OnePlus เปิดตัวนักฆ่าเรือธงรุ่นใหม่ในระดับโลกแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าจะเข้ามาทำตลาดในไทยด้วยเช่นกัน และทีมงาน @Flashfly ก็ไม่รอช้าที่จะคว้ามาพรีวิวให้ชมทันที ก่อนที่ OnePlus 11 5G จะเปิดตัวทางการในประเทศไทยวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ พร้อมกับหูฟังไร้สายรุ่นใหม่ OnePlus Buds Pro 2
แกะกล่อง OnePlus 11 5G
OnePlus จัดส่ง OnePlus 11 5G และ OnePlus Buds Pro 2 รวมกันมาในกล่องเดียวกัน ซึ่งไม่ใช่กล่องที่ผู้ใช้งานทั่วไปจะได้รับ แต่สำหรับผู้ที่ซื้อสมาร์ทโฟน OnePlus 11 5G จะมาในกล่องสีแดงที่มีเลข 11 ขนาดใหญ่บนหน้ากล่อง ขอบล่างพบโลโก้ OnePlus x Hasselblad แสดงถึงการจับมือกันระหว่าง 2 แบรนด์
เมื่อยกฝากล่องสีแดงออกไป จะพบว่าตัวกล่องเป็นสีดำ โดยมีกล่องเอกสารวางอยู่ชั้นบนสุด ภายในมีคู่มือ Quick Guide, Safty Guide, จดหมายต้อนรับ และ สติกเกอร์โลโก้ OnePlus
สมาร์ทโฟน OnePlus 11 5G ถูกห่อหุ้มไว้ในซองอย่างดี โดยหน้าซองมีการระบุตำแหน่งของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ซ่อนอยู่ใต้จอแสดงผล
หลังจากหยิบถาดรองสมาร์ทโฟนขึ้นมา จะเข้าถึงชั้นล่างสุดของกล่อง ซึ่งมีสายชาร์จเส้นสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของ OnePlus และอุปกรณ์ชาร์จแบตตอรี่
ในกล่องใหญ่ที่ทีมงาน @Flashfly ได้รับมารีวิว ยังมีเคสแถมมาให้ด้วย ซึ่งเป็นเคสลายคาร์บอนเคฟลาร์จากแบรนด์ Evutec
ดีไซน์พรีเมี่ยมทันสมัย
ต่อให้สมาร์ทโฟนมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน แต่ถ้าขาดความสวยงาม ก็สามารถทำให้คุณค่าลดลงได้ แต่ไม่ใช่กับ OnePlus 11 5G เพราะไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพที่ทรงพลังสมฉายานักฆ่าเรือธง แต่ยังได้รับการออกแบบมาอย่างหรูหรา ให้ความสวยงามแบบ Timeless เหนือกาลเวลา ทันสมัยและสง่างาม สะท้อนถึงนิยามเทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์ของ OnePlus สำหรับผู้ที่ต้องการความแตกต่าง สมกับเป็นสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยม และยังผ่านการออกแบบที่คำนึงถึงการใช้งานจริง เพื่อให้จับถือได้อย่างถนัดมือ
OnePlus 11 5G ผลิตออกมาให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ Titan Black และ สีเขียว Eternal Green ซึ่งเป็นสีที่ทีมงาน @Flashfly ได้รับมารีวิว โดยมีแรงบันดาลใจมาจากเฉดสีของป่าฝนในยามพลบค่ำ ฝาหลังประกอบขึ้นจากกระจกหลายชั้น ทำให้เกิดการกระจายแสงที่ไหลลื่น ละเอียดยิ่งขึ้น และน่าดึงดูดใจเมื่อกระทบกับพื้นผิว คล้ายกับพลังงานที่ต่อเนื่อง มีการเคลื่อนไหว ไม่หยุดนิ่ง และสีเขียวที่นำมาใช้ยังช่วยลดคราบรอยนิ้วมือได้อย่างดี
ด้านหน้าโดดเด่นด้วยจอแสดงผล AMOLED ขอบมุมโค้ง ขนาด 6.7 นิ้ว ให้อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 92.7% ทำให้มีพื้นที่ขอบหน้าจอบางเฉียบรอบด้าน และยังได้รับการป้องกันด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus
OnePlus 11 5G ได้รับการติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล และซ่อนกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล ไว้ในหลุมที่มุมบนหน้าจอ
