หลังจากทีมงาน @Flashfly นำเสนอพรีวิวพร้อมแกะกล่องไปก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็ถึงเวลารีวิวอย่างเต็มรูปแบบแล้ว สำหรับ OnePlus 11 5G นักฆ่าเรือธงรุ่นใหม่ตัวท็อปสุดจาก OnePlus ที่อัดแน่นไปด้วยประสิทธิภาพจากชิปรุ่นล่าสุดของ Qualcomm ซึ่งรองรับเทคโนโลยี Ray Tracing มาพร้อมระบบระบายความร้อนที่ได้รับการอัปเกรดใหม่ ความจำขนาดใหญ่ RAM สูงสุด 16GB รองรับชาร์จเร็ว 100W SUPERVOOC และปิดท้ายด้วยรีวิว OnePlus Buds Pro 2 หูฟังไร้สายแบบ TWS รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีเสียงจากลำโพงระดับพรีเมี่ยมของ Dynaudio
สเปก OnePlus 11 5G
- จอแสดงผล 2K 120Hz Super Fluid AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว
- กล้องหลัง 3 ตัว พร้อมเทคโนโลยีการถ่ายภาพจาก Hasselblad รุ่นที่ 3
- กล้องหน้า 16MP Selfie Camera
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2
- ระบบระบายความร้อน Cryo-velocity VC Cooling System
- ความจำ RAM (LPDDR5X) สูงสุด 16GB + ROM (UFS4.0) สูงสุด 256GB
- นวัตกรรมใหม่ RAM-Vita ที่มาพร้อม OxygenOS 13
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6 (802.11ax), Bluetooth 5.3, NFC, USB-C
- ระบบปฏิบัติการ OxygenOS 13
- แบตเตอรี่ 5000mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 100W SUPERVOOC
- ขนาดตัวเครื่อง 163.1 x 74.1 x 8.53 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 205 กรัม
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Eternal Green และ Titan Black
ดีไซน์สง่างามทันสมัย
OnePlus 11 5G ได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงามพรีเมี่ยม สมกับเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปสุดจาก OnePlus มาในคอนเซ็ปต์ Modern Elegance Design เน้นความสง่างามทันสมัย ดูดีเหนือกาลเวลา แสดงถึงเทคโนโลยีอันหรูหราอันเป็นเอกลักษณ์ของ OnePlus สำหรับผู้ที่ต้องการความแตกต่าง และยังให้ความสำคัญกับการใช้งานด้วยการออกแบบให้จับถือได้อย่างถนัดมือ เพื่อให้เป็นสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมที่มีประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน โดยมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเขียว Eternal Green และ สีดำ Titan Black
ทีมงาน @Flashfly ได้รับสีเขียว Eternal Green มารีวิว ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากเฉดสีของป่าฝนในยามพลบค่ำ แสดงถึงพลังแห่งธรรมชาติ ฝาหลังประกอบด้วยกระจกหลายชั้น ทำให้เกิดการกระจายแสงที่ละเอียดยิ่งขึ้น และดึงดูดสายตาเมื่อกระทบกับพื้นผิว คล้ายกับพลังงานที่ต่อเนื่องและมีการเคลื่อนไหว ไม่หยุดนิ่ง อีกทั้งยังช่วยลดคราบรอยนิ้วมือได้อย่างดี และยังมีสีดำ Titan Black เป็นอีกทางเลือก ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากหลุมดำในอวกาศ ให้ความรู้สึกดุดันทรงพลังของความเร็วเหนือเสียง ฝาหลังผ่านกระบวนการเคลือบกระจกแบบด้าน (AG Glass) ทำให้เกิด Micro-crystals ที่ละเอียดมากบนพื้นผิวกระจก ให้ความรู้สึกสง่างามระดับไฮเอนด์ อีกทั้งยังทนทานต่อคราบเหงื่อและรอยนิ้วมือ
ด้านหน้าโดดเด่นด้วยจอแสดงผล AMOLED ขอบมุมโค้ง ขนาด 6.7 นิ้ว ให้อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 92.7% ทำให้มีพื้นที่ขอบหน้าจอบางเฉียบรอบด้าน และยังได้รับการป้องกันด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus
OnePlus 11 5G ได้รับการติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล และซ่อนกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล ไว้ในหลุมที่มุมบนหน้าจอ
ด้านหลังสะดุดตากับดีไซน์กล้องขนาดใหญ่ พร้อมโลโก้แบรนด์กล้อง Hasselblad มีการจัดวางโมดูลกล้องไว้บนแผงกระจกวงกลม และมีการตกแต่งกล้องหลังด้วยสแตนเลสคุณภาพสูง เป็นรูปตัว K ที่โค้งมน (K-shape curve) และเชื่อมต่อไปยังกรอบตัวเครื่องด้านข้าง
ดีไซน์ขอบด้านข้างจะเห็นการบรรจบกันระหว่างขอบหน้าจอกับฝาหลังที่มีความโค้งมน คั่นกล้างด้วยกรอบสแตนเลสชุบโครเมียมคุณภาพสูง โดยมีปุ่ม Alert Slider มาให้เหมือนเดิม ช่วยให้สลับโปรไฟล์เสียงได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นเปิดเสียง, ปิดเสียง และ สั่น ถัดลงมาเป็นปุ่มเพาเวอร์
