realme บุกตลาดปลายปีด้วย realme 10 Pro Series 5G ที่จะมาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับสมาร์ทโฟนระดับ Upper-mid Rage ด้วย realme 10 Pro+ 5G และ realme 10 Pro 5G ซึ่งทั้งคู่ถูกสร้างมาเพื่อให้ประสบการณ์ระดับเรือธงโดดเด่นทางด้านดีไซน์ กล้องหลักความละเอียดสูงถึง 108MP หน้าจอรีเฟซ 120Hz ทั้ง 2 รุ่น แต่วางจำหน่ายในราคาที่คุ้มค่า สอดคล้องกับแนวคิด Dare to Leap ของ realme และทีมงาน @Flashfly ก็พร้อมแล้วที่จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ realme 10 Pro Series 5G อย่างใกล้ชิด
แกะกล่อง realme 10 Pro Series 5G
realme 10 Pro 5G และ realme 10 Pro+ 5G ถูกบรรจุไว้ในกล่องสีเหลืองที่มีแถบสีดำตรงขอบล่างกล่อง ด้านหน้าระบุชื่อรุ่น 10 Pro และ 10 Pro+ ไว้อย่างชัดเจน โดยมีโลโก้ 5G กำกับอยู่ที่มุมบน และโลโก้แบรนด์ realme ติดอยู่ที่มุมล่าง
หลังกล่อง realme 10 Pro+ 5G บอกจุดเด่นไว้ 4 รายการ ได้แก่ จอแสดงผลขอบโค้ง ให้อัตราการรีเฟรช 120Hz, กล้องหลัก 108 ล้านพิกเซล, ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 920 5G และ แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh ชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC
หลังกล่อง realme 10 Pro 5G บอกจุดเด่นไว้ 4 รายการ ได้แก่ จอแสดงผลไร้ขอบ ให้อัตราการรีเฟรช 120Hz, กล้องหลัก 108 ล้านพิกเซล, ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 695 5G และ แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh ชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC
อุปกรณ์ภายในกล่องของทั้งคู่มีมาให้เหมือนกัน หลังจากยกฝากล่องขึ้นมา จะพบกับซองเอกสาร พร้อมด้วยเคส และ เข็มช่วยถอดช่องใส่ซิมการ์ด
ถัดลงมาเป็นชั้นวางสมาร์ทโฟน ซึ่งได้รับการห่อหุ้มไว้อย่างดี และเมื่อแกะซองออกไปจะพบว่า realme ติดฟิล์มกันรอยหน้าจอมาให้แล้ว
ด้านล่างสุดเป็นช่องเก็บสายชาร์จ USB Type-C และ อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ โดยมีความแตกต่างกันที่ความเร็วในการชาร์จ (realme 10 Pro+ 5G มาพร้อมที่ชาร์จ 67W ส่วน realme 10 Pro 5G ได้รับที่ชาร์จ 33W)
realme 10 Pro+ 5G
realme 10 Pro+ 5G เป็นรุ่นไฮเอนด์ของ realme 10 Pro Series 5G โดยมีจุดเด่นที่ดีไซน์จอแสดงผลแบบขอบโค้ง จึงให้ภาพลักษณ์ที่พรีเมียมกว่า อีกทั้งยังมีจอแสดงผลที่ให้สีสันคมชัดมากกว่า 1 พันล้านสี กล้องหลักความละเอียดสูง ชิปประมวลผลระดับเรือธง ความจำ RAM ขนาดใหญ่สูงสุด 24GB (RAM 12GB + 12GB Dynamic RAM) และรองรับชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC
สเปก realme 10 Pro+ 5G
- จอแสดงผล Curved AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว อัตราการรีเฟรช 120Hz
- กล้องหลัง 108MP ProLight Camera
- กล้องหน้า 16MP Selfie Camera
- ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 920 5G
- ความจำ RAM 8GB / 12GB แบบ LPDDR4X + 8GB / 12GB Dynamic RAM
- ความจุ ROM 256GB แบบ UFS 2.2
- สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ In-display Fingerprint Scanner
- ลำโพงคู่สเตอริโอ รองรับ Hi-Res Audio
- Tactile Engine 2.0,
- HyperSmart Antenna Switching
- ระบบปฏิบัติการ realme UI 4.0 (บนพื้นฐาน Android 13)
- แบตเตอรี่ 5000mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Dark Matter และ Hyperspace
ดีไซน์ขอบโค้งตัวเครื่องบางเฉียบ
realme 10 Pro+ 5G ให้ความโดดเด่นตั้งแต่แรกเห็นด้วยดีไซน์สุดพรีเมียม บางเพียง 7.78 มิลลิเมตร นับเป็นสมาร์ทโฟนที่มีความบางที่สุดของโลก ที่มีความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบาเพียง 173 กรัม ทำให้การพกพาสะดวกอย่างมาก
