หลังจากที่ Apple ได้วางจำหน่าย MacBook Pro ขนาด 13 นิ้วใหม่ที่มาพร้อมชิป M2 ไปก่อนหน้าแล้ว ล่าสุดวันนี้ก็พร้อมวางจำหน่าย MacBook Air รุ่นใหม่ที่หลายคนรอคอยไม่ใช่เพียงแค่การปรับปรุงประสิทธิภาพภายในเท่านั้น แต่ MacBook Air ที่มาพร้อมชิป M2 ได้รับการปรับโฉมครั้งใหญ่ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม Apple ไม่ได้มีแผนการนำมาแทนที่รุ่นชิป M1 แต่วางจำหน่ายควบคู่กันไป นั้นทำให้ MacBook Air รุ่นชิป M2 มีราคาเริ่มต้นที่สูงกว่า เพื่อให้รุ่นก่อนหน้า ยังสามารถยืนอยู่ในตลาดได้ และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานเข้าถึง MacBook ที่ใช้ชิปของ Apple Silicon ได้ง่ายขึ้น
สเปก MacBook Air รุ่นชิป M2
- จอภาพ Liquid Retina ขนาด 13.6 นิ้ว พร้อมการแสดงผลแบบ True Tone
- ชิปประมวลผล Apple M2
- หน่วยความจำแบบรวม (RAM) ขนาด 8GB / 16GB / 24GB
- ตัวจัดเก็บข้อมูลแบบ SSD ความจุ 256GB / 512GB / 1TB / 2TB
- Magic Keyboard มาพร้อม Touch ID และ แทร็คแพด Force Touch
- กล้อง FaceTime HD ความละเอียด 1080p
- การเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 6, Bluetooth 5.0
- พอร์ตชาร์จ MagSafe 3, พอร์ต Thunderbolt/USB 4 จำนวน 2 พอร์ต, ช่องต่อหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
- ลำโพง 4 ตัว รองรับระบบเสียง Spatial Audio และ Dolby Atmos
- ไมโครโฟน 3 ตัว พร้อมบีมฟอร์มมิ่งตามทิศทางของเสียง
- แบตเตอรี่ Lithium Polymer 52.6Wh
- เล่นภาพยนตร์ในแอป Apple TV นานสูงสุด 18 ชั่วโมง
- ขนาดตัวเครื่อง 304.1 x 215 x 11.3 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 1.24 กิโลกรัม
แกะกล่อง
กล่องบรรจุภัณฑ์ของ MacBook Air รุ่นชิป M2 ยังคงใช้สีขาวจามสไตล์ของ Apple หน้ากล่องพิมพ์รูปภาพด้านข้างของ MacBook Air แบบเปิดฝาเครื่อง เพื่อแสดงให้เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์อย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ไม่เพียงแค่มีพอร์ตชาร์จ MagSafe 3 ที่เพิ่มเข้ามา แต่ MacBook Air ในปี 2022 ยังมีดีไซน์บางเท่ากันตั้งแต่ด้านหน้าจรดด้านท้าย ขณะที่รุ่นก่อนหน้าจะมีส่วนท้ายที่หนากว่า
ใต้กล้องระบถชื่อรุ่นไว้อย่างชัดเจน เริ่มจากขนาดความจำ RAM ความจุ SSD ชื่อรุ่น MacBook Air ขนาด 13.6 นิ้ว ถัดลงมาให้รายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ (สเปกเบื้องต้น) รวมถึงอุปกรณ์ภายในกล่อง
ตัวกล่องถูกห่อหุ้มด้วยแผ่นพลาสติกใสมาอย่างดี แต่มีลิ้นที่ข้างกล่องช่วยให้ลอกออกได้ง่าย หลังจากลอกแผ่นพลาสติกออกไป ก็สามารถแกะกล่องได้ด้วยการยกฝากล่องขึ้นมาตรงๆ
หลังจากยกฝากล่องขึ้นมา ก็จะพบกับ MacBook Air รุ่นชิป M2 ถูกเก็บไว้ในซองกระดาษเพื่อป้องกันริ้วรอยระหว่างขนส่ง
ใต้ MacBook Air มีถาดรองพร้อมช่องเก็บซองเอกสาร และ หลุมสำหรับเก็บสาย USB-C เป็น MagSafe 3 ความยาว 2 เมตร
ภายในซองเอกสาร จะพบกับคู่มือ, บัตรรับประกัน, เอกสารยืนยันการรับรองจาก กสทช. และ สติกเกอร์โลโก้ Apple
