Apple เปิดตัว HomePod รุ่นที่ 2 เมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา โดยดีไซน์ในภาพรวมยังดูคล้ายกับรุ่นแรก ที่เปิดตัวในเดือนมิถุนายน 2017 แต่ความจริงแล้วมีหลาายจุดที่แตกต่างกัน ซึ่งเราจะมาดูกันว่า HomePod รุ่นที่ 2 มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง? เมื่อเทียบกับรุ่นแรก
ชิป S7
HomePod รุ่นที่ 2 มาพร้อมกับชิป S7 แบบเดียวกับที่พบใน Apple Watch Series 7 ขณะที่ HomePod รุ่นแรก ใช้ชิป A8 จาก iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ซึ่ง Apple กล่าวว่าชิป S7 ช่วยให้ HomePod รุ่นใหม่มีระบบเสียงที่ล้ำหน้ายิ่งกว่าเดิม
ไมโครโฟนและทวีตเตอร์น้อยกว่า
HomePod รุ่นที่ 2 มีไมโครโฟน 4 ตัว ขณะที่ HomePod รุ่นแรก ให้มา 6 ตัว แต่ Apple ยืนยันว่า ไม่มีปัญหาสำหรับการเรียกใช้งาน Siri จากระยะไกล
ลำโพงทวีตเตอร์ของ HomePod รุ่นที่ 2 มีทั้งหมด 5 ตัว หายไป 2 ตัว เมื่อเทียบกับ HomePod รุ่นแรก ซึ่งคาดว่าเป็นการลดต้นทุนของ Apple และยังไม่สามารถบอกได้ว่าจำนวนไมโครโฟนและทวีตเตอร์ที่น้อยกว่า จะส่งผลให้ประสิทธิภาพเสียงลดลงหรือไม่
เซ็นเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิและความชื้น
HomePod รุ่นที่ 2 ได้รับเซ็นเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิและความชื้น ที่ไม่มีในรุ่นแรก แต่มีอยู่แล้วใน HomePod mini ช่วยให้ HomePod สามารถตรวจวัดข้อมูลภายในบ้านและช่วยควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ Smart Home ผู้ใช้งานจึงสามารถสร้างการทำงานอัตโนมัติให้ปิดม่านหรือพัดลมโดยอัตโนมัติ เมื่ออุณหภูมิในห้องอยู่ถึงจุดที่กำหนดไว้
เซ็นเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิและความชื้นใน HomePod รุ่นที่ 2 ได้รับการปรับให้เหมาะสมสำหรับการตั้งค่าในร่มและภายในบ้าน เมื่ออุณหภูมิแวดล้อมอยู่ที่ประมาณ 15 ถึง 30 องศาเซลเซียส และความชื้นสัมพัทธ์อยู่ที่ประมาณ 30% ถึง 70% ความแม่นยำอาจลดลงในบางสถานการณ์ที่เล่นเสียงเป็นระยะเวลานานที่ระดับเสียงสูง
ถอดสายไฟได้ง่ายขึ้น
สายไฟของ HomePod รุ่นที่ 2 ถอดออกจากตัวลำโพงได้ง่ายกว่ารุ่นแรก แต่ถึงอย่างนั้น Apple ก็ไม่แนะนำให้พยายามถอดสายออก
แผงควบคุมใหญ่ขึ้น
HomePod รุ่นแรก และรุ่นที่ 2 รองรับการควบคุมแบบสัมผัสที่ด้านบนของลำโพงเหมือนกัน แต่ในรุ่นใหม่มีอินเทอร์เฟซที่ใหญ่ขึ้นอย่างชัดเจน สามารถเปล่งแสงได้หลายสี เพื่อแสดงสถานะต่างๆ ของลำโพง และเมื่อใช้งาน Siri
ขนาดสั้นและเบาลง
HomePod รุ่นแรก มีความสูง 172 มิลลิเมตร น้ำหนัก 2.5 กิโลกรัม แต่รุ่นใหม่ถูกทำให้สั้นและเบาลงกว่าเดิม ด้วยความสูง 168 มิลลิเมตร น้ำหนัก 2.3 กิโลกรัม แต่ทั้งคู่ยังมีความกว้างเท่ากัน 142 มิลลิเมตร
ชิป U1
HomePod รุ่นที่ 2 มีชิป U1 Ultra Wideband ในตัว ที่ไม่พบในรุ่นแรก คอยตรวจจับเมื่อมีอุปกรณ์อื่นๆ ที่มีชิป U1 เหมือนกัน อย่างเช่น iPhone ที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อให้สามารถส่งสัญญาณเสียงมายังลำโพง HomePod ได้อย่างรวดเร็ว
HomePod รุ่นใหม่ ยังรองรับ Thread ซึ่งเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อสำหรับอุปกรณ์ Smart Home ที่ปรับปรุงการเชื่อมต่อ โดยให้อุปกรณ์ Thread สื่อสารกันโดยตรงผ่านเครือข่ายแบบ Mesh ที่ใช้พลังงานต่ำ (HomePod รุ่นแรกไม่รองรับ Thread มีเพียง HomePod mini เท่านั้นที่เข้ากันได้)
สิ่งที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ลำโพง HomePod ของ Apple ทั้งรุ่นใหม่และรุ่นแรก ยังไม่สนับสนุนการเล่นเพลงผ่าน Bluetooth และไม่มีช่องเสียบสัญญาณเสียง เหมือนลำโพงไร้สายทั่วไป จึงไม่สามารถทำหน้าที่เป็นลำโพง Bluetooth แบบสแตนด์อโลนได้
Bluetooth ในลำโพง HomePod มีไว้เพื่อสื่อสารกับ HomeKit และอุปกรณ์อื่นๆ ผู้ใช้จะต้องจับคู่ HomePod กับ iPhone หรือ iPad และใช้โปรโตคอล AirPlay ของ Apple หรือ Siri เพื่อเล่นเพลง ดังนั้น การโต้ตอบทั้งหมดกับ HomePod ทำได้แบบไร้สายโดยใช้อุปกรณ์ Apple เท่านั้น
ทั้งนี้ HomePod รุ่นที่ 2 จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2023 เป็นต้นไป ในราคา 299 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 9,890 บาท เฉพาะออสเตรเลีย, แคนาดา, จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, ญี่ปุ่น, สเปน, สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา และอีกกว่า 11 ประเทศหรือภูมิภาค
ที่มา – MacRumors