ MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว, อะแดปเตอร์แปลงไฟ USB-C ขนาด 140 วัตต์ และ สาย USB-C เป็น MagSafe 3 (สายถักยาว 2 เมตร) ส่วนหัว MagSafe ใช้สีเดียวกับตัวเครื่อง
ดีไซน์พรีเมี่ยมอย่างเคย
MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว ในปี 2023 ยังคงใช้ดีไซน์เดียวกับ MacBook Pro ที่เปิดตัวในปี 2021 ซึ่งในปีนั้นได้รับการปรับปรุงดีไซน์ครั้งใหญ่ไปแล้ว ขณะที่รุ่นใหม่ล่าสุดในปีนี้ มุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงประสิทธิภาพภายใน ทำให้ดีไซน์ภายนอกยังคงเดิม แต่ก็ถือว่าเป็นดีไซน์ที่ทันสมัยสุดๆ แล้วสำหรับผู้ใช้ MacBook Pro เพราะมีพอร์ตเชื่อมต่อที่ค่อนข้างครบครัน รวมถึงพอร์ต MagSafe ที่นำกลับมาตั้งแต่รุ่นก่อน
MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว ที่มาพร้อมชิป M2 Pro และ M2 Max ผลิตจากวัสดุอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเงิน และ สีเทาสเปซเกรย์ โดยทีมงาน @Flashfly ได้รับ สีเงิน มารีวิว ซึ่งมีมิติตัวเครื่องทั้งความกว้าง ความลึก ความสูง เท่ากับรุ่นก่อน น้ำหนักก็ต่างกันเพียงเล็กน้อย
ขอบตัวเครื่อง MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว (2023) มีความบาง 16.8 มิลลิเมตร มาพร้อมพอร์ตชาร์จแบตเตอรี่แบบ MagSafe 3 ถัดมาเป็นพอร์ต Thunderbolt 4 แบบคู่ และ ช่องต่อหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
อีกข้างมีพอร์ต HDMI 2.1 ข้างกันมีพอร์ต Thunderbolt 4 (รวมทั้งหมดมี 3 ช่อง) ตามด้วยช่องอ่านการ์ด SDXC
เมื่อเปิดฝา MacBook Pro ขึ้นมา จะพบกับจอแสดงผล Liquid Retina XDR ขนาด 16.2 นิ้ว มีรอยบากตรงขอบบน ที่พบตั้งแต่รุ่นก่อน เป็นการนำดีไซน์หน้าจอของ iPhone มาใช้ได้อย่างลงตัว ซึ่งภายในรอยบากเป็นตำแหน่งของกล้อง FaceTime HD ความละเอียด 1080p
ส่วนแผง Magic Keyboard ใช้สีดำตัดกับสีเงินของตัวเครื่อง มีแบ็คไลท์ปรับระดับความสว่างได้ และสามารถปรับความสว่างได้อัตโนมัติ โดยทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงโดยรอบ และมาพร้อม Touch ID ถัดจากปุ่ม F12
ในส่วนของแทร็คแพดมีขนาดใหญ่ใช้งานได้อย่างถัด รองรับ Force Touch จึงรับรู้แรงกดในการคลิกลงน้ำหนัก รวมถึงรับรู้การเร่งความเร็วตามแรงกด การวาดนิ้วที่ไวต่อแรงกด คำสั่งนิ้ว Multi‑Touch และควบคุมเคอร์เซอร์ได้อย่างแม่นยำ
Magic Keyboard ถูกประกบด้วยชุดลำโพงคุณภาพสูง ด้วยระบบเสียง 6 ลำโพง พร้อมวูฟเฟอร์แบบตัดแรงสั่น ให้เสียงสเตอริโอที่มีมิติเสียงกว้าง รองรับระบบเสียงตามตำแหน่ง (Spatial Audio) เมื่อเล่นเพลงหรือวิดีโอที่มาพร้อม Dolby Atmos ด้วยลำโพงในตัว และยังรองรับระบบเสียงตามตำแหน่งพร้อมการติดตามศีรษะแบบไดนามิก เมื่อใช้งานร่วมกับหูฟัง AirPods (รุ่นที่ 3), AirPods Pro และ AirPods Max
นอกจากนี้ ระบบเสียงที่คมชัด MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว (2023) ยังมีชุดไมโครโฟน 3 ตัว คุณภาพระดับสตูดิโอ ที่มีอัตราส่วนสัญญาณเสียงต่อสัญญาณรบกวนสูง พร้อมบีมฟอร์มมิ่งตามทิศทางของเสียง ขณะที่กล้อง FaceTime HD ก็มีโปรเซสเซอร์รับสัญญาณภาพสุดล้ำพร้อมการประมวลผลวิดีโอด้วยคอมพิวเตอร์ ช่วยให้การโทรแบบวิดีโอหรือประชุมออนไลน์มีประสบการณ์ที่น่าพอใจทั้งภาพและเสียง
จอภาพระดับโปร
MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว (2023) มาพร้อมจอแสดงผล Liquid Retina XDR ขนาด 16.2 นิ้ว ที่มีแบ็คไลท์แบบ Mini-LED ความละเอียด 3456 x 2234 พิกเซล ที่ 254 พิกเซลต่อนิ้ว รองรับเทคโนโลยี ProMotion ที่มีอัตราการรีเฟรชแบบปรับได้สูงสุดที่ 120Hz