ใต้ซองเอกสารเป็นที่อยู่ของ USB-C Power Adapter ซึ่งมีด้วยกัน 3 แบบ ได้แก่ 30W USB-C Power Adapter สำหรับรุ่นเริ่มต้นที่มี GPU แบบ 8-core และ 35W Dual USB-C Port Power Adapter สำหรับรุ่นที่มี GPU แบบ 10-core พร้อม SSD ขนาด 512GB ขึ้นไป หรือ เลือกเป็น 67W USB-C Power Adapter ก็ได้เช่นกัน
ปรับโฉมดีไซน์ครั้งใหญ่
ถึงแม้ดีไซน์โดยรวมยังดูเหมือน MacBook Air รุ่นชิป M1 แต่ถ้ามองไปที่รายละเอียดแต่ละส่วน จะพบว่า MacBook Air รุ่นชิป M2 ได้รับการออกแบบใหม่หมด แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าอย่างชัด โดยตัวเครื่องยังคงใช้วัสดุอะลูมิเนียม มีสี Silver กับ Space Gray ให้เลือกเหมือนเดิม แต่สีทองถูกแทนที่ด้วยสี Starlight ซึ่งเป็นสีทองในเฉดสีที่อ่อนกว่า และยังมีสี Midnight ให้เลือกด้วย สำหรับ MacBook Air รุ่นชิป M2 ที่ทีมงาน @Flashfly ได้รับมารีวิว เรียกว่าสี Starlight
หลังจากแกะ MacBook Air รุ่นชิป M2 ออกมาจากซองในครั้งแรก ยังไม่พบกับการเปลี่ยนแปลงเท่าไรนัก นอกจากเฉดสีทองใหม่ Starlight เนื่องจากขนาดโดยรวมไม่ได้แตกต่างไปจากรุ่นก่อนหน้ามากนัก ทั้งมิติความกว้าง ความยาว แต่มีน้ำหนักเบาลง จาก 1.29 กิโลกรัม ลดเหลือ 1.24 กิโลกรัม
ถ้าดูจากมุมมองด้านข้าง จะเห็นความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน ซึ่ง Apple ก็ได้เน้นให้เห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่รูปภาพที่พิมพ์อยู่บนกล่อง โดย MacBook Air รุ่นชิป M2 มีส่วนขอบด้านข้างที่บางเท่ากันตั้งแต่ด้านหน้าจรดด้านท้าย และบางเพียง 11.3 มิลลิเมตร ขณะที่รุ่นชิป M1 มีส่วนที่หนาที่สุด 16.1 มิลลิเมตร และค่อยๆ บางลงจนเหลือเพียง 4.1 มิลลิเมตร
มุมมองด้านข้าง ช่วยให้เห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ยังไม่ได้เปิดฝาเครื่อง นอกจาก MacBook Air รุ่นชิป M2 จะมีความบางเท่ากันแล้ว (ไม่ได้ลาดเอียงเหมือนรุ่นก่อนหน้า) ยังมาพร้อมพอร์ตชาร์จ MagSafe 3 ขณะที่พอร์ต Thunderbolt/USB 4 ยังมี 2 ช่องเหมือนเดิม แต่การแยกพอร์ตชาร์จมาให้ ก็ทำให้ MacBook Air ในปีนี้เชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอกได้มากขึ้น ไม่ต้องแย่งใช้ช่องเดียวกับสายชาร์จ
Apple นำพอร์ตชาร์จ MagSafe 3 มาใช้ตั้งแต่ MacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว และ 16 นิ้ว ที่เปิดตัวในปี 2021 ก่อนจะขยายมายัง MacBook Air รุ่นชิป M2 ช่วยให้ผู้ใช้งานชาร์จ MacBook Air ได้อย่างสะดวก เพราะยึดติดกันด้วยแม่เหล็กที่แน่นหนา และยังรองรับชาร์จเร็วด้วย
อีกข้างจะพบช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
ข้างใต้ดูเรียบง่าย มีเพียงแผ่นยางวงกลมติดตั้งไว้ทั้ง 4 มุม ช่วยยึดเกาะพื้นผิวเมื่อวาง MacBook Air บนโต๊ะ
ด้านบนของฝาเครื่องก็พบเพียงโลโก้ Apple ตามสไตล์ MacBook ในปัจจุบัน