ด้านหลังสะดุดตากับดีไซน์กล้องขนาดใหญ่ พร้อมโลโก้แบรนด์กล้อง Hasselblad มีการจัดวางโมดูลกล้องไว้บนแผงกระจกวงกลม และมีการตกแต่งกล้องหลังด้วยสแตนเลสคุณภาพสูง เป็นรูปตัว K ที่โค้งมน (K-shape curve) และเชื่อมต่อไปยังกรอบตัวเครื่องด้านข้าง
ดีไซน์ขอบด้านข้างจะเห็นการบรรจบกันระหว่างขอบหน้าจอกับฝาหลังที่มีความโค้งมน คั่นกล้างด้วยกรอบสแตนเลสชุบโครเมียมคุณภาพสูง โดยมีปุ่ม Alert Slider มาให้เหมือนเดิม ช่วยให้สลับโปรไฟล์เสียงได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นเปิดเสียง, ปิดเสียง และ สั่น ถัดลงมาเป็นปุ่มเพาเวอร์
ปุ่มปรับระดับเสียง ติดตั้งแยกไว้อีกข้าง
ด้านบนมีไมโครโฟนตัวที่ 2 ช่วยทำหน้าที่ลดเสียงรบกวนรอบข้าง ทำให้การสนทนาหรือบันทึกเสียงชัดเจนยิ่งขึ้น
ด้านล่างจะพบกับช่องใส่ซิมการ์ด, ไมโครโฟน, พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C และ ช่องลำโพง
จอแสดงผล 120Hz AMOLED
OnePlus 11 5G มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ขอบมุมโค้ง ความละเอียด 3216 x 1440 พิกเซล ขนาด 6.7 นิ้ว ความหนาแน่นพิกเซล 525 PPI (พิกเซลต่อนิ้ว) อัตราส่วนภาพ 20.1:9 อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 92.7% มาพร้อมเทคโนโลยี LTPO 3.0 ช่วยให้รองรับอัตราการรีเฟรชแบบปรับได้ 1 – 120Hz ให้ความสว่างสูงสุด 1300 นิต สนับสนุน Dolby Vision และ HDR 10+
ชิป Snapdragon 8 Gen 2 รุ่นใหม่ล่าสุด
แบรนด์ OnePlus เป็นที่รู้จักในฐานะนักฆ่าเรือธง ซึ่งหมายถึงสมาร์ทโฟนของ OnePlus ต้องอัดแน่นไปด้วยประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ในราคาคุ้มค่าที่สุด และนั่นทำให้ OnePlus 11 5G ได้รับชิปประมวลผลเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด Snapdragon 8 Gen 2 จาก Qualcomm ที่มีความเร็ว แรง ทรงพลัง และยังรองรับเทคโนโลยี Ray Tracing ช่วยให้กราฟิกเกมมีความสมจริงมากยิ่งขึ้น ด้วยการแสดงแสงและเงาในเกมแบบเรียลไทม์ ตามแหล่งกำเนิดแสง ทำให้สภาพแวดล้อมต่างๆ ภายในเกมมีเอฟเฟกต์เงา การหักเหของแสง และ การสะท้อนเงา เหมือนกับสภาพแสงในโลกจริง
RAM 16GB (LPDDR5X) + ROM 256GB
OnePlus 11 5G ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย มีด้วยกัน 2 ตัวเลือก ได้แก่ RAM 8GB (LPDDR5X) + ROM 128GB (UFS 3.1) และ RAM 16GB (LPDDR5X) + ROM 256GB (UFS 4.0) โดยรุ่นบนสุดที่มาพร้อม RAM 16GB ช่วยให้การทำงานแบบ Multitasking ราบรื่นยิ่งขึ้น สามารถเปิดแอปพลิเคชั่นไว้ในเบื้องหลังได้มากถึง 44 แอป จึงสามารถสลับใช้งานแต่ละแอปได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากจะมีความจำเยอะจุใจ ด้วยระบบปฏิบัติการ OxygenOS 13 ยังทำให้ OnePlus 11 5G รองรับนวัตกรรมใหม่ RAM-Vita ซึ่งทีมวิศวกรของ OnePlus สร้างขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดลำดับความสำคัญของ RAM ที่จะปล่อยจากการใช้งานเริ่มต้นไปสู่การใช้งานที่หนักหน่วงขึ้น เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการที่ลึกกว่าใน Linux และเพิ่มประสิทธิภาพได้มากกว่าเมื่อเทียบกับรูปแบบอื่นๆ
กล้อง Hasselblad