จอแสดงผลของ MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว (2023) ให้สีสัน 1 พันล้านสี รองรับขอบเขตสีกว้าง (P3) เทคโนโลยี True Tone อัตราส่วนคอนทราสต์ 1,000,000:1 มีความสว่างสูงสุด 1,600 นิต (เฉพาะคอนเทนต์ HDR) หรือสูงสุด 1,000 นิต ที่ความสว่าง XDR (Extreme Dynamic Range) และความสว่างทั่วไป 500 นิต
MacBook Pro ที่ใช้ชิป M2 Pro ยังรองรับการต่อจอภาพภายนอกผ่านพอร์ต Thunderbolt และ HDMI โดยที่จอภาพของตัวเครื่องยังให้สีสันถึง 1 พันล้านสี แบบเต็มความละเอียดปกติ โดยสามารถต่อจอภาพภายนอกได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับพอร์ตเชื่อมต่อ
- จอภาพภายนอก 1 จอ ความละเอียด 8K ที่ 60Hz ผ่าน HDMI
- จอภาพภายนอก 1 จอ ความละเอียด 4K ที่ 240Hz ผ่าน HDMI
- จอภาพภายนอกสูงสุด 2 จอ ความละเอียดสูงสุด 6K ที่ 60Hz ผ่าน Thunderbolt
- จอภาพภายนอก 1 จอ ความละเอียดสูงสุด 6K ที่ 60Hz ผ่าน Thunderbolt พร้อมต่อจอภาพภายนอก 1 จอ ความละเอียดสูงสุด 4K ที่ 144Hz ผ่าน HDMI
ความจริงแล้ว MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว (2023) ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ กับจอแสดง ยังคงใช้สเปกเดียวกับรุ่นก่อน แต่ถือว่าเป็นจอแสดงผลที่มีคุณภาพสูงสุดและทันสมัยที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์ MacBook ของ Apple ให้สีสันคมชัดและแม่นยำ รองรับการทำงานระดับมืออาชีพได้อย่างดีเยี่ยม
ชิป M2 Pro
MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว ในปีนี้ มีขุมพลังให้เลือกระหว่างชิป M2 Pro กับ M2 Max โดยทีมงาน @Flashfly ได้รับรุ่นชิป M2 Pro มารีวิว ซึ่งมี CPU แบบ 12-core ประกอบด้วย คอร์ด้านประสิทธิภาพ 8 คอร์ และคอร์ด้านประหยัดพลังงาน 4 คอร์ ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับชิป M1 Pro พร้อมด้วยแบนด์วิดท์หน่วยความจำแบบรวม 200GB/s ซึ่งมากกว่าชิป M2 ถึง 2 เท่า
ชิป M2 Pro ยังมี GPU แบบ 19-core ให้ประสิทธิภาพกราฟิกดีขึ้นสูงสุด 30% ขณะที่ Neural Engine แบบ 16-core ก็เร็วขึ้น 40% เมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อน ช่วยเพิ่มความเร็วให้กับงานด้านการเรียนรู้ของระบบ อย่างการวิเคราะห์วิดีโอและการประมวลผลภาพ
นอกจากนี้ ชิป M2 Pro ยังมาพร้อมมีเดียเอนจิ้นที่ทรงพลัง สามารถจัดการกับตัวแปลงสัญญาณวิดีโอยอดนิยมได้อย่างราบรื่นทั้ง H.264, HEVC, ProRes และ ProRes RAW จึงเพิ่มความเร็วในการเล่นและเข้ารหัสวิดีโอได้อย่างมาก ถือเป็นอุปกรณ์ที่รองรับงานตัดต่อวิดีโอได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านความจำ RAM หรือ หน่วยความจำแบบรวม MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว (2023) ที่ใช้ชิป M2 Pro เริ่มต้นที่ขนาด 16GB และอัปเกรดได้สูงสุด 32GB ขณะที่ตัวจัดเก็บข้อมูลแบบ SSD เริ่มต้นที่ 512GB และอัปเกรดได้สูงสุด 8TB ทั้งนี้ MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว ที่ใช้ชิป M2 Max มีตัวเลือกให้อัปเกรด RAM ได้สูงสุดถึง 96GB
สำหรับ MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว ที่ใช้ชิป M2 Pro ความจำ RAM 32GB และตัวจัดเก็บข้อมูลแบบ SSD ความจุ 2TB ที่ทีมงาน @Flashfly ได้รับมารีวิว สามารถทำคะแนนจากการทดสอบประสิทธิภาพด้วยแอปพลิเคชั่น Geekbench ได้ 2,593 คะแนน สำหรับ Single Core และ 13,707 คะแนน สำหรับ Multi Core
