OPPO ต่อยอดสมาร์ทโฟน The Portrait Expert ที่เน้นถ่ายภาพบุคคลได้อย่างสวยงามเป็นธรรมชาติ ด้วยการเปิดตัว OPPO Reno8 Series 5G อย่างทางการในประเทศไทย โดยมีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ OPPO Reno8 Z 5G, OPPO Reno8 5G และ OPPO Reno8 Pro 5G ซึ่งทีมงาน @Flashfly เคยนำเสนอพรีวิวและ รีวิวฉบับเต็มของ OPPO Reno8 Z 5G ไปแล้วก่อนหน้านี้ และในที่สุดก็มีโอกาสได้สัมผัสตัวจริงของ OPPO Reno8 5G ถ่ายคนสวยในทุกสภาพแสงและ OPPO Reno8 Pro 5G ถ่ายคนสวยแบบโปร ด้วยพลังแฟลกชิปจาก Marisilicon X ที่ได้รับการปรับปรุงทั้งระบบกล้อง ประสิทธิภาพ และ งานออกแบบ
แกะกล่อง OPPO Reno8 5G และ OPPO Reno8 Pro 5G
กล่องบรรจุภัณฑ์ของ OPPO Reno8 5G และ OPPO Reno8 Pro 5G มีลักษณะคล้ายกัน เป็นกล่องสีเขียวแกมฟ้า หน้ากล่องพิมพ์ตัวเลข 8 ขนาดใหญ่ เพื่อบอกว่าเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนของ OPPO Reno8 Series 5G และระบุชื่อรุ่นไว้ที่มุมล่าง
เมื่อเปิดฝาออกมาก็จะพบกับกล่องสีดำ ซึ่งภายในยังมีกล่องแบนๆ สำหรับเก็บคู่มือ ข้อมูลด้านความปลอดภัย บัตรรับประกัน พร้อมแนบเข็มช่วยถอดช่องใส่ซิมการ์ดมากับแผ่นกระดาษ และแถมเคสใสมาให้ด้วย
ถัดลงมาเป็นชั้นวางสมาร์ทโฟน ที่ถูกห่อหุ้มด้วยซองพลาสติก ช่วยป้องกันริ้วรอยระหว่างขนส่ง ด้านหน้าซองมีการระบุจุดเด่นของทั้่งคู่เอาไว้ด้วย โดย OPPO Reno8 5G มีจุดเด่นที่เซ็นเซอร์กล้องระดับเรือธงของ Sony ถึง 2 ตัว, รองรับ Ultra Night Video ถ่ายวิดีโอในเวลากลางคืนได้ดีเป็นพิเศษ, รองรับชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC และ ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 1300 5G-integrated SoC
สำหรับ OPPO Reno8 Pro 5G ก็บอกจุดเด่นไว้ 4 อย่างเช่นกัน ได้แก่ MariSilicon X ชิป Imaging NPU รุ่นแรกที่ออกแบบโดย OPPO, รองรับ 4K Ultra Night Video แบบเดียวกับเรือธง OPPO Find X5 Pro, ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 8100-MAX และ รองรับชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC
ชั้นล่างสุดของทั้ง 2 กล่อง เป็นที่อยู่ของสายชาร์จ USB-C และหัวชาร์จแบตเตอรี่ 80W SUPERVOOC
OPPO Reno8 5G : ถ่ายคนสวยในทุกสภาพแสง
OPPO Reno8 5G เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางของ OPPO Reno8 Series 5G แต่มี Streamlined Unibody Design ที่สวยงามพรีเมี่ยมแบบรุ่นไฮเอนด์ โดดเด่นด้วยเซ็นเซอร์กล้องระดับเรือธงจาก Sony IMX766 ที่กล้องหลัก และ Sony IMX709 ที่กล้องหน้ารองรับการถ่ายภาพ Portrait ให้ออกมาสวยงามทั้งสภาพแสงปกติและยามค่ำคืน และยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC สามารถชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม โดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
สเปก OPPO Reno8 5G
- หน้าจอ AMOLED Display ขนาด 6.4 นิ้ว
- กล้องหลัก กล้องหลัง 50MP เซ็นเซอร์คู่แฟล็กชิป Sony IMX766
- กล้องหน้า 32MP เซ็นเซอร์ Sony IMX709 RGBW
- ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 1300
- ความจำ RAM 8GB (LPDDR4X) + ROM 256GB (UFS3.1)
- ระบบระบายความร้อนด้วย Super-conductive VC Liquid
- ระบบยืนยันตัวตน Fingerprint Unlock และ Face Unlock
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.3, NFC, USB Type-C
- ระบบปฏิบัติการ ColorOS 12.1 บนพื้นฐาน Android 12
- แบตเตอรี่ 4500mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC
- ขนาดตัวเครื่อง 160.0 x 73.4 x 7.67 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 179 กรัม
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Shimmer Gold และ Shimmer Black
ดีไซน์โดดเด่นสะกดทุกสายตา
