HUAWEI ส่งสมาร์ทโฟนเรือธง HUAWEI Mate 50 Pro เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยแล้ว โดยชูจุดเด่นที่เทคโนโลยีการถ่ายภาพ ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของบริษัทฯ ที่มาพร้อมแบรนด์ XMAGE และยังมีกล้องหลักความละเอียดสูงที่สามารถปรับขนาดรูรับแสงแบบได้ 10 ระดับ นอกจากนี้ ยังโดดเด่นในเรื่องของดีไซน์ที่หรูหราพรีเมี่ยม จอแสดงผลระดับ 10-bit ใช้ชิปเรือธง แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ชาร์จเร็วทั้งใช้สายและไร้สาย
สเปก HUAWEI Mate 50 Pro
- จอแสดงผล OLED 1.07 พันล้านสี ขนาด 6.74นิ้ว
- กล้องหลัง 50MP Ultra Aperture Camera
- กล้องหน้า 13MP Ultra-Wide Angle Camera + 3D Depth Sensing Camera
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8+ Gen 1 4G
- ความจำ RAM 8GB + ROM 256GB / RAM 8GB + ROM 512GB
- รองรับ NM SD Card สูงสุด 256GB
- ระบบปฏิบัติการ EMUI 13
- การเชื่อมต่อ 4G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2, USB Type-C
- มาตรฐานป้องกันน้ำและฝุ่น IP68
- แบตเตอรี่ 4700mAh
- ชาร์จเร็ว 66W HUAWEI SuperCharge และ 50W Wireless HUAWEI SuperCharge
- ขนาดตัวเครื่อง 162.1 x 75.5 x 8.5 มิลลิเมตร
- น้ำหนักประมาณ 209 กรัม
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ และ สีเงิน
แกะกล่อง HUAWEI Mate 50 Pro
HUAWEI Mate 50 Pro ถูกจัดส่งมาในกล่องสีดำ ติดโลโก้ HUAWEI ชื่อรุ่นด้วยตัวอักษรสีทอง ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมตั้งแต่แรกเห็น
เมื่อยกฝากล่องออกไป จะพบ HUAWEI Mate 50 Pro นอนอยู่ในซองที่มีลิ้นช่วยดึงสมาร์ทโฟนให้ขึ้นมาจากกล่องได้อย่างสะดวก
ใต้ถาดรองสมาร์ทโฟนจะพบซองเอกสารสีดำ พร้อมรูปภาพชี้ตำแหน่งถาดใส่ซิมการ์ด ซึ่งอยู่ด้านล่างของตัวเครื่อง
นอกจากคู่มือและเอกสารต่างๆ ภายในซองเอกสาร ยังแถมเคสใส และแนบเข็มช่วยถอดช่องใส่ซิมการ์ดมาให้ด้วย
ชั้นล่างสุดของกล่อง เป็นช่องเก็บอุปกรณ์ชาร์จแบตตอรี่ 6W HUAWEI SuperCharge และ สายชาร์จ USB-C to USB-A
ดีไซน์สุดพรีเมี่ยม
HUAWEI Mate 50 Pro ผลิตออกมาทั้งหมด 3 สี แต่ สีส้ม ที่ใช้วัสดุหนัง Vegan และดูเหมือนจะไม่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย (อย่างน้อยก็ในช่วงแรก) ส่วนอีก 2 สี ที่มีให้เลือกในไทย ได้แก่ สีดำ และ สีเงิน ซึ่งทีมงาน @Flashfly ได้รับสีดำมารีวิว
HUAWEI Mate 50 Pro สีดำ และ สีเงิน ใช้วัสดุกระจกที่มีคุณภาพสูง แข็งแรงทนทาน ให้ผิวสัมผัสที่พรีเมี่ยม โดยเฉพาะสีดำที่อยู่ในมือของทีมงาน @Flashfly ถูกตกแต่งด้วยขอบสีทองของกล้องหลังที่เป็นกรอบวงกลมขนาดใหญ่ เมื่อซูมเข้าไปที่ส่วนขอบสีทองจะมองเห็นลวดลาย Clous de Paris แบบเดียวกับที่พบในขอบหน้าปัดนาฬิการะดับไฮเอนด์ ถือเป็นลวดลายที่บ่งบอกถึงความหรูหราคลาสสิค เนื่องจากได้รับการถ่ายทอดมาจากสถาปัตยกรรมยุคกลางของยุโรป