ปุ่มปรับระดับเสียง ติดตั้งแยกไว้อีกข้าง
ด้านบนมีไมโครโฟนตัวที่ 2 ช่วยทำหน้าที่ลดเสียงรบกวนรอบข้าง ทำให้การสนทนาหรือบันทึกเสียงชัดเจนยิ่งขึ้น
ด้านล่างจะพบกับช่องใส่ซิมการ์ด, ไมโครโฟน, พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C และ ช่องลำโพง
จอแสดงผล 2K 120Hz Super Fluid AMOLED
OnePlus 11 5G มาพร้อมจอแสดงผล Super Fluid AMOLED ความละเอียด 3216 x 1440 พิกเซล ขนาด 6.7 นิ้ว ความหนาแน่นพิกเซล 525 ppi (พิกเซลต่อนิ้ว) ให้อัตราส่วนภาพ 20.1:9 ให้ความลึกของสี 10-bit ซึ่งเทียบเท่ากับ 1.07 พันล้านสี และมีความสว่างสูงสุด 1300 นิต
จอแสดงผลของ OnePlus 11 5G รองรับอัตราการรีเฟรชหน้าจอแบบไดนามิกในช่วง 1 – 120Hz ด้วยเทคโนโลยี LTPO 3.0 ซึ่งช่วยให้จอแสดงผลสามารถปรับปัตราการรีเฟรชหน้าจอให้เหมาะสมกับคอนเท้นต์ที่กำลังรับชม เพื่อให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุด และประหยัดพลังงานมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ระหว่างการใช้งานทั่วไป จอแสดงผลของ OnePlus 11 5G จะกระโดดจากการตอบสนองการสัมผัสที่ต่ำไปสู่อัตราการตอบสนองที่สูงขึ้นในทันที ทำให้ได้รับประสบการณ์หน้าจอสัมผัสที่เหมาะสมที่สุดและตอบสนองได้ดีที่สุด และในขณะที่อยู่ในโหมดประหยัดพลังงาน หรือไม่มีการใช้งานสมาร์ทโฟน อัตราการตอบสนองของจอแสดงผลจะลดลงทันที และยังมีค่า Touch response rate สูงถึง 1000Hz
ด้วยอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz และ Touch response rate สูงถึง 1000Hz ทำให้จอแสดงผลของ OnePlus 11 5G ตอบสนองการเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล แสดงกราฟิกต่างๆ ได้อย่างราบลื่น ตอบสนองการสัมผัสได้อย่างดี และยังเป็นจอแสดงผลที่เหมาะสำหรับการรับชมวิดีโอและภาพยนตร์ด้วยการรองรับ HDR10+ ช่วยปรับปรุงแต่ละฉากแบบไดนามิก ให้สีสันสมจริง แสดงรายละเอียดได้ดีขึ้น เมื่อรับชมคอนเท้นต์ที่รองรับ HDR10+
จอแสดงผลของ OnePlus 11 5G ยังรองรับ Dolby Vision เทคโนโลยีภาพ HDR ที่นำสีสัน คอนทราสต์ และความสว่างที่ไม่ธรรมดามาสู่หน้าจอมือถือ เพื่อให้ได้ภาพที่มีสีสันมากขึ้น ความลึกของฉากที่มากขึ้น ความคมชัดยิ่งขึ้น และรายละเอียดที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ช่วยปลดล็อกศักยภาพของ HDR อย่างเต็มที่ด้วยสีสันที่สดใสเป็นพิเศษ นอกจากนี้ OnePlus 11 5G ยังได้รับการติดตั้งลำโพงคู่ขนาดใหญ่ พร้อมรองรับระบบเสียง Dolby Atmos ให้ผู้ใช้งานสัมผัสถึงความลึกล้ำ ความชัดเจน และรายละเอียดของเสียงรอบตัว เรียกได้ว่าตอบสนองความบันเทิงได้อย่างสมบูรณ์แบบทั้งภาพและเสียง
OnePlus 11 5G ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้หน้าจอ ทำงานที่แม่นยำ และ ปลอดภัย สามารถอ่านลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคสมาร์ตโฟนได้อย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเพียงเสี้ยววินาที กรณีนิ้วมือเลอะเทอะ หรือ ไม่สะดวกใช้ปลายนิ้ว ก็ยังสามารถปลดล็อคด้วยการสแกนใบหน้า โดยอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่าง AI กับกล้องหน้าความละเอียดสูง 16 ล้านพิกเซล ช่วยให้ระบุใบหน้าเจ้าของสมาร์ตโฟนได้อย่างถูกต้อง
ถ่ายภาพอย่างมืออาชีพด้วย Hasselblad Camera
ระบบกล้องของ OnePlus 11 5G รองรับเทคโนโลยีการถ่ายภาพอย่างมืออาชีพด้วย Hasselblad Camera for Mobile รุ่นที่ 3 ที่พร้อมเทคโนโลยีใหม่ Accu-spectrum Light-color Identifier ยกระดับสีสมจริงกว่าเดิม และ Telephoto “DSLR” Portraits ให้ภาพถ่ายบุคคลสวยละมุนเหมือนภาพจากกล้องโปร ประกอบด้วยกล้องหลัง 3 ตัว นำโดยกล้องหลักความละเอียดสูง 50 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX890, กล้อง Ultra-wide สำหรับถ่ายภาพในมุมมองกว้างพิเศษ และกล้อง Portrait Tele lens
- กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.56” ขนาดพิกเซล 1.0 ไมครอน รูรับแสง f/1.88 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS
- กล้อง Ultra-wide 48 ล้านพิกเซล ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2” รูรับแสง f/1.7 มีระบบออโต้โฟกัส ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ EIS