นอกเหนือจากดีไซน์บางเบา realme 10 Pro+ 5G ยังมีดีไซน์ขอบโค้งทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทำให้กรอบตัวเครื่องด้านข้าง มีความบางเพียง 2.5 มิลลิเมตร อีกทั้งยังมีสีสันที่โดดเด่น โดยเฉพาะสี Hyperspace ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากอนุภาคเนบิวลา เกิดเป็นเส้นสายการเร่งความเร็วปริซึม ที่แผ่รัศมีมาจากบริเวณกล้องหลัง และยังมีโดยสีเข้ม Dark Matter เป็นอีกทั้งเลือก
ด้านหลังติดตั้งกล้องมาให้ 3 ตัว แต่วางแยกไว้ในกรอบกันชนที่เป็นวงกลมคู่
ด้านหน้ามาพร้อมจอแสดงผลขนาด 6.7 นิ้ว ดีไซน์ขอบโค้ง 61 องศา ทำให้มีขอบด้านข้างบางเพียง 1.41 มิลลิเมตร และด้วยกระบวนการบรรจุ COP Ultra ก็ทำให้ขอบจอด้านล่าง บางเพียง 2.33 มิลลิเมตร ส่งผลให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 93.65%
ด้านหน้าของ realme 10 Pro+ 5G ยังได้รับการป้องกันด้วยกระจกเสริมแรงสองชั้น 0.65 มิลลิเมตร เพื่อให้มีความทนทานต่อการตกกระแทก และป้องกันการแตกร้าวได้ดียิ่งขึ้น ผ่านการทดสอบการตกจากที่สูง 1 เมตร และผ่านการทดสอบแบบไมโครถึง 28,000 ครั้ง (ที่ความสูง 10 เซนติเมตร) จึงมั่นใจได้ว่าจอแสดงผลแบบขอบโค้งของ realme 10 Pro+ 5G มีความทนทานต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน
จอแสดงผลของ realme 10 Pro+ 5G ยังถูกเจาะหลุมไว้ตรงกึ่งกลาง เพื่อวางกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล และติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้หน้าจอ
ขอบด้านข้างเฉพาะส่วนกรอบ มีความบางเพียง 2.5 มิลลิเมตร เนื่องจากใช้ดีไซน์ขอบโค้งทั้งจอแสดงผลและฝาหลัง ทำให้เกิดความสมมาตรของดีไซน์
ปุ่มปรับระดับเสียง กับปุ่มเพาเวอร์ ติดตั้งอยู่ฝั่งเดียวกัน
ด้านบนพบรูไมโครโฟนตัวที่ 2 และรูลำโพง
ด้านล่างมีช่องใส่ซิมการ์ด, ไมโครโฟน, ช่องเชื่อมต่อ USB Type-C และลำโพงตัวหลัก ขับเสียงร่วมกับลำโพงด้านบน เพื่อให้เสียงสเตอริโอ และยังรองรับเสียงคุณภาพสูงระดับ Hi-Res Audio
ภายในตัวเครื่อง realme 10 Pro+ 5G ยังมี Tactile Engine 2.0 ตอบสนองต่อการสัมผัสด้วยแรงสั่นสะเทือนที่สมบูรณ์แบบ และยังดีไซน์เสาอากาศแบบ HyperSmart Antenna Switching ช่วยให้การเชื่อมต่อไร้สายมีประสิทธิสูงสุด ด้วยการเลือกใช้เสาอากาศที่เหมาะสมที่สุดโดยอัตโนมัติ ตามความแรงของสัญญาณที่จับได้
จอขอบโค้งระดับเรือธง
หนึ่งในไฮไลท์ที่น่าสนใจที่สุดของ realme 10 Pro+ 5G คือ จอแสดงผล ที่ไม่เพียงแต่ใช้ดีไซน์ขอบจอโค้ง แต่ยังใช้จอแสดงผลคุณภาพสูงให้สีสันที่สวยงามคมชัด โดยทาง realme ได้ทุ่มเงินลงทุนกว่า 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 535 ร้อยล้านบาท สำหรับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างจอแสดงผลขอบโค้งรุ่นใหม่ที่ให้อัตราการรีเฟรชสูงถึง 120Hz เป็นครั้งแรกในเซกเมนต์ และทำให้จอแสดงผลขอบโค้งของ realme 10 Pro+ 5G มีประสิทธิภาพระดับเดียวกับจอแสดงผลของเรือธง
realme 10 Pro+ 5G มาพร้อมจอแสดงผล Curved AMOLED ขอบโค้ง 61 องศา ความละเอียด 2412 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.7 นิ้ว ความลึกสี 10-bit แสดงสีสัน 1.07 พันล้านสี ให้อัตราส่วนคอนทราสต์ 5,000,000:1 ความสว่างสูงสุด 800 นิต รองรับ HDR 10+ และช่วงสี 100% DCI-P3 มาตรฐานสีของการผลิตภาพยนตร์ดิจิทัล
จอแสดงผลของ realme 10 Pro+ 5G สามารถปรับลดแสง PWM ได้ที่ความถี่สูง 2160Hz เพื่อลดการกะพริบของหน้าจอ ให้ประสบการณ์การรับชมที่สบายตา โดยที่ยังคงรักษาความแม่นยำของสี อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพการลดแสงเพิ่มขึ้น 4.5 เท่า เมื่อเทียบกับจอแสดงผลทั่วไปในสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ ที่มีค่า 480Hz PWM Dimming
จอแสดงผลของ realme 10 Pro+ 5G ยังรองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz พร้อมด้วยอัลกอริทึม X-touch Anti-mistouch ซึ่งได้รับการปรับแต่งอย่างชาญฉลาด เพื่อลดการสัมผัสผิดพลาดทั่วพื้นที่จอแสดงผล และช่วยเพิ่มพื้นที่ป้องกันการสัมผัสผิดพลาดถึง 20%
