ถึงแม้ Apple จะอ้างว่า iPhone รุ่นใหม่ มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่ารุ่นก่อน แต่สำหรับผู้ใช้ iPhone 13 Pro หรือ 13 Pro Max ที่อัปเกรดมาเป็น iPhone 14 Pro หรือ 14 Pro Max ส่วนใหญ่กลับรู้สึกแปลกใจว่าแบตเตอรี่ของ iPhone รุ่นใหม่ ใช้พลังงานมากกว่ารุ่นก่อน ซึ่งทีมงานของ iDownloadBlog ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน จึงพยายามหาสาเหตุและนำวิธีการแก้ไขมาฝาก
ทำไมแบตเตอรี่ iPhone 14 Pro จึงหมดไวกว่า iPhone 13 Pro
iDownloadBlog วิเคราะห์ว่ามีหลายสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่ของ iPhone 14 Pro และ 14 Pro Max ระบายไวกว่ารุ่นก่อน เริ่มตั้งแต่ฟีเจอร์ใหม่อย่างการแสดงผลในแบบ Always-On Display ถึงแม้จอแสดงผลของ iPhone 14 Pro จะรองรับอัตราการรีเฟรชที่ต่ำเพียง 1Hz แต่การแสดงผลแบบ Always-On Display ของ Apple ก็แตกต่างจากสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น เพราะดูเหมือนเป็นการทำให้หน้าจอมืดลง แทนที่จะใช้พื้นหลังสีดำสนิท นั่นทำให้โหมด Always-On Display สวยงามกว่าคู่แข่ง แต่ก็ใช้พลังงานของแบตเตอรี่มากกว่าด้วย
ความสว่างของจอแสดงผลก็มีส่วนสำคัญในการส่งผลกระทบกับแบตเตอรี่ iPhone 14 Pro และ 14 Pro Max มาพร้อมจอแสดงผลที่ให้ความสว่างสูงสุด 1,000 นิต (ทั่วไป) ความสว่างสูงสุดเฉพาะจุด 1,600 นิต (HDR) และ ความสว่างสูงสุดเฉพาะจุด 2,000 นิต (กลางแจ้ง) เห็นได้อย่างชัดเจนว่าจอแสดงผลของ iPhone 14 Pro จะสว่างขึ้นมากภายใต้สภาวะปกติ ซึ่งหมายความว่ามีแนวโน้มที่จะดูดพลังงานจากแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้น และที่แย่ไปกว่านั้นคือ Dynamic Island ใหม่ ใช้พิกเซลเพิ่มเติมที่ไม่เคยมีอยู่ในรอยบาก ดังนั้น iPhone 14 Pro และ 14 Pro Max จึงต้องใช้พลังงานพิกเซลมากกว่า iPhone 13 Pro และ 13 Pro Max
iPhone 14 Pro Max ยังมีความจุแบตเตอรี่น้อยลงด้วย โดยมีแบตเตอรี่ 4,323mAh ขณะที่ iPhone 13 Pro Max มีแบตเตอรี่ขนาด 4,352mAh อย่างไรก็ตาม iPhone 14 Pro ได้รับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้นที่ 3,200mAh แต่ iPhone 13 Pro มีความจุแบตเตอรี่ 3,095mAh ถึงอย่างนั้น iDownloadBlog ก็เชื่อว่าผลกระทบจากฟีเจอร์ใหม่ เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้แบตเตอรี่ของ iPhone รุ่นใหม่ หมดเร็วกว่ารุ่นก่อนหน้า
เคล็ด(ไม่)ลับ ในการประหยัดแบตเตอรี่
เพื่อให้ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น iDownloadBlog แนะนำให้ปิดการใช้งาน Always-On Display โดยไปที่แอป Settings > Display & Brightness > Always On แล้วปิดการใช้งาน
การปรับความสว่างหน้าจอด้วยตนเอง แทนที่จะให้ iPhone ปรับแสงโดยอัตโนมัติก็มีส่วนช่วยได้มาก เพราะมีหลายสถานการณ์ที่ iPhone ปรับความสว่างสูงเกินไป โดยเฉพาะการใช้งานกลางแจ้ง ซึ่งมีหลายสถานการณ์ที่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องใช้ระดับความสว่างสูงถึง 100%
เปิดใช้งาน Low Power Mode ชัดเจนว่าโหมดนี่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยประหยัดพลังงานของแบตเตอรี่ โดยแลกมาด้วยประสิทธิภาพที่ลดลงเล็กน้อย แต่บางทีสิ่งเหล่านี้อาจไม่จำเป็นต้องใช้ ไม่ว่าจะเป็นลดอัตราการรีเฟรชหน้าจอ, กลับไปใช้การเชื่อมต่อ 4G, ลดความสว่างของจอแสดงผล, ล็อคหน้าจออัตโนมัติโดยค่าเริ่มต้นเป็น 30 วินาที, ปิดหรือลดการแสดงแอนิเมชั่น ช่วยลดภาระของจีพียู, ควบคุมประสิทธิภาพของซีพียู, หยุดการสำรองข้อมูล iCloud, ปิดการดาวน์โหลดอัตโนมัติ รวมถึงหยุดการซิงค์ข้อมูลต่างๆ ชั่วคราว
Haptic Feedback เป็นอีกฟีเจอร์ใหม่ของ iPhone 14 ซึ่งใช้ Taptic Engine ช่วยตอบสนองการกดคีย์บอร์ดเสมือนบนหน้าจอด้วยระบบสั่น และแน่นอนว่าเป็นการดึงพลังงานแบตเตอรี่ทุกครั้งที่ทำงาน แต่สามารถปิดการใช้งานได้ที่แอป Settings > Sounds & Haptics > Keyboard Feedback > Haptic
สำหรับเจ้าของ iPhone 14 Pro ที่มี Apple Watch ก็สามารถประหยัดแบตเตอรี่ของ iPhone โดยใช้ Apple Watch ให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการโทรออก-รับสาย หรือ รับ-ส่งข้อความ แทนที่จะใช้งานบน iPhone โดยตรง อีกทั้ง Apple Watch ยังทำงานร่วมกับโหมด Always-On Display ได้อย่างชาญฉลาด (โหมด Always-On Display บน iPhone 14 Pro จะปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ เมื่อผู้ใช้งานวางทิ้งไว้แล้วเดินออกไปพร้อมกับสวม Apple Watch)
นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคอีกหลายอย่างที่ช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ของ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Dark Mode, ปิดใช้งานการรีเฟรชแอปพื้นหลัง, จำกัดการใช้ตำแหน่งเฉพาะแอปและบริการที่ต้องการ, ใช้ Wi-Fi แทน 5G หรือ 4G ถ้าทำได้ รวมไปถึงการใช้งาน iPhone ภายใต้อุณหภูมิที่เหมาะสม เนื่องจากอุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินปกติ อาจส่งผลให้สิ้นเปลืองแบตเตอรี่
ที่มา – iDownloadBlog