- กล้อง Portrait Tele lens 32 ล้านพิกเซล ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.74” มีระบบออโต้โฟกัส ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ EIS
กล้องหลักของ OnePlus 11 5G ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX890 มาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS (Optical Image Stabilization) แบบ 5 แกน ชุดเลนส์ 6P และยังใช้เทคโนโลยี 2×2 On-Chip Lens (OCL) ของ Sony ทำให้สามารถตรวจจับความแตกต่างระหว่างพิกเซล 50 ล้านพิกเซล ช่วยให้โฟกัสได้แม่นยำขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพการโฟกัสในที่แสงน้อย
กล้อง Ultra-wide ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX581 ให้มุมมองภาพ 115 องศา สามารถเก็บภาพวิวทิวทัศน์หรือภาพกลุ่มคนได้ครบถ้วน และยังรองรับการถ่ายภาพ Macro ในระยะใกล้สุดได้ถึง 4 เซนติเมตร โดย OnePlus 11 5G ยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของ OnePlus ที่นำอัลกอริทึม HDR มาใช้กับกล้อง Ultra-wide ช่วยให้เก็บรายละเอียดวัตถุและพื้นหลังได้มากขึ้น (เพิ่มความคมชัด ความชัดเจนของภาพ และลดสัญญาณรบกวน) สามารถสร้างสีที่แม่นยำยิ่งขึ้น White Balance ดีขึ้น และลดความเพี้ยนจากแสงแฟร์
กล้อง Portrait Tele lens ใช้เซ็นเซอร์แบบ RGBW ของ Sony IMX709 รองรับโหมดถ่ายภาพ Portrait ของ Hasselblad ที่ให้ภาพถ่ายบุคคลเสมือนกล้องระดับ DSLR โดยเฉพาะการแสดงเอฟเฟกต์โบเก้และแสงแฟลร์ ทำได้คล้ายกับกล้อง Hasselblad ที่ติดตั้งเลนส์ XCD 30mm (f3.5) หรือ XCD 65mm (f2.8)
เปิดเข้ามาในแอปกล้องของ OnePlus 11 5G จะพบกับโหมดถ่ายภาพ Night, Video, Photo, Portrait ส่วนโหมดอื่นๆ ถูกรวมไว้ใน More ได้แก่ Pro, Pano, Movie, Slo-mo, Time-lapse, Long Exposure, Dual View Video, Tilt-shift และ XPAN
โหมด Photo รองรับการซูมตั้งแต่ระยะ 0.6x (เปิดใช้กล้อง Ultra-wide) จนสูงสุด 20x สามารถเปิดฟีเจอร์ Retouch และ Filters ได้จากไอคอนทางขวามือ ส่วนแถบเครื่องมือด้านบนจะพบกับฟีเจอร์ AI Scene Enhancement ช่วยปรับปรุงสีสันของภาพให้อัตโนมัติ ตามฉากหรือวัตถุที่ AI ระบุได้
ความสามารถที่น่าสนใจของกล้อง OnePlus 11 5G ได้รับจาก Hasselblad คือ Natural Color Calibration หรือการปรับเทียบสีธรรมชาติที่ได้รับการปรับปรุงด้วย Hasselblad ช่วยยกระดับภาพด้วยสีกว่าพันล้านสีอันน่าทึ่ง (ภาพ 10-bit) ได้สีที่สมบูรณ์สมจริงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมี 13-channel multi-spectral sensor สำหรับการระบุสีของแสง เพื่อวิเคราะห์สเปกตรัมของแสงที่กว้างขึ้นในการถ่ายภาพ ทำให้ได้ภาพที่มีสีสันและรายละเอียดซับซ้อนยิ่งขึ้น การวัดสีของแสงที่แม่นยำยิ่งขึ้น ระบุเฉดสี ปรับสมดุลแสงสีขาวให้เหมาะสม เพิ่มความแม่นยำของข้อมูลความสมจริงของสีพื้นหลัง ให้ภาพถ่ายมีสีสันที่เป็นธรรมชาติ
โหมด Portrait ซูมได้ 2 ระยะ สามารถปรับค่า F เพื่อละลายฉากด้านหลังของตัวบุคคล หรือ Background ได้อย่างละเอียดตั้งแต่ มีฟีเจอร์ Retouch และ Filters เช่นเดียวกับโหมด Photo สามารถ Retouch ภาพได้สูงสุด 100 ระดับ ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับใบหน้า ขณะที่ Filters มีตัวเลือกที่แตกต่างจากโหมด Photo เพื่อให้เหมาะสำหรับการถ่ายภาพ Portrait
การถ่ายภาพ Portrait ที่มีองค์ประกอบ 3 อย่าง Foreground, วัตถุหรือบุคคล และ Background ที่มีโทนสีใกล้เคียงกัน เทคโนโลยี Accu-spectrum Light-color Identifier จะช่วยให้กล้อง OnePlus 11 5G สามารถจับสีที่ถูกต้องของแต่ละสี และความผิดเพี้ยนของสีน้อยลงอย่างมาก
OnePlus 11 5G ยังมี Hasselblad Master ฟิลเตอร์พิเศษ 3 สไตล์ ที่แตกต่างกัน ซึ่งพัฒนาร่วมกันระหว่าง OnePlus และ Hasselblad Ambassadors เป็นโทนสีซิกเนเจอร์ของถ่ายภาพจากเหล่าช่างภาพมืออาชีพ สามารถเลือกใช้งานได้ในฟิลเตอร์โหมด Photo
- Serenity: โดย Yin Chao สำหรับการถ่ายภาพบุคคล
- Radiance: โดย Ben Thomas เชี่ยวชาญในการดึงความโดดเด่นของบุคคลและวัฒนธรรม
- Emerald: โดย David Pesken สำหรับการถ่ายภาพทิวทัศน์
โหมด XPAN เป็นโหมดถ่ายภาพจากกล้อง Hasselblad ช่วยถ่ายภาพในมุมกว้างพิเศษในอัตราส่วน 65:24 ไม่ถึงกับกว้างแบบ Ultra Wide หรือ Panorama แต่ให้สไตล์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของกล้องฟิล์มของ Hasselblad ในยุค 90s และสามารถเปลี่ยนโทนสีของภาพได้ 2 แบบ
สำหรับการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหลัง สามารถบันทึกวิดีโอได้สูงสุด 8K ที่ 24 เฟรมต่อวินาที หรือ 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที ขณะที่โหมดป้องกันภาพสั่นไหวด้วย EIS/OIS จะจำกัดความละเอียดที่ 1080P ที่ 60 เฟรมต่อวินาที
โหมด Video ของกล้องหลัง สามารถซูมได้สูงสุด 10x มีเครื่องมือสำหรับปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลัง รวมถึงฟีเจอร์ Retouch และ Filters ก็มีมาให้ได้เช่นกัน มีฟีเจอร์ AI Highlight Video เมื่อเปิดใช้งานอัลกอริทึมของ OnePlus จะช่วยปรับแต่งไฮไลท์และเงาของภาพ จากข้อมูลภาพที่มีการเปิดรับแสงทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยเซ็นเซอร์ Sony IMX890 จะรวมส่วนที่ดีที่สุด เพื่อสร้างวิดีโอที่สวยงาม สมดุล ให้แสงที่สม่ำเสมอ ทำให้ภาพรวมของวิดีโอสว่างขึ้น จับโฟกัสได้คมชัดขึ้น (เบลอน้อยลง) คอนทราสต์สูงขึ้น ภาพชัดเจนขึ้น เก็บรายละเอียดได้มากขึ้น และให้สีสันที่มีชีวิตชีวายิ่งขึ้น แม้ถ่ายในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อยหรือในเวลากลางคืน
โหมด Night รองรับการซูมตั้งแต่ระยะ 0.6x (เปิดใช้กล้อง Ultra-wide) จนสูงสุด 20x มี Filters ที่เหมาะสำหรับภาพถ่ายในเวลากลางคืน เช่น Matte, Vivid, Golden, Warm & Cool, Pink & Teal, Night City โดยมีจุดเด่นที่การนำเทคโนโลยี AI มาช่วยจับภาพในที่แสงน้อยระดับมืออาชีพ เพื่อให้ได้ภาพถ่ายในเวลากลางคืนที่มีความสว่าง คมชัด และรายละเอียดที่ดีขึ้น
กล้องหน้า 16MP Selfie Camera
OnePlus 11 5G ซ่อนกล้องหน้าไว้ในหลุมเล็กๆ ที่มุมบนหน้าจอ โดยมีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ประกอบด้วยชุดเลนส์ 5P ให้มุมมองภาพ 82 องศา มาพร้อมโหมด Photo ที่สามารถ Retouch ใบหน้าได้ละเอียดกว่ากล้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นผิว, แก้ม, ขนาดดวงตา, จมูก และมี Filters ให้เลือกหลายแบบ เช่น Radiance, Serenity, Emerald, Matte, Vivid เป็นต้น
โหมด Portrait ของกล้องหน้า สามารถปรับค่า F ได้หลายระดับ จึงเบลอฉากหลังได้ตามต้องการ โดยมีฟีเจอร์ Retouch ที่ปรับความงามบนใบหน้าได้ละเอียด เช่นเดียวกับโหมด Photo ของกล้องหน้า ส่วน Filters มีตัวเลือกที่แตกต่างออกไปบ้าง อย่าง Natiral และ Sweet เพื่อให้เหมาะสำหรับการถ่ายเซลฟี่แบบ Portrait
โหมด Night ของกล้องหน้า ก็มีฟีเจอร์ Retouch มาให้เช่นกัน ทำให้ใบหน้าออกมาดูดียิ่งขึ้นแม้ถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อยหรือในเวลากลางคืน สามารถปรับความงามบนใบหน้าได้ละเอียดเช่นเดัยวกับโหมด Photo ของกล้องหน้า ไม่ว่าจะเป็น ผิว, แก้ม, ขนาดดวงตา และ จมูก แต่ละส่วนสามารถปรับความงามได้สูงสุด 100 ระดับ
กล้องหน้าของ OnePlus 11 5G รองรับการถ่ายวิดีโอในความละเอียดสูงสุด 1080P ที่ 30 เฟรมต่อวินาที สามารถเปิดระบบป้องกันภาพสั่นไหวได้ (EIS) ปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลังได้แบบโหมด Portrait รวมถึงฟีเจอร์ Retouch และ Filters อีกทั้งยังมีโหมด Dual View Video สามารถเปิดใช้งานกล้องหลังและกล้องหน้าพร้อมกัน เพื่อบันทึกวิดีโอจากกล้องทั้ง 2 ด้านในเวลาเดียวกัน
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
ชิปเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Qualcomm
OnePlus 11 5G ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 8 Gen 2 ที่ผลิตขึ้นบนเทคโนโลยี 4 นาโนเมตร มาพร้อม Kyro CPU ที่แรงขึ้น ประหยัดพลังงานมากขึ้น ประกอบด้วย คอร์หลัก ARM Cortex-X3 ความเร็วสูงสุด 3.2GHz + คอร์ด้านประสิทธิภาพ 4 คอร์ ความเร็วสูงสุด 2.8GHz + คอร์ด้านประหยัดพลังงาน 3 คอร์ ความเร็วสูงสุด 2.0GHz ปรับปรุงประสิทธิภาพได้มากถึง 35% และด้วย Micro-architecture แบบใหม่ ช่วยให้ประหยัดพลังงานได้มากขึ้นถึง 40% เมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อน (Snapdragon 8 Gen 1)