ด้านหน้ามาพร้อมจอแสดงผล OLED ขนาด 6.74 นิ้ว ให้สีสันมากถึง 1.07 พันล้านสี และยังใช้ดีไซน์ขอบจอโค้ง ทำให้พื้นที่ขอบจอรอบด้านบางเฉียบ ส่งผลให้ขนาดตัวเครื่องไม่ใหญ่เกินไป
ขอบบนของจอแสดงผล มีการทำรอยบากเพื่อเว้นไว้ติดตั้งกล้องหน้า 13MP Ultra-Wide Angle Camera ตรงกลางเป็นลำโพง ถัดมาคือ 3D Depth Sensing Camera ที่หาได้ยากในสมาร์ทโฟน Android ช่วยในการสแกนใบหน้าแบบ 3 มิติ เพิ่มความแม่นยำในการจดจำใบหน้า จึงมีความปลอดภัยในการยืนยันตัวตนมากกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปที่มีเฉพาะกล้องหน้าเพียงอย่างเดียว
พลิกมาดูระบบกล้องหลังกันบ้าง HUAWEI Mate 50 Pro ได้รับกล้องหลัง 3 ตัว จัดวางอยู่ในกรอบกันชนวงกลมขนาดใหญ่ ประกอบด้วย กล้องหลัก, กล้อง Ultra-Wide และ กล้อง Telephoto ส่วนที่ดูเหมือนเลนส์กล้องวางอยู่ใต้กล้องหลัก แท้จริงแล้วเป็นเซ็นเซอร์ Proximity และยังมีเซ็นเซอร์ Laser ช่วยจับโฟกัส รวมถึงแฟลช LED จัดวางอยู่ภายในกรอบเดียวกัน
ขอบด้านข้าง มีความบาง 8.5 มิลลิเมตร ติดตั้งปุ่มปรับระดับเสียง ไว้เหนือปุ่มเพาเวอร์ ที่มีแถบสีแดง
ด้านบนมีรูไมโครโฟน ตัวที่ 2 และอีกรูเป็น IR Blaster
ด้านล่างมีถาดใส่ซิมการ์ด, รูไมโครโฟน, พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C (USB 3.1 Gen 1, รองรับ DisplayPort 1.2) และ ลำโพง (ให้เสียงสเตอริโอ โดยขับเสียงร่วมกับลำโพงตัวบนที่อยู่ในรอยบาก)
นอกเหนือจากดีไซน์ที่สวยงามพรีเมี่ยม HUAWEI Mate 50 Pro ยังได้รับการออกแบบมาให้สามารถต้านทานน้ำ น้ำกระเซ็น และฝุ่น ในระดับ IP68 ตามมาตรฐาน IEC 60529 สามารถทนน้ำที่ระดับสูงสุด 2 เมตร นานสูงสุด 30 นาที จึงคลายความกังวลได้เมื่อใช้งานสมาร์ทโฟนใกล้แหล่งน้ำ แต่ไม่แนะนำให้นำไปใช้งานใต้น้ำ เนื่องจากการรับประกันไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดขึ้นจากของเหลว
จอ1.07 พันล้านสีขนาด 6.74 นิ้ว 120Hz
HUAWEI Mate 50 Pro มาพร้อมจอแสดงผลแบบขอบจอโค้งทั้งซ้าย-ขวา เสริมภาพลักษณ์ให้ดูพรีเมี่ยม โดยใช้เทคโนโลยีจอภาพ OLED ที่มีสีสันสวยงามคมชัด ให้ความลึกสีมากถึง 1.07 พันล้านสี ความละเอียด 2616 x 1212 พิกเซล ขนาด 6.74 นิ้ว สามารถปรับลดแสง PWM (Pulse Width Modulation) ได้ที่ความถี่สูง 1440Hz เพื่อให้มองหน้าจอได้อย่างสบายตาในที่แสงน้อย
จอแสดงผลของ HUAWEI Mate 50 Pro ยังให้อัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz และอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate ที่ 300Hz ทำให้หน้าจอตอบสนองการสัมผัสได้อย่างลื่นไหล และแสดงคอนเ้นต์ต่างๆ ได้เนียนตา เหมาะสำหรับการรับชมภาพยนตร์ และเล่นเกม
สแกนใบหน้าแบบ 3D พร้อมสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
ระบบรักษาความปลอดภัย ถือเป็นอีกจุดเด่นของ HUAWEI Mate 50 Pro เนื่องจากรองรับวิธียืนยันตัวตนทาง Biometrics ที่มีประสิทธิภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นการสแกนลายนิ้วมือ โดยติดตั้งเซ็นเซอร์อ่านลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล ซึ่งเป็นวิธีการมาตรฐานของสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ แต่ที่ล้ำหน้ากว่าคู่แข่งที่เป็นสมาร์ทโฟน Android ด้วยกัน คือ วิธีการสแกนใบหน้า
