ในโอกาสที่ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการออกแบบจอแสดงผล ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับ iPhone X ซึ่งถือเป็นยุคใหม่ของ iPhone มีอายุครบรอบ 5 ปี เว็บไซต์ MacRumors จึงขอพาทุกคนย้อนกลับไปดูวิวัฒนาการของ iPhone ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และยังมองไปถึงดีไซน์ในอนาคตด้วย
iPhone ในยุคแรก
ช่วง 10 ปีแรกของ iPhone นับตั้งแต่รุ่นแรกที่ออกมาในปี 2007 ทุกรุ่นล้วนมีขอบจอที่ค่อนข้างหนา ทั้งขอบบน ด้านล่าง และด้านข้าง ของจอแสดงผล โดยเฉพาะขอบล่างใต้หน้าจอ ที่ต้องเว้นไว้สำหรับปุ่มโฮม ก่อนที่จะฝัง Touch ID มาให้ในปี 2013
ยุคแรกของ iPhone แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ของจอแสดงผล แต่ขอบจอกลับดูหนาขึ้น เนื่องจากมีการขยายขนาดหน้าจอ จาก 3.5 นิ้ว เป็น 5.5 นิ้ว ในรุ่น Plus จนกระทั้งปี 2017 ซึ่งเป็นช่วงก้าวสู่ทศวรรษใหม่ จึงเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ใหม่หมด
ทศวรรษใหม่ ดีไซน์ใหม่ มีรอยบาก
หลังจาก iPhone มีอายุครบ 10 ปี Apple ก็ถือโอกาสเปิดตัว iPhone X โดยตัว X หมายถึง 10 ของเลขโรมัน โดยได้รับการออกแบบใหม่หมด ไม่มีปุ่มโฮมใต้หน้าจออีกต่อไป และมีขอบจอรอบด้านที่บางลงมาก เรียกว่าเป็นดีไซน์แบบ All Screen
เนื่องจากความหนาที่ด้านบนของจอแสดงผลถูกเฉือนให้บางเฉียบ ทำให้ Apple ต้องทำรอยบาก หรือ Notch ขึ้นมา เพื่อใช้เป็นพื้นที่ในการติดตั้งส่วนประกอบของระบบกล้อง TrueDepth สำหรับ Face ID รวมถึงลำโพง ซึ่งดีไซน์ Notch ของ iPhone X ได้รับเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งในแง่บวกและแง่ลบ
การมาถึงของ Notch หรือ รอยบากบนหน้าจอ iPhone X ส่งผลให้ Apple ต้องปรับแต่ง iOS ให้ซับซ้อนขึ้น เพื่อรองรับคอนเท้นต์ต่างๆ ให้เข้ากับรอยบากที่ยื่นเข้ามาบนหน้าจอ เนื่องจากในช่วงเวลาเดียวกัน Apple ก็ยังเปิดตัว iPhone 8 ที่ยังใช้ดีไซน์เดิม
รอยบากเล็กลง
หลังจากเปิดตัว iPhone X ในปีต่อๆ มา รอยบากก็ส่งต่อมายัง iPhone XS / XR, iPhone 11 และ iPhone 12 จนกระทั่งได้รับการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเมื่อเปิดตัว iPhone 13 ในปีที่แล้ว ด้วยการทำรอยบากให้เล็กลง 20% ซึ่งเป็นการปูทางมาสู่รุ่นใหม่ในปี 2022
Dynamic Island
Apple ใช้ดีไซน์รอยบาก หรือ Notch มาได้ 5 ปี ก็มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max โดยทั้งคู่ไม่มีรอยบากอีกต่อไปแล้ว แต่ระบบกล้อง TrueDepth ไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่มีการลดขนาดส่วนประกอบ และซ่อนไว้ในช่องที่เจาะไว้บนหน้าจอ ซึ่ง Apple เรียกพื้นที่นี้ว่า Dynamic Island
การเจาะหลุมเพื่อติดตั้งกล้องหน้า ไม่ใช่เรื่องใหม่ของสมาร์ทโฟน แต่ Dynamic Island ถูกออกแบบมาให้ใช้เป็นพื้นที่การแจ้งเตือนด้วยแถบสีดำรูปทรงแคปซูลยา ที่สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้ หมายถึง ผู้ใช้ iPhone 14 สามารถแตะที่ Dynamic Island เพื่อควบคุมการใช้งานได้ โดย Dynamic Island สามารถขยายขนาดเพื่อแสดง UI เพิ่มเติม เมื่อแตะค้างไว้ และยังแสดงแอนิเมชั่น ตามคอนเท้นต์หรือแอปที่กำลังทำงานอยู่ เรียกได้ว่าเป็นการหลอมรวมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เข้าด้วยกันอย่างลงตัว
ทำความรู้จักกับ Dynamic Island เพิ่มเติมได้ที่นี่!!
ดีไซน์ในอนาคต
หลังจาก Dynamic Island ถูกนำมาใช้กับ iPhone 14 Pro ในปีนี้ แต่ยังคงมี iPhone 14 และ iPhone 14 Plus ที่ยังคงมีรอยบาก อย่างไรก็ตาม ในปีหน้า คาดว่ารอยบากจะหายไป ด้วยการขยาย Dynamic Island มาสู่ iPhone 15 และ iPhone 15 Plus
มองไปไกลกว่านั้น Apple ถูกอ้างว่ามีเป้าหมายขจัดรอยบากและหลุมบนหน้าจอออกไปอย่างสิ้นเชิง หมายถึง ด้านหน้าของ iPhone ในอนาคต จะเต็มไปด้วยพื้นที่ขอบจอแสดงผลทั้งหมด ส่วนกล้องหน้าและเซ็นเซอร์ต่างๆ จะถูกซ่อนไว้ใต้หน้าจอ
ที่มา – MacRumors