เมื่อเปิดฝาเครื่อง จะเผยให้เห็นจอแสดงผลที่มีขนาดใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้าอยู่เล็กน้อย จาก 13.3 นิ้ว เพิ่มเป็น 13.6 นิ้ว ขณะที่มิติความกว้างและยาว ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แสดงว่า MacBook Air รุ่นชิป M2 มีพื้นที่ขอบจอบางลงกว่ารุ่นก่อน และนั่นทำให้จอแสดงผลต้องมีรอยบาก เพื่อติดตั้งกล้อง FaceTime HD ที่มีความละเอียดสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นดีไซน์ใหม่แบบเดียวกับ MacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว และ 16 นิ้ว ที่เปิดตัวในปี 2021 ขณะที่ขอบล่างของจอแสดงผล ก็ไม่มีโลโก้ MacBook Air อีกต่อไปแล้ว
มาดูในส่วน Magic Keyboard ของ MacBook Air รุ่นชิป M2 ก็ได้รับการออกแบบใหม่ด้วย โดยเฉพาะปุ่มแถวบนสุด มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างชัดเจน รวมถึงปุ่มเพาเวอร์ที่มี Touch ID ก็ดูคล้ายกับ MacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว และที่น่าสนใจก็คือ ไม่มีรูตะแกรงลำโพงให้เห็นอีกแล้ว จากปกติที่จะอยู่บริเวณทั้ง 2 ข้าง ของแผงคียบอร์ด แต่ MacBook Air รุ่นชิป M2 ถูกซ่อนไว้ข้างใน
Magic Keyboard ของ MacBook Air รุ่นชิป M2 ยังให้ความแม่นยำในการกดได้ดีเหมือนเคย พร้อมด้วยแบ็คไลท์เพิ่มความสะดวกในการใช้งานในที่แสงน้อย
ถัดลงมาเป็นพื้นที่ของแทร็คแพดแบบ Force Touch ขนาดใหญ่ ที่ไวต่อแรงกด สามารถควบคุมเคอร์เซอร์ได้อย่างแม่นยำ และรับรู้แรงกดในการคลิกลงน้ำหนัก หรือ เร่งความเร็วตามแรงกด รวมถึงรองรับคำสั่ง Multi-Touch
จอภาพ Liquid Retina ขนาด 13.6 นิ้ว
จอแสดงผลของ MacBook Air รุ่นชิป M2 เป็นอีกส่วนประกอบที่ได้รับการออกแบบใหม่อย่างชัดเจน โดยมาพร้อมจอภาพ Liquid Retina แบ็คไลท์แบบ LED พร้อมเทคโนโลยี IPS ขนาด 13.6 นิ้ว (รุ่นก่อนหน้ามีขนาด 13.3 นิ้ว) ขณะที่ขอบรอบจอแคบลงกว่าเดิม ทำให้มีพื้นที่บนหน้าจอมากขึ้น เพื่อแสดงแถบเมนู และรายละเอียดของคอนเทนต์ต่างๆ นอกจากนี้ ขอบจอที่บางลง ยังทำให้ขนาดตัวเครื่องของ MacBook Air รุ่นใหม่ ยังใกล้เคียงกับของเดิมอีกด้วย
ไม่เพียงแต่ได้รับการออกแบบหน้าจอใหม่ จอแสดงผลของ MacBook Air รุ่นชิป M2 ยังให้สีสันที่สวยงามสมจริงมากยิ่งขึ้น ด้วยความละเอียด 2560 x 1664 พิกเซล ความหนาแน่นพิกเซล 224 พิกเซลต่อนิ้ว รองรับการแสดงสีสัน 1 พันล้านสี ความสว่างที่สูงถึง 500 นิต ซึ่งสว่างกว่ารุ่นก่อน 25% สนับสนุนเทคโนโลยี True Tone ซึ่งอาศัยใช้เซ็นเซอร์แบบหลายช่องสัญญาณระดับสูง ช่วยในการปรับสีและความเข้มของจอภาพ และขอบเขตสีกว้างแบบ P3
ชิป M2 ทรงประสิทธิภาพ และประหยัดพลังงานกว่าเดิม
MacBook Air รุ่นชิป M2 เป็น Mac รุ่นแรกที่ได้รับชิป M2 ซึ่งเป็นชิปรุ่นที่ 2 ของ Apple Silicon ที่มีประสิทธิภาพ และประหยัดพลังงานได้ดีกว่าชิป M1 สร้างขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีแบบ 5 นาโนเมตร รุ่นที่ 2 ประกอบด้วยทรานซิสเตอร์ 2 หมื่นล้านตัว หรือมากกว่าชิป M1 ถึง 25% ซึ่งจำนวนทรานซิสเตอร์ที่เพิ่มมานี้ก็ช่วยยกระดับคุณสมบัติต่างๆ ในทุกส่วนของชิป ไม่ว่าจะเป็นตัวควบคุมหน่วยความจำที่มีแบนด์วิดท์หน่วยความจำแบบรวม 100GB/s หรือมากกว่าชิป M1 ถึง 50% และเมื่อมีหน่วยความจำแบบรวมขนาดสูงสุด 24GB ที่รวดเร็ว