Snapdragon 8 Gen 2 ยังมาพร้อม Adreno GPU ที่มีประสิทธิภาพในการเรนเดอร์กราฟิกเพิ่มขึ้น 25% มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานดีขึ้นสูงสุด 45% อีกทั้งยังรองรับ Ray Tracing สามารถสร้างเอฟเฟกต์แสงและเงาได้เสมือนจริง รองรับ Unreal Engine 5 และ Metahuman framework ทำให้ตัวละครในเกมมีความสมจริง สนับสนุนเกม HDR ที่มีความลึกสี 10-bit และเป็นแพลตฟอร์มมือถือแรกที่รองรับ API อย่าง Vulkan 1.3 นอกจากนี้ การประมวลผลด้าน AI ก็เร็วขึ้นกว่าเดิม 4.35 เท่า
ชิปรุ่นใหม่ของ Qualcomm ยังช่วยให้ OnePlus 11 5G สนับสนุนเทคโนโลยี 5G สามารถใช้งานซิมการ์ด 5G + 5G (5G Dual-SIM Dual-Active) หรือ 5G + 4G ได้พร้อมกัน ทำให้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมีความรวดเร็วและเสถียรไม่ว่าจะอยู่ที่ใด และยังรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 (802.11a/b/g/n/ac/ax) พร้อมสำหรับการเล่นเกมออนไลน์อย่างจริงจัง
ความจำมาตรฐานใหม่ขนาดใหญ่จุใจ
เพื่อรองรับการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน หรือที่เรียกว่าระบบ Multitasking ได้อย่างลื่นไหล จะอาศัยชิปประมวลผลที่ทรงพลังอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ OnePlus 11 5G จึงได้รับความจำ RAM ขนาดใหญ่ สำหรับเปิดแอปพลิเคชั่นทิ้งไว้ในพื้นหลังไว้ได้หลายสิบแอป และสลับใช้งานแต่ละแอปได้อย่างรวดเร็วไม่สะดุด โดยรุ่นบนสุดมาพร้อมความจำ RAM LPDDR5x สูงสุด 16GB จับคู่กับที่เก็บข้อมูล UFS 4.0 ขนาด 256GB (ที่เก็บข้อมูลแบบ UFS 4.0 มีความเร็วในการอ่านเร็วขึ้น 100% และให้ความเร็วในการเขียนเร็วขึ้น 133% เมื่อเทียบกับ UFS 3.1)
RAM LPDDR5x ที่พบใน OnePlus 11 5G มีความเร็วบัสแรม 3700MHz (LPDDR5 3200MHz) ให้แบนด์วิธกว้างขึ้น 30% ประหยัดพลังงานสูงสุด 24% เมื่อเทียบกับ LPDDR5 และในรุ่นบนสุดที่มาพร้อม RAM LPDDR5x ขนาด 16GB สามารถเก็บแอปพลิเคชันไว้บนพื้นหลังได้มากถึง 44 แอป (รันพร้อมกัน) และยังมีรุ่น RAM 8GB จับคู่กับที่เก็บข้อมูล UFS 3.1 ขนาด 128GB ให้เลือกด้วย โดย RAM 8GB สามารถเก็บแอปพลิเคชันไว้บนพื้นหลังได้สูงสุด 18 แอป สำหรับ
OnePlus 11 5G ยังมีนวัตกรรมใหม่ RAM-Vita ซึ่งมาพร้อมระบบปฏิบัติการ OxygenOS 13 ใช้เทคโนโลยี Self-developed Machine-learning มาช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดลำดับความสำคัญของ RAM ที่จะปล่อยจากการใช้งานเริ่มต้นไปสู่การใช้งานที่หนักหน่วงขึ้น เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการที่ลึกกว่าใน Linux และเพิ่มประสิทธิภาพได้มากกว่าเมื่อเทียบกับรูปแบบอื่นๆ
RAM-Vita สามารถจัดลำดับความสำคัญของแอปพลิเคชัน โดยใช้ AI ช่วยป้องกันไม่ให้การย้ายตำแหน่ง ส่งผลกระทบต่อประสบการณ์การใช้งานแอปพลิเคชันที่ใช้บ่อยที่สุด และยังช่วยให้เวลาตอบสนองของระบบเร็วขึ้น มีความเสถียรแม้ในขณะใช้งาน และสลับไปมาระหว่างแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานหนักได้หลายแอปพร้อมกัน
ระบบระบายความร้อนที่ได้รับการปรับปรุงใหม่
นอกเหนือจากชิปประมวลผล ระบบระบายความร้อนก็เป็นอีกคุณสมบัติที่ทำให้สมาร์ทโฟนสามารถรักษาประสิทธิภาพให้อยู่ในระดับสูงสุดได้เป็นเวลานาน หมายความว่า ผู้ใช้งานจะไม่รู้สึกว่า OnePlus 11 5G ทำงานช้าลงหลังจากมีการใช้งานเป็นเวลานานหรือเล่นเกมยาวนานต่อเนื่อง
OnePlus 11 5G มาพร้อมระบบระบายความร้อน Cryo-velocity VC Cooling System ขนาด 3685 ตารางมิลลิเมตร เสริมด้วยแผ่นผลึกกราฟีนที่ชั้นกลาง มีขนาด 5673 ตารางมิลลิเมตร และมีชั้นกราฟีนเฉพาะสำหรับจอแสดงผล มีความบาง 0.05 มิลลิเมตร ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่มีขนาดระบบระบายความร้อน VC ใหญ่ที่สุดในบรรดา OnePlus number series โดยใช้วัสดุผลึกกราฟีนแบบใหม่ล่าสุด และออกแบบโครงสร้างการกระจายความร้อนใหม่ ซึ่งให้ประสิทธิภาพดีกว่าการระบายความร้อนที่เคยมีมาทั้งหมด
แบตใหญ่ชาร์จเร็ว 100W SUPERVOOC
OnePlus 11 5G มาพร้อมแบตเตอรี่แบบ Dual-cell ภายในใช้โครงสร้างแบบ Multi-pole Lug Parallel ช่วยลดความต้านทานภายในเซลล์ และลดความร้อนแบตเตอรี่ขณะชาร์จได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh เมื่อถูกชาร์จจนเต็ม จะรองรับการใช้งานได้ยาวนานตลอด 24 ชั่วโมง ตามมาตรฐาน OnePlus Day of Use (DoU)
