Samsung Galaxy Z Flip4 เป็นสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมที่ชูจุดเด่นด้วยดีไซน์ฝาพับพร้อมจอด้านนอก (Cover Screen) ทำให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพได้อย่างอิสระ ในมุมมองใหม่ๆ ที่แตกต่างจากสมาร์ทโฟนทั่วไปที่เป็นรูปทรงแท่ง อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพสูง รองรับการเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ตอบสนองการใช้งานทุกฟังก์ชั่นได้ราบรื่น นอกจากนี้ ยังเปิดตัวพร้อมหูฟังไร้สาย TWS รุ่นใหม่ล่าสุด Galaxy Buds2 Pro ซึ่งทีมงาน @Flashfly ได้รับมารีวิวพร้อมกัน
สเปก Galaxy Z Flip4
- จอแสดงผลหลัก (Infinity Flex Display) Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.7 นิ้ว
- จอแสดงผลรอง (Cover Screen) Super AMOLED ขนาด 1.9 นิ้ว
- กล้องหน้า 10MP Selfie Camera
- กล้องหลัง 12MP Dual Camera
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8+ Gen 1
- ความจำ RAM 8GB + ROM 128GB/256GB/512GB
- การเชื่อมต่อ 5G, 4G LTE, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax, Bluetooth 5.2
- เซ็นเซอร์ Accelerometer, Barometer, Gyro sensor, Geomagnetic sensor, Hall sensor, Proximity sensor, Light sensor
- ระบบปฏิบัติการ One UI 4.1.1 บนพื้นฐาน Android 12
- ได้รับมาตรฐานป้องกันน้ำที่ระดับ IPX8
- แบตเตอรี่ 3,700mAh
- รองรับชาร์จเร็ว Super Fast Charging, การชาร์จแบบไร้สาย Fast Wireless Charging 2.0 และ Wireless PowerShare
- ขนาดตัวเครื่อง 71.9 x 165.2 x 6.9 มิลลิเมตร (เมื่อกางออก)
- น้ำหนัก 187 กรัม
ดีไซน์ฝาพับจอพับได้
Galaxy Z Flip4 ดีไซน์มาในรูปแบบฝาพับ Clamshell ขนาดเล็กกะทัดรัด มาพร้อมกรอบตัวเครื่องที่เป็นโลหะมันวาว กระจกฝาหลังใช้สีตัดกันเพื่อความโดดเด่นยิ่งขึ้น ขณะที่บานพับมีความเพรียวบางลงกว่าเดิม โดยมีน้ำหนัก 187 กรัม เมื่อถูกพับจะมีขนาดตัวเครื่อง 71.9 x 84.9 x 15.9 มิลลิเมตร (ด้านบานพับหนา 17.1 มิลลิเมตร) และถ้ากางออกมา 180 องศา จะมีขนาดตัวเครื่อง 71.9 x 165.2 x 6.9 มิลลิเมตร
Samsung ผลิต Galaxy Z Flip4 ออกมาให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีม่วง (Bora Purple), สีเทา (Graphite), สีน้ำเงิน (Blue) และ สีชมพู (Pink Gold) และยังมีรุ่นพิเศษ Bespoke Edition ที่สามารถผสมผสานสีสันของกระจกและกรอบได้หลากหลายถึง 75 รูปแบบ
กรอบตัวเครื่องด้านข้างใช้วัสดุโลหะ ดีไซน์บางเฉียบ 6.9 มิลลิเมตร (เมื่อกางออก) และติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ Capacitive รวมไว้กับปุ่มเพาเวอร์
