เปิดตัวในระดับโลกอย่างเป็นทางการแล้วกับ Xiaomi 13 Series สมาร์ทโฟนแฟลกชิปรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Xiaomi และก็พร้อมทำตลาดไปทั่วโลกแล้วเช่นเดียวกัน ซึ่งถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของ Xiaomi ในระดับโลก ที่มาพร้อมเทคโนโลยีการถ่ายภาพที่พัฒนาร่วมกับแบรนด์กล้องชั้นนำอย่าง Leica แต่นับเป็นรุ่นที่ 2 ถัดจาก Xiaomi 12S Series ที่วางจำหน่ายเฉพาะในจีนเท่านั้น โดยบสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ของ Xiaomi มาพร้อมจุดเด่นหลายอย่างที่น่าสนใจ นอกจากเรื่องของกล้อง ยังมีจอแสดงผลที่ทันสมัย ชิปประมวลผลที่ดีที่สุดของ Qualcomm รองรับชาร์จเร็วสูงสุด 120W HyperCharge ทั้งหมดถูกบรรจุอยู่ในตัวเครื่องที่มีดีไซน์สวยงามพรีเมี่ยมทั้ง Xiaomi 13 และ Xiaomi 13 Pro
แกะกล่อง Xiaomi 13 และ Xiaomi 13 Pro
Xiaomi 13 Pro จัดส่งมาในกล่องสีดำ ส่วน Xiaomi 13 ถูกบรรจุไว้ในกล่องสีขาว และมีขนาดกล่องเล็กกว่ารุ่น Pro แต่อุปกรณ์ภายในกล่องของทั้งคู่ ให้มาเหมือนกัน ดีไซน์กล่อง Xiaomi 13 และ Xiaomi 13 Pro เน้นความเรียบง่ายสไตล์เดียวกัน โดยจะเห็นว่าหน้ากล่องของทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมโลโก้แบรนด์กล้อง Leica กำกับไว้ใต้ชื่อรุ่น แสดงถึงความร่วมมือกันระหว่าง 2 แบรนด์ ในการพัฒนาเทคโนโลยีการถ่ายภาพร่วมกัน
หลังจากเปิดฝากล่องขึ้นมา จะพบกับซองเอกสารสีเดียวกับตัวกล่อง เมื่อแกะออกมาจะพบกับเข็มจิ้มถอดช่องใส่ซิมการ์ด คู่มือ ใบรับประกัน และแถมเคสมาให้ด้วย
ถัดลงมาเป็นชั้นวางสมาร์ทโฟนที่ถูกห่อหุ้มไว้อย่างดี พร้อมระบุจุดเด่นไว้ที่ด้านหน้าซองด้วย ซึ่งทั้งคู่มีจุดเด่นที่คล้ายกัน ได้รับกล้องจาก Leica ใช้ชิปเรือธง Snapdragon 8 Gen 2 จอแสดงผล 120Hz AMOLED ความแตกต่างที่ชัดเจนก็คือ Xiaomi 13 Pro รองรับชาร์จเร็ว 120W ส่วน Xiaomi 13 รองรับชาร์จเร็ว 67W เมื่อแกะแผ่นพลาสติกที่พันรอบตัวเครื่องออก จะพบว่า Xiaomi 13 และ Xiaomi 13 Pro ได้รับการติดฟิล์มป้องกันรอยบนหน้าจอมาให้แล้ว
ชั้นล่างสุดของกล่อง เป็นช่องเก็บสายชาร์จ และ Power Adapter หรือหัวชาร์จแบบ GaN (Gallium Nitride) โดยในกล่อง Xiaomi 13 Pro จะได้รับหัวชาร์จ 120W ขณะที่หัวชาร์จในกล่อง Xiaomi 13 รองรับชาร์จเร็วสูงสุด 67W
ดีไซน์สวยงามพรีเมี่ยม
Xiaomi 13 Pro และ Xiaomi 13 ได้รับการออกแบบมาในสไตล์เดียวกัน เน้นความสวยงามจากวัสดุพรีเมี่ยม สมกับเป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธง Xiaomi 13 Pro ได้รับฝาหลังแบบ 3D Bio Ceramic กรอบตัวเครื่องโลหะ ด้านหน้าใช้กระจก Corning Gorilla Glass Victus มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Ceramic Black และ Ceramic White
Xiaomi 13 ใช้ดีไซน์คล้ายกับรุ่น Pro แต่มีขนาดเล็ก บาง เบากว่า ฝาหลังใช้กระจก 2.5D กรอบตัวเป็นอลูมิเนียมอัลลอย ด้านหน้าใช้กระจก Corning Gorilla Glass 5 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Black, White และ Flora Green ซึ่งทีมงานได้รับ Xiaomi 13 Pro สีขาว Ceramic White และ Xiaomi 13 สีเขียว Flora Green มารีวิว
