Samsung เปิดตัวสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมรุ่นแรกของปี 2023 อย่างทางการแล้ว ประกอบด้วย Galaxy S23 Ultra, Galaxy S23+ และ Galaxy S23 โดยทีมงาน @Flashfly ได้รับ Galaxy S23 Ultra มารีวิวทันทีหลังจากเปิดตัวในไทย ถือเป็นรุ่นไฮเอนด์ของ Galaxy S23 Series ที่มีจุดเด่นเหนือกว่า Galaxy S23+ และ Galaxy S23 ทั้งกล้องหลังความละเอียดสูง จอแสดงผลขนาดใหญ่กว่า มาพร้อมปากกา S Pen นอกจากนี้ ยังมีความน่าสนใจอะไรอีกบ้าง เลื่อนลงมาชมกันได้เลย!!
สเปก Samsung Galaxy S23 Ultra
- จอแสดงผล QHD+ Edge, Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.8 นิ้ว
- กล้องหลัง 200 + 12 + 10 + 10 ล้านพิกเซล
- กล้องเซลฟี่ 12MP Front Camera
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 for Galaxy
- ความจำ 12GB + 1TB / 12GB + 512GB / 8GB + 256GB (RAM + ROM)
- การเชื่อมต่อ 5G, 4G LTE, Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.3, USB-C
- ระบบปฏิบัติการ One UI 5.1 บนพื้นฐาน Android 13
- ระบบรักษาความปลอดภัย Samsung Knox, Samsung Knox Vault
- มาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำ IP68
- แบตเตอรี่ 5,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 45W
- รองรับการชาร์จไร้สาย Fast Wireless Charging 2.0 และ Wireless PowerShare
- ขนาดตัวเครื่อง 78.1 x 163.4 x 8.9 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 234 กรัม
ดีไซน์สุดพรีเมี่ยมใช้วัสดุรักษ์โลก
งานออกแบบของ Galaxy S23 Ultra มีความแตกต่างจาก Galaxy S23+ และ Galaxy S23 อย่างชัดเจน ไม่เพียงแต่มีขนาดหน้าจอใหญ่ว่า แต่ดีไซน์โดยรวมยังมีขอบมุมที่เหลี่ยมกว่า และยังมีส่วนคล้ายกับ Galaxy S22 Ultra ที่เปิดตัวในปีที่แล้ว โดยในรุ่นใหม่ล่าสุดมีให้เลือก 4 สี ได้แก่ Phantom Black, Cream, Green และ Lavender แต่ถ้าสั่งซื้อผ่านระบบออนไลน์ของเว็บไซต์ Samsung จะมีให้เลือกอีก 4 สี ได้แก่ Graphite, Sky Blue, Lime และ Red
ดีไซน์ในภาพรวมของ Samsung Galaxy S23 Ultra ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมสมกับเป็นสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ โดยกรอบตัวเครื่องใช้วัสดุอะลูมิเนียม ป้องกันแผงหน้าจอด้วยกระจก Gorilla Glass Victus 2 ซึ่ง Galaxy S23 Series ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มาพร้อมกระจก Gorilla Glass Victus 2 ของ Corning
ภายใต้ความสวยงามพรีเมี่ยม Samsung ยังใส่ใจสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้วัสดุที่ผ่านกระบวนการรีไซเคิลเพิ่มขึ้นเป็น 12 ชิ้น ในการผลิต Galaxy S23 Ultra ทั้งส่วนประกอบภายในและภายนอก (Galaxy S22 Ultra ใช้วัสดุรีไซเคิลกับส่วนประกอบภายในทั้งหมด 6 ชิ้น) กระจกหน้าและหลังประกอบด้วยวัสดุที่รีไซเคิลได้โดยเฉลี่ย 22%