ชิป M2 ใน MacBook Air รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อม CPU แบบ 8-core คู่กับแคชที่ใหญ่ขึ้น ให้ประสิทธิภาพแบบหลายเธรดสูงกว่าชิป M1 ถึง 18% และมี GPU แบบ 10-core (รุ่นเริ่มต้นจะได้รับ GPU แบบ 8-core) เมื่อรวมกับแคชที่ใหญ่ขึ้นและแบนด์วิดท์หน่วยความจำที่สูงขึ้น GPU แบบ 10-core จะทำให้ประสิทธิภาพด้านกราฟิกแรงขึ้นสูงสุด 25% เมื่อเปรียบเทียบกับชิป M1 ที่การใช้พลังงานระดับเดียวกัน
ชิป M2 ยังมาพร้อมกับมีเดียเอนจิ้นรุ่นใหม่ พร้อมวิดีโอเอนจิ้น ProRes ประสิทธิภาพสูง สำหรับการเข้ารหัสและถอดรหัสวิดีโอที่มีแบนด์วิดท์สูงขึ้น จึงสามารถเล่นสตรีมวิดีโอความละเอียด 4K และ 8K ได้ในจำนวนมากกว่าเดิม และรองรับวิดีโอ H.264 และ HEVC ระดับ 8K
ชิป M2 ยังมีNeural Engine สามารถประมวลผลได้สูงสุด 15.8 ล้านล้านรายการต่อวินาที หรือมากกว่าชิป M1 เกิน 40% และมาพร้อมโปรเซสเซอร์รับสัญญาณภาพ (ISP) ที่ปรับปรุงใหม่ สามารถลดจุดรบกวนได้ดียิ่งขึ้น
ด้วยประสิทธิภาพของ ชิป M2 ทำให้ MacBook Air รุ่นใหม่ล่าสุดในปีนี้ สามารถจัดการเวิร์กโหลดหนักๆ อย่างการแก้ไขไทม์ไลน์อันซับซ้อนใน Final Cut Pro ได้เร็วขึ้น 40% ขณะที่การใช้ฟิลเตอร์และเอฟเฟ็กต์ในแอปต่างๆ เช่น Adobe Photoshop เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 20% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าที่มีชิป M1, CPU แบบ 8-core, GPU แบบ 8-core, RAM ขนาด 16GB และ SSD ความจุ 2TB
ผลทดสอบประสิทธิภาพของ MacBook Air รุ่นชิป M2 (2022)
- Geekbench 5 – 1,885 คะแนน สำหรับ Single Core และ 8,413 คะแนน สำหรับ Multi Core
- Cinebench R23 – 1,591 คะแนน สำหรับ Single Core และ 7,706 คะแนน สำหรับ Multi Core
ผลทดสอบประสิทธิภาพของ MacBook Air รุ่นชิป M1 (2020)
- Geekbench 5 – 1,730 คะแนน สำหรับ Single Core และ 7,510 คะแนน สำหรับ Multi Core
- Cinebench R23 – 1,494 คะแนน สำหรับ Single Core และ 6,803 คะแนน สำหรับ Multi Core
กล้อง FaceTime HD
ด้วยการออกแบบหน้าจอใหม่ให้มีขอบจอบางลง Apple จึงติดตั้งกล้อง FaceTime HD ของ MacBook Air รุ่นชิป M2 ไว้ในรอยบาก ซึ่งถือเป็นอีกจุดที่ได้รับการปรับปรุงจากรุ่นชิป M1 จากความละเอียด 720p เป็น 1080p ด้วยเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ขึ้น และพิกเซลที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทำให้กล้อง FaceTime HD ใน MacBook Air รุ่นล่าสุด มีความละเอียดและประสิทธิภาพในสภาวะแสงน้อยสูงขึ้น 2 เท่า ขณะเดียวกัน กล้อง FaceTime HD ความละเอียด 1080p ยังทำงานร่วมกับโปรเซสเซอร์รับสัญญาณภาพรุ่นใหม่ของชิป M2 ช่วยเพิ่มความคมชัดขณะวิดีโอคอล ส่งผลให้ใบหน้าของผู้ใช้งานดูดียิ่งขึ้น