มุมมองด้านหน้าจะเห็นว่า Xiaomi 13 Pro มีขนาดหน้าจอใหญ่กว่าอย่างชัดเจน (6.73 นื้ว vs 6.36 นื้ว) และมีส่วนขอบโค้งทั้งซ้าย-ขวา ขณะที่ Xiaomi 13 ใช้จอแบน แต่ก็มีส่วนขอบหน้าจอที่บางเฉียบ นอกจากนี้ ยังซ่อนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้หน้าจอทั้ง 2 รุ่น
จอแสดงผลของทั้งคู่ยังถูกเจาะหลุมเป็นวงกลมเล็กๆ บริเวณกึ่งกลาง เพื่อติดตั้งกล้องเซลฟี่ที่มีสเปกเหมือนกัน และเหนือขึ้นไปมีลำโพงหูฟังซ่อนอยู่สุดขอบด้านบน
มุมมองด้านหลังก็มีลักษณะที่คล้ายกัน ถึงแม้จะใช้วัสดุฝาหลังที่แตกต่างกัน แต่ก็มีพื้นผิวสะท้อนเงาแบบกระจกเหมือนกัน ขณะที่ดีไซน์กล้องหลังของทั้งคู่ก็มีรูปแบบเดียวกัน ได้รับโลโก้ Leica เหมือนกัน
ส่วนขอบด้านข้างเป็นจุดที่สร้างความแตกต่างระหว่าง Xiaomi 13 Pro กับ Xiaomi 13 ได้อย่างชัดเจนที่สุด โดยรุ่น Pro มีความบาง 8.38 มิลลิเมตร ขอบมุมโค้งมนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ขณะที่รุ่นพื้นฐานมีส่วนขอบที่แบนราบ และมีความบาง 7.98 มิลลิเมตร
ปุ่มกดด้านข้างของทั้งคู่ จัดวางในตำแหน่งเดียวกัน โดยวางปุ่มปรับระดับเสียง ไว้เหนือปุ่มเพาเวอร์
มุมมองด้านบนของทั้งคู่ มีรูไมโครโฟนช่วยลดเสียงรบกวนรอบด้าน อินฟราเรด และ ลำโพง
ช่องใส่ซิมการ์ดพบได้ที่ด้านล่างของตัวเครื่อง รวมทั้งไมโครโฟนตัวหลัก พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C และลำโพง สามารถขับเสียงร่วมกับลำโพงด้านบน เพื่อให้เสียงสเตอริโอ พร้อมรองรับระบบเสียง Dolby Atmos
ถึงแม้ดีไซน์โดยรวมของทั้งคู่จะคล้ายกัน แต่ก็มองเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน เนื่องจาก Xiaomi 13 Pro มีขนาดใหญ่กว่า ส่วนขอบโค้งมนกว่า ด้วยฝาหลังแบบ 3D Bio Ceramic และจอแสดงผลขอบโค้ง ขณะที่ Xiaomi 13 มีส่วนขอบแบนราบ อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 รุ่น ได้รับการออกแบบมาให้ต้านทานฝุ่นและน้ำในระดับ IP68 เช่นเดียวกัน
Xiaomi 13 Pro
Xiaomi 13 Pro ชูจุดเด่นในเรื่องของการถ่ายภาพ ด้วยเลนส์ออปติคอลระดับมืออาชีพจาก Leica เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ 1 นิ้ว พร้อมด้วยเลนส์ Telephoto ลอยตัวขนาด 75 มิลลิเมตร ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 8 Gen 2 ซึ่งเป็นชิปที่ดีที่สุดของ Qualcomm ในปัจจุบันนี้ โดยมีจอแสดงผล AMOLED ขนาดใหญ่ 6.73 นิ้ว ให้อัตราการรีเฟรชแบบปรับได้สูงสุด 120Hz และเหนือกว่ารุ่นมาตรฐานที่เทคโนโลยีชาร์จเร็ว 120W HyperCharge
สเปก Xiaomi 13 Pro
- จอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.73 นิ้ว อัตราการรีเฟรช 120Hz
- กล้องหลัง 50MP + 50MP + 50MP Camera จาก Leica
- กล้องหน้า 32MP In-Display Selfie Camera
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2
- ความจำ RAM 12GB (LPDDR5X) + ROM 512GB (UFS 4.0)
- ลำโพงคู่ รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 7, Bluetooth 5.3, NFC, USB Type-C
- ระบบปฏิบัติการ MIUI 14 บนพื้นฐาน Android 13
- ได้รับมาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำ IP68
- แบตเตอรี่ 4,820mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 120W HyperCharge, 50W Wireless Turbo Charging, 10W Reverse Wireless Charging