ความจริงแล้ว สมาร์ทโฟน Galaxy S23 Series มีการใช้วัสดุรีไซเคิลที่หลากหลายในการผลิต มากกว่าสมาร์ทโฟน Galaxy รุ่นอื่นๆ ของ Samsung ไม่ว่าจะเป็นการใช้อะลูมิเนียมเหลือใช้ในระหว่างการผลิตต่างๆ แก้วรีไซเคิล และพลาสติกรีไซเคิลจากตาข่ายดักปลา รวมถึงขวด PET และพลาสติกที่ถูกทิ้งในทะเล นอกจากนี้ บรรจุภัณฑ์ของ Galaxy S23 Series ทุกรุ่น ยังถูกออกแบบขึ้นมาใหม่ โดยใช้กระดาษรีไซเคิลทั้งหมด เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโลกที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น
Galaxy S23 Ultra มาพร้อมจอแสดงผล Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.8 นิ้ว ใช้ดีไซน์ Infinity-O Display ซึ่งหมายถึงมีการเจาะหลุมตรงกึ่งกลางหน้าจอเพื่อซ่อนกล้องหน้า อีกทั้งยังมีการติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้หน้าจอ สำหรับยืนยันตัวตนหรือปลดล็อคสมาร์ทโฟน และได้รับการป้องกันด้วยกระจก Gorilla Glass Victus 2
Galaxy S23 Ultra ยังเป็นรุ่นเดียวใน Series เดียวกัน ที่รองรับการใช้งานร่วมกับปากกา S Pen โดยมีช่องเสียบปากกามาให้ในตัว (เคสด้านในของ S Pen ที่อยู่ภายในช่องเสียบ S Pen ประกอบไปด้วย Polyamide หรือ Nylon ที่ถูกทิ้งในทะเล (PA) อย่างน้อย 20%)
ด้านหลังอาจดูคล้ายกับ Galaxy S22 Ultra ด้วยดีไซน์ที่คล้ายกัน จัดวางตำแหน่งกล้องเหมือนกัน แต่ถ้าเทียบกันจริงๆ จะพบว่า โมดูลกล้องหลังของ Galaxy S23 Ultra ใหญ่กว่ารุ่นก่อนเล็กน้อย และยังมีความแตกต่างที่โทนสีใหม่ อย่างสีเขียวที่ทีมงาน @Flashfly ได้รับมารีวิว ก็มีเฉดสีที่เข้มกว่าสีเขียวของ Galaxy S22 Ultra (ฟิล์มตกแต่งกระจกหลัง Galaxy S23 Ultra ประกอบด้วยวัสดุที่รีไซเคิลได้อย่างน้อย 80%)
ขอบด้านข้างมีความบาง 8.9 มิลลิเมตร อาจจะไม่ได้บางเฉียบ เพราะภายในมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh และถ้าเทียบกับ Galaxy S22 Ultra จะพบว่าส่วนขอบด้านข้างของ Galaxy S23 Ultra มีความโค้งมนน้อยกว่ารุ่นก่อน ซึ่งทำให้การจับถือมีความถนัดมากขึ้น
ปุ่มกดด้านข้าง ประกอบด้วย ปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเพาเวอร์
มุมมองด้านบนมีพื้นผิวแบนราบเหมือนด้านบน มีไมโครโฟนตัวที่ 2 ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้างระหว่างบันทึกเสียงและสนทนา
พื้นผิวด้านล่างแบนราบเช่นกัน มีช่องเสียบปากกา S Pen, ลำโพง, ไมโครโฟน, พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C และ ช่องใส่ซิมการ์ด
หน้าจอใหญ่จดโน้ตได้ถนัด
Galaxy S23 Ultra มาพร้อมจอแสดงผล Dynamic AMOLED 2X ความละเอียด 3080 x 1440 พิกเซล ขนาด 6.8 นิ้ว ความหนาแน่นพิกเซล 500 พิกเซลต่อนิ้ว ความสว่างสูงสุด 1,750 นิต ให้อัตราการรีเฟรชหน้าจอแบบปรับได้ในช่วง 1 – 120Hz และ อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate ที่ 240Hz (ใน Game Mode)
