CASETiFY (เคสทิฟาย) แบรนด์ไลฟ์สไตล์และเครื่องประดับตกแต่งอุปกรณ์ไอทีจากประเทศฮ่องกง เผยความสำเร็จระดับโลกเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ด้วยตัวเลขรายได้กว่า 125 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2020 และอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) สูงถึง +70% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พร้อมกางแผนขยายธุรกิจทั่วโลกด้วยกลยุทธ์ Omnichannel เอาใจสาวกให้ได้ช้อปปิ้งแบบไร้รอยต่อ ตั้งเป้ากวาดรายได้ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเปิดสาขาใหม่ 100 แห่ง (รวม 20 แห่งในสหรัฐอเมริกา) ภายในปี 2025 นี้ โดยล่าสุด CASETiFY ได้ประกาศเปิดสาขาที่ 19 ในสหรัฐอเมริกา รวมถึง Pop Up Store แห่งแรกในไทย พร้อมลุยตลาดไทยอย่างเต็มตัวตามแผน Roadmap รวมถึงเสริมความแข็งแกร่งด้วยการร่วมทุนนับสิบล้านดอลลาร์สหรัฐกับ ‘C Ventures’ บริษัทร่วมทุนชื่อดังที่ก่อตั้งโดย เอเดรียน เฉิง
● จากอีคอมเมิร์ซขายเคสโทรศัพท์ สู่การสร้างธุรกิจแฟชั่นมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
CASETiFY ซึ่งถือกำเนิดในฮ่องกงก่อตั้งขึ้นในปี 2011 และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องผ่านธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดยในปี 2020 สามารถสร้างรายได้รวมกว่า 125 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และในช่วง 5 ปีที่ผ่ายมามีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) สูงถึง +70% นับเป็นการก้าวกระโดดอย่างงดงามของธุรกิจอีคอมเมิร์ซสู่ธุรกิจแบรนด์ระดับโลก ด้วยกลยุทธ์การสร้างความแตกต่างที่ตอบโจทย์ตรงใจผู้บริโภค โดยพลิกโฉมจากเคสโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ไอทีต่าง ๆ ให้กลายเป็นเครื่องประดับแฟชั่นที่ได้รับความนิยมในตลาดทั่วโลกอย่างสูง
เวสลีย์ อิ้ง (Wesley Ng) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง CASETiFY กล่าวว่า “ผลิตภัณฑ์ของ CASETiFY เปรียบเสมือนผืนผ้าใบสำหรับการสร้างสรรค์ไม่มีที่สิ้นสุด ผ่านการร่วมมือกับแบรนด์ที่โดดเด่น และความหลงใหลในคิดค้นนวัตกรรมป้องกันที่แข็งแรงทนทาน เพื่อให้ลูกค้าได้มีตัวเลือกตกแต่งอุปกรณ์ไอทีที่พวกเขาหวงแหนได้อย่างเต็มที่ และเชื่อมต่อกับความชอบของพวกเขาอย่างแท้จริง งานของเราคือการสร้างศูนย์รวมความคิดสร้างสรรค์ที่มีตัวเลือกเพียงพอจะตอบทุกสไตล์ ทุกเทรนด์แฟชั่น และทุกบุคลิก ตั้งแต่แบบเรียบง่ายไปจนถึงงานดีไซน์ที่จัดจ้าน”
CASETiFY ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มผู้บริโภคในช่วง Gen Z ซึ่งสามารถเข้าถึง 1 ใน 5 ของผู้บริโภค Gen Z ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย โดยเป็นแบรนด์ตกแต่งอุปกรณ์ไอทีที่มีการค้นหาอันดับ 1 ของโลก ระบุโดย Google Trends จากการเติบโตดังกล่าว CASETiFY ได้คาดการณ์ว่าจะสามารถรักษาการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถสร้างรายได้ถึง 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2025 ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 15% ของตลาดอุปกรณ์เสริมเทคโนโลยีทั่วโลก