- ขนาดตัวเครื่อง 162.9 x 74.6 x 8.38 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 229 กรัม
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Ceramic Black และ Ceramic White
จอแสดงผล Pro HDR
Xiaomi 13 Pro มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED รุ่นใหม่ล่าสุดที่ใช้วัสดุ E6 OLED ที่ได้รับการปรับปรุงทั้งความสว่างและใช้พลังงานลดลง เมื่อเทียบกับวัสดุ E5 โดยมีความละเอียด 3200 x 1440 พิกเซล ขนาด 6.73 นิ้ว อัตราส่วนภาพ 20:9 ความหนาแน่นพิกเซล 522 PPI (พิกเซลต่อนิ้ว)
จอแสดงผลของ Xiaomi 13 Pro มีสีสันคมชัดมากกว่า 1 พันล้านสี ให้ความเที่ยงตรงของสีด้วยค่า JNCD≈0.21 และ Delta E≈0.28 รองรับขอบเขตสี P3 รวมถึง Dolby Vision, HDR10+, HDR10 และ HLG ให้ความสว่างเต็มหน้าจอ 1200 นิต และให้ความสว่างสูงสุด 1900 นิต
ไม่เพียงแต่มีสีสันที่สวยงามคมชัดสมจริง จอแสดงผลของ Xiaomi 13 Pro ยังรองรับ AdaptiveSync Pro สามารถปรับอัตราการรีเฟรชหน้าจอแบบไดนามิกตั้งแต่ 1 ถึง 120Hz มีอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate ที่ 240Hz สามารถปรับลดแสง PWM (Pulse Width Modulation) ได้ที่ความถี่สูง 1920Hz เพื่อลดการกะพริบของหน้าจอ และยังผ่านการรับรองจาก SGS Eye Care Display เพื่อความปลอดภัยของดวงตาผู้ใช้งาน
กล้องหลัง 3 ตัว เลนส์ออปติคอล Leica ระดับมืออาชีพ
Xiaomi 13 Pro ได้รับการติดตั้งกล้อง 3 ตัว ใช้เลนส์ออปติคอล Leica ระดับมืออาชีพ ครอบคลุมความยาวโฟกัสตั้งแต่ 14 ถึง 75 มม.ประกอบด้วย กล้อง Ultra-wide (14 มม.), กล้องหลัก (23 มม.) และ กล้อง Telephoto (75 มม.) โดยกล้องทั้ง 3 ตัว มีความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เท่ากัน มาพร้อมความสามารถในการถ่ายภาพด้วย AI ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาสมาร์ทโฟนเรือธงทั้งหมดของ Xiaomi ไม่เพียงแค่การเพิ่มความเร็วในการถ่ายภาพเท่านั้น แต่ Xiaomi ProFocus ยังสามารถโฟกัสวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวได้โดยอัตโนมัติอีกด้วย
สำหรับช่างภาพมืออาชีพ Xiaomi 13 Pro ยังให้อิสระในการสร้างสรรค์ผลงานระดับมืออาชีพมากยิ่งขึ้น โดยรองรับกล้อง RAW DNG 10 บิต (10-Bit RAW DNG) และโปรไฟล์สี (Color Profiles) ที่สร้างโดย Adobe เพื่อรองรับ Adobe Photoshop และ Adobe Lightroom นอกจากนี้ Create in Dolby Vision ยังช่วยให้มั่นใจได้ถึงสีสันที่สวยสดสมจริง คอนทราสต์ที่คมชัด และรายละเอียดที่สมบูรณ์
- กล้องหลัก 50MP ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX989 ขนาดใหญ่ 1 นิ้ว ความยาวโฟกัส 23 มม. รูรับแสง f/1.9 ขนาดพิกเซล 1.6μm ชุดเลนส์ 8P ระบบกันสั่น HyperOIS
- กล้อง 50MP Ultra-wide ความยาวโฟกัส 14 มม. รูรับแสง f/2.2 ชุดเลนส์ 6P ให้มุมมองภาพ 115 องศา
- กล้อง 50MP Telephoto ความยาวโฟกัส 75 มม. รูรับแสง f/2.0 ระบบกันสั่น OIS
กล้องหลักใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX989 ขนาดใหญ่ 1 นิ้ว ให้ช่วงไดนามิก และความสามารถในการจับแสงของภาพที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังให้ภาพถ่ายออกมาสวยสดสมจริง พร้อมคอนทราสต์และรายละเอียดที่มากขึ้น ขณะที่กล้อง Telephoto สามารถใช้ประโยชน์จากการออกแบบเลนส์แบบลอยตัว (Floating Lens Design) เพื่อให้ได้ช่วงโฟกัสตั้งแต่ 10 ซม. ถึงระยะอินฟินิตี้ มอบความสมบูรณ์แบบสำหรับการจัดเฟรมภาพบุคคลที่สวยงามและภาพถ่ายระยะใกล้อันยอดเยี่ยม