อีกไฮไลท์ที่น่าสนใจของ OnePlus 11 5G คือการพัฒนาระบบกล้องร่วมกับ Hasselblad แบรนด์กล้องระบบโลก โดยมาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX890 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวด้วย OIS, กล้อง Ultra Wide 48 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX581 ให้มุมมองภาพ 115 องศา สามารถถ่ายภาพ Macro หรือระยะใกล้ได้ และกล้อง Telephoto 32 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX709 ซูมออปติคัล 2 เท่า รองรับโหมดภาพถ่าย Portrait ของ Hasselblad ทำให้ถ่ายภาพออกมาเสมือนกล้องระดับ DSLR
ผลประโยชน์จากการทำงานร่วมกับ Hasselblad ช่วยให้สมาร์ทโฟน OnePlus 11 5G สามารถถ่ายภาพได้อย่างมืออาชีพด้วยกล้อง Hasselblad ที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ Accu-spectrum Light-color Identifier ซึ่งสามารถจับสีที่ถูกต้องของแต่ละสีได้ ยกระดับสีสมจริงกว่าเดิม และทำให้ความผิดเพี้ยนของสีลดน้อยลงอย่างมาก
อัปเกรดระบบระบายความร้อน
นอกเหนือจากชิปประมวลผล ระบบระบายความร้อนก็เป็นอีกคุณสมบัติที่ทำให้สมาร์ทโฟนสามารถรักษาประสิทธิภาพให้อยู่ในระดับสูงสุดได้เป็นเวลานาน หมายความว่า ผู้ใช้งานจะไม่รู้สึกว่า OnePlus 11 5G ทำงานช้าลงหลังจากมีการใช้งานเป็นเวลานานหรือเล่นเกมยาวนานต่อเนื่อง
OnePlus 11 5G มาพร้อมระบบระบายความร้อน Cryo-velocity VC Cooling System ที่ได้รัการอัปเกรดวัสดุใหม่ โดยใช้วัสดุผลึกกราฟีนแบบใหม่ และออกแบบโครงสร้างการกระจายความร้อนแบบใหม่ล่าสุด ซึ่งให้ประสิทธิภาพดีกว่าการระบายความร้อนที่เคยมีมาทั้งหมด
ชาร์จเร็ว 100W SUPERVOOC
OnePlus 11 5G ถูกสร้างมาให้พร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเร่งด่วนแค่ไหน ด้วยเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 100W SUPERVOOC สามารถชาร์จแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh ของ OnePlus 11 5G ให้เต็ม 100% ภายในเวลาเพียง 25 นาที ซึ่งเป็นระยะเวลาที่รวดเร็วพอๆ กับการอาบน้ำ หรือ ทานอาหารใน 1 มื้อ นั่นทำให้ผู้ใช้งาน ไม่จำเป็นต้องชาร์จสมาร์ทโฟนก่อนนอน แต่สามารถชาร์จในตอนเช้าหลังจากตื่นนอน จากนั้นก็ไปอาบน้ำ แต่งตัว ชงกาแฟดื่มสักแก้ว OnePlus 11 5G ก็ถูกชาร์จจนเต็มแล้ว
OnePlus Buds Pro 2
ในโอกาสเดียวกันนี้ OnePlus ยังได้เปิดตัวหูฟังไร้สายรุ่นใหม่ OnePlus Buds Pro 2 ซึ่งได้รับการปรับปรุงมาจาก OnePlus Buds Pro รุ่นแรก ที่เคยเปิดตัวในปี 2021 และจะทำตลาดควบคู่ไปกับสมาร์ทโฟน OnePlus 11 5G
แกะกล่อง OnePlus Buds Pro 2
OnePlus Buds Pro 2 ถูกบรรจุไว้ในกล่องสีขาว ที่มีการพิมพ์รูปภาพผลิตภัณฑ์ไว้อย่างชัดเจนบนหน้ากล่อง ทั้งหูฟังทั้ง 2 ข้าง และเคสชาร์ โดยมีการระบุชื่อ OnePlus Buds Pro 2 ในแนวตั้ง พิมพ์ไว้บนแถบสีแดง พร้อมบอกสีสันของหูฟัง ซึ่งทีมงาน @Flashfly ได้รับสีเขียว Arbor Green เข้ากันได้ดีกับสีเขียว Eternal Green ของ OnePlus 11 5G
ภายในกล่อง OnePlus Buds Pro 2 จะพบกับจดหมายต้อนรับ, คู่มือ, ข้อมูลด้านความปลอดภัยและบัตรรับประกัน, สายชาร์จเส้นสีแดง และแถมจุกหูฟังมาให้อีก 2 คู่ ในขนาด L และ S (เผื่อไว้กรณีขนาด M ที่ติดตั้งมาให้อยู่แล้วไม่พอดีกับช่องหู)
ดีไซน์หรูหรา
ดีไซน์โดยรวมของ OnePlus Buds Pro 2 มีภาพลักษณ์และให้สัมผัสหรูหรา สะดุดตา เคลือบผิวด้าน NCL ที่เรียบเนียน มาในสีเขียว Arbor Green เฉดเดียวกับสีเขียว Eternal Green ของสมาร์ทโฟน OnePlus 11 5G เหมือนทั้งคู่ถูกสร้างมาคู่กัน และยังมีสีดำ Obsidian Black เป็นอีกตัวเลือก ซึ่งเข้ากันได้ดีกับสีดำ Titan Black ของ OnePlus 11 5G