OPPO Reno8 5G ได้รับการออกแบบมาอย่างหรูหราพรีเมี่ยมแบบสมาร์ทโฟนเรือธง ด้วยดีไซน์ใหม่ Streamlined Unibody Design ที่ผสานกรอบกันชนกล้องกับฝาหลังเป็นชิ้นเดียวกัน ไร้รอยต่อ ป้องกันฝุ่นที่มักอุดตันบริเวณช่องว่างได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีความบางเป็นพิเศษ 7.67 มิลลิเมตร น้ำหนักเบาเพียง 179 กรัม ทำให้จับถือได้อย่างสบายมือ โดยมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ Shimmer Black และสีที่ทีมงาน @Flashfly ได้รับมารีวิว เรียกว่า สีทอง Shimmer Gold ที่มีเอฟเฟกต์ไล่ระดับสีอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และพื้นผิวยังป้องกันรอยนิ้วมือได้อย่างดี
ดีไซน์ด้านหลังของ OPPO Reno8 5G ยังมีความโดดเด่นสะดุดตาด้วยการจัดวางโมดูลกล้องแบบ Binocular ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกล้องถ่ายภาพยนตร์สไตล์วินเทจ พร้อมด้วย Ring Flash ที่ช่วยให้ดีไซน์มีความสมดุลของรูปทรงเรขาคณิต
ด้านหน้าเต็มไปด้วยพื้นที่ของจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว มีพื้นที่ขอบจอบางรอบด้าน จนทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 90.8 % โดยมีการซ่อนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้หน้าจอด้วย และได้รับการป้องกันด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5
มุมบนหน้าจอมีการเจาะหลุมเล็กๆ สำหรับติดตั้งกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล และซ่อนลำโพงหูฟังไว้ที่ขอบบน
ด้านข้างมีความบางเพียง 7.67 มิลลิเมตร มาพร้อมปุ่มเพาเวอร์
อีกข้างมีปุ่มปรับระดับเสียง โดยปุ่มเพิ่มเสียง และปุ่มลดเสียง วางแยกจากกัน
ด้านบนพบรูเล็กๆ ซึ่งเป็นตำแหน่งของไมโครโฟนตัวที่ 2 ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้าง
ด้านล่างมีลำโพง, พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C, ไมโครโฟนตัวหลัก และ ถาดใส่ซิมการ์ด
จอ AMOLED 6.4 นิ้ว Refresh Rate 90Hz
OPPO Reno8 5G มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ความลึกสี 16.7 ล้านสี ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.4 นิ้ว ความหนาแน่นพิกเซล 409 พิกเซลต่อนิ้ว มีความสว่างสูงสุด 800 นิต รองรับมาตรฐานสี NTSC color saturation 97%, DCI-P3 color gamut 95% สำหรับโหมด Vivid จึงให้สีสันสวยงามสมจริง
จอแสดงผลของ OPPO Reno8 5G ยังให้อัตราการรีเฟรชหน้าจอสูงสุด 90Hz ทำให้การแสดงผลลื่นไหล อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate ที่ 180Hz (สูงสุด 2 นิ้ว) หรือ 120Hz (สูงสุด 5 นิ้ว) นอกจากนี้ ยังได้รับการป้องกันด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 โดยมีพื้นที่ขอบจอที่บางเฉียบ มอบประสบการณ์ในการรับชมคอนเท้นต์ต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น
จอแสดงผลของ OPPO Reno8 5G มาพร้อม O1 Ultra Vision Engine ที่มี AI ช่วยปรับภาพในวิดีโอบน YouTube และ Instagram ให้มีความคมชัดสีสันสดใสมากขึ้น และได้รับการรับรอง Netflix และ Amazon Prime Video HD รวมถึงมาตรฐานถนอมดวงตา SGS Eye Care Display มั่นใจได้ว่าจอแสดงผลของ OPPO Reno8 5G ให้สีสันที่สวยงามคมชัดเหมาะสำหรับการรับชมภาพยนตร์ และยังสบายตาเมื่อจ้องมองเป็นเวลานาน
O1 Ultra Vision Engine ของ OPPO ประกอบด้วย Video Color Boost ช่วยปรับความคมชัดและสีสันของวิดีโอให้สวยงามยิ่งขึ้น ที่อาศัยความฉลาดของ AI มาช่วยปรับความละเอียดของวิดีโอ โดยเฉพาะวิดีโอบน YouTube และ Instagram ที่มีความละเอียดต่ำ ให้คมชัดขึ้นแบบ Full HD 1080p อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานต้องเข้าไปเปิด O1 Ultra Vision Engine ด้วยตัวเอง จากการตั้งค่าจอแสดงผลและความสว่าง
ระบบความปลอดภัย
OPPO Reno8 5G รองรับระบบยืนยันตัวตนทางไบโอเมทริกซ์ที่ล้ำหน้า ทั้งวิธีสแกนใบหน้า และลายนิ้วมือ โดยเฉพาะการสแกนลายนิ้วมือ ได้ติดตั้งเซ็นเซอร์ไว้ใต้หน้าจอตามสไตล์สมาร์ทโฟนเรือธง
สำหรับวิธีปลดล็อกด้วยการสแกนใบหน้า OPPO Reno8 5G อาศัยการทำงานร่วมกันระหว่าง AI กับกล้องหน้าความละเอียดสูง 32 ล้านพิกเซล ช่วยในการระบุใบหน้าเจ้าของสมาร์ทโฟนได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