HUAWEI Mate 50 Pro ใช้วิธีการสแกนใบหน้าแบบ 3D Face Recognition โดยใช้ 3D Depth Sensing Camera ที่ติดตั้งคู่กับกล้องหน้าช่วยในการจดจำใบหน้าเจ้าของสมาร์ทโฟนแบบ 3 มิติ ทำให้มีความแม่นยำกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป ที่มีแต่กล้องหน้าช่วยระบุใบหน้า ทำให้ HUAWEI Mate 50 Pro มีความปลอดภัยมากกว่าในการยืนยันตัวตน
XMAGE ยุคใหม่ของการถ่ายภาพด้วยมือถือ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา HUAWEI ได้ลงทุนพัฒนาและวิจัยการถ่ายภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษามาตรฐานของการเป็นผู้นำในด้าน Mobile Photography จนในที่สุดได้ประกาศสร้างแบรนด์ใหม่ XMAGE เพื่อนำเสนอเทคโนโลยีการถ่ายภาพที่ดีที่สุดบนสมาร์ทโฟนระดับเรือธงของ HUAWEI และ HUAWEI Mate 50 Pro ก็เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของบริษัทฯ ที่มาพร้อมแบรนด์ XMAGE
เทคโนโลยีการถ่ายภาพ XMAGE มุ่งเน้นไปที่ 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ นวัตกรรมทางเทคโนโลยี ประสบการณ์การถ่ายภาพ และ วัฒนธรรมการถ่ายภาพ โดย 2 อย่างแรก มุ่งเน้นไปที่ระบบออปติคัล เทคโนโลยีการถ่ายภาพ และ การประมวลผลภาพ
ระบบออปติคัลครอบคลุมระบบกล้องหลายตัว, เลนส์ Telephoto แบบ Periscopic, เลนส์ Free-form ขณะที่เทคโนโลยีการถ่ายภาพให้ความสำคัญกับเซ็นเซอร์ความไวสูง RYYB, ระบบโฟกัส 8 คอร์ แบบเต็มพิกเซล, เซ็นเซอร์หลายสเปกตรัม 10 ช่องสัญญาณ และ ภาพไฮเปอร์สเปกตรัม นอกจากนี้ การประมวลผลภาพ ยังเข้ามาดูแลในด้านอัลกอริทึม, การถ่ายภาพ AI, HDR Fusion เรียลไทม์, XD Fusion Pro, XD Optics และซอฟต์แวร์ต่างๆ
ทั้งนี้ เทคโนโลยีการถ่ายภาพ XMAGE จะพบได้เฉพาะในสมาร์ทโฟนระดับเรือธงของ HUAWEI เท่านั้น
กล้องหลังปรับรูรับแสงได้ 10 ระดับ
HUAWEI Mate 50 Pro ชูจุดเด่นที่ระบบกล้องหลัง 3 ตัว โดยเฉพาะกล้องตัวหลัก ที่สามารถปรับขนาดรูรับแสงได้ถึง 10 ระดับ และมีขนาดรูรับแสงใหญ่สุด F1.4 ที่หาได้ยากในกล้องของสมาร์ทโฟน อีกทั้งยังมีกล้อง Ultra-Wide ที่ให้มุมมองภาพ 120 องศา สำหรับเก็บภาพวิวทิวทัศน์ หรือ จะถ่ายภาพ Macro ก็สามารถจับโฟกัสในระยะใกล้ถึง 2.5 เซนติเมตร และยังมีกล้อง Telephoto ที่สามารถซูมได้สูงถึง 200 เท่า
- กล้องหลัก Ultra Aperture ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสงปรับได้ F1.4 – F4.0 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS
- กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.2 ให้มุมมองภาพ 120 องศา
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง F3.5 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS
ทีมวิศวกรของ HUAWEI มองเห็นว่าภาพถ่ายที่ได้จากกล้องของสมาร์ทโฟน ไม่ได้เรียงเป็นชั้นเหมือนกับภาพถ่ายจากกล้อง SLR เนื่องจากกล้องของสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่มีรูรับแสงแบบคงที่ ทำให้กล้องหลังของ HUAWEI Mate 50 Pro มาพร้อมเทคโนโลยี Ultra Aperture XMAGE Camera ที่สามารถปรับขนาดรูรับแสงได้ถึง 10 ระดับ พร้อมด้วยอัลกอริทึมอัจฉริยะที่สามารถสร้างมุมมองภาพได้แบบกล้อง SLR
เทคโนโลยี Ultra Aperture XMAGE Camera ช่วยให้กล้องตัวหลักของ HUAWEI Mate 50 Pro สามารถปรับรูรับแสง หรือ ค่า F ได้ถึง 10 ระดับ ได้แก่ F1.4 / F1.6 / F1.8 / F2.0 / F2.2 / F2.5 / F2.8 / F3.2 / F3.5 / F4.0 สามารถถ่ายภาพแบบปรับรูรับแสงได้ที่โหมด Aperture และเลือก Physical Aperture
สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับค่า F – ค่า F คือ รูรับแสง ซึ่งเป็นรูเล็กๆ ในเลนส์กล้อง ช่วยควบคุมปริมาณแสงที่รอดผ่านเข้าไปในกล้อง ยิ่งค่า F น้อย หมายถึงให้แสงรอดผ่านเข้าไปในปริมาณมาก ส่วนค่า F มาก ก็จะลดแสงให้น้อยลง ซึ่งกล้องหลักของ HUAWEI Mate 50 Pro สามารถปรับค่า F ได้ 10 ระดับ อย่างที่กล่าวไปแล้ว
XMAGE Style
เมื่อเข้ามาในแอปกล้องของ HUAWEI Mate 50 Pro จะพบกับโหมดถ่ายภาพ Aperture, Night, Portrait, Photo, Video, Pro ส่วนโหมดอื่นๆ รวมอยู่ใน More ประกอบไปด้วย Slow-Mo, Panorama, Monochrome, AR Lens, Light Painting, Time-lapse, Stickers, Documents, Super Macro, Dual-View Video, High-res, Story Creator, Snapshot และ Multi-cam
โหมด Photo สามารถซูมได้ตั้งแต่ 0.6 เท่า (เปิดใช้งานกล้อง Ultra-Wide) จนสูงสุด 100 เท่าแบบดิจิตัล และเมื่อแตะที่ไอคอนแผ่นฟิล์ม (แถบเมนูด้านบน) จะพบกับ XMAGE Style ที่เหมาะสำหรับถ่ายภาพบุคคลให้ออกมาสวยงาม โดยยังเน้นให้เห้นรายละเอียดของฉากหลัง มีให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ Original (ให้สีสันและรายละเอียดที่แม่นยำเหมือนกับตาเห็น), Vivid (ให้รายละเอียดที่ชัดเจนทั้งส่วนมืดและสว่าง) และ Bright (เพิ่มความสว่างให้กับภาพอย่างสมดุล) นอกจากนี้ ยังมี Filter ให้เลือกอีกหลายแบบ เช่น Classic, Dawn, Pure, Moody เป็นต้น
ถ่ายภาพบุคคลแบบมืออาชีพ
สำหรับการถ่ายภาพบุคคล หรือ Portrait ผู้ใช้งานควรทราบว่าค่า F ส่งผลให้ภาพถ่ายมีระยะชัดลึกแตกต่างกันไป ยิ่งค่า F น้อย ก็ยิ่งทำให้ฉากหลังละลายหรือเบลอมากขึ้น ทำให้บุคคลโดดเด่นที่สุด โดยค่า F ที่เหมาะสมในการถ่ายภาพ Portrait จะอยู่ในช่วง F1.4 – F1.8 แต่ถ้าต้องการเก็บภาพทั้งบุคคลและฉากหลัง ก็สามารถปรับค่า F ให้สูงขึ้น
กล้องหลักของ HUAWEI Mate 50 Pro สามารถปรับค่า F หรือ ขนาดรูรับแสง ได้ใหญ่ถึง F1.4 และยังทำงานร่วมกับอัลกอริทึมอัจฉริยะ เพื่อสร้างเอฟเฟกต์ Bokeh ที่แม่นยำและเป็นธรรมชาติ ทำให้ภาพถ่ายออกมามีคุณภาพสูงเหมือนถ่ายจากกล้องระดับมืออาชีพ และสามารถเก็บรายละเอียดเล็กๆ อย่าง เส้นผม สร้อยคอ ได้คมชัด ไม่ถูกเบลอไปกับฉากหลัง
Super Night Mode