ความสำเร็จของแบรนด์ยังรวมถึงการได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัล ‘2022 World Changing Ideas Award’ โดย FastCompany สื่อชื่อดังของอเมริกา ซึ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนของ CASETiFY ผ่านแคมเปญ “Re/CASETiFY” โดยนำเคสที่ไม่ใช้แล้วมารีไซเคิลเป็นรุ่นใหม่แล้วกว่า 28,000 กิโลกรัม ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของบริษัทได้มากถึง 20% นอกจากนั้น ยังได้ร่วมมือกับองค์กรด้านสิ่งแวดล้อม earthday.org ปลูกต้นไม้กว่า 165,000 ต้นอีกด้วย
แม้ว่า CASETiFY จะมีสำนักงานใหญ่ในฮ่องกง แต่ในจำนวนพนักงานกว่า 1,000 คน มีความหลากหลายมากกว่า 20 สัญชาติ ภายในสำนักงานในแอลเอ เซี่ยงไฮ้ โตเกียว และเกาหลี
● ร้านออฟไลน์สร้างยอดขายสุดแกร่ง
แม้ว่า CASETiFY จะเป็นแบรนด์ D-to-C (Direct to consumer) มาอย่างยาวนาน แต่การเติบโตส่วนใหญ่มาจากการเปิดร้านค้าปลีกแบบออฟไลน์ (CASETiFY Studio) เห็นได้จากความสำเร็จในการขายอย่างยอดเยี่ยมในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาของร้านค้าปลีก 18 แห่งทั่วเอเชียแปซิฟิก ซึ่งหน้าร้านจริงมีผลต่อการเพิ่มการรับรู้ในตลาดนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีคุณภาพสูงและหลากหลาย รวมถึงการตกแต่งที่มีสีสันเป็นไฮไลท์ นอกจากนั้น การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่เชื่อมโยงกับตลาด และผลงานสร้างสรรค์ร่วมกับศิลปินท้องถิ่นในแต่ละประเทศ ที่ CASETiFY ให้การสนับสนุนตลอดมาผ่านโปรแกรมแบ่งผลกำไรกับศิลปิน ยังมีส่วนช่วยขับเคลื่อนยอดขายของร้านค้าปลีกออฟไลน์ให้สูงขึ้นอีกด้วย
CASETiFY มียอดขายเฉลี่ยต่อตารางฟุตใน CASETiFY Studio 18 แห่งทั่วเอเชียแปซิฟิกในปี 2021 อยู่ที่ 1,441ดอลลาร์สหรัฐ เทียบเท่ายอดขายทั่วโลกของร้านค้าออนไลน์ระดับโลกอย่าง Lululemon (1,560 ดอลลาร์สหรัฐ)โดยยอดขายสูงสุดอยู่ที่CASETiFY Studio Hong Kong ซึ่งมีมูลค่า 2,500 เหรียญสหรัฐต่อตารางฟุต ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกของ Tiffany & Co. (2,951 เหรียญสหรัฐ)
จากความสำเร็จแบบจุดพลุ CASETiFY มีเป้าหมายที่จะเปิดร้าน 100 แห่งภายในปี 2025 โดย 20 ร้านจะตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดที่ทำรายได้สูงสุดจากทั่วโลก ซึ่งเปิดสาขาแรกที่เปิดให้บริการ ตั้งอยู่ในเมืองซานตาคลารา รัฐแคลิฟอร์เนีย (เปิดเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565) และมีแผนเปิดสาขาอื่น ๆ ทั่วทั้งชายฝั่งตะวันออกและตะวันตกอีกด้วย นอกเหนือจากสหรัฐอเมริกา CASETiFY กำลังเดินตามแผนการเปิดตัวร้านค้าในเมืองอื่น ๆ อีก 5 เมืองทั่วโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ได้แก่ ซิดนีย์ เซี่ยงไฮ้ ไทเป โซล และโตเกียว
1st CASETiFY Pop Up Store in Bangkok
· ตั้งเป้าลุยตลาดไทยเต็มตัว หลัง POP UP STORE แห่งแรกยอดขายพุ่ง