กล้องหลัง 50MP เซ็นเซอร์คู่แฟล็กชิป Sony IMX766
ระบบกล้องของ OPPO Reno8 5G ถูกสร้างมาเพื่อถ่ายภาพคนสวยในทุกสภาพแสง ไม่ว่าจะถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอ โดยวางระบบกล้องหลัง 3 ตัว ใช้เซ็นเซอร์คู่แฟล็กชิป Sony IMX766 พร้อมด้วยกล้อง Wide angle สำหรับถ่ายภาพวิวทิวศน์ ด้วยมุมมองภาพกว้าง 112 องศา และ Macro ช่วยถ่ายภาพระยะใกล้ เปิดโลกใหม่ที่อาจไม่เคยเห็นมาก่อน
- กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX766 ขนาด 1/1.56” รูรับแสง f/1.8 ชุดเลนส์ 7P
- กล้อง Wide angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX355 ขนาด 1/4” รูรับแสง f/2.2 ชุดเลนส์ 5P
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
เซ็นเซอร์ Sony IMX766 มีขนาดพิกเซล 1 ไมครอน ที่สามารถเพิ่มขนาดได้ 2 เท่า ด้วยการใช้อัลกอริธึม Quadra Binning ของ OPPO เพื่อให้กล้องหลักสามารถรับแสงได้มากขึ้น อีกทั้งยังสามารถจับโฟกัสได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ ด้วย All Pixel Omni-Directional PDAF และมาพร้อมเทคโนโลยี DOL-HDR ช่วยให้วิดีโอรองรับช่วงไดนามิกที่กว้างขึ้น ทำให้กล้องหลักของ OPPO Reno8 5G สามารถถ่ายวิดีโอได้อย่างสวยงามในทุกสภาพแสง
หลังจากเข้ามาในแอปกล้องของ OPPO Reno8 5G จะพบกับโหมด Night, Video, Photo, Portrait ส่วนโหมดอื่นๆ ถูกรวมอยู่ใน More ได้แก่ Pro, Extra HD, Panorama, Macro, Slow-motion, Time-lapse, Dual-view video, Sticker, Text scanner และ Soloop Templates
กล้องหลังของ OPPO Reno8 5G สามารถถ่ายวิดีโอในเวลากลางคืนได้ดีไม่แพ้สภาพแสงปกติด้วย Ultra Night Video ที่มี AI ทำงานอยู่เบื้องหลัง หมายความว่าผู้ใช้งานไม่ต้องเข้าไปตั้งค่าหรือปรับแต่งใดๆ ในการถ่ายวิดีโอยามค่ำคืน ภาพเคลื่อนไหวก็จะออกมามีคุณภาพทั้งสีสัน ความคมชัด ความสว่าง โดยเฉพาะการถ่ายวิดีโอ Portrait จะทำให้ใบหน้าคนดูดียิ่งขึ้น
การถ่ายวิดีโอย้อนแสงไม่ใช่อุปสรรคอีกต่อไปสำหรับ OPPO Reno8 5G ด้วยเทคโนโลยี Ultra HDR Video ช่วยให้การถ่ายวิดีโอ Portrait มีความคมชัดมากขึ้น ในทุกสภาพแสง ทำให้ใบหน้าบุคคลสว่างขึ้น ไม่ดูมืดอีกต่อไป ขณะเดียวกันยังมองเห็นรายละเอียดของฉากหลังที่สว่างกว่า นอกจากนี้ ยังมีโหมด Slow-motion ที่สามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้อย่างน่าทึ่งด้วยอัตรา 960 เฟรมต่อวินาที
โหมด Night Portrait ได้รับการพัฒนาออกมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถ่ายภาพ Portrait ในเวลากลางคืนหรือในที่แสงน้อยได้สวยงามไม่แพ้ตอนกลางวัน โดยอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่างกล้องหลักคุณภาพสูง กับอัลกอริธึม Turbo RAW ทำให้ภาพถ่าย Portrait ในเวลากลางคืนมีรายละเอียดที่คมชัดมากขึ้น และยังรองรับการซูมตั้งแต่ 0.6x (เปิดใช้กล้อง Wide angle ) จนสูงสุด 10x แบบดิจิทัลซูม
โหมด Portrait เป็นอีกจุดเด่นของ OPPO Reno8 5G ซึ่งมีฟีเจอร์ AI Portrait Retouching ทำให้ภาพถ่ายบุคคลดูดีมากขึ้น และยังมี Filters ที่น่าสนใจอย่าง AI Color Portrait ทำให้ได้ภาพถ่ายบุคคลที่มีสีสันโดดเด่นจากพื้นหลังที่ถูกย้อมเป็นสีขาวดำ และ Bokeh Flare Portrait ช่วยละลายฉากหลังด้วยเอฟเฟกต์ดวงไฟโบเก้ราวกับว่าถ่ายด้วยกล้อง DSLR
โหมด Photo รองรับการซูมตั้งแต่ 0.6x (เปิดใช้กล้อง Ultra Wide) สูงสุด 20x แบบดิจิทัลซูม เมื่อแตะที่ไอคอน Beauty จะพบกับฟีเจอร์ AI Portrait Retouching ช่วยปรับใบหน้าให้สวยงามยิ่งขึ้น โดยที่ยังดูเป็นธรรมชาติ และมี Filters ให้เลือกหลายแบบ สำหรับเปลี่ยนโทนสีหรืออารมณ์ของภาพถ่าย
แถบเครื่องมือด้านบนของ โหมด Photo ประกอบด้วยฟีเจอร์ HDR สำหรับถ่ายภาพย้อนแสง หรือ ในฉากที่มีทั้งส่วนมืดและสว่าง เพื่อให้มองเห็นรายละเอียดในส่วนมืด พร้อมปรับสมดุลในส่วนที่สว่าง ถัดมาเป็นฟีเจอร์ AI Scene Enhancement ช่วยปรับปรุงสีสันของภาพให้อัตโนมัติ ตามฉากหรือวัตถุที่ AI ระบุได้ และเปิดโหมด 50MP หากต้องการเก็บภาพถ่ายในความละเอียดสูงสุด
