หลังจาก Apple ปล่อย iOS 16.2 ออกมาให้อัปเดทเมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา ก็ยังมีฟีเจอร์อีกหลายอย่างที่ Apple ยังไม่ได้ติดตั้งมาให้ แต่คาดว่าผู้ใช้ iPhone จะได้รับการอัปเดทเพิ่มเติมในปี 2023 นี้ ซึ่งเว็บไซต์ MacRumors ได้สรุปมาให้แล้ว
Advanced Data Protection
iOS 16.2 มาพร้อมฟีเจอร์ Advanced Data Protection เมื่อเปิดใช้งานจะเป็นการการเข้ารหัสแบบ end-to-end สำหรับการสำรองข้อมูลข้อความ รูปภาพ โน้ต การเตือนความจำ บันทึกเสียง และอื่นๆ ที่เก็บไว้ใน iCloud อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกฟีเจอร์ Advanced Data Protection ยังจำกัดเฉพาะผู้ใช้งานในสหรัฐอเมริกา แต่จะขยายไปยังประเทศอื่นๆ ในปี 2023
Apple Pay Later
ผู้ใช้งาน iPhone ในสหรัฐอเมริกา จะได้รับฟีเจอร์ Apple Pay Later ในแอป Wallet ซึ่งสามารถแบ่งการชำระเงินที่ซื้อผ่าน Apple Pay ออกเป็น 4 งวดเท่าๆ กันในช่วง 6 สัปดาห์ โดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียม
Security Keys for Apple ID
iOS 16 เวอร์ชันใหม่ จะรองรับอุปกรณ์ Security Key เพื่อเสริมความปลอดภับให้กับบัญชี Apple ID และ iCloud เมื่อใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ขั้นตอน (Two-Factor Authentication) โดยปัจจุบันพร้อมใช้งานแล้วใน iOS 16.3 เวอร์ชัน Beta จึงคาดว่าผู้ใช้งานทั่วไปจะได้รับการอัปเดทอย่างแน่นอนในช่วงต้นปี 2023
ระบบ Security Key ของ Apple จะถูกรวมเข้ากับกระบวนการถ่ายโอน device-to-device หมายความว่า เมื่อมีการตรวจสอบสิทธิ์ iPhone ด้วย Security Key แล้ว เจ้าของอุปกรณ์จะไม่ต้องทำอีกครั้งหากซื้อ iPhone เครื่องใหม่ ตราบใดที่ยังใช้กระบวนการถ่ายโอนการตั้งค่า iPhone เครื่องใหม่ แบบ device-to-device
ทั้งนี้ ระบบ Security Key ของ Apple จะไม่สร้างรหัสความปลอดภัยของฮาร์ดแวร์ แต่จะรับข้อเสนอของบุคคลที่สามแทน ซึ่งกำลังทำงานร่วมกับ FIDO Alliance เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถทำงานร่วมกันข้ามแพลตฟอร์มได้ด้วยมาตรฐานแบบเปิด
Apple Card Savings Account
ผู้ใช้บริการ Apple Card ในสหรัฐอเมริกา จะสามารถเปิดบัญชีออมทรัพย์ในแอป Wallet บน iPhone ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงเป็นพิเศษ ไม่มีค่าธรรมเนียม ไม่มีการกำหนดจำนวนเงินฝากขั้นต่ำ และสามารถรับเงินคืนเป็นเงินสดรายวันฝากเข้าโดยอัตโนมัติ (Apple Card จะคืนเงินสดรายวัน 2 – 3% สำหรับการซื้อผ่าน Apple Pay และ 1% สำหรับการซื้อด้วยบัตรจริง)
Emergency SOS via Satellite
ฟีเจอร์ Emergency SOS via Satellite หรือ SOS ฉุกเฉินผ่านดาวเทียม พร้อมใช้งานแล้วในสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี และ ไอร์แลนด์ อย่างไรก็ตาม Apple ยืนยันว่า จะขยายบริการไปยังประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมในปี 2023 แต่ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าจะขยายไปยังประเทศใดบ้าง
ฟีเจอร์ Emergency SOS via Satellite เป็นบริการขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยที่จุดเกิดเหตุอยู่ห่างไกล ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือ แต่ยังสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ผ่านการเชื่อมต่อดาวเทียม รองรับเฉพาะ iPhone 14, iPhone 14 Plus, iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max
ที่มา – MacRumors