ด้านนอกติดตั้งจอแสดงผล Super AMOLED ความละเอียด 260 x 512 พิกเซล ขนาด 1.9 นิ้ว สามารถปรับแต่งดีไซน์นาฬิกาและพื้นหลังใหม่ๆ ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวในรูปแบบ GIF หรือแม้กระทั่งวิดีโอ เพื่อบ่งบอกสไตล์ของตนเอง
จอด้านนอกยังรองรับการใช้งานได้หลากหลายโดยไม่ต้องกางอุปกรณ์เพื่อใช้จอหลัก ไม่ว่าจะเป็นการโทร การแจ้งเตือน ตอบข้อความด้วยการพิมพ์, อิโมจิ และอื่นๆ รวมไปถึงการตั้งค่าด่วน เช่น Control sounds, Brightness, WiFi, Bluetooth, Airplane Mode, Flashlight เป็นต้น
จอแสดงผลหลักที่อยู่ด้านในถูกออกแบบมาให้พับได้ โดยใช้จอ Dynamic AMOLED 2X ความละเอียด 2640 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.7 นิ้ว อัตราส่วนภาพ 22:9 รองรับอัตราการรีเฟรชแบบปรับได้ในช่วง 1~120Hz และยังถูกเจาะหลุมเพื่อวางกล้องหน้า 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.4 ขนาดพิกเซล 1.22 ไมครอน
ด้านความทนทาน Galaxy Z Flip4 ผ่านการทดสอบถูกพับมากถึง 200,000 ครั้ง จึงรองรับการพับได้ถึงวันละ 100 ครั้ง ใช้งานได้มากกว่า 5 ปี และยังได้รับการออกแบบมาให้ป้องกันน้ำที่ระดับ IPX8 สามารถจมอยู่ในน้ำลึก 1.5 เมตร นานสูงสุด 30 นาที
กล้องคู่หลักถ่ายภาพได้หลายรูปแบบ
Galaxy Z Flip4 ติดตั้งกล้องหลักไว้ใกล้กับจอแสดงผลด้านนอก ประกอบด้วย กล้องหลัก 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.8 ขนาดพิกเซล 1.8 ไมครอน มีระบบโฟกัส Dual Pixel AF ระบบป้องกันภาพสั้นไหว OIS และกล้อง Ultra Wide 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.2 ขนาดพิกเซล 1.12 ไมครอน ให้มุมมองภาพ 123 องศา มาพร้อมเซ็นเซอร์กล้องที่สว่างขึ้น 65% ให้ภาพถ่ายและวิดีโอที่คมชัดสดใส และป้องกันภาพสั่นไหวได้ดีกว่าเดิมทั้งกลางวันและกลางคืน
ด้วยดีไซน์ฝาพับแบบ Clamshell ทำให้ Galaxy Z Flip4 สามารถบันทึกวิดีโอหรือถ่ายภาพเซลฟี่กลุ่มได้ในหลากหลายมุมมองโดยไม่ต้องถือเครื่อง เพียงพับตัวเครื่องให้เป็นมุม เพื่อเปิดการใช้งาน FlexCam ไม่ว่าจะใช้แอปกล้องของ Samsung หรือใช้งานบนแพลตฟอร์มโซเชียลยอดฮิต อาทิ Instagram, Facebook และ WhatsApp
Galaxy Z Flip4 ให้ผู้ใช้สนุกกับการถ่ายภาพได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพเซลฟี่คุณภาพสูงจากหน้าจอด้านนอก โดยใช้กล้องหลักในโหมด Quick Shot หรือเริ่มการบันทึกวิดีโอคุณภาพสูงในโหมด Quick Shot แล้วเปลี่ยนเข้าสู่โหมด Flex เพื่อบันทึกต่อเนื่องโดยไม่ต้องถือเครื่อง และไม่จำเป็นต้องหยุดบันทึกวิดีโอเพื่อเปลี่ยนโหมด เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้สร้างคอนเทนต์ และยังสามารถใช้โหมด Quick Shot ถ่ายภาพเซลฟี่แนวตั้งและดูภาพพรีวิวในสัดส่วนจริงของภาพได้อีกด้วย