จอแสดงผลของ realme 10 Pro+ 5G ยังผ่านการรับรองจาก TÜV Rheinland ถึง 2 มาตรฐาน ได้แก่ TÜV Rheinland Low Blue Light และ TÜV Rheinland Flicker Free ซึ่งเป็นมาตรฐญานที่วางใจได้ในเรื่องของการป้องกันอันตรายจากแสงสีฟ้า และช่วยลดการกะพริบของภาพ ทำให้ผู้ใช้งานจ้องมองหน้าจอเป็นเวลานานต่อเนื่องได้อย่างปลอดภัย
นอกจากนี้ จอแสดงผลของ realme 10 Pro+ 5G ยังให้ประสบการณ์ในการรับชมอย่างสมบูรณ์แบบด้วยดีไซน์แบบไร้ขอบ โดยใช้กระบวนการบรรจุ COP Ultra ทำให้ขอบจอด้านล่างบางเฉียบ 2.33 มิลลิเมตร บางกว่าจอแสดงผลของสมาร์ทโฟนเรือธงที่มีราคาแพงว่า 2 เท่า ขณะที่ขอบด้านข้างก็มีความบางเพียง 1.41 มิลลิเมตร ส่งผลให้จอแสดงผลของ realme 10 Pro+ 5G มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 93.65%
สแกนนิ้วใต้หน้าจอ
realme 10 Pro+ 5G ช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับความสะดวกจากการปลดล็อคหรือยืนยันตัวตนจาก 2 วิธี เริ่มจากวิธียืนยันตัวตนแบบเดียวกับสมาร์ทโฟนเรือธง ด้วยการติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล สามารถอ่านลายนิ้วมือและปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว และยังรองรับวิธีการปลดล็อคด้วยการสแกนใบหน้าได้อย่างแม่นยำ โดยอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่างกล้องหน้าความละเอียดสูงและระบบจดจำใบหน้า
กล้องหลัง 108MP ProLight Camera
ระบบกล้องหลังถือเป็นอีกจุดเด่นของ realme 10 Pro+ 5G โดยมีกล้องตัวหลักความละเอียดสูง 108 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์รับภาพ Samsung ISOCELL HM6 ที่มีเทคโนโลยี Nonapixel Plus ซึ่งเป็นการรวมพิกเซลแบบ 9-in-1 ทำให้กล้องหลักของ realme 10 Pro+ 5G สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยหรือในเวลากลางคืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้ความสว่างในสภาพแวดล้อมที่มืดได้มากขึ้น 123% อีกทั้งยังมีกล้อง Ultra Wide และ กล้อง Macro สำหรับถ่ายภาพในมุมมองกว้างพิเศษ และถ่ายภาพใกล้วัตถุในระยะเพียง 4 เซนติเมตร
- กล้องหลัก 108MP ProLight Camera
- กล้อง 8MP Ultra Wide Camera
- กล้อง 2MP Ultra Macro Camera
กล้องหลังของ realme 10 Pro+ 5G ยังมาพร้อมสถาปัตยกรรม HyperShot Imaging ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากสมาร์ทโฟนระดับเรือธง GT Series ของ realme ซึ่งมีการปรับปรุงอัลกอริทึมการถ่ายภาพ AI และอัลกอริทึมโดเมน RAW ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของกล้องโดยรวมอย่างมาก เช่น ความเร็วในการถ่ายภาพ ความชัดเจน และ ภาพถ่ายในเวลากลางคืน
เมื่อเข้ามาในแอปกล้อง จะพบกับโหมดถ่ายภาพ Night, Street, Video, Photo, Portrait, 108MP ส่วนโหมดอื่นๆ ถูกรวมอยู่ใน More ได้แก่ Pro, Pano, Macro, Movie, Slo-mo, Time-Lapse, Dual View Video, Text Scanner, Starry Mode, Group Portrait และ Tilt-shift
โหมด Photo รองรับการซูมในช่วง 0.6x (ใช้กล้อง Ultra Wide) และขยายได้สูงสุด 20x พร้อมด้วยฟีเจอร์ Retouch สำหรับปรับความงามใบหน้า และมี Filters ให้เลือกหลากหลาย ส่วนแถบเครื่องมือด้านบนมีฟีเจอร์ AI Scene Enhancement
โหมด Portrait สามารถปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลังได้ตามต้องการ พร้อมด้วยฟีเจอร์ Retouch ช่วยปรับความงามบนใบหน้า และมี Filters ที่น่าสนใจอย่าง Dynamic bokeh และ Bokeh Flare Portrait ที่ให้เอฟเฟกต์ดวงไฟโบเก้แบบเดียวกับที่พบในกล้องมืออาชีพ
โหมด Super Group Portrait เป็นอีกฟีเจอร์ที่ได้รับประโยชน์จากกล้องหลักความละเอียดสูง 108MP และอัลกอริทึมการถ่ายภาพบุคคลที่ realme พัฒนาขึ้นเอง ช่วยทำให้ใบหน้าของทุกคนชัดเจนยิ่งขึ้น โดยรองรับการถ่ายภาพเซลฟี่แบบกลุ่มที่มีบุคคลอยู่ในภาพสูงสุด 10 คน