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า ยิ่งค่า F น้อย ยิ่งทำให้แสงรอดผ่านเข้ามาในกล้องได้มากขึ้น และด้วยค่า F ที่ใหญ่ถึง F1.4 ทำให้กล้องหลังของ HUAWEI Mate 50 Pro สามารถถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย หรือ ในเวลากลางคืนได้อย่างยอดเยี่ยม โดยอาศัยการทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ RYYB, กล้องหลักความละเอียดสูง 50MP Ultra Aperture Camera และ เทคโนโลยี XD Fusion Pro Image Engine ช่วยยกระดับการเก็บรายละเอียด สี และ ขอบเขตรายละเอียดของภาพ ทำให้ภาพถ่ายในโหมด Super Night ของ HUAWEI Mate 50 Pro มีความคมชัด ไม่สว่างเกินจริง และยังให้รายละเอียดที่ครบถ้วน
Video Mode
ไม่ใช่เพียงภาพนิ่ง แต่กล้องหลังของ HUAWEI Mate 50 Pro ยังสามารถปรับขนาดรูรับแสงในโหมดถ่ายวิดีโอได้ด้วย และสามารถรับค่า F ได้แบบเรียลไทม์ระหว่างถ่ายวิดีโอ และด้วยค่ารูรับแสงขนาดใหญ่ ก็ช่วยให้การถ่ายวิดีโอในเวลากลางคืน (Ultra HD Low-light Video) ออกมามีคุณภาพไม่แพ้ภาพนิ่ง โดยรองรับการถ่ายวิดีโอในความละเอียดสูงสุด 4K ที่อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที รองรับการซูมตั้งแต่ 0.5 – 10 เท่า และยังมี XMAGE Style ให้เลือกเหมือนโหมด Photo
โหมดวิดีโอของกล้องหลัง ยังสามารถบันทึกภาพระยะใกล้แบบ Super Macro เพียงวางสมาร์ทโฟนอยู่ห่างจากวัตถุประมาณ 2.5 เซนติเมตร หรือ จะสลับไปใช้กล้อง Wide เพื่อให้มุมมองที่ต่างออกไป นอกจากนี้ ยังมีโหมดถ่ายวิดีโอที่สำคัญอย่าง Time-Lapse, Slow-Mo และ Dual-View Video
กล้องหน้า 13MP Ultra-Wide Angle Camera
กล้องหน้าของ HUAWEI Mate 50 Pro มีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.4 ให้มุมมองกว้างพิเศษ จึงรองรับการถ่ายเซลฟี่แบบคนเดียว หรือ ถ่ายกับเพื่อนๆ ก็เก็บภาพได้ครบทุกคน โดยสามารถปรับมุมมองกว้างได้ 3 ระยะ Wide, 0.8x และ 1.0x ทั้งในโหมด Portrait, Photo และ Video โดยที่โหมด Video ของกล้องหน้า สามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 4K ที่อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
ประสิทธิภาพระดับเรือธง Snapdragon 8+ Gen 1
HUAWEI Mate 50 Pro ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8+ Gen 1 4G ซึ่งเป็นชิปที่แรงที่สุดของ Qualcomm ในปีนี้ ประกอบด้วยซีพียูแกนหลัก Cortex-X2 ความเร็วสูงสุด 3.2GHz + 3x Cortex-A710 ความเร็วสูงสุด 2.75GHz + 4x Cortex-A510 ความเร็วสูงสุด 2.0GHz ให้ประสิทธิภาพเร็วขึ้น 10% ขณะที่จีพียู Adreno ของ Snapdragon 8+ Gen 1 สามารถทำงานที่ความถี่สูงขึ้น 10% เมื่อเทียบกับชิป Snapdragon 8 Gen 1
Qualcomm Snapdragon 8+ Gen 1 4G ยังได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านพลังงานให้ดีขึ้น 30% เมื่อเทียบกับชิป Snapdragon 8 Gen 1 และมาพร้อม AI Engine รุ่นที่ 7 ที่มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น 20% นอกจากจะใช้ชิปประมวลผลระดับเรือธง HUAWEI Mate 50 Pro ยังพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น อย่าง SuperHold, SuperRender และ SuperStorage
SuperHold