เมื่อเข้ามาในแอปกล้องของ Xiaomi 13 Pro จะพบกับโหมดถ่ายภาพ Pro, Documents, Video, Photo, Portrait, Night ส่วนโหมดอื่นๆ รวมไว้ในเมนู More ได้แก่ 50MP, Short video, Panorama, VLOG, Slow motion, Time-lapse, Movie effects, Long exposure, Supermoon, Dual video และ Clone นอกจากนี้ แอปกล้องยังปรับปรุง User Interface ใหม่หมด เพื่อนำลายน้ำของ Leica เสียงชัตเตอร์คลาสสิกของ Leica และฟิลเตอร์ของ Leica มาสู่สมาร์ทโฟน Xiaomi 13 Pro เพื่อเพิ่มประสบการณ์การถ่ายภาพแบบ Leica อย่างแท้จริง
โหมด Pro เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีทักษะการถ่ายภาพเป็นพิเศษ ไปจนถึงช่างภาพระดับมืออาชีพ ที่ไม่ต้องการพกพากล้อง DSLR ให้หนักกระเป๋า เพียงเข้าสู่โหมด Pro ก็สามารถปรับการตั้งค่ากล้องหลังของ Xiaomi 13 Pro ได้อย่างละเอียด
โหมด Photo สามารถซูมได้ตั้งแต่ระยะ 0.6x ไปจนถึง 70x มีฟีเจอร์ Beautify สำหรับปรับความงามบนในหน้า และ Filters จาก Leica ส่วนแถบเครื่องมือด้านบนถัดจากฟีเจอร์ HDR จะเข้าสู่สไตล์การถ่ายภาพ Leica Authentic และ Leica Vibrant สามารถจับภาพอันสมจริงระหว่างฉากที่สว่างและมืด เพื่อให้ได้ภาพที่สวยงามในแบบฉบับของ Leica
แถบเครื่องมือด้านบนในโหมด Photo ยังสามารถเปิดการตั้งค่ากล้องได้อีกหลายฟีเจอร์ ไม่ว่าจะปรับอัตราส่วนภาพ, ตั้งเวลาถ่ายภาพล่วงหน้า และยังมีโหมดถ่ายภาพอื่นๆ ที่ซ่อนไว้อีก ทั้ง Super macro, Tilt-shift, Timed burst รวมถึงเครื่องมืออย่าง Movie frame, Voice shutter และ Gridlines
โหมด Portrait สามารถปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลังได้ รวมถึงฟีเจอร์ Beautify และ Filters แต่ที่โดดเด่นก็คือ ฟิลเตอร์จาก Master-lens system ที่มีให้เลือก 4 แบบ ได้แก่ 35mm Black & white lens, 50mm Swirly bokeh lens, 90mm Soft focus lens และ 75mm Portrait lens ซึ่งทั้ง 4 แบบ ได้รับการพัฒนามาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานถ่ายภาพ Portrait ให้สวยงามราวกับมืออาชีพ ด้วยเอฟเฟกต์ละลายฉลากหลังโบเก้แตกต่างกันไปตามระยะ
โหมด Video รองรับการซูมตั้งแต่ระยะ 0.6x ไปจนถึง 15x สามารถถ่ายวิดีโอสูงสุด 8K ที่ 24fps หรือ 4K ที่ 60fps ในแบบ Dolby Vision สร้างภาพยนตร์สั้นได้อย่างง่ายดายด้วยฟีเจอร์ One-click Al cinema อีกทั้งยังมี HyperOIS และ 4K Ultra Night Video ช่วยให้วิดีโอออกมายอดเยี่ยมในทุกสภาวะทั้งกลางวันและกลางคืน อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลังได้แบบโหมด Portrait รวมถึงฟีเจอร์ Beautify และแถบเครื่องมือด้านบน ยังมีฟีเจอร์ HDR, เปิดระบบป้องกันภาพสั่นไหว และฟิลเตอร์จาก Leica ทำให้การถ่ายวิดีโอมีความโดดเด่นไม่แพ้การถ่ายภาพนิ่ง
กล้องหน้า 32MP In-Display Selfie Camera
กล้องหน้าของ Xiaomi 13 Pro ติดตั้งไว้ในหลุมบนหน้าจอ มีความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ขนาดพิกเซล 1.4μm 4-in-1 Super Pixel รูรับแสง f/2.0 ชุดเลนส์ 5P ให้มุมมองภาพ 89.6 องศา