โหมด 108MP สำหรับถ่ายภาพความละเอียดสูงสุด มีจุดเด่นที่ QuickShot ช่วยให้ realme 10 Pro+ 5G สามารถถ่ายภาพความละเอียด 12000 x 9000 พิกเซล ในเวลาเพียง 0.6 วินาที เร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 5 เท่า ด้วยการประมวลผลแบบคู่ขนาน และการถ่ายเฟรมอัจฉริยะ One Take ด้วยกล้องหลักความละเอียดสูง 108MP และอัลกอริทึม AI ทำให้ realme 10 Pro+ 5G สามารถรับภาพถ่ายหลายภาพในมุมมองที่แตกต่างกันด้วยการจับภาพในครั้งเดียว
โหมด Street Photography 3.0 with Watermark ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพแนวสตรีทอย่างมืออาชีพได้ง่ายๆ และในเวอร์ชั่นล่าสุด ผู้ใช้ realme 10 Pro+ 5G จะได้รับคำแนะน้าเกี่ยวกับฟิลเตอร์ชื่อเมืองที่เหมาะสมที่สุด โดยอิงตามตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ จึงใช้เวลาน้อยลงในการทดสอบฟิลเตอร์ และมีเวลามากขึ้นในการถ่ายภาพให้ออกมาดูดีที่สุด
โหมด Video ถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 4K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที หรือ Full HD 1080p ที่ 60 เฟรมต่อวินาที รองรับการซูมในช่วง 0.6x – 10x สามารถปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลังได้แบบโหมด Portrait รวมถึงฟีเจอร์ Retouch และ Filters (มี Bokeh Flare Portrait) แถบเครื่องมือด้านบนมีไอคอนสำหรับเปิดระบบป้องกันภาพสั่นไหว Ultra Steady, AI Highlight Video และ Tracking Shot
โหมด Night สำหรับถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยหรือในเวลากลางคืน ซึ่งสามารถเพิ่มความโดดเด่นได้จากการเพิ่ม Filters ต่างๆ เช่น Modern gold, Cyberpunk, Flamingo, Astral และ Dazzle อีกทั้งยังสามารถซูมภาพได้ในช่วง 0.6x – 10x ซึ่งหมายถึงเปิดใช้งานกล้อง Ultra Wide ในโหมด Night ได้
กล้องหน้า 16MP Selfie Camera
realme 10 Pro+ 5G ซ่อนกล้องหน้า 16 พิกเซล ไว้ในหลุมบนหน้าจอ รองรับโหมดถ่ายภาพ Photo พร้อมฟีเจอร์ Retouch ที่ปรับแต่งใบหน้าได้ละเอียดกว่ากล้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นผิว, แก้ม, ขนาดดวงตา, จมูก และมี Filters ให้เลือกใช้หลายแบบ
โหมด Portrait ของกล้องหน้า ทำงานเหมือนกล้องหลัง มีเครื่องมือสำหรับปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลัง รวมถึงฟีเจอร์ Retouch และ Filters ส่วนโหมด Night ของกล้องหน้า มีฟีเจอร์ Retouch มาให้ปรับความงานของใบหน้า แต่ไม่มี Filters
โหมด Video ของกล้องหน้า สามารถปรับค่า F ได้เช่นกัน และปรับแต่งใบหน้าผ่านฟีเจอร์ Retouch ได้สูงสุด 100 ระดับ โดยมี Filters ที่น่าสนใจอย่าง Bokeh Flare Portrait ให้เลือกใช้ด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
ชิป Dimensity 920 5G ความจำ RAM สูงสุด 24GB
realme 10 Pro+ 5G ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 920 5G ซึ่งผลิตด้วยกระบวนการโหนดอุตสาหกรรมประสิทธิภาพสูง 6 นาโนเมตร ของ TSMC ประกอบด้วยซีพียู 64-bit Octa-Core โดยมี Arm Cortex-A78 ที่สามารถทำความเร็วนาฬิกาได้สูงสุดถึง 2.5GHz และ Arm Cortex-A55 ความเร็วสูงสุด 2.0GHz พร้อมด้วยจีพียู Arm Mali-G68 MC4 ที่ให้ประสิทธิภาพการเล่นเกมเร็วกว่าชิป Dimensity 900 ถึง 9%
ด้านความจำถือว่ามีขนาดใหญ่มากๆ ด้วยความจำ RAM 12GB ขยายได้อีก 12GB ผ่านฟีเจอร์ Dynamic RAM จึงเปรียบเสมือนมีความจำ RAM สูงสุด 24GB จึงรองรับการเปิดแอปได้สูงสุด 26 แอป ไว้ในพื้นหลัง ทำให้การสลับใช้งานแต่ละแอปราบรื่นมากยิ่งขึ้น และยังให้พื้นที่ความจุในตัวมากถึง 256GB เพียงพอสำหรับการจัดเก็บเกมขนาดใหญ่หรือบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง (อย่างไรก็ตาม เครื่องที่ทีมงาน @Flashfly ได้รัยบมารีวิว มีความจำ RAM 8GB และขยายได้สูงสุด 8GB ผ่านฟีเจอร์ Dynamic RAM)
ชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC
realme 10 Pro+ 5G ให้อายุการใช้งานที่ยาวนานด้วยความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh เพียงพอต่อการใช้งานตลอดทั้งวัน และยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC ใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่ถึง 50% ในเวลา 17 นาที และชาร์จจนเต็ม 100% ภายในเวลาเพียง 47 นาที โดยมีระบบป้องกันด้านความปลอดภัยระหว่างชาร์จถึง 38 ชั้น หมดกังวลเรื่องความร้อนขณะชาร์จเร็ว
realme 10 Pro 5G
realme 10 Pro 5G ใช้เทคนิคการเคลือบผิวแบบเดียวกับ realme 10 Pro+ 5G ทำให้ดีไซน์ในภาพรวมคล้ายกัน แต่แตกต่างที่จอแสดงผล ไม่ได้ใช้ดีไซน์ขอบโค้ง ส่วนขอบด้านข้างก็แบนราบ แต่ยังมีจุดเด่นหลายอย่างเหมือนกัน ทั้งความละเอียดกล้องหลัก กล้องเซลฟี่ ประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกัน และมีความจุแบตเตอรี่เท่ากัน
สเปก realme 10 Pro 5G
- จอแสดงผล LCD ขนาด 6.72 นิ้ว อัตราการรีเฟรช 120Hz
- กล้องหลัง 108MP ProLight Camera
- กล้องหน้า 16MP Selfie Camera
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 695 5G
- ความจำ RAM 8GB แบบ LPDDR4X + 8GB Dynamic RAM
- ความจุ ROM 128GB / 256GB แบบ UPS 2.2
- รองรับการ์ด microSD สูงสุด 1TB
- สแกนนิ้วด้านข้าง (Side-Mounted Fingerprint Scanner)
- ลำโพง 200% UltraBoom
- Active Antenna Switching
- ระบบปฏิบัติการ realme UI 4.0 (บนพื้นฐาน Android 13)
- แบตเตอรี่ 5000mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC
- มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Dark Matter, Nebula Blue และ Hyperspace
ดีไซน์พรีเมียม
สำหรับผู้ใช้งานที่ชื่นชอบดีไซน์สไตล์ขอบแบนราบ realme 10 Pro 5G ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า ถึงแม้จะไม่ได้ใช้จอแสดงผลแบบขอบโค้ง แต่ก็ยังออกแบบมาให้มีพื้นที่ขอบจอที่บางเป็นพิเศษ และยังใช้เทคนิคเคลือบผิวฝาหลังแบบเดียวกับรุ่น realme 10 Pro+ 5G
พื้นที่ด้านหน้าเต็มไปด้วยจอแสดงผล เนื่องจากมีส่วนขอบด้านข้างของหน้าจอที่บางเฉียบ 1 มิลลิเมตร ขณะที่ขอบจอด้านบนก็บางเพียง 1.15 มิลลิเมตร ทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 93.76%
เบื้องหลังดีไซน์หน้าจอไร้ขอบของ realme 10 Pro 5G เต็มไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ทั้ง RAZR Technology ที่ทำให้มีขอบจอรอบด้านบางเฉียบ, InSeal Technology ปิดผนึกแผงหน้าจอและขอบตัวเครื่องจากภายในอย่างแน่นหนา และ TopNotch Display Technology รวมเซ็นเซอร์วัดแสงไว้ที่ด้านบนของกรอบหน้าจอ ทำให้จอแสดงผลมีพื้นที่กว้างขึ้น
ด้านหลังมีดีไซน์กล้อง Twin-lens Reflex คล้ายกับ realme 10 Pro+ 5G และมีสี Hyperspace กับ Dark Matter ให้เลือกเช่นกัน อย่างไรก็ตาม realme 10 Pro 5G ยังมีสี Nebula Blue เป็นอีกตัวเลือกด้วย
ส่วนขอบด้านข้างมีดีไซน์ขอบแบน วัดความบางได้ 8.1 มิลลิเมตร และติดตั้งช่องใส่ซิมการ์ดไว้ที่ด้านข้าง แตกต่างจาก realme 10 Pro+ 5G ที่วางถาดใส่ซิมการ์ดไว้ที่ด้านล่าง
อีกข้างมีปุ่มปรับระดับเสียง ถัดลงมาเป็นปุ่มเพาเวอร์ ซึ่งรวมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ในปุ่มเพาเวอร์ด้วย
ด้านบนมีรูไมโครโฟนตัวที่ 2 และมองเห็นตะแกรงของลำโพงหูฟังที่ติดตั้งไว้สุดขอบด้านบน
ด้านล่างมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ที่ไม่พบใน realme 10 Pro+ 5G ถัดมาเป็นไมโครโฟน, ช่องเชื่อมต่อ USB Type-C และลำโพง UltraBoom ให้เสียงดังขึ้น 200% พร้อมขับเสียงร่วมกับลำโพงด้านบน เพื่อให้เสียงในระบบสเตอริโอ
เสาอากาศภายในตัวเครื่อง realme 10 Pro 5G ใช้การออกแบบ Active Antenna Switching ประกอบด้วยเสาอากาศ 8 เสา ที่มีการจัดวางให้ครอบคลุมรอบตัวเครื่อง ช่วยลดพื้นที่การใช้เสาอากาศตามขอบบนและขอบล่าง แต่ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการเชื่อมต่อไร้สาย ไม่ว่าจะจับถือตัวเครื่องในแนวตั้งหรือแนวนอน ไม่ว่าจะจับส่วนไหนของตัวเครื่อง ก็ยังให้ประสบการณ์การเชื่อมต่อที่ราบรื่น
