Toyota Prius Prime 2023 เวอร์ชั่นทำตลาดในสหรัฐอเมริกา ได้รับการออกแบบใหม่ในสไตล์เดียวกับ เวอร์ชั่นญี่ปุ่น ที่เราเคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้ โดยเป็นรุ่น Plug-in Hybrid (PHEV) ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดใหญ่ขึ้น สามารถวิ่งในโหมด EV ได้ไกลขึ้น 50% จาก 40 กิโลเมตร ในรุ่นก่อน เป็น 60 กิโลเมตร จึงสามารถเดินทางได้นานขึ้นก่อนที่จะเริ่มใช้น้ำมัน
อีกจุดเด่นของ Toyota Prius Prime 2023 อยู่ที่หลังคาพลังงานแสงอาทิตย์ สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้กับรถยนต์เมื่อจอดอยู่บนท้องถนน และสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานให้กับฟังก์ชันต่างๆ อย่างเช่น เครื่องปรับอากาศ เพื่อลดภาระของแบตเตอรี่
Toyota Prius Prime 2023 ได้รับการปรับปรุงให้เบาและแข็งแกร่งกว่ารุ่นก่อนๆ Toyota อ้างว่า All-New Prius มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ความจุสัมภาระมากขึ้น ตัวรถเตี้ยลง 2 นิ้ว กว้างขึ้น 1 นิ้ว และยาวกว่า Prius Prime รุ่นก่อน 1 นิ้ว โดยมีจุดสะโพกที่ต่ำลงเกือบ 1 นิ้วเช่นกัน
ในด้านประสิทธิภาพ Toyota Prius Prime 2023 ใช้ระบบส่งกำลังไฮบริดเจเนอเรชั่นที่ 5 และเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ให้แรงม้าเพิ่มขึ้นเกือบ 100 แรงม้า จากรุ่นที่แล้วเป็น 220 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0 – 96 กม./ชม. ได้ในเวลา 6.6 วินาที
Toyota Prius Prime 2023 มาพร้อมผู้ช่วยอัจฉริยะของ Toyota ช่วยให้ผู้ขับขี่ค้นหาเส้นทาง ปรับแต่งการตั้งค่าเสียง เปลี่ยนอุณหภูมิห้องโดยสาร และอื่นๆ ด้วยคำสั่งเสียง ระบบนำทางบนคลาวด์จะใช้ข้อมูลแผนที่ การจราจร และเส้นทางล่าสุดที่มีอยู่ เพื่อแนะนำวิธีเดินทางไปยังสถานที่ที่กำลังจะไป หรือเจ้าของรถยังสามารถรับความช่วยเหลือจากตัวแทนผ่าน Destination Assist อีกทั้งยังรองรับทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto โดยใช้ระบบเสียง JBL Premium พร้อมลำโพง 9 ตัว และให้พอร์ต USB-C มาถึง 6 พอร์ต
Toyota Prius Prime 2023 ในบางรุ่น ยังรองรับระบบกุญแจดิจิทัล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบริการ Remote Connect ช่วยให้เจ้าของรถสามารถล็อกหรือปลดล็อกประตู สตาร์ทเครื่องยนต์ และอื่นๆ ได้จากสมาร์ทโฟน
ทั้งนี้ Toyota Prius Prime 2023 ในสหรัฐอเมริกา จะได้รับการเปิดเผยราคาและวันวางจำหน่าย ในช่วงครึ่งแรกของปี 2023
ที่มา – Engadget