ระบบเสียง Spatial Audio
MacBook Air รุ่นชิป M2 ไม่มีตะแกรงลำโพงให้เห็นอีกต่อไปแล้ว โดยมีการติดตั้งลำโพงไว้ภายใน อยู่บริเวณใต้ปุ่ม F1 กับปุ่ม F12 ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก และถึงแม้จะติดตั้งลำโพงไว้ 2 ตำแหน่ง แต่ความจริงแล้ว MacBook Air รุ่นชิป M2 ได้รับ
ซ่อนลำโพงเพื่อความสะอาดตา และป้องกันฝุ่นเข้าไปข้างในได้ดีกว่ารุ่นก่อนระบบลำโพงใหม่ ประกอบด้วย ทวีตเตอร์ 2 ตัว และวูฟเฟอร์ 2ตัว จึงให้เสียงเต็มอิ่มกว่าเล็กน้อยและให้เสียงสะท้อนน้อยลง เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าที่ใช้ลำโพงคู่ลำโพงสเตอริโอ และยังให้เสียงดังที่ชัดเจน ไม่ว่าจะใช้ดูหนัง หรือ ฟังเพลง
ระบบลำโพงใหม่ของ MacBook Air รุ่นชิป M2 ยังรองรับระบบเสียงตามตำแหน่ง (Spatial Audio) เพื่อการฟังเพลงและดูภาพยนตร์ที่เต็มอิ่มสมจริงด้วย Dolby Atmos และยังรวมชุดไมโครโฟน 3 ตัว ที่มาพร้อมอัลกอริทึมบีมฟอร์มมิ่งสุดล้ำ ช่วยให้รับเสียงได้คมชัดโดยใช้ เหมาะสำหรับประชุมทางไกลผ่านวิดีโอคอล
การเชื่อมต่อ
MacBook Air รุ่นชิป M2 สนับสนุนการเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 6 (IEEE 802.11ax) ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับรุ่นก่อน แต่ก็ถือว่าเป็นมาตรฐานใหม่ล่าสุดแล้วในปัจจุบัน และถ้าหาก Router ที่บ้านหรือที่ทำงาน ยังไม่ได้เปลี่ยนเป็นมาตรฐาน Wi-Fi 6 ก็สามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi 5 หรือ Router ตัวเดิมได้เช่นกัน ส่วนการจับคู่กับอุปกรณ์เสริมแบบไร้สาย รองรับเทคโนโลยี Bluetooth 5.0
สำหรับพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ ก็ยังคงเดิม มีช่องสัญญาณเสียงสำหรับเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร และอีกข้างมีพอร์ต Thunderbolt/USB 4 จำนวน 2 ช่อง แต่โชคดีที่ Apple เพิ่มพอร์ตชาร์จ MagSafe 3 มาให้ ช่วยเพิ่มความสะดวกในการชาร์จ ทำให้พอร์ต Thunderbolt/USB ทั้ง 2 ช่อง สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมได้อย่างเต็มที่ จากปกติอาจใช้ได้แค่ช่องเดียว เพราะอีกข่องต้องเสียบสายชาร์จ
พอร์ตชาร์จ MagSafe 3 ใช้วิธีการเชื่อมต่อด้วยแม่เหล็ก หมดกังวลเรื่องคนหรือสัตว์เลี้ยงวิ่งมาสะดุดสายชาร์จ ซึ่งอาจทำให้ MacBook ร่วงตามไปด้วย นอกจากนี้ พอร์ตชาร์จ MagSafe 3 ยังรองรับชาร์จเร็ว และมีไฟ LED แสดงสถานะขณะชาร์จแบตเตอรี่ (สีส้มอำพัน หมายถึงกำลังชาร์จ, สีเขียว แสดงว่าชาร์จเต็มแล้ว)
แบตเตอรี่ใช้งานสูงสุด 18 ชั่วโมง
MacBook Air รุ่นชิป M2 ใช้แบตเตอรี่ Lithium Polymer 52.6Wh (รุ่นชิป M1 มีขนาด 49.9Wh) แต่ให้อายุการใช้งานใกล้เคียงกัน สามารถรับชมภาพยนตร์ผ่านแอป Apple TV ได้นานสูงสุด 18 ชั่วโมง หรือ ท่องเว็บไซต์ผ่าน Wi-Fi ได้นานสูงสุด 15 ชั่วโมง