จอแสดงผลของ Galaxy S23 Ultra ยังมีฟีเจอร์ Vision booster สามารถปรับแสงสว่างได้ 3 ระดับ เพื่อให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนแม้อยู่กลางแจ้งในเวลากลางวัน และฟีเจอร์ Enhanced comfort สามารถปรับโทนสีและระดับคอนทราสต์ ช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตาจากหน้าจอในเวลากลางคืน อีกทั้งยังมาพร้อมลำโพงคู่ รองรับระบบเสียง Dolby Atmos จึงเป็นสมาร์ทโฟนที่ตอบสนองการใช้งานด้านความบันเทิงได้อย่างดีทั้งภาพและเสียง ไม่ว่าจะรับชมภาพยนตร์หรือเล่นเกม
จอแสดงผลของ Galaxy S23 Ultra มีความพิเศษกว่า Galaxy S23+ และ Galaxy S23 ตรงที่ถูกสร้างมาเพื่อรองรับการใช้งานร่วมกับปากกา S Pen ทำให้ขอบมุมของจอแสดงผลเป็นมุมฉากอย่างชัดเจน ขณะที่ขอบมุมหน้าจอของ Galaxy S23+ และ Galaxy S23 จะถูกลบมุมให้โค้งมน ส่วนขอบด้านข้างก็ไม่ได้ใช้จอขอบโค้ง ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ S Pen วาดเขียนหรือจดบนทึกได้ทุกพื้นที่จนสุดขอบ โดยมีช่องเสียบปากกา S Pen อยู่ที่ด้านล่างเหมือนกับรุ่นก่อน
กล้องหลัง 200 ล้านพิกเซลซูม 100x
ถึงแม้ดีไซน์กล้องหลังของ Galaxy S23 Ultra อาจดูคล้ายรุ่นก่อน แต่ความจริงแล้วได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ โดยเฉพาะกล้องหลัก ซึ่งถือเป็นรุ่นแรกของสมาร์ทโฟน Galaxy S Series ที่ได้รับเซ็นเซอร์รับภาพ Adaptive Pixel ความละเอียด 200 ล้านพิกเซล สามารถจับภาพได้อย่างชัดเจน ผ่านกระบวนการประมวลผลภาพความละเอียดสูงหลากหลายชุดที่ทำงานพร้อมกัน
- กล้องหลัก 200 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7
- กล้อง Ultra Wide 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ให้มุมมองภาพ 120 องศา
- กล้อง Telephoto (1) 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/4.9 ซูมออปติคัลได้สูงสุด 10 เท่า
- กล้อง Telephoto (2) 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ซูมออปติคัลได้สูงสุด 3 เท่า
กล้องหลักความละเอียดสูง 200 ล้านพิกเซล ช่วยให้ผู้ใช้งาน Galaxy S23 Ultra ถ่ายภาพเพื่อเก็บรายละเอียดโดยรวมของภาพได้อย่างครบถ้วน เหมาะสำหรับช่างภาพมืออาชีพ สามารถนำภาพไปขยายหรือครอปเลือกเฉพาะส่วนเล็กๆ ในภาพ ก็ยังมองเห็นรายละเอียดที่ชัดเจน ไม่ว่าจะถ่ายภาพตึกสูงระฟ้า สิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ หรือภาพกิจกรรมต่างๆ เมื่อเข้าไปขยายภาพดูก็ยังเห็นรายละเอียดสำคัญๆ ซึ่งบางทีไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานจะต้องเปิดโหมด 200MP ก่อน เพื่อจับภาพในความละเอียดสูงสุด ขณะที่โหมดถ่ายภาพปกติจะบันทึกภาพในความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซึ่งเพียงพอต่อการถ่ายภาพทั่วไป และยังประหยัดพื้นที่จัดเก็บในสมาร์ทโฟน