โหมด Video รองรับการซูมตั้งแต่ 0.6x (เปิดใช้กล้อง Wide angle ) สูงสุด 10x แบบดิจิทัลซูม สามารถถ่ายวิดีโอสูงสุด 4K (ถ้าเปิด AI Highlight Video จะถ่ายได้ที่ 1080P) โดยเปิดระบบป้องกันภาพสั่นไหวได้จากแถบเครื่องมือด้านบน ใกล้กันเป็นไอคอน AI Highlight Video ช่วยให้ถ่ายวิดีโอออกมาสวยงามคมชัดในทุกสภาพแสง และให้สีสันมีชีวิตชีวามากขึ้นแม้ในที่แสงน้อยหรือย้อนแสง อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ AI Portrait Retouching เหมือนการถ่ายภาพนิ่ง รวมถึง Filters อย่าง AI Color Portrait และ Bokeh Flare Portrait ก็ใช้ได้กับการถ่ายวิดีโอเช่นกัน
กล้องหน้า 32MP เซ็นเซอร์ Sony IMX709 RGBW
กล้องเซลฟี่ของ OPPO Reno8 5G ก็เป็นอีกไฮไลท์ที่น่าสนใจ เนื่องจากใช้เซ็นเซอร์กล้องระดับเรือธงเช่นกัน นั่นคือ Sony IMX709 มีความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ขนาด 1/2.74” ขนาดพิกเซล 0.8 ไมครอน รูรับแสง f/2.4 ชุดเลนส์ 5P ให้มุมมองภาพ 85 องศา และมีทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 23 มิลลิเมตร
Sony IMX709 ใช้เซ็นเซอร์แบบ RGBW ที่มีการเพิ่ม White Pixels ช่วยให้รับแสงได้มากขึ้นถึง 60% ลด Noise หรือจุดรบกวนบนภาพได้ 30% เมื่อเทียบกับเซ็นเซอร์แบบ RGGB นอกจากนี้ กล้องหน้าของ OPPO Reno8 5G ยังรองรับเทคโนโลยี DOL-HDR เช่นเดียวกับกล้องหลัง หมายความว่า กล้องหน้าของ OPPO Reno8 5G สามารถถ่ายวิดีโอได้ดีไม่แพ้กัน ให้สีสันสดใส เพิ่มความคมชัด และเก็บรายละเอียดได้มากขึ้น
โหมด Portrait ของกล้องหน้ารองรับ AI Portrait Retouching ช่วยปรับใบหน้าให้ดูดีขึ้น แต่สามารถปรับแต่งได้ละเอียดกว่ากล้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นส่วนผิว, แก้ม, ขนาดดวงตา หรือ ขนาดจมูก ขณะที่ Filters ก็มี AI Color Portrait และ Bokeh Flare Portrait ให้ใช้งานเช่นกัน
โหมด Video ของกล้องหน้า ยังได้รับเทคโนโลยีหลายอย่างแบบเดียวกับการใช้งานกล้องหลัง ไม่ว่าจะเป็น AI Highlight Video, AI Portrait Retouching, Filters (AI Color Portrait, Bokeh Flare Portrait) รวมถึง Ultra Night Video โดยรองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุด Full HD 1080p
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
ชิป MediaTek Dimensity 1300 5G-integrated SoC
OPPO Reno8 5G ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 1300 5G-integrated SoC ถูกสร้างขึ้นด้วยกระบวนการผลิต TSMC N6 (ระดับ 6 นาโนเมตร) ประกอบด้วยซีพียู Arm Cortex-A78 ความเร็วสูงสุด 3GHz (1x Ultra Core) + Arm Cortex-A78 ความเร็วสูงสุด 2.6GHz (3x Super Cores) + Arm Cortex-A55 ความเร็วสูงสุด 2GHz (4x Efficiency Cores) ให้ประสิทธิภาพดีขึ้น 40% เมื่อเทียบกับชิป Dimensity 900
ชิป MediaTek Dimensity 1300 5G-integrated SoC มาพร้อมจีพียู Arm Mali-G77 MC9 (9-core) แสดงผลกราฟิกได้ดีขึ้นถึง 106% ให้ประสิทธิภาพด้าน AI เพิ่มขึ้น 80% ประสิทธิภาพด้านพลังงานเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับชิป Dimensity 900 ที่พบใน OPPO Reno7 5G
MediaTek Dimensity 1300 5G-integrated SoC เป็นชิปที่ออกแบบมาเพื่อสมาร์ทโฟน 5G ช่วยให้ OPPO Reno8 5G เชื่อมต่อกับเครือข่าย 5G ได้อย่างราบรื่นและเสถียร ด้วยความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุด 4.7Gbps และอัปโหลดสูงสุด 2.5Gbps และ OPPO Reno8 5G ยังมีระบบระบายความร้อนด้วย Super-conductive VC Liquid ประกอบด้วยแผ่นกราไฟต์ และ Vapor Chamber ที่ได้รับการขยายพื้นที่ให้ใหญ่ขึ้น เพื่อให้ตัวเครื่องรักษาความเย็นแม้เล่นเกมหรือรับชมวิดีโอเป็นเวลานาน
ด้านความจำ OPPO Reno8 5G มาพร้อมความจำ RAM 8GB แบบ LPDDR4X จับคู่กับ ROM 256GB แบบ UFS3.1 พร้อม RAM Expansion ได้สูงสุด 5GB
ชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC
OPPO Reno8 5G ได้รับแบตเตอรี่ขนาด 4500mAh ให้พลังงานยาวนานตลอดทั้งวัน และที่สำคัญยังสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC ใช้เวลาชาร์จเพียง 11 นาที ได้ระดับ 50% และใช้เวลา 28 นาที ในการชาร์จจนเต็ม 100% ทำให้สมาร์ทโฟนพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา เพราะใช้เวลาชาร์จไม่ถึงครึ่งชั่วโมง และถ้าต้องการใช้งานอย่างเร่งด่วนจริงๆ ก็สามารถชาร์จเพียง 5 นาที เพียงพอต่อการเล่นเกมนานต่อเนื่องถึง 2 ชั่วโมง จากการทดสอบของ TÜV Rheinland
ไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญในเรื่องของการชาร์จเร็ว OPPO ยังใส่ใจในเรื่องของความปลอดภัย และอายุการใช้งานที่ยาวนาน ทำให้ OPPO Reno8 5G ได้รับการปกป้องแบบ 5 ขั้น (5-Layer Charging Protection) ป้องกันการชาร์จแบตเตอรี่ที่ครอบคลุมวงจรการชาร์จทั้งหมด ตั้งแต่อุปกรณ์ชาร์จ สายชาร์จ ไปจนถึงแบตเตอรี่ และยังมีระบบ Battery Health Engine เอกสิทธิ์เฉพาะของ OPPO
Battery Health Engine ช่วยรักษาระดับแบตเตอรี่ไว้ที่ 80% ของความจุเดิมหลังจากรอบการชาร์จถึง 1,600 รอบ ซึ่งเพิ่มเป็น 2 เท่า ของมาตรฐานอุตสาหกรรมปัจจุบันที่อยู่ที่ 800 รอบ หมายความว่าแบตเตอรี่ของ OPPO Reno8 5G ยังคงมีประสิทธิภาพแม้ผ่านการใช้งานไปนาน 4 ปี
ระบบปฏิบัติการ ColorOS 12.1
OPPO Reno8 Series 5G ทำงานบนระบบปฏิบัติการ ColorOS 12.1 ที่ได้รับการปรับปรุง User Interface ให้ใช้งานง่ายขึ้น โดยให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยของผู้ใช้งานด้วย พร้อมด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ นอกเหนือจากความสามารถพื้นฐานของ Android อย่างเช่น Multi-Screen Connect, Omoji, Air Gestures เป็นต้น
Multi-Screen Connect ออกแบบมาให้สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนของ OPPO กับคอมพิวเตอร์ได้สูงสุด 3 เครื่อง และใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ของสมาร์ทโฟน ผ่านคอมพิวเตอร์ ตอบโจทย์การทำงานแบบ Multitasking โดยใช้งานได้กับคอมพิวเตอร์ที่ทำงานบน Windows 10 (build 18362 หรือใหม่กว่า) ใช้โปรเซสเซอร์ Intel i3 2.4GHz ขึ้นไป ความจำ RAM อย่างน้อย 8GB รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 4.1 หรือมาตรฐานใหม่กว่า รวมถึงรองรับ Wi-Fi Direct (2.4/5GHz)
Air Gestures อาศัยการทำงานของ AI ร่วมกับกล้องหน้า ช่วยให้สมาร์ทโฟนของ OPPO รองรับการควบคุมด้วยท่าทาง หรือ เคลื่อนไหวมือในอากาศ โดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนหน้าจอในแอปโซเชี่ยลต่างๆ รวมถึงการรับสายและปิดเสียงเมื่อมีสายเรียกเข้า ตัวอย่างเช่น ระหว่างชมวิดีโอบน YouTube สามารถขยับฝ่ามือเข้าหน้าหน้าจอ วิดีโอก็จะหยุดเล่นชั่วคราว และทำอีกครั้งเพื่อเล่นวิดีโอต่อ, ปัดมือขึ้นใกล้หน้าจอเพื่อรับสาย เมื่อมีคนโทรเข้ามา หรือปัดลงเพื่อวางสาย นอกจากนี้ ยังปัดมือขึ้นหรือลงเพื่อเลื่อนดูหน้าจอในแอปพลิเคชั่นต่างๆ ได้อีกด้วย
Omoji ช่วยให้ผู้ใช้งานสร้าง Avatar หรืออิโมจิ 3 มิติ โดยใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้า ทำให้มีใบหน้าที่คล้ายกับใบหน้าจริงของผู้ใช้งาน อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งเครื่องประดับ ได้มากกว่า 200 รายการ เพื่อบ่งบอกความเป็นตัวเอง
ColorOS 12.1 ผ่านรับการรับรองความปลอดภัยจากหน่วยงานระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น ISO27001, ePrivacy และ TRUSTe พร้อมด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น Recent Tasks Protection ช่วยเบลอข้อมูลล่าสุดระหว่างสลับแอป รวมถึงป้องกันการชำระเงินและล็อกแอป รองรับมากกว่า 800 แอป, Anti-peeping Notifications ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัว เมื่อใช้งานสมาร์ทโฟนในที่สาธารณะ โดยสมาร์ทโฟนจะมีการซ่อนข้อความเมื่อพบว่ามีบุคคลอื่นกำลังจ้องมาที่หน้าจอ นอกจากนี้ ยังมีระบบป้องกันการปิดเครื่อง เมื่อสมาร์ทโฟนสูญหายหรือถูกขโมย โดยต้องป้อนรหัสผ่านก่อน จึงจะสามารถปิดเครื่องได้