โหมด Photo ของกล้องหน้า รองรับ Dynamic Framing สามารถซูมได้ 2 ระยะ (0.8x, 1x) มีฟีเจอร์ Beautify ที่สามารถปรับความงามได้ละเอียดกว่ากล้องหลัง รวมถึง Filters สำหรับเปลี่ยนโทนสีหรืออารมณ์ของภาพถ่าย และที่แถบเครื่องมือด้านบน มีฟีเจอร์ HDR ช่วยถ่ายภาพย้อนแสงหรือในบริเวณที่มีสภาพแสงแตกต่างกันมาก
โหมด Portrait ของกล้องหน้า สามารถปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลังได้เหมือนกล้องหลัง และมีฟีเจอร์ Beautify และ Filters โหมด Night ก็มีฟีเจอร์ Beautify มาให้ใช้งานเช่นกัน
โหมด Video ของกล้องหน้า สามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุด Full HD 1080p มีฟีเจอร์ปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลัง และฟีเจอร์ Beautify สามารถปรับความงามได้อย่างละเอียด อีกทั้งยังมีโหมด Dual video สำหรับเปิดใช้งานกล้องหน้าและกล้องหลังเพื่อถ่ายวิดีโอในเวลาเดียวกัน
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
ชิป Snapdragon 8 Gen 2
Xiaomi 13 Pro ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 8 Gen 2 ซึ่งเป็นชิปเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดของ Qualcomm ในปัจจุบันนี้ ผลิตบนเทคโนโลยี 4 นาโนเมตร มาพร้อม CPU 64-bit Octa Core แบบ 1 + 4 + 3 ปรับความเร็วไว้สูงสุดที่ 3.19GHz ให้ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้น 37% และให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานดีขึ้น 47% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ขณะที่ GPU ก็ได้รับการปรับปรุงให้ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้น 42% และให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานดีขึ้น 49%
นอกจากชิปเรือธง Xiaomi 13 Pro ยังมีระบบระบายความร้อน Vapor Chamber ขนาดใหญ่ 3,400 ตารางมิลลิเมตร ครอบคลุมเต็มพื้นที่แหล่งความร้อน จึงสามารถควบคุมและลดอุณหภูมิได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านความความจำ ได้รับ RAM แบบ LPDDR5X ขนาด 12GB จับคู่กับ ROM แบบ UFS 4.0 ขนาด 512GB ซึ่งถือเป็นชิปความจำมาตรฐานใหม่ล่าสุด สามารถทำความเร็วในการอ่านสูงถึง 3.5GB/s ซึ่งผลทดสอบแอปยอดนิยมทำได้สูงกว่า 1,269,880 เลยทีเดียว หรือแอป Geekbench ก็ทำคะแนนได้สูงเช่นเดียวกัน
ชิปประมวลผล Snapdragon 8 Gen 2 ยังมาพร้อมระบบเชื่อมต่อมือถือ Qualcomm FastConnect 7800 ทำให้ Xiaomi 13 Pro สนับสนุนการเชื่อมต่อ Wi-Fi 7 มาตรฐานใหม่ล่าสุด รวมถึง Wi-Fi 6 และมาตรฐานเก่ากว่าก็รองรับเช่นกัน และด้วยเทคโนโลยี Multi-Link High Band Simultaneous (HBS) ยังช่วยให้สามารถเชื่อมต่อคลื่น 5GHz และ 6GHz ได้หลายรูปแบบพร้อมกัน สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 5.8Gbps อีกทั้งยังลดดทอนความล่าช้า และเพิ่มประสิทธิภาพของเครือข่ายที่ดีขึ้น
ชาร์จเร็ว 120W HyperCharge
Xiaomi 13 Pro มาพร้อมชิป Surge ของ Xiaomi ช่วยจัดการแบตเตอรี่ ให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานเป็นพิเศษ โดยมีความจุแบตเตอรี่ 4820mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 120W HyperCharge สามารถชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% ภายในระยะเวลาเพียง 19 นาที สำหรับการชาร์จแบบไร้สาย ก็ชาร์จเร็วสูงสุด 50W