หน้าจอไร้ขอบ 6.72 นิ้วรีเฟซ 120Hz
realme 10 Pro 5G มีความโดดเด่นที่จอแสดงผลแบบไร้ขอบ ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ อย่าง RAZR Technology ที่ทำให้มีขอบจอรอบด้านบางเฉียบ, InSeal Technology ปิดผนึกแผงหน้าจอและขอบตัวเครื่องจากภายในอย่างแน่นหนา และ TopNotch Display Technology รวมเซ็นเซอร์วัดแสงไว้ที่ด้านบนของกรอบหน้าจอ ทำให้จอแสดงผลมีขอบหน้าจอด้านข้างที่บางเฉียบ 1 มิลลิเมตร ขณะที่ขอบด้านบนก็บางเพียง 1.15 มิลลิเมตร ส่งผลให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 93.76%
realme 10 Pro 5G มาพร้อมจอแสดงผล LCD ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล ขนาด 6.72 นิ้ว ให้อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส (Touch Sampling Rate) สูงสุด 240Hz และรองรับอัตราการรีเฟรชแบบปรับได้ 6 ระดับ 30Hz / 48Hz / 50Hz / 60Hz / 90Hz / 120Hz ตามความเหมาะสมของคอนเทนต์ที่กำลังรับชม
จอแสดงผลของ realme 10 Pro 5G ยังได้รับการรับรองมาตรฐาน TÜV Rheinland Low Blue Light สามารถลดแสงสีฟ้าในระดับซอฟต์แวร์ได้ 13% ทำให้จ้องมองหน้าจอได้สบายตายิ่งขึ้น
สแกนนิ้วด้านข้าง
realme 10 Pro 5G สามารถปลดล็อคและยืนยันตัวตนด้วยการสแกนใบหน้าแบบเดียวกับ realme 10 Pro+ 5G ส่วนการสแกนลายนิ้วมือ แทนที่จะติดตั้งเซ็นเซอร์ไว้ใต้หน้าจอ realme 10 Pro 5G วางเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือรวมไว้กับปุ่มเพาเวอร์ที่ขอบด้านข้าง สามารถปลดล็อคได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว
กล้องหลัง 108MP ProLight Camera
realme 10 Pro 5G ให้ประสบการณ์การถ่ายภาพแบบเดียวกับ realme 10 Pro+ 5G เนื่องจากกล้องหลักใช้เซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL HM6 เช่นเดียวกัน แต่ขาดกล้อง Ultra Wide ส่วนกล้อง Macro ก็ถูกแทนที่ด้วยกล้อง Portrait อย่างไรก็ตาม ดีไซน์กล้องหลังแทบไม่มีความแตกต่างกัน ยกเว้นจำนวนกล้องหลัง เนื่องจาก realme 10 Pro 5G มีกล้องหลัง 2 ตัว
- กล้องหลัก 108MP ProLight Camera
- กล้อง 2MP Portrait Camera
ด้วยกล้องหลักที่ใช้เซ็นเซอร์ตัวเดียวกัน ทำให้ realme 10 Pro 5G รองรับการถ่ายภาพ One Take, Street Photography 3.0 และ Super Group Portrait แบบเดียวกับ realme 10 Pro+ 5G แน่นอนว่าคุณภาพของภาพถ่ายทั้งในสภาพแสงปกติและสภาวะแสงน้อย ก็มีความคมชัดไม่ต่างกัน
แอปกล้องของ realme 10 Pro 5G ประกอบด้วยโหมดถ่ายภาพ Night, Street, Video, Photo, Portrait, 108MP ส่วนโหมดอื่นๆ ถูกรวมอยู่ใน More ได้แก่ Pro, Pano, Movie, Slo-mo, Time-Lapse, Dual View Video, Text Scanner, Group Portrait และ Tilt-shift
โหมด Photo แตกต่างจาก realme 10 Pro+ 5G ตรงที่ความสามารถในการซูม ซึ่งรองรับการซูมในช่วง 1x – 6x ไม่มีการซูมในมุมกว้างเพราะไม่มีกล้อง Ultra Wide แต่ฟีเจอร์อื่นๆ อย่าง Retouch และ Filters มีมาให้เหมือนกัน
โหมด Portrait ไม่สามารถปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลัง แต่มีฟีเจอร์ Retouch ช่วยปรับความงามบนใบหน้า และมี Filters ที่น่าสนใจอย่าง Dynamic bokeh, AI Color Portrait และ Bokeh Flare Portrait ที่ให้เอฟเฟกต์ดวงไฟโบเก้ละลายฉากหลังได้อย่างสวยงามเป็นธรรมชาติ รวมถึงยังมีโหมด Super Group Portrait ถือเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่พบได้ใน realme 10 Pro Series 5G สำหรับถ่ายภาพ Portrait แบบกลุ่มสูงสุด 10 คน โดยให้ใบหน้าของทุกคนออกมาชัดเจน
โหมด Street Photography 3.0 แบบเดียวกับ realme 10 Pro+ 5G ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพแนวสตรีทได้อย่างง่ายดายเหมือนเป็นช่างภาพมืออาชีพ โดยมีการเปลี่ยนช่วงของการซูมเป็นระยะเลนส์หรือทางยาวโฟกัส 24mm – 120mm พร้อมด้วย Filyers ที่น่าสนใจอย่าง 90s Pop, Street, B&W Plus, Dramatic, Deep Sea, Green Fields เป็นต้น