OnePlus 11 5G ถูกสร้างมาให้พร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเร่งด่วนแค่ไหน ด้วยเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 100W SUPERVOOC สามารถชาร์จแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh ของ OnePlus 11 5G ให้เต็ม 100% ภายในเวลาเพียง 25 นาที ซึ่งเป็นระยะเวลาที่รวดเร็วพอๆ กับการอาบน้ำ หรือ ทานอาหารใน 1 มื้อ นั่นทำให้ผู้ใช้งาน ไม่จำเป็นต้องชาร์จสมาร์ทโฟนก่อนนอน แต่สามารถชาร์จในตอนเช้าหลังจากตื่นนอน จากนั้นก็ไปอาบน้ำ แต่งตัว ชงกาแฟดื่มสักแก้ว OnePlus 11 5G ก็ถูกชาร์จจนเต็มแล้ว
ระบบชาร์จแบตเตอรี่ของ OnePlus 11 5G ยังมีอัลกอริทึม AI ช่วยให้สมาร์ทโฟนสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างชาญฉลาดในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น ชาร์จทิ้งไว้ในตอนเช้า จะชาร์จได้เร็วที่สุด เพื่อให้สมาร์ทโฟนพร้อมสำหรับการใช้งานที่ยาวนานตลอดทั้งวัน แม้ในระหว่างเล่นเกมหรือใช้งานสมาร์ทโฟน ก็ยังสามารถชาร์จแบตเตอรี่ไปพร้อมกันได้อย่างปลอดภัย โดย OnePlus 11 5G จะปรับความเร็วในการชาร์จให้เหมาะสมอัตโนมัติ
นอกจากเทคโนโลยีชาร์จเร็ว ระบบชาร์จของ OnePlus 11 5G ยังได้ใบรับรอง TÜV Rheinland สำหรับการชาร์จและการใช้งานอย่างปลอดภัย โดยผ่านการตรวจสอบอุณหภูมิแบบเรียลไทม์ขณะชาร์จ สายเคเบิล และตัวสมาร์ทโฟนได้ผ่านการทดสอบแรงกดดัน ทดสอบการตก และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในอุณหภูมิสูงและต่ำที่ผันผวน หมดกังวัลเรื่องความร้อนสูงเกินไปขณะชาร์จแบตเตอรี่ทิ้งไว้
ภายในกล่องแถม 100W Power Adapter (11V/9.1A) มาให้แล้วไม่ต้องซื้อเพิ่ม รองรับโปรโตคอลการชาร์จ SUPERVOOC, Power Delivery 3.0, Quick Charge 3.0 จึงสามารถนำไปชาร์จแบตเตอรี่ให้กับแล็ปท็อป แท็บเล็ต คอนโซลเกมมือถือ และอื่นๆ ที่รองรับโปรโตคอลการชาร์จดังกล่าวได้อีกด้วย
OxygenOS 13
OnePlus 11 5G ทำงานบนพื้นฐานระบบปฏิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย OxygenOS 13 ซึ่งได้รับการพัฒนาเพื่อให้ประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหล และตอบสนองการเล่นเกมได้อย่างราบรื่นด้วย HyperBoost Gaming Engine ที่ประกอบด้วย General Performance Adapter (GPA) Frame Stabilizer และ LSTouch
GPA Frame Stabilizer ช่วยลดความผันผวนของอัตราเฟรมเมื่อเล่นเกม เพื่อประสบการณ์การเล่นเกมที่ราบรื่นและเสถียรยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน LSTouch ยังช่วยลดความหน่วงในการสัมผัสได้ถึง 10 มิลลิวินาที ด้วยการเพิ่มอัตราการสนองการสัมผัสเป็น 1000Hz พร้อมลดอัตราการดีเลย์ของสัญญาณ
เพื่อส่งมอบประสบการณ์สมาร์ทโฟนเรือธงที่ทำงานได้อย่างราบรื่นตลอดเวลาเสมือนวันแรกที่ใช้งาน OnePlus ได้ให้คำมั่นว่า OnePlus 11 5G จะได้รับการอัปเดทระบบปฏิบัติการ Android อย่างต่อเนื่องถึง 4 เวอร์ชั่น รวมถึงการอัปเดทซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยนานถึง 5 ปี มั่นใจได้ในความคุ้มค่า และใช้งานได้ยาวนานหลายปี
นอกจากนี้ OnePlus 11 5G ยังได้รับการรับรอง TÜV SÜD 48-month Fluency Rating A มาตรฐานการให้คะแนนที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก สำหรับการวัดประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ในเงื่อนไขการทดสอบเพื่อจำลองสถานการณ์ต่างๆ ในอายุการใช้งาน 48 เดือน OnePlus 11 5G ได้รับคะแนน A ในการทดสอบ หมายความว่า OnePlus 11 5G จะให้ประสิทธิภาพการใช้งานเหมือนเครื่องใหม่ แม้ใช้มานานแล้ว 4 ปี
OnePlus Buds Pro 2 จูนเสียงโดย Dynaudio
ปัจจุบันหูฟังกลายเป็น Gadget อีกชิ้นที่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนขาดไม่ได้ ทำให้ OnePlus มีการพัฒนาหูฟังไร้สายออกมาอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดก็มีการเปิดตัว OnePlus Buds Pro 2 ควบคู่กับ OnePlus 11 5G เพื่อให้ทั้งคู่ทำงานร่วมกันได้อย่างดีเยี่ยม และยังดีไซน์มาให้เข้ากันอย่างลงตัว
สเปก OnePlus Buds Pro 2
- ไดนามิกไดรเวอร์แบบคู่ 11 + 6 mm
- ช่วงการตอบสนองความถี่ 10 Hz – 40 KHz
- ความดันเสียง 97 dB
- การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.3 LE
- แบตเตอรี่เคสชาร์จ 520 mAh
- แบตเตอรี่หูฟัง (ข้างละ) 60 mAh
- ขนาดเคสชาร์จ 24.30 x 20.85 x 32.18 mm
- น้ำหนักเคสชาร์จ 47.3 g