OPPO Reno8 Pro 5G : ถ่ายคนสวยแบบโปร
มาถึงรุ่นไฮเอนด์ของ OPPO Reno8 Series 5G ซึ่งแน่นอนว่า OPPO Reno8 Pro 5G ถ่ายคนสวยแบบโปร ด้วยพลังแฟลกชิปจาก Marisilicon X ได้รวมความสามารถทุกอย่างแบบเดียวกับ OPPO Reno8 5G โดยเฉพาะการถ่ายภาพบุคคลตามแบบฉบับของ The Portrait Expert แต่เหนือกว่าด้วยนวัตกรรมจากชิป MariSilicon X แบบเดียวกับที่พบใน OPPO Find X5 Pro 5G ทำให้รองรับ 4K Ultra Night Video นอกเหนือจากนี้ ยังมีอะไรที่สร้างความแตกต่างได้อีกบ้าง? ทีมงาน @Flashfly พร้อมรีวิวให้อ่านแล้ว
สเปก OPPO Reno8 Pro 5G
- จอแสดงผล Ultra-clear AMOLED Display ขนาด 6.7 นิ้ว
- กล้องหลัง 50MP เซ็นเซอร์คู่ระดับแฟลกชิป Sony IMX766
- กล้องหน้า 32MP Selfie Camera
- ชิป MariSilicon X Imaging NPU
- ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 8100-MAX
- ความจำ RAM 12GB + ROM 256GB
- ระบบระบายความร้อนแบบ Ultra-Conductive
- ระบบยืนยันตัวตน Fingerprint Unlock และ Face Unlock
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.3, NFC, USB Type-C
- X-axis Linear Motor และลำโพงสเตอริโอคู่
- ระบบปฏิบัติการ ColorOS 12.1 บนพื้นฐาน Android 12
- แบตเตอรี่ 4500mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC
- ขนาดตัวเครื่อง 161.2 x 74.2 x 7.34 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 183 กรัม
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Glazed Green และ Glazed Black
ดีไซน์สุดพรีเมี่ยม
OPPO Reno8 Pro 5G ใช้ดีไซน์ Streamlined Unibody Design แบบเดียวกับ OPPO Reno8 5G แต่ให้ภาพลักษณ์ที่พรีเมี่ยมกว่า ด้วยการตัดขอบกันกระแทกของเลนส์กล้องออกไป โดยที่ยังคงผสานกรอบของโมดูลกล้องหลังเข้ากับแผงหลังได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการเชื่อมต่อ micro-arc 75 องศา
OPPO Reno8 Pro 5G ยังผ่านกระบวนการหล่อตัวเครื่องที่อุณหภูมิสูงถึง 800 องศาเซลเซียส รวมถึงกระบวนการขัดเงาระดับนาโนเมตรที่ต่างกันกว่า 8 ขนาด ทำให้ภาพรวมของ OPPO Reno8 Pro 5G มีความสวยงามหรูหราราวกับผลงานประติมากรรม โดยผลิตออกมาให้เลือก 2 สี ได้แก่ Glazed Black เฉดสีดำ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากค่ำคืนที่ไร้ดวงดาว ส่วนเครื่องที่ทีมงาน @Flashfly ได้รับมารีวิวเรียกว่า Glazed Green เฉดสีเขียว ที่ให้ความสวยงามสบายตา และยังผ่านการเคลือบป้องกันรอยเปื้อนของนิ้วมือได้เป็นอย่างดี
ด้านหน้ามาพร้อมจอแสดงผล Ultra-clear AMOLED Display ขนาด 6.7 นิ้ว แต่ด้วยพื้นที่ขอบจอรอบด้านที่มีความบางกว่า ทำให้มิติตัวเครื่องโดยรวมใหญ่กว่า OPPO Reno8 5G เพียงเล็กน้อย และมีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 93.4% อีกทั้งยังได้รับการป้องกันด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5
อีกจุดที่ OPPO Reno8 Pro 5G มีความแตกต่างจากรุ่นน้องอย่างชัดเจนก็คือ ตำแหน่งของกล้องหน้า ที่ถูกติดตั้งไว้ในหลุมตรงกึ่งกลาง เหนือขึ้นไปเป็นตะแกรงของลำโพงหูฟัง
ด้านหลังของ OPPO Reno8 Pro 5G ให้ความโดดเด่นด้วยการจัดวางโมดูลกล้องแบบ Binocular ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากกล้องถ่ายภาพยนตร์สไตล์วินเทจ พร้อมด้วย Ring Flash ที่ช่วยให้ดีไซน์ในภาพรวมเกิดความสมดุล
ส่วนขอบด้านข้างมีความบางเพียง 7.34 มิลลิเมตร บางกว่า OPPO Reno8 5G เล็กน้อย โดยมีการจัดวางองค์ประกอบต่างๆ แบบเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นปุ่มเพาเวอร์ และปุ่มปรับระดับเสียง
มุมมองด้านบนมีรูเล็กๆ เป็นตำแหน่งของไมโครโฟนตัวที่ 2 ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้าง และยังมีลำโพงอีกตัวซ่อนอยู่ด้านบนด้วย