เคสชาร์จของ OnePlus Buds Pro 2 ดีไซน์มาในแนวนอน มีความกว้าง x ยาว 20.85 x 32:18 มิลลิเมตร หนา 24.30 มิลลิเมตร น้ำหนัก 47.3 กรัม รูปทรงโค้งมน แต่ส่วนขอบแบนรอบด้าน
ด้านหน้ามีการเซาะร่องเป็นแนวยาว เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานเปิดฝาเคสชาร์จได้ง่ายขึ้น และมีไฟ LED ติดตั้งมาให้ 1 จุด
ด้านหลังมีพอร์ตชาร์จ USB-C อยู่ใต้บานพับ
เมื่อเปิดฝาเคสชาร์จขึ้นมาจะพบกับหูฟังทั้ง 2 ข้าง นอนอยู่ในหลุมที่ทำไว้พอดีกับรูปทรงของหูฟัง และมีการติดตั้งจุกหูฟังขนาด M มาให้อยู่แล้ว
หูฟัง OnePlus Buds Pro 2 มาในดีไซน์ทูโทน ครึ่งบนเป็นพื้นผิวด้าน ครึ่งหลังเป็นพื้นผิวมันเงาแบบโลหะ แต่ละข้างมีน้ำหนักเบาเพียง 4.9 กรัม สามารถป้องกันน้ำและฝุ่นในระดับ IP55 ขณะที่เคสชาร์จป้องกันน้ำในระดับ IPX4
OnePlus Buds Pro 2 ได้รับการออกแบบมาให้สวมใส่ได้สบายยิ่งขึ้น โดยมีขนาดเล็กลงเพื่อให้พอดีกับหู แม้จะใช้งานเป็นเวลาหลายชั่วโมง นอกจากนี้ จุกหูฟังที่แถมมาให้ทั้ง 3 คู่ ยังใช้วัสดุที่ให้ความนุ่มสบายและต้านเชื้อแบคทีเรีย
จูนเสียงโดย Dynaudio รองรับ Spatial Audio
หูฟัง OnePlus Buds Pro 2 ได้รับการปรับจูนเสียงโดย Dynaudio แบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำระดับโลกจากเดนมาร์ก จึงมาพร้อม MelodyBoost Dual Drivers เทคโนโลยีขั้นสูงที่ได้จากลำโพงระดับพรีเมี่ยม มอบเสียงที่ลึกกว่า เต็มอิ่มกว่า และยังร่วมมือกับ Google เพื่อนำเสนอระบบเสียง Spatial Audio สำหรับรับฟังเสียงจากรอบทิศทางอย่างความสมจริง ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในสถานที่จริง ด้วยขอบเขตของเสียงที่กว้างขึ้น เสียงร้องที่ชัดเจนขึ้น อีกทั้งยังสนับสนุนการชาร์จเร็ว ใช้เวลาชาร์จเพียง 10 นาที สามารถนำไปใช้งานได้นาน 10 ชั่วโมง
เปิดตัวทางการในประเทศไทย วันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้
OnePlus Buds Pro 2 เป็นการกลับมาอีกครั้งของนักฆ่าเรือธงรุ่นใหม่จาก OnePlus แบรนด์สมาร์ทโฟนที่จัดเต็มทั้งประสิทธิภาพและงานออกแบบ แต่กำหนดราคาอย่างเหมาะสม เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่กำลังมองหาเรือธงรุ่นใหม่ ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้รอบด้านไม่ว่าจะเล่นเกม ถ่าภาพ และให้ความบันเทิงทั้งภาพและเสียงอย่างเต็มอิ่ม มาพร้อมหูฟังไร้สายแบบ TWS รุ่นใหม่ OnePlus Buds Pro 2 ที่ช่วยยกระดับการฟังขึ้นไปอีกขั้นไม่ว่าจะฟังเพลงหรือรับชมภาพยนตร์ก็ให้เสียงที่สมจริง และยังจับคู่กับสมาร์ทโฟน OnePlus Buds Pro 2 เพื่อเล่นเกมได้อย่างดี ด้วยค่า Low Latency หรือเวลาแฝงต่ำเพียง 54 มิลลิวินาที
ทั้งนี้ OnePlus Buds Pro 2 และ OnePlus Buds Pro 2 จะได้รับการเปิดตัวพร้อมกันในประเทศไทย วันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ โดยจะมีการประกาศราคาให้ทราบพร้อมกันในช่วงท้ายของการเปิดตัว ซึ่งทีมงาน @Flashfly จะรีบรายงานทันที พร้อมนำเสนอรีวิว OnePlus Buds Pro 2 อย่างเต็มรูปแบบในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ OnePlus ยังได้เปิดตัว Jackson Wang ในฐานะ OnePlus APAC Smartphone Ambassador คนแรก! โดยประกอบด้วยประเทศไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และสิงคโปร์