ด้วยความสามารถพิเศษของดีไซน์ฝาพับ ทำให้ Galaxy Z Flip4 สามารถวางตั้งได้เองโดยไม่ต้องใช้ตัวช่วยอื่นๆ และสามารถพับได้หลายองศา จึงใช้ถ่ายภาพแบบ Hands-free ได้อย่างคล่องตัว ให้มุมการถ่ายภาพไม่ถูกจำกัดด้วยความยาวแขน จะถ่ายเซลฟี่รูปตัวเองหรือถ่ายรูปหมู่กับเพื่อนๆ ก็ไม่ต้องพึ่งใคร นอกจากนี้ ยังสามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้เป็นอย่างดีในโหมด Nightography และสามารถถ่ายภาพแบบรวดเร็วได้ผ่านทาง Cover screen ได้อีกด้วย
ประสิทธิภาพสูง
Samsung Galaxy Z Flip4 ทำงานบนพื้นฐาน Android 12 ครอบทับด้วย One UI 4.1.1 ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8+ Gen 1 ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนกระบวนการผลิตระดับ 4 นาโนเมตร ของ TSMC มาพร้อมซีพียูแกนหลัก Cortex-X2 ความเร็วสูงสุด 3.2GHz (เพิ่มขึ้นจาก 3.0GHz), 3x Cortex-A710 ความเร็วสูงสุด 2.75GHz (เพิ่มขึ้นจาก 2.5GHz), 4x Cortex-A510 ความเร็วสูงสุด 2.0GHz (เพิ่มขึ้นจาก 1.8GHz) ให้ประสิทธิภาพของซีพียูสูงขึ้น 10% และได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านพลังงานให้ดีขึ้น 30% ขณะที่จีพียูของชิปรุ่นใหม่สามารถทำงานที่ความถี่สูงขึ้น 10% และลดการใช้พลังงานลง 30% นอกจากนี้ AI Engine รุ่นที่ 7 ยังมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น 20% เมื่อเทียบกับชิป Snapdragon 8 Gen 1
ด้านความจำได้รับ RAM 8GB จับคู่กับ ROM สูงสุด 512GB สนับสนุนการเชื่อมต่อ 5G, 4G LTE, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax, Bluetooth 5.2 ความจุแบตเตอรี่ 3,300mAh รองรับชาร์จเร็ว Super Fast Charging สามารถชาร์จถึง 50% ในเวลาประมาณ 30 นาที ด้วย 25W Power Adapter รวมถึงรองรับการชาร์จไร้สาย Fast Wireless Charging 2.0 และ Wireless PowerShare
ตัวอย่างภาพถ่าย
Samsung Galaxy Buds2 Pro
นอกจากสมาร์ทโฟนพับจอได้รุ่นใหม่ Samsung ยังเปิดตัว Galaxy Buds2 Pro หูฟังไร้สาย TWS รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งได้รับการออกแบบมาให้สวมใส่สบายตามหลักสรีรศาสตร์ พร้อมปรับปรุงระบบตัดเสียงรบกวนจากภายนอกด้วย Intelligent Active Noise Cancellation (ANC) ให้ประสบการณ์การรับฟังที่สมจริงด้วยระบบเสียง 360 องศา และยังรองรับเสียงคุณภาพสูง Hi-Fi 24-bit
สเปก Galaxy Buds2 Pro
- ลำโพง 2 ทิศทาง (ทวีตเตอร์ + วูฟเฟอร์)
- เซ็นเซอร์ Accelerometer, Gyro, Proximity, Hall, Touch, Voice Pickup Unit (VPU)
- การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.3
- รองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ Android 8.0 หรือเวอร์ชั่นใหม่กว่า ที่มี RAM มากกว่า 1.5GB