ด้วยกล้อง Telephoto ที่มีมาให้ 2 ตัว และกล้อง Ultra Wide ช่วยให้กล้องหลังของ Galaxy S23 Ultra สามารถซูมได้ตั้งแต่ช่วง 0.6x ที่เป็นการเปิดใช้งานกล้อง Ultra Wide จากนั้นขยับไปที่ระยะ 1.0x, 2.0x, 3.0x, 10x เป็นช่วงซูมแบบออปติคัล และยังขยายได้อีกจนถึงสูงสุด 100 เท่า ที่ Samsung เรียกว่า Space Zoom สามารถเก็บภาพจากระยะไกลได้น่าประทับใจ มองเห็นรายละเอียดชัดเจนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
การถ่ายภาพในเวลากลางคืนหรือในสภาวะแสงน้อย Galaxy S23 Ultra ก็ได้รับการปรับปรุงให้มีความคมชัดและสว่างมากขึ้น ด้วยฟีเจอร์ Nightography สามารถถ่ายภาพ และวิดีโอ ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายให้ออกมาสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพในอุโมงค์ หรือบันทึกวิดีโอในคอนเสิร์ต ซึ่งเบื้องหลังมี AI การประมวลสัญญาณภาพรุ่นใหม่ ช่วยลด Noise ที่มักปรากฎบนภาพถ่ายในที่แสงน้อย ช่วยปรับแต่งรายละเอียดให้วัตถุและโทนสี (แม้แต่รายละเอียดเล็กๆ อย่างเส้นผมและดวงตา) และยังมีระบบ Doubled Optical Image Stabilizer (OIS) ทำให้ภาพถ่ายในที่แสงน้อยคมชัดยิ่งขึ้น
Galaxy S23 Ultra สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 8K ซึ่งได้รับการปรับปรุงใหม่ให้รองรับการถ่ายวิดีโอมุมกว้าง ยกระดับเฟรมเรทเป็น 30 เฟรมต่อวินาที ยกระดับการถ่ายวิดีโอให้ออกมาเหมือนการถ่ายทำภาพยนตร์ โดยมีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS ช่วยให้วิดีโอราบรื่นเมื่อถ่ายวิดีโอขณะกำลังเคลื่อนที่
สำหรับผู้ใช้งาน Galaxy S23 Ultra ที่เป็นช่างภาพหรือมีทักษะในการถ่ายภาพ ยังสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น Expert RAW มาติดตั้งได้ฟรีจาก Galaxy Store ซึ่งช่วยเปลี่ยนประสบการณ์การถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนเป็นเหมือนการใช้กล้อง DSLR โดยมาพร้อมความสามารถในการถ่ายภาพซ้อน (Multi-Exposure photo) หรือบันทึกภาพทางช้างเผือกได้อย่างคมชัดด้วยฟีเจอร์ Astrophoto (หลังจากติดตั้งแอป Expert RAW เรียบร้อยแล้ว สามารถเข้าใช้งานได้โดยตรงจากแอปกล้องของ Galaxy S23 Ultra)
กล้องหน้า 12 ล้านพิกเซล
กล้องหน้าของ Galaxy S23 Ultra มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.2 ถือเป็นกล้องหน้ารุ่นแรกของสมาร์ทโฟน Galaxy S Series ที่มีทั้งระบบออโต้โฟกัสอันรวดเร็ว และเทคโนโลยี Galaxy Super HDR ซึ่งได้ยกระดับเฟรมเรทจาก 30 เฟรมต่อวินาทีเป็น 60 เฟรมต่อวินาที ทำให้การถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอคมชัดมากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างภาพถ่าย
ชิปที่แรงที่สุดของ Qualcomm