และยังรองรับการชาร์จแบบ Reverse Wireless Charging ซึ่งเป็นฟีเจอร์ชาร์จแบตเตอรี่ให้อุปกรณ์อื่น ที่รองรับการชาร์จไร้สาย เพียงนำมาวางไว้บนฝาหลังของ Xiaomi 13 Pro ก็จะสามารถชาร์จได้สูงสุด 10W
Xiaomi 13
ถึงจะเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นเล็ก แต่ Xiaomi 13 ก็มีจุดเด่นหลายอย่างไม่ต่างจากรุ่น Pro โดยเฉพาะการถ่ายภาพ ก็ได้รับเลนส์ออปติคอลระดับมืออาชีพจาก Leica ถ่ายภาพได้ 2 สไตล์ ด้วยเลนส์ Telephoto 75 มิลลิเมตร ขุมพลังก็มาจากชิปรุ่นเดียวกัน จอแสดงผลใช้วัสดุ E6 OLED เหมือนกัน จึงให้ความสว่างคมชัดไม่ต่างจากรุ่น Pro และยังสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 67W รวมถึงการชาร์จไร้สายก็ทำได้แบบเดียวกับรุ่น Pro
สเปก Xiaomi 13
- – จอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.36 นิ้ว อัตราการรีเฟรช 120Hz
- – กล้องหลัง 50MP + 12MP + 10MP Camera จาก Leica
- – กล้องหน้า 32MP In-Display Selfie Camera
- – ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2
- – ความจำ RAM 12GB (LPDDR5X) + ROM 256GB (UFS 4.0)
- – ลำโพงคู่ รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
- – การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 7, Bluetooth 5.3, NFC, USB Type-C
- – ระบบปฏิบัติการ MIUI 14 บนพื้นฐาน Android 13
- – ได้รับมาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำ IP68
- – แบตเตอรี่ 4,500mAh
- – รองรับชาร์จเร็ว 67W Turbo Charging, 50W Wireless Turbo Charging, 10W Reverse Wireless Charging
- – ขนาดตัวเครื่อง 152.8 x 71.5 x 7.98 มิลลิเมตร
- – น้ำหนัก 189 กรัม
- – มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Black, White และ Flora Green
จอแสดงผล Pro HDR
Xiaomi 13 มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED รุ่นใหม่ล่าสุดที่ใช้วัสดุ E6 OLED ให้ภาพที่สว่างและสีที่แม่นยำยิ่ง แต่ใช้พลังงานน้อยลง โดยมีความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.36 นิ้ว อัตราส่วนภาพ 20:9 ความหนาแน่นพิกเซล 413 PPI (พิกเซลต่อนิ้ว) โดยมีดีไซน์ขอบหน้าจอบางเฉียบเพียง 1.61 มิลลิเมตร ทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 93.3%
จอแสดงผลของ Xiaomi 13 ให้ความเที่ยงตรงของสีด้วยค่า JNCD≈0.32 และ Delta E≈0.36 รองรับขอบเขตสี P3 รวมถึง Dolby Vision, HDR10+, HDR10 และ HLG ให้ความสว่างเต็มหน้าจอ 1200 นิต และให้ความสว่างสูงสุด 1900 นิต รองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate ที่ 240Hz
กล้องหลัง 3 ตัว พัฒนาร่วมกับ Leica
กล้องหลังของ Xiaomi 13 ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมร่วมกับ Leica และใช้เลนส์ออปติคัลระดับมืออาชีพของ Leica ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียดสูง 50 ล้านพิกเซล, กล้อง Ultra-wide ให้มุมมองภาพ 120 องศา และกล้อง Telephoto ซูมออปติคอลสูงสุด 3.2x ความยาวโฟกัส 75 มม. ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเลนส์ Noctilux-M 75 มม. อันเป็นเอกลักษณ์ของ Leica ช่วยลดการบิดเบือนของภาพให้เหลือน้อยที่สุด ในขณะที่สร้างเอฟเฟกต์โบเก้ที่เป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพเน้นที่บุคคลหรือวัตถุ