โหมด Video ถ่ายวิดีโอได้สูงสุด Full HD 1080p ที่ 60 เฟรมต่อวินาที รองรับการซูมในช่วง 1x – 6x มีฟีเจอร์ Retouch และ Filters แถบเครื่องมือด้านบนมีไอคอนสำหรับเปิดระบบป้องกันภาพสั่นไหว Ultra Steady และ Tracking Shot
โหมด Night สามารถซูมภาพได้ในช่วง 1x – 6x พร้อมด้วย Filters ที่ทำให้ภาพถ่ายยามค่ำคืนน่าสนใจยิ่งขึ้น ได้แก่ Modern gold, Cyberpunk, Flamingo, Astral และ Dazzle
กล้องหน้า 16MP Selfie Camera
กล้องหน้าของ realme 10 Pro 5G ก็ให้ประสบการณ์เดียวกับ realme 10 Pro+ 5G ด้วยกล้องหน้าความละเอียดเท่ากัน 16 ล้านพิกเซล ติดตั้งไว้ในหลุมตรงกึ่งกลางหน้าจอ เมื่อสลับมาใช้กล้องหน้าจะเข้าสู่โหมด Photo ทันที ซึ่งมีฟีเจอร์ Retouch ที่ปรับแต่งใบหน้าได้ละเอียด ไม่ว่าจะเป็นผิว, แก้ม, ขนาดดวงตา, จมูก และมี Filters ให้เลือกใช้หลายแบบ
โหมด Portrait ของกล้องหน้า สามารถปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลังได้ และมีฟีเจอร์ Retouch และ Filters แบบเดียวกับโหมด Photo ส่วนโหมด Night ของกล้องหน้า มีฟีเจอร์ Retouch มาให้ปรับความงานของใบหน้า แต่ไม่มี Filters
โหมด Video ของกล้องหน้า สามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุด Full HD 1080p รองรับการปรับแต่งใบหน้าผ่านฟีเจอร์ Retouch และมี Filters สำหรับเปลี่ยนโทนสีหรืออารมณ์ของภาพเคลื่อนไหว
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
ชิป Snapdragon 695 5G
realme 10 Pro 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 695 5G ซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยกระบวนการโหนดอุตสาหกรรมประสิทธิภาพสูง 6 นาโนเมตร ของ TSMC ประกอบด้วยซีพียู 64-bit Octa-Core (Kryo Gold 2.2GHz x2 + Kryo Silver 1.8GHz x6) ให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 15% ขณะที่จีพียู Adreno 619 ให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 30% รองรับการเล่นเกมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมจากเกมเมอร์ด้วยอัตราเฟรมเรทที่เสถียรเป็นพิเศษ เกือบ 60 เฟรมต่อวินาที ไม่ว่าจะเป็นเกม RoV, Mobile Legends: Bang Bang และ Garena Free Fire
ด้านความจำมาพร้อม RAM 8GB ขยายได้อีก 8GB ผ่านฟีเจอร์ Dynamic RAM จึงเปรียบเสมือนมีความจำ RAM สูงสุด 16GB ส่วนความจุในตัวก็มากถึง 128GB และสนับสนุนการ์ด microSD สูงสุด 1TB จึงมีพื้นที่เพียงพอสำหรับการจัดเก็บไฟล์ขนาดใหญ่ได้อย่างจุใจ
ชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC
realme 10 Pro 5G มอบอายุการใช้งานที่ยาวนานไม่แพ้ realme 10 Pro+ 5G ด้วยความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC ใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่จากระดับ 0 ถึง 50% ภายในเวลาเพียง 29 นาที และยังชาร์จเร็วได้อย่างปลอดภัย ด้วยชิป 4 คอร์อัจฉริยะ ช่วยระบุสถานะการชาร์จของ Adapter รวมถึงป้องกันฟิวส์แบตเตอรี่และกระแสไฟเกิน
realme UI 4.0
realme 10 Pro 5G และ realme 10 Pro+ 5G เป็นสมาร์ทโฟนในกลุ่มแรก ที่ทำงานบนพื้นฐานระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด Android 13 ครอบทับด้วย realme UI 4.0 ซึ่งได้รับการออกแบบ User Interface ใหม่ ทั้งไอคอนที่มีดีไซน์ตามวัตถุจริงในธรรมชาติ ดีไซน์หน้าจอศูนย์ควบคุมใหม่เป็นรูปแบบการ์ด และหน้าจอโฮมก็รองรับโฟลเดอร์ขนาดใหญ่ เพื่อจัดระเบียบแอปประเภทเดียวกัน ช่วยให้เข้าถึงได้อย่างสะดวกเพียงสัมผัสเดียว
realme UI 4.0 ได้รับการปรับปรุงโหมด Always On Display ให้น่าสนใจมากขึ้น อย่างเช่น Smart Music AOD ที่สามารถควบคุมเพลงและเข้าถึงรายการเพลงได้งานๆ เพียงแต่หน้าจอ 2 ครั้ง (รองรับการใช้งานร่วมกับแอป Spotify)