Samsung ติดตั้งชิปประมวลผลที่ทรงพลังที่สุดของ Qualcomm ให้กับ Galaxy S23 Ultra ซึ่งได้รับการปรับแต่งให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เรียกว่าชิป Snapdragon 8 Gen 2 Mobile Platform for Galaxy ใช้สถาปัตยกรรม Micro GPU ที่ถูกออกแบบใหม่ ให้ประสิทธิภาพการประมวลผลของ Galaxy S23 Series เพิ่มขึ้นถึง 30% เมื่อเปรียบเทียบกับ Galaxy S22 Series และ GPU สามารถทำงานได้เร็วขึ้นถึง 41% เมื่อเปรียบเทียบกับ Galaxy S22 Series
Galaxy S23 Ultra ยังรองรับ Ray Tracing หรือการจำลองแสงเงาของวัตถุแบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ควรมีในเกมมิ่งสมาร์ทโฟน ช่วยให้กราฟิกเกมแสดงภาพได้สวยงามสมจริงยิ่งขึ้น โดยอาศัยการทำงานของเทคโนโลยีที่สามารถจำลองและติดตามลักษณะของแสงในเกมได้ทุกจุด นอกจากนี้ ช่องระบายความร้อน ยังถูกปรับปรุงให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ Galaxy S23 Ultra รองรับการเล่นเกมได้อย่างลื่นไหลเป็นเวลานาน โดยไม่ต้องกังวลว่าความร้อนจากภายในจะทำให้การเล่นเกมช้าลง
ด้านความจำ Galaxy S23 Ultra ในไทย มีทั้งหมด 3 ตัวเลือก ได้แก่ RAM 12GB + ROM 1TB, RAM 12GB + ROM 512GB และ RAM 8GB + ROM 256GB ซึ่งถือว่าให้ความจุมาเยอะตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น เพียงพอสำหรับการติดตั้งเกมขนาดใหญ่ได้หลายเกม แต่สำหรับผู้ใช้งานที่เน้นถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง แนะนำให้เลือกรุ่นที่มีความจำใหญ่ขึ้น
แบตเตอรี่ 5,000mAh
Galaxy S23 Ultra มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สุดใน Series เดียวกัน ด้วยความจุ 5,000mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 45W ชาร์จถึงระดับ 65% ภายในเวลา 30 นาที ผ่านพอร์ต USB-C โดยใช้ 45W Power Adapter (จำหน่ายแยกต่างหาก) นอกจากนี้ ยังรองรับการชาร์จเร็วแบบไร้สาย Fast Wireless Charging 2.0 และมีฟีเจอร์ Wireless PowerShare สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้อุปกรณ์อื่นของ Samsung แบบไร้สายได้ เช่น Galaxy Buds2 Pro, Galaxy Watch5 Pro เป็นต้น แต่ฟีเจอร์ Wireless PowerShare จะทำงานได้ก็ต่อเมื่อแบตเตอรี่ของ Galaxy S23 Ultra มีความจุมากกว่า 30%
Samsung มอบประสบการณ์ระดับพรีเมี่ยมให้กับเจ้าของ Galaxy S23 Series ได้ใช้งานต่อเนื่องไปอีกหลายปี เนื่องจากรองรับการอัปเกรดระบบปฏิบัติการได้สูงถึง 4 เวอร์ชั่นหลัก รวมถึงรองรับการอัปเดทด้านความปลอดภัยยาวนานถึง 5 ปี และทุกรุ่น ได้รับระบบความปลอดภัย Samsung Knox แบบครบวงจร ซึ่งผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากรัฐบาล และอุตสาหกรรมต่างๆ มากกว่าสมาร์ทโฟนหรือโซลูชันอื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาด ๆ
สรุปราคาและการจำหน่าย