- ได้รับมาตรฐานป้องกันน้ำที่ระดับ IPX7
- แบตเตอรี่หูฟัง 61mAh
- แบตเตอรี่เคสชาร์จ 515mAh
- ขนาดหูฟัง 19.9 x 21.6 x 18.7 มิลลิเมตร, น้ำหนักข้างละ 5.5 กรัม
- ขนาดเคสชาร์จ 50.1 x 50.2 x 27.7 มิลลิเมตร, น้ำหนัก 43.4 กรัม
- มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Graphite, White และ Bora Purple
ดีไซน์
Galaxy Buds2 Pro ได้รับการปรับปรุงดีไซน์ใหม่ เพื่อให้สวมใส่ได้อย่างสบายมากขึ้น ด้วยการลดขนาดหูฟังทั้ง 2 ข้าง ให้เล็กลง 15% และมีน้ำหนักเบาเพียงข้างละ 5.5 กรัม ผสานกับการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ และเทคโนโลยีการไหลเวียนของอากาศที่พัฒนาใหม่ ช่วยลดแรงดันในช่องหู และลดเสียงรบกวนให้เหลือน้อยที่สุด จึงไม่เพียงแต่ให้ความรู้สึกสบาย แต่ยังมีส่วนช่วยให้ได้ยินเสียงที่คมชัดขึ้นกว่าเดิมด้วย
หูฟังทั้ง 2 ข้าง ยังได้รับการออกแบบมาให้ต้านทานน้ำได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเหงื่อ, น้ำธรรมดา และน้ำที่หกใส่ ตามมาตรฐาน IPX7 (อ้างอิงจากสภาพแวดล้อมในห้องปฏิบัติการ ด้วยการทดสอบใต้น้ำจืดลึกสูงสุด 1 เมตรเป็นเวลา 30 นาที) อย่างไรก็ตาม ตัวเคสนั้นไม่ได้รับมาตรฐานกันน้ำด้วย จึงไม่ควรเก็บหูฟังไว้ในเคสขณะที่หูฟังเปียกชื้น
เชื่อมต่อได้อย่างง่ายดาย
Galaxy Buds2 Pro มาพร้อมการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.3 สามารถทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ของ Samsung ได้อย่างดี และจังคู่ได้ง่ายๆ เพียงเปิดฝาเคสใกล้กับสมาร์ทโฟน หน้าจอก็จะแสดงหน้าต่างการเชื่อมต่อขึ้นมาทันที สลับการจับคู่อุปกรณ์ได้ง่ายๆ ด้วยฟีเจอร์ Auto Switch ซึ่งช่วยให้หูฟัง Galaxy Buds2 Pro คอยตรวจจับกิจกรรมที่เกิดขึ้นในอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้อย่างชาญฉลาด เพื่อสลับการเชื่อมต่อไปยังสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต หรือ สมาร์ทวอทช์ของ Samsung ได้อย่างราบรื่น
ทั้งนี้ ฟีเจอร์ Auto Switch ใช้งานได้เฉพาะสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของ Samsung ที่ใช้ OneUI 3.1 หรือเวอร์ชั่นใหม่กว่า และ Galaxy Watch 4 หรือรุ่นใหม่กว่า โดยต้องใช้บัญชี Samsung เดียวกัน
ระบบเสียงสมจริง
Galaxy Buds2 Pro มาพร้อม Samsung Seamless Codec ที่ได้รับการพัฒนาให้สามารถเข้ารหัสเสียง 24-bit ได้อย่างเต็มรูปแบบ ช่วยให้ได้เสียงคุณภาพสูง Hi-Fi 24-bit เหมือนฟังจากต้นฉบับ และยังรองรับระบบเสียง 360 องศา โดยอาศัยอัลกอริทึม 360 Audio ที่มีการเล่นเสียงแบบหลายทิศทางโดยตรง (5.1ch / 7.1ch / Dolby Atmos) ทำงานร่วมกับ Dolby Head Tracking ช่วยซิงค์ทการเคลื่อนไหวเข้าด้วยกัน มอบประสบการณ์การฟังเสียงที่สมจริง 360 องศา สามารถระบุทิศทางของเสียงตามการเคลื่อนไหวของศีรษะได้