realme UI 4.0 มาพร้อม Dynamic Computing Engine ช่วยสร้างความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและการใช้พลังงาน ให้ประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้น 10% และปรับปรุงอายุการใช้งานแบตเตอรี่ระหว่างเล่นเกมเพิ่มขึ้น 4.7%
realme UI 4.0 เพิ่มความปลอดภัยให้กับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน สามารถเบลอภาพหน้าจอให้เป็นพิกเซลโดยอัตโนมัติด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว เมื่อมีการจับภาพในแอปแชทอย่าง WhatsApp และ Messenger (ใช้เครื่องมือ Pixelate ในการแก้ไขภาพ)
นอกจากนี้ realme UI 4.0 ยังใช้มาตรฐานการเข้ารหัสขั้นสูง Advanced Encryption Standard (AES) สำหรับจัดเก็บภาพถ่ายส่วนตัว, เพลง, วิดีโอ, เอกสาร และ ไฟล์อื่นๆ มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนตัวจะปลอดภัยจากการโจมตีจากไซเบอร์
สรุปราคาและการจำหน่าย
realme 10 Pro Series 5G ทั้ง 2 รุ่น ถูกยกระดับมาตรฐานการออกแบบและประสิทธิภาพให้ใกล้ชิดสมาร์ทโฟนระดับเรือธงขึ้นไปอีกขั้น โดยเฉพาะกล้องตัวหลักความละเอียดสูง 108 ล้านพิกเซล ที่ให้ภาพถ่ายคมชัด สามารถจับภาพได้หลายมุมมองจากการจับภาพในครั้งเดียว โดยมีประสิทธิภาพสูงจากชิป 6 นาโนเมตร และยังมีความจำ RAM ขนาดใหญ่ สามารถเพิ่ม RAM ได้มากถึง 2 เท่า ผ่านฟีเจอร์ Dynamic RAM และยังมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh รองรับการใช้งานที่ยาวนาน
realme 10 Pro+ 5G สร้างความแตกต่างด้วยดีไซน์จอแสดงผลแบบขอบโค้ง 61 องศา สแกนนิ้วใต้เหน้าจอ ลำโพงสเตอริโอ มีกล้อง Ultra Wide สำหรับถ่ายภาพมุมมองกว้างพิเศษ และรองรับชาร์จเร็ว 67W เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียม เน้นถ่ายภาพและวิดีโอ ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า
ขณะที่ realme 10 Pro 5G ให้ประสบการณ์การใช้งานใกล้เคียงกัน แต่ใช้ดีไซน์ขอบแบนราบ สแกนนิ้วที่ปุ่มเพาเวอร์ด้านข้าง ชาร์จเร็ว 33W ซึ่งน่าจะถูกใจผู้ใช้งานที่ต้องการจอแสดงผลแบบจอแบนปกติ เนื่องจากไม่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการจับถือ
สำหรับ realme 10 Pro+ 5G มาพร้อมรุ่นความจุ 12+256GB โดยมีให้เลือก 2 สีคือ สีทองไฮเปอร์สเปซและสีดำดาร์คแมตเตอร์ ราคา 15,999 บาท สามารถพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม – 16 ธันวาคม พร้อมรับส่วนลดพิเศษโดยในวันที่จองจะได้รับส่วนลด 500 บาท และในวันรับเครื่องรับส่วนลดเพิ่มอีก 1,000 บาท (เหลือเพียง 14,499 บาท) และจัดจำหน่ายวันแรกในวันที่ 17 ธันวาคม 2565 ผ่านช่องทาง realme Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ สำหรับช่องทางออนไลน์ เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะทาง Shopee ที่เดียว พร้อมราคาพิเศษเฉพาะวันที่ 12-25 ธันวาคม ราคาเพียง 14,999 บาทเท่านั้น
สำหรับ realme 10 Pro 5G มาพร้อมรุ่นความจุ 8+256GB โดยมีให้เลือก 3 สีคือ สีทองไฮเปอร์สเปซ, สีฟ้าเนบิวลาและสีดำดาร์คแมตเตอร์ ราคาปกติ 11,999 บาท โดยสามารถพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม – 16 ธันวาคม พร้อมรับส่วนลดพิเศษโดยในวันที่จองจะได้รับส่วนลด 500 บาท และในวันรับเครื่องรับส่วนลดเพิ่มอีก 500 บาท (เหลือเพียง 10,999 บาท) และจัดจำหน่ายวันแรกในวันที่ 17 ธันวาคม ผ่านช่องทาง realme Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ พิเศษ! เรียลมียังจัดให้แบบจุใจสำหรับการเปิดจำหน่ายวันแรก เตรียมส่งความสนุกพร้อมความคุ้มค่าส่งท้ายปีกับกิจกรรมสุดเซอร์ไพรส์มากมาย ณ realme brand shop สาขาเซ็นทรัลเฟสติวัลเชียงใหม่ พบกับ KOL มากความสามารถที่จะมาร่วมสร้างสีสันอย่างเต็มอิ่ม และสำหรับช่องทางออนไลน์ จำหน่ายบนช่องทาง Shopee, Lazada และ JC Central ในวันที่ 12 ธันวาคมเป็นต้นไป