การเชื่อมต่อทันสมัยกว่าเดิม
MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว (2023) มีพอร์ตเชื่อมต่อครบครันตามที่ผู้ใช้งานร้องขอ ทั้ง Thunderbolt 4 (3 ช่อง), MagSafe 3, HDMI 2.1, ช่องอ่านการ์ด SDXC และ ช่องต่อหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
พอร์ต Thunderbolt 4 ทั้ง 3 ช่อง รองรับทั้งการชาร์จ, DisplayPort และ ถ่ายโอนข้อมูลความเร็วสูงสุด 40Gb/s ทั้งมาตรฐาน Thunderbolt 4 และ USB 4 ขณะที่ พอร์ต HDMI ก็รองรับสัญญาณเสียงออกแบบมัลติแชนเนล ซึ่งไม่พบในรุ่นก่อน และสามารถเชื่อมต่อกับจอภาพภายนอก 1 จอ ที่มีความละเอียดสูงสุด 8K ที่ 60Hz และจอภาพระดับ 4K สูงสุด 240Hz
สำหรับการเชื่อมต่อไร้สาย MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว (2023) ได้รับมาตรฐานใหม่กว่าเดิม ทั้ง Wi‑Fi 6E (802.11ax) และ Bluetooth 5.3 จากรุ่นก่อนที่รองรับ Wi‑Fi 6 และ Bluetooth 5.0 ทำให้การเชื่อมต่อไร้สายมีความเร็วและเสถียรมากขึ้นกว่ารุ่นก่อน
อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมา
MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว (2023) มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมพอลิเมอร์ในตัวขนาด 100 วัตต์-ชั่วโมง เท่ากับรุ่นก่อนหน้า แต่ที่แตกต่างก็คือ ให้อายุการใช้งานยาวนานสูงสุดถึง 22 ชั่วโมง สำหรับการเล่นภาพยนตร์ในแอป Apple TV ถือได้ว่าเป็น MacBook ที่มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน Mac (รุ่นก่อนให้อายุการใช้งานนาน 21 ชั่วโมง) และสามารถท่องเว็บผ่านระบบไร้สายนานสูงสุด 15 ชั่วโมง นานกว่ารุ่นก่อน 1 ชั่วโมง
ที่สำคัญก็คือ MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว (2023) ที่มาพร้อมชิป M2 Pro และ M2 Max ยังคงให้ประสิทธิภาพในระดับสูงสุด ไม่ว่าจะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ในตัว หรือเสียบปลั๊กชาร์จ ช่วยให้การทำงานระดับโปรนอกสถานที่มีประสิทธิภาพดีกว่ารุ่นก่อน
สรุปราคาและการวางจำหน่าย
MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว (2023) ได้รับการปรับปรุงจากรุ่นก่อนอย่างชัดเจนในเรื่องของประสิทธิภาพจากชิปรุ่นใหม่ M2 Pro และ M2 Max ขณะที่ดีไซน์ภายนอกยังคงเดิม เนื่องจากรุ่นก่อนหน้าที่เปิดตัวในช่วงปลายปี 2021 ถูกปรับโฉมครั้งใหญ่ไปแล้ว ซึ่งยังคงให้ความพรีเมี่ยมและทันสมัย ให้พอร์ตเชื่อมต่อมาครบครัน สามารถตอบสนองการทำงานระดับมืออาชีพได้อย่างลื่นไหล โดยเฉพาะชิป M2 Pro สามารถเรนเดอร์ไตเติ้ลและแอนิเมชั่นใน Motion เร็วขึ้นสูงสุด 20% การคอมไพล์ใน Xcode เร็วขึ้นสูงสุด 25% การประมวลผลภาพใน Adobe Photoshop เร็วขึ้นสูงสุด 40% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
สรุปแล้ว MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว (2023) เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการแล็ปท็อปประสิทธิภาพสูงไว้ทำงานด้านกราฟิกทั้งการตัดต่อภาพและวิดีโอ โดยเฉพาะผู้ใช้ MacBook Pro รุ่นเก่าที่ยังขับเคลื่อนด้วยโปรเซสเซอร์ Intel ถึงเวลาแล้วที่จะอัปเกรดมาใช้ MacBook Pro ที่มาพร้อมชิปรุ่นใหม่ของ Apple Silicon
ทั้งนี้ MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว (2023) เริ่มวางจำหน่ายในไทยแล้ว โดยรุ่นที่มาพร้อมชิป M2 Pro มีราคาเริ่มต้น 89,900 บาท ส่วนรุ่นที่ใช้ชิป M2 Max มีราคาเริ่มต้น 124,900 บาท