SuperHold เป็นเทคโนโลยีเร่งความเร็วหน่วยความจำให้แรงยิ่งขึ้น จึงตอบสนองการใช้งานในด้านต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมที่ราบรื่นและเสถียรกว่า ถึงแม้จะมีความจำ RAM 8GB แต่สามารถแสดงภาพกราฟิกเกมได้ลื่นไหลกว่าเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนทั่วไปที่มี RAM 12GB เห็นได้ชัดเจนเมื่อมีการถูกขัดจังหวะระหว่างเล่นเกมจากสายเรียกเข้า
SuperRender
เทคโนโลยี SuperRender เข้ามาช่วยลดอุณหภูมิตัวเครื่องและลดการใช้พลังงาน เพื่อทำให้การเล่นเกมบน HUAWEI Mate 50 Pro ยังคงรักษาเฟรมเรทสูงแม้เล่นเกมติดต่อกันเป็นเวลานานหลายนาที ซึ่งปกติสมาร์ทโฟนทั่วไปจะมีเฟรมเรทลดลง เมื่อตัวเครื่องมีอุณหภูมิสูงขึ้น
SuperStorage
HUAWEI Mate 50 Pro มีความจุในตัวให้เลือกระหว่าง 256GB และ 512GB แต่ด้วยเทคโนโลยี SuperStorage จะช่วยให้มีพื้นที่เพิ่มมากขึ้น 10% โดยการบีบอัดแอปที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน รวมไฟล์ที่ซ้ำซ้อน กำจัดการดาวน์โหลดซ้ำที่ไม่จำ และช่วยล้างพื้นที่เก็บข้อมูลได้มากถึง 20GB สำหรับรุ่น 256GB ทำให้ HUAWEI Mate 50 Pro มีความจุเหลือเฟือสำหรับบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง, ติดตั้งเกมขนาดใหญ่ได้หลายเกม รวมไปถึงจัดเก็บไฟล์มีเดียและไฟล์เอกสารได้หลายร้อยไฟล์
ชาร์จเร็ว 66W HUAWEI SuperCharge
สนุกกับการเล่นเกมเป็นเวลานานได้อย่างเต็มที่ด้วยความจุแบตเตอรี่ 4700mAh ที่มีขนาดใหญ่เพียงพอสำหรับการใช้งานได้ตลอดทั้งวัน และถ้าแบตเตอรี่เหลือน้อยเพียง 1% ก็ไม่ต้องกังวล เนื่องจาก HUAWEI Mate 50 Pro มาพร้อม Emergency Mode ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถโทรได้นาน 15 นาที หรือ ส่งข้อความ SMS ได้สูงสุด 12 ข้อความ เพื่อไม่ให้ผู้ใช้งานขาดการติดต่อสื่อสารในช่วงเวลาสำคัญ
HUAWEI Mate 50 Pro ยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 66W HUAWEI SuperCharge ซึ่งแถมสายชาร์จและที่ชาร์จ 66W มาให้แล้วในกล่อง อีกทั้งยังสนับสนุนการชาร์จเร็วแบบไร้สาย 50W Wireless HUAWEI SuperCharge (ที่ชาร์จไร้สายวางจำหน่ายแยกต่างหาก)
นอกจากชาร์จเร็ว HUAWEI ยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัย โดยการชาร์จผ่านสาย 66W HUAWEI SuperCharge จะใช้เทคโนโลยีการชาร์จแบบหลายช่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการชาร์จ อีกทั้งยังควบคุมอุณหภูมิระหว่างการชาร์จได้เป็นอย่างดี จนทำให้ HUAWEI Mate 50 Pro สามารถใช้งานขณะชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างปลอดภัย
EMUI 13
HUAWEI Mate 50 Pro ทำงานบน EMUI 13 ที่มีการปรับปรุง User Interface ใหม่อีกครั้ง เพื่อมอบความยืดหยุ่นในการปรับแต่งไอคอน วิดเจ็ต และ โฟลเดอร์ ให้สะดวกต่อการใช้งานสำหรับผู้ใช้แต่ละคนที่มีแอปโปรดไม่เหมือนกัน
จุดเด่นของ EMUI 13
Flexibly-sized Widget Combos – อนุญาตให้ผู้ใช้งานปรับขนาดวิดเจ็ตได้หลายขนาด เพื่อให้จัดวางรวมกับไอคอนต่างๆ บนหน้าจอโฮมได้อย่างลงตัว