- น้ำหนักหูฟัง (ข้างละ) 4.9 g
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Arbor Green และ Obsidian Black
เกิดมาคู่กับสมาร์ทโฟน OnePlus 11 5G
OnePlus Buds Pro 2 ได้รับการออกแบบมาอย่างหรูหรา เพื่อให้จับคู่ใช้งานกับสมาร์ทโฟน OnePlus 11 5G ได้อย่างลงตัว โดยมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเขียว Arbor Green เฉดเดียวกับสีเขียว Eternal Green ของสมาร์ทโฟน OnePlus 11 5G และยังมีสีดำ Obsidian Black เป็นอีกตัวเลือก ซึ่งเข้ากันได้ดีกับสีดำ Titan Black ของ OnePlus 11 5G
ดีไซน์โดยรวมของ OnePlus Buds Pro 2 มีภาพลักษณ์และให้สัมผัสหรูหรา สะดุดตา เคลือบผิวด้าน NCL ที่เรียบเนียน มาในสีเขียว Arbor Green เฉดเดียวกับสีเขียว Eternal Green ของสมาร์ทโฟน OnePlus 11 5G เหมือนทั้งคู่ถูกสร้างมาคู่กัน และยังมีสีดำ Obsidian Black เป็นอีกตัวเลือก ซึ่งเข้ากันได้ดีกับสีดำ Titan Black ของ OnePlus 11 5G
เคสชาร์จของ OnePlus Buds Pro 2 ดีไซน์มาในแนวนอน มีความกว้าง x ยาว 20.85 x 32:18 มิลลิเมตร หนา 24.30 มิลลิเมตร น้ำหนัก 47.3 กรัม รูปทรงโค้งมน แต่ส่วนขอบแบนรอบด้าน
ด้านหน้ามีการเซาะร่องเป็นแนวยาว เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานเปิดฝาเคสชาร์จได้ง่ายขึ้น และมีไฟ LED ติดตั้งมาให้ 1 จุด
ด้านหลังมีพอร์ตชาร์จ USB-C อยู่ใต้บานพับ
เมื่อเปิดฝาเคสชาร์จขึ้นมาจะพบกับหูฟังทั้ง 2 ข้าง นอนอยู่ในหลุมที่ทำไว้พอดีกับรูปทรงของหูฟัง และมีการติดตั้งจุกหูฟังขนาด M มาให้อยู่แล้ว
หูฟัง OnePlus Buds Pro 2 มาในดีไซน์ทูโทน ครึ่งบนเป็นพื้นผิวด้าน ครึ่งหลังเป็นพื้นผิวมันเงาแบบโลหะ แต่ละข้างมีน้ำหนักเบาเพียง 4.9 กรัม สามารถป้องกันน้ำและฝุ่นในระดับ IP55 ขณะที่เคสชาร์จป้องกันน้ำในระดับ IPX4
OnePlus Buds Pro 2 ได้รับการออกแบบมาให้สวมใส่ได้สบายยิ่งขึ้น โดยมีขนาดเล็กลงเพื่อให้พอดีกับหู แม้จะใช้งานเป็นเวลาหลายชั่วโมง นอกจากนี้ จุกหูฟังที่แถมมาให้ทั้ง 3 คู่ ยังใช้วัสดุที่ให้ความนุ่มสบายและต้านเชื้อแบคทีเรีย
MelodyBoost Dual Drivers
หูฟัง TWS ส่วนใหญ่มากับไดรเวอร์ตัวเดียว แต่สำหรับ OnePlus Buds Pro 2 ติดตั้งไดรเวอร์แบบไดนามิกมาให้ 2 ตัว (ขนาด 11 + 6 มิลลิเมตร) โดยร่วมมือกับ Dynaudio ผู้ผลิตลำโพงสัญชาติเดนมาร์ก เพื่อนำ MelodyBoost Dual Drivers เทคโนโลยีขั้นสูงที่ได้จากลำโพงระดับพรีเมี่ยมมาสู่ OnePlus Buds Pro 2 เพื่อให้ผู้สวมใส่ได้ฟังเสียงที่ลึกกว่า เต็มอิ่มกว่า เหมือนอยู่ในสตูดิโอ
Spatial Audio
OnePlus ร่วมมือกับ Google เพื่อนำเสนอระบบเสียง Spatial Audio มาอยู่ในหูฟัง OnePlus Buds Pro 2 ทำให้ผู้สวมใส่ได้ยินเสียงจากรอบทิศทางอย่างสมจริง ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังรับชมภาพยนตร์อยู่ในโรงภาพยนตร์ หรือ ฟังเพลงอยู่ในคอนเสิร์ต ด้วยขอบเขตของเสียงที่กว้างขึ้น และเสียงร้องที่ชัดเจนขึ้น
Lossless High-Res Audio
OnePlus Buds Pro 2 รองรับการฟังเพลงคุณภาพสูงระดับ Lossless High-Res Audio โดยรองรับตัวแปลงสัญญาณ LHDC 4.0 (Low Latency High-Definition Audio Codec) จึงสามารถสตรีมเสียงผ่าน Bluetooth ด้วยความละเอียดสูง High-Res รองรับ Bitrate สูงถึง 900 kbps สามารถส่งสัญญาณได้มากกว่า 3 เท่าของปริมาณ เมื่อเทียบกับตัวแปลงสัญญาณ SBC มั่นใจได้ว่าการฟังเพลงผ่านหูฟัง OnePlus Buds Pro 2 จะให้รายละเอียดเสียงที่ครบถ้วน
OnePlus Audio ID 2.0
OnePlus Buds Pro 2 มาพร้อม OnePlus Audio ID 2.0 ซึ่งได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง หลังจากเปิดตัวพร้อม OnePlus Buds Pro รุ่นแรก ถือเป็นอีกฟีเจอร์พิเศษ ที่ช่วยให้หูฟังสามารถออกแบบและปรับแต่งการตั้งค่าเสียงได้ละเอียดมากขึ้น ด้วยการสแกนหูและทดสอบการฟังที่ง่ายและรวดเร็ว เพื่อให้เหมาะกับหูของผู้สวมใส่แต่ละคนที่มีลักษณะทางกายภาพแตกต่างกันไป และยังเสริมด้วย BassWave อัลกอริทึมใหม่ของ OnePlus ที่ให้ไดนามิกเบสและเสียงร้องที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
การสร้างโปรไฟล์เสียงด้วย OnePlus Audio ID อาศัยแอปพลิเคชั่น HeyMelody บนสมาร์ทโฟน (ดาวน์โหลดได้ฟรี!! จาก Google Play และ App Store) โดยมีการทดสอบให้ผู้สวมใส่ฟังเสียงสัญญาณที่ความถี่และแอมพลิจูดแตกต่างกัน เมื่อสิ้นสุดการทดสอบ ซอฟต์แวร์จะสร้างโปรไฟล์ตามผลลัพธ์ที่ได้จากการฟัง แล้วนำไปใช้กับเสียงทั้งหมดที่เล่นผ่านหูฟัง OnePlus Buds Pro 2