ด้านล่างประกอบด้วยลำโพง, พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C, ไมโครโฟนตัวหลัก และ ถาดใส่ซิมการ์ด
หน้าจอพันล้านสีขนาด 6.7 นิ้ว Refresh Rate 120Hz
OPPO Reno8 Pro 5G มาพร้อมจอแสดงผล Flexible AMOLED ที่ให้ความลึกสีระดับ 10-bit หรือ 1.07 ล้านสี ความละเอียด 2412 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.7 นิ้ว ให้อัตราการรีเฟรชหน้าจอสูงสุด 120Hz และอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate ที่ 125Hz สำหรับค่าเริ่มต้น หรือ 360Hz สำหรับโหมดเกม แต่ในบางเกมสามารถปรับได้สูงสุด 720Hz ด้วยเทคโนโลยีการแก้ไขเฟรม
จอแสดงผลของ OPPO Reno8 Pro 5G รองรับมาตรฐานสี DCI-P3 color gamut 100% สำหรับโหมด Vivid และ sRGB 100% ในโหมด Gentle อีกทั้งยังเป็นจอภาพที่รองรับ HDR10+ ได้รับการรับรอง Netflix และ Amazon Prime Video HD รวมถึงมาตรฐานลดแสงสีฟ้าจาก SGS Eye Care Display รวมถึงมีนวัตกรรม O1 Ultra Vision Engine เช่นเดียวกับ OPPO Reno8 5G
กล้องหลัง 50MP เซ็นเซอร์คู่ระดับแฟลกชิป Sony IMX766
OPPO Reno8 Pro 5G ได้รับกล้องหลัง 3 ตัว ที่ช่วยให้ภาพถ่ายและวิดีโอมีคุณภาพสูง เนื่องจากใช้เซ็นเซอร์กล้องระดับเรือธงของ Sony ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า ทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์อัจฉริยะของ OPPO ส่งผลให้ภาพถ่ายและวิดีโอ Portrait สวยงามคมชัดในทุกสภาพแสง
- กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์คู่ระดับแฟลกชิป Sony IMX766 ขนาด 1/1.56” รูรับแสง f/1.8 ชุดเลนส์ 7P จับภาพสูงสุด 12-bit
- กล้อง Wide-angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX355 ขนาด 1/4” รูรับแสง f/2.2 ชุดเลนส์ 5P
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
โหมดถ่ายภาพของ OPPO Reno8 Pro 5G คล้ายกับ OPPO Reno8 5G แต่มีโหมด Movie เพิ่มเข้ามา จุดเด่นของรุ่นนี้คือ 4K Ultra Night Video และ Night Portrait เนื่องจากได้รับการพัฒนาระบบกล้องให้สามารถถ่ายภาพ Portrait ได้อย่างสวยงามไม่ว่าจะเป็นสภาพแสงปกติในตอนกลางวัน หรือในที่แสงน้อยยามค่ำคืน
นอกจากจะใช้เซ็นเซอร์กล้องระดับเรือธง OPPO Reno8 Pro 5G ยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของ Reno Series ที่ขับเคลื่อนด้วย MariSilicon X Imaging NPU ซึ่งเป็นชิป Imaging NPU ที่ OPPO ออกแบบเอง โดยเริ่มนำมาใช้กับ OPPO Find X5 Pro 5G เป็นครั้งแรก ก่อนจะถ่ายทอดมาสู่ OPPO Reno8 Pro 5G
MariSilicon X ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีการผลิต 6 นาโนเมตร ให้พลังการประมวลผลจาก AI สูงถึง 18 ล้านล้านครั้งต่อวินาที (18 TOPS) ขณะที่ชิป A15 ของ Apple ทำได้สูงสุด 15.8 TOPS
MariSilicon X เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ทำให้ OPPO Reno8 Pro 5G รองรับ 4K Ultra Night Video สามารถถ่ายวิดีโอในเวลากลางคืนหรือในที่แสงน้อยได้อย่างสวยงาม ให้ความละเอียดสูงถึง 4K ที่อัตรา 30 เฟรมต่อวินาที และยังรองรับ 4K Ultra HDR Video ช่วยให้ถ่ายวิดีโอออกมาสวยงามแม้ย้อนแสง เพียงเปิดฟีเจอร์ AI Highlight Video ก่อนถ่ายวิดีโอ 4K
กล้องหน้า 32MP เซ็นเซอร์ Sony IMX709 RGBW
กล้องหน้าของ OPPO Reno8 Pro 5G ก็ได้รับเซ็นเซอร์ระดับเรือธงเช่นกัน โดยใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX709 ที่มีความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ขนาด 1/2.74” ขนาดพิกเซล 0.8 ไมครอน รูรับแสง f/2.4 ชุดเลนส์ 5P ให้มุมมองภาพ 90 องศา พร้อมด้วยระบบออโต้โฟกัส
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
ชิป MediaTek Dimensity 8100-MAX
OPPO Reno8 Pro 5G ทำงานบนระบบปฏิบัติการ ColorOS 12.1 เช่นเดียวกัน จึงให้ประสบการณ์การใช้งานแบบเดียวกับรุ่นน้องใน Series เดียวกัน แต่อาจจะตอบสนองการใช้งานได้รวดเร็วกว่า เพราะใช้ชิปประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าอย่าง MediaTek Dimensity 8100-MAX ซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยกระบวนการผลิต TSMC N5 (ระดับ 5 นาโนเมตร) ประกอบด้วยซีพียู Octa Core ความเร็วสูงสุด 2.85GHz พร้อมด้วยจีพียู Arm Mali-G610 MC6