โทรคุยได้อย่างชัดเจน
อีกจุดเด่นของ Galaxy Buds2 Pro คือ เทคโนโลยีลดเสียงรบกวนอัจฉริยะ Intelligent Active Noise Cancellation (ANC) ใช้ประโยชน์จากไมโครโฟน SNR (Signal to Noise Ratio) ระดับสูง 3 ตัว จึงสามารถติดตามและขจัดเสียงภายนอกได้มากยิ่งขึ้น แม้ว่าจะเป็นเสียงเบาๆ อย่างเสียงลมก็ตาม และยังมีฟีเจอร์ Voice Detect คอยตรวจจับเสียงของผู้สวมใส่ เมื่อพบว่ามีการสนทนากับคนรอบข้าง ฟีเจอร์ Voice Detect จะปิดโหมด ANC และเปิดใช้งานเสียงรอบข้างทันที ช่วยให้ผู้สวมใส่สื่อสารกับผู้คนได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องถอดหูฟังออก
แบตอยู่นานเกือบ 30 ชั่วโมง
หูฟังของ Galaxy Buds2 Pro สามารถเล่นเพลงได้นานสูงสุด 8 ชั่วโมง และยืดอายุการใช้งานได้นานสูงสุด 29 ชั่วโมง เมื่อใช้ร่วมกับเคสชาร์จ และปิดโหมด ANC แต่ถ้าเปิดโหมด ANC จะให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 5 ชั่วโมง (หูฟัง) หรือ 18 ชั่วโมง (เมื่อใช้ร่วมกับเคสชาร์จ)
กรณีใช้โทรคุยแบบ Hands-free ให้เวลาสนทนานานสูงสุด 4 ชั่วโมง และยืดอายุการใช้งานได้นานสูงสุด 15 ชั่วโมง เมื่อใช้ร่วมกับเคสชาร์จ และปิดโหมด ANC แต่ถ้าเปิดโหมด ANC จะให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 3.5 ชั่วโมง (หูฟัง) หรือ 14 ชั่วโมง (เมื่อใช้ร่วมกับเคสชาร์จ)
สรุปราคาและการจำหน่าย
Samsung Galaxy Z Flip4 ไม่เพียงแต่มีความโดดเด่นด้านดีไซน์ แต่ยังให้ประสิทธิภาพสูงรองรับการใช้งานได้อย่างลื่นไหลระดับสมาร์ทโฟนไฮเอนด์ โดยชูจุดเด่นที่การถ่ายภาพได้อิสระมากขึ้น ด้้วยดีไซน์พับได้ จึงสามารถวาง Galaxy Z Flip4 เพื่อถ่ายภาพตัวเองโดยไม่ต้องให้คนอื่นช่วยถ่าย และยังพับสมาร์ทโฟนเพื่อหามุมมองการถ่ายภาพใหม่ๆ ไม่เหมือนใคร ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ชื่นชอบความผสมผสานระหว่างแฟชั่นและเทคโนโลยี
Samsung Galaxy Buds2 Pro เป็นหูฟังไร้สายแบบ TWS ระดับพรีเมียมของ Samsung ที่ดีไซน์มาให้จับคู่กับ Galaxy Z Flip4 หรือ Galaxy Z Fold4 อย่างลงตัวตามสีสัน แต่แน่นอนว่าใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นก็ได้เช่นกัน โดยให้เสียงคุณภาพสูงทั้งการฟังเพลงและสนทนา มีจุดเด่นที่ระบบเสียงสมจริง 360 องศา และรองรับเสียงคุณภาพสูง Hi-Fi 24-bit
ทั้งนี้ Samsung Galaxy Z Flip4 วางจำหน่ายตั้งแต่ 2 กันยายน 2565 เป็นต้นไป ในราคา 35,900 บาท สำหรับรุ่น 128GB, ราคา 38,900 บาท สำหรับรุ่น 256GB, ราคา 44,900 บาท สำหรับรุ่น 512GB และ ราคา 39,900 บาท สำหรับรุ่น Bespoke Edition (256GB)