Smart Adaptive Noise Cancellation
เพื่อให้ผู้สวมใส่ได้ดื่มด่ำกับเพลงโปรดอย่างเต็มอิ่ม OnePlus Buds Pro 2 จึงใส่เทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบปรับได้สูงถึง 48 เดซิเบล ซึ่งผ่านการรับรองจาก TÜV Rheinland และสามารถตั้งค่าให้หูฟังตัดเสียงรบกวนได้แตกต่างกันถึง 3 ระดับ ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมในขณะนั้น
นอกจากนี้ OnePlus Buds Pro 2 ยังได้รับการปรับปรุงค่า Latency ได้ดีขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ด้วยค่า Low Latency ความหน่วงต่ำพิเศษ 54 มิลลิวินาที ช่วยให้เสียงและภาพของเกมหรือวิดีโอตรงกันแบบเรียลไทม์ไม่มีดีเลย์ เมื่อใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนเรือธงของ OnePlus
Google Fast Pair
OnePlus Buds Pro 2 รองรับฟีเจอร์ Google Fast Pair ช่วยให้ฟูฟังสามารถจับคู่กับสมาร์ทโฟนได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่เปิดฝาเคสชาร์จออก เมื่ออยู่ใกล้กับสมาร์ทโฟน บนหน้าจอก็จะแสดงหน้าต่างกันจับคู่ เพียงกดแค่ครั้งเดียว OnePlus Buds Pro 2 ก็จะจับคู่กับสมาร์ทโฟนของ OnePlus ได้อย่างง่ายดาย สำหรับสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่น จะต้องกดปุ่มในเคสค้างไว้เพื่อเข้าสู่โหมดจับคู่ จากนั้นจะสามารถจับคู่ผ่านการตั้งค่า Bluetooth ในสมาร์ทโฟน
แบตเตอรี่ให้อายุการใช้งานยาวนาน 38 ชั่วโมง
หูฟังแต่ละข้างของ OnePlus Buds Pro 2 มีความจุแบตเตอรี่ 60mAh (รุ่นก่อนมีขนาด 40mAh) ให้อายุการใช้งานยาวนานสูงสุด 9 ชั่วโมง เมื่อปิดโหมดตัดเสียงรบกวน แต่ถ้าฟังโดยเปิดโหมด ANC จะให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 6 ชั่วโมง
เคสชาร์จของ OnePlus Buds Pro 2 มาพร้อมแบตเตอรี่ 520mAh ช่วยขยายอายุการใช้งานของหูฟังให้ยาวนานสูงสุด 39 ชั่วโมง เมื่อปิดโหมดตัดเสียงรบกวน แต่ถ้าฟังโดยเปิดโหมด ANC จะให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 25 ชั่วโมง โดยรองรับการชาร์จเร็วใช้เวลาชาร์จเพียง 10 นาที สามารถใช้งานได้นาน 10 ชั่วโมง
สรุปราคาและการจำหน่าย
OnePlus 11 5G เป็นการกลับมาอีกครั้งของนักฆ่าเรือธงรุ่นล่าสุดจาก OnePlus ที่คราวนี้อัดสเปกมาให้เน้นๆ แม้ไม่มีคำว่า Pro พ่วงท้าย เพื่อให้เป็นพรีเมี่ยมสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์การใช้งานได้รอบด้านในเครื่องเดียว ไม่ว่าจะเล่นเกม ถ่ายภาพ และใช้งานด้านความบันเทิง ด้วยจอแสดงผลคุณภาพสูง 2K 120Hz Super Fluid AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ชิปเรือธงที่ดีที่สุด Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 แบตเตอรี่ขนาดใหญ่รองรับชาร์จไว 100W SUPERVOOC ชาร์จเต็ม 100% ในเวลาเพียง 25 นาที และได้รับเทคโนโลยีการถ่ายภาพจาก Hasselblad รุ่นที่ 3
OnePlus Buds Pro 2 เป็นหูฟังไร้สาย TWS ระดับพรีเมี่ยมที่ออกแบบมาให้ใช้งานคู่กับ OnePlus 11 5G ได้อย่างสมบูรณ์แบบมาในเฉดสีเดียวกัน ใช้ฮาร์ดแวร์ที่มีคุณภาพ ทั้งไดนามิกไดรเวอร์แบบคู่ MelodyBoost Dual Drivers จาก Dynaudio รองรับระบบเสียง Spatial Audio และตัวแปลงสัญญาณ LHDC 4.0 สามารถถ่ายทอดเสียงคุณภาพสูงระดับ Lossless High-Res Audio
ราคา OnePlus 11 5G และ OnePlus Buds Pro 2
- OnePlus 11 5G สีดำ Titan Black รุ่น RAM 8GB + ROM 128GB ราคา 29,990 บาท
- OnePlus 11 5G สีเขียว Eternal Green รุ่น RAM 16GB + ROM 256GB ราคา 32,990 บาท
- OnePlus Buds Pro 2 ราคา 6,490 บาท มีสีเขียว Arbor Green และ สีดำ Obsidian Black
ทั้งนี้ OnePlus ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษในงาน Thailand Mobile Expo 2023 เมื่อจับจองเป็นเจ้าของ OnePlus 11 5G ในงานดังกล่าว รับทันที OnePlus 11 5G Sandstone Bumper Case มูลค่า 790 บาท และหูฟัง OnePlus Buds Pro 2 มูลค่า 6,490 บาท โดยงาน Thailand Mobile Expo 2023 จัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 16 – 19 กุมภาพันธ์ 2023 นอกจากนี้ ยังสามารถสั่งจองได้ที่ OnePlus Experience Zone, AIS, Shopee, Lazada และ OPPO Brand shop