ชิป MediaTek Dimensity 8100-MAX ทำให้ OPPO Reno8 Pro 5G มีประสิทธิภาพของซีพียูเพิ่มขึ้น 12% กราฟิกดีขึ้น 29% การทำงานของ AI สูงขึ้นถึง 175% และให้ประสิทธิภาพในการจัดการพลังงานดีขึ้น 50% เมื่อเทียบกับ OPPO Reno7 Pro 5G
นอกจากนี้ OPPO Reno8 Pro 5G ยังมีระบบระบายความร้อนแบบ Ultra-Conductive ที่มีพื้นที่ระบายความร้อนมากขึ้น 2.2 เท่า ให้ประสิทธิภาพในการนำความร้อนได้ดีขึ้น 45% เมื่อเทียบกับ OPPO Reno7 Pro 5G
ด้านความจำ OPPO Reno8 Pro 5G มาพร้อมความจำ RAM 12GB แบบ LPDDR5 จับคู่กับ ROM 256GB แบบ UFS3.1 พร้อม RAM Expansion ได้สูงสุด 7GB
ชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC
OPPO Reno8 Pro 5G มีความจุแบตเตอรี่ 4500mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC สามารถชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% ภายในเวลา 31 นาที หรือประมาณครึ่งชั่วโมง หรือใช้เวลาเพียง 11 นาที ก็สามารถชาร์จได้ถึง 50% และถ้าไม่มีเวลามากนัก สามารถชาร์จเพียง 5 นาที ก็เพียงพอต่อการเล่นเกมนานถึง 2 ชั่วโมง
OPPO Reno8 Pro 5G ยังมาพร้อม Battery Health Engine ช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานขึ้น รองรับการชาร์จได้ถึง 1,600 รอบ ซึ่งมากกว่าค่ามาตรฐานถึง 2 เท่า เทียบได้กับการใช้งานนาน 4 ปี และยังเสริมความปลอดภัยด้วยการปกป้องแบบ 5 ขั้น (5-Layer Charging Protection) เพื่อให้ชาร์จเร็วได้อย่างปลอดภัย
สรุปราคาและการจำหน่าย
OPPO Reno8 5G และ OPPO Reno8 Pro 5G ถูกสร้างมาเพื่อถ่ายภาพ Portrait โดยเฉพาะด้วยเซ็นเซอร์ระดับแฟลกชิป Sony IMX766 กับ Sony IMX709 RGBW ทำให้ไม่ว่าจะถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอ จะเป็นสภาพแสงปกติ หรือ แสงน้อยยามค่ำคืน รวมถึงย้อนแสง ก็ยังคงให้ภาพคนสวยงามคมชัดเป็นธรรมชาติ การออกแบบโดยรวมของทั้งคู่ให้ความหรูหราพรีเมี่ยม แต่ OPPO Reno8 Pro 5G มีขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่า ให้สีสันที่คมชัดกว่า
OPPO Reno8 Pro 5G ยังโดดเด่นกว่าในเรื่องของการถ่ายวิดีโอด้วยพลัง MariSilicon X Imaging NPU ทำให้ OPPO Reno8 Pro 5G รองรับ 4K Ultra Night Video และ 4K Ultra HDR Video แต่การบันทึกวิดีโอระดับ 4K ก็ต้องการพื้นที่ความจำสูงขึ้นตามไปด้วย นั่นทำให้ OPPO Reno8 5G เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว ถ้าไม่ได้เน้นการถ่ายวิดีโอคมชัดสูง ด้านประสิทธิภาพ สามารถตัดสินใจได้ง่ายโดยอ้างอิงจากราคาของทั้งคู่ แต่ไม่ว่าจะเลือกรุ่นไหน ต่างก็มาพร้อมแบตเตอรี่ที่มีความจุ 4500mAh เท่ากัน และได้รับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ OPPO Reno8 5G และ OPPO Reno8 Pro 5G เปิดให้จับจองแล้ว ตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 18 สิงหาคม 2565
- OPPO Reno8 5G ราคา 19,990 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Shimmer Gold และ Shimmer Black
- OPPO Reno8 Pro 5G ราคา บาท ราคา 27,990 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Glazed Green และ Glazed Black
พิเศษ!! เมื่อสั่งจอง OPPO Reno8 5G ในระหว่างวันที่ 4 – 18 สิงหาคม 2565 รับฟรี!! E-VIP Card รับประกันจอแตกภายใน 1 ปี และหูฟังไร้สาย OPPO Enco Buds2 มูลค่ารวม 8,299 บาท หรือ สั่งจอง OPPO Reno8 Pro 5G ภายในช่วงเวลาเดียวกัน จะได้รับ E-VIP Card รับประกันจอแตกภายใน 1 ปี และหูฟังไร้สาย OPPO Enco Buds2 มูลค่ารวม 10,299 บาท และพิเศษ! เป็นเจ้าของ OPPO Reno8 Series 5G ได้ง่ายยิ่งขึ้น เมื่อจองผ่านผู้ให้บริการเครือข่าย ราคาเริ่มต้นเพียง 4,490 บาท
รายละเอียดเพิ่มเติม : https://bit.ly/3IZcjHX
#OPPOReno8Series5GTH
#ThePortraitExpert
#ถ่ายรูปคนสวยเป็นธรรมชาติ