เหลือเวลาอีกไม่กี่วัน งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple ที่หลายคนรอคอยก็จะเปิดฉากขึ้นแล้ว ซึ่งในครั้งนี้ Apple ใช้ชื่อกิจกรรมว่า Far Out โดยยังคงจัดขึ้นในรูปแบบเสมือนจริง วันที่ 7 กันยายนนี้ (วันที่ 8 กันยายน เวลา 0.00 น. ของประเทศไทย) ส่วนจะมีการเปิดตัวอะไรบ้าง? MacRumors ได้รวบรวมมาให้แล้ว
iPhone 14
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ iPhone 14 คือ ไม่มีรุ่น mini ที่มีขนาดหน้าจอ 5.4 นิ้ว อีกต่อไปแล้ว ทำให้ iPhone 14 กลายเป็นรุ่นเริ่มต้น ซึ่งมีขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้ว โดยมีตัวเลือกใหม่ที่เรียกกันว่า iPhone 14 Plus หรือ iPhone 14 Max มาในดีไซน์และสเปกแบบเดียวกัน แต่มีขนาดหน้าจอ 6.7 นิ้ว
iPhone 14 และ iPhone 14 Plus / Max ถูกลือว่า ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในเรื่องของดีไซน์ โดยยังมีรอยบากบนหน้าจอ ทำให้ภาพรวมยังดูคล้ายกับ iPhone 13 ที่น่าสนใจก็คือ iPhone 14 อาจไม่ได้รับชิปรุ่นใหม่ด้วย หมายถึง ยังใช้ชิป A15 Bionic แบบเดียวกับ iPhone 13 แต่จะมีความจำ RAM 6GB เพิ่มขึ้นจาก 4GB
คาดว่า iPhone 14 และ iPhone 14 Plus / Max จะมีให้เลือก 6 สี ได้แก่ Midnight, Starlight, Blue, Red, Purple และ Green ราคาเริ่มต้น 799 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 29,390 บาท
iPhone 14 Pro
iPhone 14 Pro ยังมาพร้อม iPhone 14 Pro Max มีขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้ว และ 6.7 นิ้ว ตามลำดับ โดยมีการออกแบบที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน ไม่มีรอยบากอีกต่อไปแล้ว แต่แทนที่ด้วยการเจาะรู 2 ช่อง เป็นรูปทรงแคปซูลยา วางคู่กับรูกลมๆ
อย่างไรก็ตาม ขณะที่มีการเปิดใช้งาน อาจมองเห็นเป็นรูปแคปซูลยาที่ยาวต่อเนื่องเป็นช่อเดียวกัน และจะมีการคั่นกลางระหว่างช่องด้วยตัวบ่งชี้ เพื่อบอกให้ผู้ใช้งานทราบว่า iPhone กำลังเข้าถึงกล้องและไมโครโฟน ซึ่งใน iPhone รุ่นปัจจุบันก็มีตัวบ่งชี้แบบนี้เช่นกัน มองเห็นได้ที่มุมบนของจอแสดงผล (จุดสีส้มหมายถึงมีการใช้ไมโครโฟน ส่วนจุดสีเขียว หมายถึงกำลังใช้กล้อง)
จอแสดงผลของ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ถูกลือว่าจะรองรับอัตราการรีเฟรชแบบปรับได้ในช่วง 1Hz ถึง 120Hz ส่งผลให้รองรับโหมด Always-On Display คล้ายกับ Apple Watch
ระบบกล้องของ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ก็ได้รับการปรับปรุงทั้งกล้อง Wide และ Ultra Wide โดยกล้อง Wide หรือ กล้องตัวหลัก จะมีความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ขึ้น 21% รองรับการถ่ายวิดีโอ 8K ส่วนกล้อง Ultra Wide ของ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max จะมีขนาดพิกเซล 1.4 ไมครอน ขณะที่กล้อง Ultra Wide ของ iPhone 13 Pro มีขนาดพิกเซล 1 ไมครอน และกล้อง Telephoto จะได้รับการอัปเกรดชุดเลนส์จาก 6 เป็น 7 ชิ้น นอกจากนี้ กล้องหน้าของ iPhone 14 Pro จะมีรูรับแสงกว้าง f/1.9 พร้อมรับบออโต้โฟกัส
iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max จะมาพร้อมชิปรุ่นใหม่ A16 และมีความจำ RAM 6GB แบบ LPDDR5 ส่วน iPhone 14 และ iPhone 14 Plus / Max ได้รับมาตรฐาน LPDDR4X ที่ช้ากว่า (ความจำ RAM แบบ LPDDR5 ช่วยปรับปรุงแบนด์วิดท์หน่วยความจำได้มากถึง 50% ให้ความเร็วเพิ่มขึ้นสูงสุด 1.5 เท่า และประหยัดพลังงานมากขึ้น 30% เมื่อเทียบกับ LPDDR4X)
คาดว่า iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max จะมีให้เลือก 5 สี ได้แก่ Graphite, Silver, Gold, Purple และ Green ราคาเริ่มต้น 1,099 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 40,390 บาท สำหรับ iPhone 14 Pro และ เริ่มต้น 1,199 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 43,990 บาท สำหรับ iPhone 14 Pro Max
Apple Watch Series 8
Apple Watch Series 8 ยังดูเหมือนกับ Apple Watch Series 7 หมายถึงดีไซน์ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ขนาดตัวเรือนมีตัวเลือก 41 และ 45 มม. และถึงแม้จะมาพร้อมชิปรุ่นใหม่ S8 แต่ก็มีข่าวลือว่ายังคงมีประสิทธิภาพระดับเดียวกับ S7
Apple Watch Series 8 อาจได้รับฟีเจอร์ตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิร่างกาย โดยการวัดอุณหภูมิร่างกายจากผิวหนัง ซึ่งช่วงแรกจะใช้สำหรับการวางแผนภาวะเจริญพันธุ์ แต่ในอนาคต อาจสามารถแจ้งเตือนผู้สวมใส่หากพบว่ามีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่าปกติ
นอกจากนี้ Apple Watch Series 8 ยังถูกลือว่า จะมาพร้อมฟีเจอร์ตรวจจับการชน (กรณีผู้สวมใส่อยู่ในรถที่เกิดอุบัติเหตุ) ซึ่งทำงานคล้ายกับฟีเจอร์ตรวจจับการล้ม และยังมีรายงานว่าจะมีโหมดประหยัดพลังงาน ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ให้สามารถใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ได้มากขึ้น
Apple Watch Pro
Apple Watch Pro จะเป็นรุ่นอัปเกรดของ Apple Watch Series 8 โดยถูกออกแบบมาให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ทนทานขึ้น ด้วยวัสดุตัวเรือนที่เป็นโลหะผสมไททาเนียม ขนาดตัวเรือน 47 มม. ขนาดหน้าจอ 1.99 นิ้ว ความละเอียด 410 x 502 พิกเซล และมีความจุแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น เพื่อให้อายุการใช้งานยาวนานกว่า
รายงานก่อนหน้านี้ของ Mark Gurman จากสำนักข่าว Bloomberg เคยอ้างว่า ดีไซน์ของ Apple Watch Pro ยังคงรักษารูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเหมือนในปัจจุบัน แต่จะมีความแตกต่างออกไป แต่ยืนยันว่าจะไม่มีส่วนขอบเรียบแบน หรือ เปลี่ยนไปใช้หน้าปัดแบบวงกลมอย่างแน่นอน สำหรับจอแสดงผลจะมีขนาดใหญ่ขึ้นประมาณ 7% และในส่วนของวัสดุ จะใช้วัสดุใหม่ที่ให้ความทนทานเป็นพิเศษ เพื่อรองรับผู้ใช้งานที่รักการผจญภัย เล่นกีฬาผาดโผน หรือ ทำกิจกรรมกลางแจ้ง
Apple Watch SE 2
Apple Watch SE รุ่นที่ 2 ยังไม่มีการขยายขนาดหน้าจอ รวมถึงขนาดตัวเรือน ก็ยังมีให้เลือก 2 รุ่น เหมือนเดิม ได้แก่ 44 มม. หรือ 40 มม. แต่มีข่าวว่าจะได้รับชิปรุ่นเดียวกับ Apple Watch Series 8
นอกจาก iPhone กับ Apple Watch รุ่นใหม่ ยังมีความเป็นไปได้ที่ Apple จะเปิดตัว AirPods Pro รุ่นที่ 2, iPad รุ่นที่ 10 และ iPad Pro รุ่นใหม่ที่ใช้ชิป M2 แต่คาดว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้ อาจได้รับการเปิดตัวแยกต่างหากในเดือนตุลาคม