Galaxy S23 Ultra ถูกสร้างมาให้เป็นที่สุดของสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ของ Samsung หากมองที่ประสิทธิภาพของชิปประมวลผล อาจไม่ได้แตกต่างจาก Galaxy S23 Series รุ่นอื่นๆ แต่ถ้ามองในด้านการถ่ายภาพ Galaxy S23 Ultra มีความโดดเด่นอย่างชัดเจน ทั้งการถ่ายภาพและวิดีโอในที่แสงน้อย การซูมจากระยะไกล และยังมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่า แถมปากกา S Pen มาให้ในตัว บอกได้เลยว่าเจ้าของ Galaxy Note รุ่นเก่า ถึงเวลาที่ต้องอัปเกรดแล้ว
ทั้งนี้ Samsung เปิดให้สั่งจอง Galaxy S23 Ultra ในระหว่างวันที่ 2 – 23 กุมภาพันธ์ 2566 ราคาเริ่ม 43,900 บาท สำหรับรุ่น RAM 8GB + ROM 256GB, ราคา 49,900 บาท สำหรับรุ่น RAM 12GB + ROM 512GB และ ราคา 59,900 บาท สำหรับรุ่น RAM 12GB + ROM 1TB
ผู้ที่สั่งซื้อล่วงหน้าในช่วงเวลาดังกล่าวกับทาง Samsung จะได้รับสิทธิพิเศษที่น่าสนใจดังนี้
- เพิ่มความจุเป็น 2 เท่า หรือ เลือกรับ e-Voucher มูลค่าสูงสุด 10,000 บาท
- รับส่วนลดเพิ่ม 5,000 บาท เมื่อใช้สิทธิ์เก่าแลกใหม่
- สำหรับผู้ลงทะเบียนล่วงหน้า รับฟรี Samsung Care+ นาน 1 ปี พร้อมสิทธิ์แลกซื้อปีที่ 2 ราคาพิเศษ เพียง 1,999 บาท
- รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 5% มูลค่าสูงสุด 2,495 บาท เมื่อชำระเงินในรูปแบบผ่อนผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ
- รับส่วนลด Buds2 Pro หรือ Watch5 30% เมื่อซื้อคู่กับ S23 Ultra
- รับคะแนนสะสม Samsung Reward 2% เพื่อใช้เป็นส่วนลดครั้งถัดไป
- เฉพาะสีพิเศษ รับฟรี Clear Cover Case และ Sticker 1 เซ็ต มูลค่ารวม 1,080 บาท
รับส่วนลดสูงสุด 14,500.- เมื่อจองผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายและร่วมโปรโมชั่นเก่าแลกใหม่ พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ย้ายค่ายลดเพิ่มอีก 2,000.- เฉพาะผู้ให้บริการเครือข่ายที่กำหนด
*เงื่อนไข ส่วนลด14,500.- ได้รับเมื่อสมัครแพ็กเกจที่ผู้ให้บริการเครือข่ายกำหนด ลดสูงสุด 9,500.- และรับส่วนลดเพิ่มจากราคาประเมิน 5,000.- เมื่อนำเครื่องเก่าที่ร่วมรายการมาแลกซื้อ Galaxy S23 Ultra เงื่อนไขเป็นไปตามที่ผู้ให้บริการเครือข่ายกำหนด
สำหรับทุกการสั่งซื้อหรือการจองจากทุกช่องทางเพิ่มเติมไปอีก!!!!
- รับสิทธิ์ซื้อประกันจอแตก Samsung Care+ ในราคาพิเศษ ลด 50%
สั่งจองได้แล้วตั้งแต่วันนี้ผ่านช่องทางออนไลน์บนเว็บไซต์ samsung.com หรือหน้าร้านที่ Samsung Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการตั้งแต่วันนี้ – 23 กุมภาพันธ์นี้เท่านั้น
ลิงก์จองสำหรับ S23Ultra : https://www.samsung.com/th/smartphones/galaxy-s23-ultra/?page=home
ลิงก์จองสำหรับ S23 และ S23+ : www.samsung.com/th/smartphones/galaxy-s23/pre-order