Stack Widgets – สามารถวางวิดเจ็ตซ้อนทับกันหลายชั้นในรูปแบบการ์ด เพื่อประหยัดพื้นที่และทำให้หน้าจอดูสบายตา โดยที่ผู้ใช้งานยังสามารถเลือกดูวิดเจ็ตที่วางซ้อนกันได้อย่างสะดวกเพียงปัดนิ้วขึ้นหรือลง
SuperHub – พื้นที่แชร์ไฟล์กับอุปกรณ์อื่น ที่เชื่อมต่อกับ HUAWEI Mate 50 Pro (เช่น HUAWEI MateBook ที่มี PC Manager เวอร์ชัน 13.0.2.310 ขึ้นไป) เพียงกดค้างที่ข้อความ รูปภาพ หรือไฟล์ใดๆ ที่ต้องการแชร์ แล้วลากไปที่ SuperHub ไฟล์เหล่านั้นก็จะถูกแชร์กับอุปกรณ์ที่ทำงานร่วมกันทันที (อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกันต้องใช้ Wi-Fi เครือข่ายเดียวกัน และเปิด Bluetooth)
Commonly-Used Features Upgraded – ผู้ใช้งานสามารถปัดขึ้นบนไอคอนแอป เพื่อดูข้อมูลต่างๆ หรือเข้าถึงบริการได้ทันที โดยไม่ต้องเปิดเข้าไปในแอป
Image Privacy – ภาพถ่ายจากสมาร์ทโฟนมีการฝังข้อมูลที่สำคัญไว้ ทั้งเวลาและสถานที่ เมื่อเปิดใช้งาน Image Privacy จะช่วยลบข้อมูลในภาพถ่าย เพื่อให้มีความปลอดภัยก่อนเผยแพร่ลงอินเทอร์เน็ต
Privacy and Security Center – ศูนย์รักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวใน EMUI 13 ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มาพร้อมแดชบอร์ดที่ใช้งานง่าย เพื่อให้เจ้าของ HUAWEI Mate 50 Pro ตรวจสอบสิทธิ์ของแอปต่างๆ ว่ามีการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวมากน้อยขนาดไหน
AppGallery – ร้านค้าแอปของ HUAWEI ที่มีทั้งเกมและแอปพลิเคชั่นยอดนิยมมากมายครอบคลุมทุกหมวดหมู่ และยังสามารถค้นหาแอปที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย รวมไปถึงแอปที่อยู่นอกเหนือ AppGallery ก็สามารถดาวน์โหลดไฟล์ APK ได้โดยตรง ไม่ต้องเสียเวลาออกไปใช้เครื่องมืออื่น
สรุปราคาและการวางจำหน่าย
HUAWEI Mate 50 Pro เป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่มีประสิทธิภาพสูง ดีไซน์สวยงามพรีเมี่ยม โดดเด่นในการถ่ายภาพ ด้วยเทคโนโลยีจาก XMAGE ที่รับรองได้ว่าคนรักการถ่ายภาพจะไม่ผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่งหรือวิดีโอก็ให้ภาพออกมาคมชัดในทุกสถานการณ์ อีกทั้งยังมีจอแสดงผลที่ให้สีสันคมชัดสมจริง แบตเตอรี่ขนาดใหญ่รองรับชาร์จเร็ว 66W HUAWEI SuperCharge รวมถึงชาร์จเร็วแบบไร้สาย 50W Wireless HUAWEI SuperCharge เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่กำลังมองหาเรือธงเครื่องใหม่ไว้ตอบโจทย์ด้านการถ่ายภาพอย่างแท้จริง
โดย HUAWEI Mate 50 Pro (8+256GB) มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ และ สีเงินราคา 43,990 บาท และ HUAWEI Mate 50 (8+256GB) ราคา 36,990 บาท พรีออเดอร์ได้ตั้งแต่ 23 พฤศจิกายน 2565 ถึง 2 ธันวาคม 2565 ที่ร้าน HUAWEI Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางออนไลน์อย่าง HUAWEI Store และร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบน Lazada และแอปพลิเคชัน My HUAWEI