- กล้องหลัก 50MP ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX800 ความยาวโฟกัส 23 มม. รูรับแสง f/1.8 ชุดเลนส์ 7P ระบบกันสั่น HyperOIS
- กล้อง 12MP Ultra-wide ความยาวโฟกัส 15 มม. รูรับแสง f/2.2 ให้มุมมองภาพ 120 องศา
- กล้อง 10MP Telephoto ความยาวโฟกัส 75 มม. รูรับแสง f/2.0 ชุดเลนส์ 5P
Xiaomi 13 ให้ประสบการณ์การถ่ายภาพเหมือนกับรุ่น Pro เนื่องจากได้รับเทคโนโลยีการถ่ายภาพจาก Leica เข่นเดียวกัน จึงสามารถเลือกสไตล์การถ่ายภาพ Leica Authentic Look และ Leica Vibrant Look ได้เช่นกัน
- Leica Authentic Look รักษาความคมชัดได้อย่างดีในระหว่างพื้นที่สว่างและที่มืด และมีความแม่นยำในการรักษา White Balance ในภาพ
- Leica Vibrant Look ให้ความสว่างและความอิ่มตัวของสีเพื่อสร้างเงาที่คมชัดและสีสันที่สดใสในขณะที่ยังคงรักษาความแม่นยำไว้
แอปกล้องของ Xiaomi 13 มาพร้อม User Interface ใหม่ ที่มีลายน้ำของ Leica เสียงชัตเตอร์คลาสสิกของ Leica และเพิ่มฟิลเตอร์ของ Leica มาให้เลือกในการถ่ายภาพโหมดต่างๆ ซูมไกลสุด 30x
การถ่ายภาพ Portrait ด้วยกล้อง Telephoto ใหม่ล่าสุดขนาด 75 มม. ช่วยให้ผู้ใช้งาน สามารถถ่ายภาพบุคคลที่ยอดเยี่ยม ด้วยระยะความชัดลึกที่ตื้นเป็นพิเศษ ได้โทนสีผิวที่เป็นธรรมชาติ และเอฟเฟกต์โบเก้ที่ไม่เหมือนใครผ่านธีมที่ตั้งค่าไว้แล้ว
โหมด Pro ของ Xiaomi 13 สามารถปรับการตั้งค่ากล้องได้ตามต้องการ รองรับ RAW DNG 10-bit และโปรไฟล์สี (Color Profiles) ที่สร้างโดย Adobe เพื่อรองรับ Adobe Photoshop และ Adobe Lightroom นอกจากนี้ Xiaomi 13 ยังนำเสนอ Create in Dolby Vision และสามารถถ่ายวิดีโอ 4K 10-bit Log ด้วย HyperOIS ทำให้ภาพเคลื่อนไหวในวิดีโอราบรื่นและให้รายละเอียดที่คมชัดมากขึ้น
กล้องหน้า 32MP In-Display Selfie Camera
กล้องหน้าของ Xiaomi 13 ใช้สเปกกล้องแบบเดียวกับ Xiaomi 13 Pro โดยมีความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ขนาดพิกเซล 1.4μm 4-in-1 Super Pixel รูรับแสง f/2.0 ชุดเลนส์ 5P ให้มุมมองภาพ 89.6 องศา รองรับโหมดถ่ายภาพ Portrait, Night และในโหมด Photo สามารถปรับ Dynamic Framing ได้ / ระยะ (0.8x, 1x) รวมถึงมีฟีเจอร์ HDR เพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายเซลฟี่ย้อนแสง ส่วนการถ่ายวิดีโอ รองรับความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p
ตัวอย่างภาพถ่าย
ชิป Snapdragon 8 Gen 2
Xiaomi 13 ได้รับชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 เช่นเดียวกับรุ่น Pro จึงตอบสนองการทำงานได้อย่างรวดเร็ว และยังมีระบบระบายความร้อน Vapor Chamber ขนาดใหญ่ 4,642 ตารางมิลลิเมตร ครอบคลุมพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของตัวเครื่อง จึงสามารถกระจายความร้อนได้อย่างยอดเยี่ยม
ด้านความความจำ Xiaomi 13 ได้รับ RAM แบบ LPDDR5X ขนาด 12GB จับคู่กับ ROM แบบ UFS 4.0 ขนาด 256GB สามารถทำความเร็วในการอ่านสูงถึง 3.5GB/s ผลทดสอบประสิทธิภาพที่ได้สูงมากแทบไม่แตกต่างจากรุ่น Xiaomi 13 Pro เลย