MacBook Air รุ่นชิป M2 แถมอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่มาให้แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับรุ่นที่เลือกซื้อ ในรุ่นเริ่มต้นที่ใช้ GPU แบบ 8-core จะได้รับ 30W USB-C Power Adapter ขณะที่รุ่น GPU แบบ 10-core พร้อม SSD ขนาด 512GB ขึ้นไป สามารถเลือกได้ว่า จะรับ 35W Dual USB-C Port Power Adapter หรือ 67W USB-C Power Adapter
35W Dual USB-C Port Power Adapter ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเสียบสายชาร์จได้พร้อมกัน 2 อุปกรณ์ จึงสามารถชาร์จ MacBook พร้อม IPhone หรือ อุปกรณ์อื่นได้ ขณะที่ 67W USB-C Power Adapter มีจุดเด่นที่รองรับชาร์จเร็ว สามารถชาร์จแบตเตอรี่ของ MacBook Air รุ่นชิป M2 จากระดับ 0 – 50% ในเวลาประมาณ 30 นาที
MacBook Air รุ่นชิป M2 มาพร้อม macOS Monterey ระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นล่าสุดของ Mac ในปัจจุบันนี้ แต่กำลังจะได้รับการอัปเดทเป็น macOS Ventura ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า สำหรับ macOS Ventura ที่กำลังจะปล่อยออกมาให้อัปเดทในเร็วๆ นี้ ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้ประโยชน์จากชิป M2 ให้สูงสุด และมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆ อาทิ Stage Manager หรือ ตัวจัดการให้อยู่ตรงกลาง, Continuity Camera หรือ ความต่อเนื่องของกล้อง สามารถสลับไปใช้กล้องของ iPhone ได้อย่างง่ายดาย และ Handoff ที่กำลังจะมีใน FaceTime นอกจากนี้ macOS Ventura ยังมอบการอัปเดทครั้งใหญ่ให้กับ Safari, Mail, Messages, Spotlight และแอปพื้นฐานทั่วทั้งระบบ
สรุปราคาและการจำหน่าย
เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า MacBook Air รุ่นชิป M2 ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นรอบด้าน ตั้งแต่การออกแบบภายนอกที่พลิกโฉมครั้งใหญ่ จอใหญ่ขึ้น แสดงสีสันสวยงามยิ่งขึ้น โดยมีพื้นที่ขอบจอที่บางลง ทำให้ขนาดตัวเครื่องใกล้เคียงกับกับรุ่น ส่วนภายในก็ได้รับชิปรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพดีกว่า ระบบเสียงก็ได้ปรับการปรับปรุงให้ดีขึ้น พร้อมกล้อง FaceTime HD ที่คมชัดกว่าเดิม นอกจากนี้ ยังมีพอร์ตชาร์จ MagSafe 3 ที่เพิ่มความสะดวกได้อย่างมากในการชาร์จแบตเตอรี่
สรุปแล้ว MacBook Air รุ่นชิป M2 ตอบสนองการทำงานได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้าที่ใช้ชิป M1 อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม MacBook Air รุ่นชิป M2 ไม่ได้ออกมาทำตลาดแทนที่รุ่นชิป M1 แต่วางจำหน่ายควบคู่กันไป ซึ่งทาง Apple ได้ดึงดูดให้ผู้ที่ยังใช้งาน MacBook Air รุ่นเก่าที่เป็นชิป Intel เปลี่ยนมาใช้งานชิป Apple Silicon ได้เป็นอย่างดี
MacBook Air รุ่นชิป M2 พร้อมวางจำหน่ายแล้วในราคาเริ่มต้น 43,900 บาท มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ Midnight, Starlight, Silver และ Space Gray สำหรับ MacBook Air รุ่นชิป M1 มีราคาเริ่มต้น 32,900 บาท มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Gold, Silver และ Space Gray