หลังจากเปิดตัวPop-up Store แห่งแรกในกรุงเทพฯ ไปไม่นาน และสร้างปรากฏการณ์ต่อคิวแน่นกลางใจเมือง ทำให้ CASETiFYยอดขายเติบโตอย่างรวดเร็วออนไลน์ส่งผลต่ออัตราการเติบโตถึงสองหลักเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และได้ฐานลูกค้าใหม่ในเมืองไทยเพิ่มขึ้นอีกเกือบเท่าตัว จากความสำเร็จในก้าวแรกนี้ CASETiFYมั่นใจในศักยภาพของประเทศไทยที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าลุยตลาดไทยอย่างเต็มตัว โดยมีแผนที่จะเปิด CASETiFY Studio ถาวรภายในปี 2566 นอกเหนือจากนั้น ทางแบรนด์วางแผนสร้างสรรค์กิจกรรมที่จะเชื่อมต่อกับลูกค้าชาวไทยได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น รวมถึงการคอลแลบกับแบรนด์ชั้นนำในประเทศ และศิลปิน นักออกแบบชาวไทยอย่างต่อเนื่อง
“เรารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากกับการเปิดตัว CASETiFY Pop-Up Store แห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งเราจะได้พบกับกลุ่มลูกค้าชาวไทยที่ให้การสนับสนุนผ่านสั่งสินค้าผ่านทางออนไลน์ตลอดมา หลังจากนี้ เรายังจะมอบความพิเศษให้กับลูกค้าชาวไทยอย่างแน่นอน และยังเปิดกว้างสำหรับนักออกแบบและครีเอทีฟชาวไทยให้ได้นำความเป็นไทยมาสู่แบรนด์ CASETiFY ในอนาคตอีกด้วย” เวสลีย์กล่าว
สำหรับ CASETiFY Pop-Up Store สาขาแรกในประเทศไทย ตั้งอยู่ภายใน “เซ็นทรัลเวิลด์” (โซน Atrium ชั้น 1) ครอบคลุมพื้นที่กว่า 80 ตารางเมตร ออกแบบขึ้นภายใต้คอนเซปต์ “360° Creative Hub” ที่พร้อมมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่แตกต่างและครบวงจร ทั้งการตกแต่งอันทันสมัย การใช้แสงและสีสันของสโตร์ที่สดใสสะดุดตา เชื่อมโยงลูกค้าเข้ากับเอกลักษณ์ของแบรนด์อย่างมีสไตล์ โดยมีสินค้าหลากหลายคอลเลกชันที่จะหมุนเวียนมาให้เลือกช้อปตลอด 6 เดือน
สรุปข้อมูลความสำเร็จและแผนการเติบโตของ CASETiFY
1. ขนาดและการเติบโตของบริษัท:
– ในปี 2020 CASETiFY มีรายได้รวมกว่า125 ล้านดอลลาร์ โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) อยู่ที่ +70%
– ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2018-2022) CASETiFY เติบโตอย่างต่อเนื่องที่ +70% YoY
– CASETiFY วางแผนที่จะบรรลุรายได้สามพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2025 มาจากส่วนแบ่งตลาดอุปกรณ์เสริมเทคโนโลยี 15%
2. ความสำเร็จในการขายปลีกออฟไลน์
– CASETiFY วางแผนที่จะขยายร้านค้าปลีกที่แข็งแกร่งถึง 18 แห่งภายใต้แนวคิด CASETiFY Studio ในทั่วโลก
– ปัจจุบัน CASETiFY Studios ทั่ว Asia pacific มียอดขายต่อปี (2021) ต่อตารางฟุตโดยเฉลี่ยที่ 1,441 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งใกล้เคียงกับแบรนด์แฟชั่นอื่น ๆ เช่น Lululemon (1,560 ดอลลาร์สหรัฐ)
– CASETiFY Studio ในฮ่องกง (สาขาหลัก)ทำรายได้สูงสุด มียอดขายต่อปี/ตารางฟุตเฉลี่ยที่ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกของ Tiffany & Co. (2,951 ดอลลาร์สหรัฐ)
3. แผนขยายธุรกิจค้าปลีกทั่วโลก
– CASETiFY วางแผนที่จะเปิดร้านค้าปลีก100 แห่งทั่วโลกในปี2025
– รวมทั้ง20 แห่งในสหรัฐอเมริกา
– ร้านค้าปลีกแห่งแรกในสหรัฐอเมริกาตั้งอยู่ในซานตาคลารา แคลิฟอร์เนียเปิดให้บริการในเดือนพฤศจิกายน2022