Xiaomi 13 ยังมาพร้อมระบบเชื่อมต่อมือถือ Qualcomm FastConnect 7800 จึงสนับสนุนมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wi-Fi 7 และมีเทคโนโลยี Dual Band Simultaneous (DBS) Multi-Link รองรับความเร็วสูงสุดได้ถึง 3.6Gbps
ชาร์จเร็ว 67W HyperCharge
Xiaomi 13 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,500mAh ที่มีความหนาแน่นสูงขึ้น จึงสามารถรักษาความจุของแบตเตอรี่ได้เท่าเดิมเมื่อเทียบกับ Xiaomi 12 แต่มีขนาดกะทัดรัดมากขึ้นและบางลงกว่าเดิม ซึ่งจากการทดสอบของ Xiaomi พบว่าสามารถใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องถึง 1.35 วัน และยังรองรับชาร์จเร็ว 67W HyperCharge สามารถชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% ภายในระยะเวลาเพียง 38 นาที อีกทั้งยังสนับสนุนการชาร์จไร้สายสูงสุด 50W และ 10W สำหรับการชาร์จแบบ Reverse Wireless Charging
สรุปราคาและการจำหน่าย
สิ้นสุดการรอคอยแล้ว สำหรับ Mi Fans ในประเทศไทย ที่กำลังรอการมาถึงของสมาร์ทโฟนเรือธงจาก Xiaomi ที่มาพร้อมเทคโนโลยีกล้องจาก Leica หลังจาก Xiaomi 12S Series ถูกจำกัดการทำตลาดไว้ในจีนเท่านั้น แต่คราวนี้ Xiaomi 13 และ Xiaomi 13 Pro พร้อมแล้วสำหรับการเปิดตัวในไทย และไม่ได้มีดีเฉพาะเรื่องกล้องเท่านั้น แต่ยังอัดแน่นไปด้วยประสิทธิภาพจากชิปเรือธงรุ่นล่าสุดของ Qualcomm จอแสดงผลที่ให้สีสันคมชัดสมจริง แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ รองรับชาร์จเร็ว ไม่ต้องคอยนาน และยังได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงามพรีเมี่ยม
สรุปแล้ว Xiaomi 13 Series เป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่ครบเครื่อง เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การถ่ายภาพจากกล้อง Leica และยังตอบสนองการใช้งานโดยรวม และเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล โดย Xiaomi 13 มีขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวกกว่า ถ่ายภาพได้อย่างคล่องตัว ขณะที่ Xiaomi 13 Pro มีความพรีเมี่ยมที่ดีไซน์ขอบโค้ง หน้าจอใหญ่กว่า และให้ความละเอียดกล้องหลังมากกว่า
Xiaomi 13 Pro มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Ceramic Black และ Ceramic White และ Xiaomi 13 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Black, White และ Flora Green
- Xiaomi 13 Pro รุ่นความจุ 12GB+512GB วางจำหน่ายในราคา 39,990 บาท
- Xiaomi 13 รุ่นความจุ 12GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 29,990 บาท
พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อสมาร์ทโฟน Xiaomi 13 Pro หรือ Xiaomi 13 ล่วงหน้าในระหว่างวันที่ 1 – 10 มีนาคม 2566 รับฟรี! นาฬิกาอัจฉริยะ Xiaomi Watch S1 Pro มูลค่า 9,990 บาท และ Xiaomi Leica Premium Set มูลค่า 1,999 บาท รวมมูลค่าของสมนาคุณ 11,989 บาท1
โดย Xiaomi 13 Series จะวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 มีนาคม 2566 ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางร้านค้าออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม