ย้อนกลับไปในปี 1998 นักบินอวกาศชาวรัสเซีย Sergei Avdeev เคยพกพาโน้ตบุ๊ก ASUS P6300 ขึ้นไปทำภารกิจบนสถานีอวกาศ MIR นานถึง 600 วัน และในปีนี้ ASUS ก็ได้สร้างแล็ปท็อปรุ่นพิเศษออกมาเรียกว่า ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition (UX5401ZAS) เพื่อร่วมฉลองในโอกาสครบรอบ 25 ปี ที่โน้ตบุ๊กรุ่นแรกของ ASUS ถูกส่งขึ้นไปบนอวกาศ จึงถูกออกแบบมาเป็นพิเศษตั้งแต่กล่องบรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงดีไซน์ของแล็ปท็อป ซึ่งตอนนี้ได้เดินทางมาอยู่ในมือของทีมงาน @Flashfly เรียบร้อยแล้ว
สเปก ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition
- จอแสดงผลระบบสัมผัส 4K OLED ขนาด 14 นิ้ว
- จอด้านนอก OLED ขนาด 3.5 นิ้ว
- โปรเซสเซอร์ 12th Gen Intel Core i7-12700H
- กราฟิก Intel Iris Xe
- ความจำ RAM 16GB LPDDR5
- ตัวจัดเก็บข้อมูล 1TB M.2 NVMe PCIe 4.0 SSD
- การเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.2
- ระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home
- ฟรี!! ซอฟต์แวร์ Office Home and Student 2021
- ราคา 53,990 บาท
แกะกล่อง ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition
ความพิเศษของ ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition พบได้ตั้งแต่กล่องบรรจุภัณฑ์ที่เน้นโทนสีเข้ม มาพร้อมหูหิ้วด้านบนที่ทำจากผ้าอย่างดี จึงเป็นมิตรกับฝ่ามือเวลาถือกล่องออกจากร้าน และยังมีชื่อรุ่น Space Edition สีขาวอยู่บนหูหิ้วด้วย
ด้านหน้ากล่องจะพบข้อความ Space Edition ขนาดใหญ่พาดไว้ที่ขอบกล่องทั้งบนและล่าง ส่วนข้อความตัวเล็กๆ ที่ติดอยู่ด้านหน้ากล่องก็ล้วนแต่มีความหมาย เริ่มจาก Mir 1986 – 2001 หมายถึงช่วงเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดของสถานีอวกาศ MIR บรรทัดต่อมาเป็นเลขทะเบียนวัตถุอวกาศสากล (COSPAR ID) และ หมายเลขแค็ตตาล็อกดาวเทียม (SATCAT) เผื่อใครอยากจะทราบ L31m W27.5m H19m เป็นขนาดโครงสร้างหลักของสถานีอวกาศ MIR หลังจากเชื่อมต่อกับโมดูลทั้งหมด โดยมีความยาว 31 เมตร กว้าง 27.5 เมตร และ สูง 19 เมตร (ส่วนตัวเลขน้ำหนักไม่ได้ระบุไว้ที่กล่อง (แต่ถ้าอยากทราบ สถานีอวกาศ MIR หนักราว 143 ตัน)
ได้เวลาแกะกล่องสำรวจภายในกันแล้ว เมื่อเปิดกล่องขึ้นมา จะเห็นชื่อรุ่น Space Edition ที่ด้านในของฝากล่อง ส่วนแล็ปท็อป ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition ถูกเก็บไว้ในกล่องอีกชั้น ซึ่งมาในสีเงินพร้อมประกายรุ้งที่พริ้วไหวตามแสงสะท้อน
ตัวกล่องแล็ปท็อป วางโลโก้ Space Edition ไว้เหนือชื่อ ASUS Zenbook 14X OLED โดยมีสัญลักษณ์ของดวงดาวต่างๆ ในระบบสุริยะของเรา ข้างกันเจาะช่องเป็นวงกลม เพื่อแสดงการ์ดที่มีสัญลักษณ์ของสถานีอวกาศ MIR แบบเดียวกับกล่องชั้นนอก
พิกัด 25°07’29.3”N 121°28’17.3”E ที่ระบุไว้ใต้ Zenbook เป็นที่ตั้งของสำนักงาน ASUS ในไต้หวัน จากนั้นจะพบชื่อผลิตภัณฑ์ ASUS Zenbook 14X OLED และ XXV คือตัวเลขโรมัน หมายถึง ครบรอบ 25 ปี ที่ P6300 โน้ตบุ๊กรุ่นแรกของ ASUS ถูกส่งขึ้นไปบนอวกาศ มาดูกันที่ลายเส้นสีเงินบนหน้ากล่องที่มีทั้งแกน X Y Z เป็นสัญลักษณ์แทนสถานีอวกาศ MIR ที่สร้างขึ้นด้วยรหัสมอร์ส ซึ่งจะพบกับลายเส้นแบบนี้บนตัวเครื่องด้วย ตัวเลข 1986 – 2001 (ช่วงอายุของสถานีอวกาศ MIR) และZenbook 2011 หมายถึงปีที่ Zenbook รุ่นแรกได้รับการเปิดตัว
ใต้แล็ปท็อปจะพบกับซองเอกสาร ซึ่งออกแบบมาตามธีมของอวกาศ และยังใช้เป็นแผ่นรองกระแทกแล็ปท็อปขณะขนส่งได้อีกด้วย ภายในบรรจุบัตรต้อนรับ ถูกเก็บไว้ในซองสีดำอีกชั้น, แผ่นพับแนะนำโปรแกรม MyASUS, คู่มือ และ สติกเกอร์ที่น่าสะสม ออกแบบมาในธีมครบรอบ 25 ปี ที่โน้ตบุ๊กรุ่นแรกของ ASUS ถูกส่งขึ้นไปบนอวกาศ
ช่องข้างๆ เป็นที่เก็บกล่องอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งตัวกล่องจริงๆ จะเป็นสีเงินแบบเดียวกับกล่องแล็ปท็อป แต่มีปลอกสีดำรัดไว้ เพื่อบอกว่ากล่องนี้ยังทำหน้าที่เป็นขาตั้งแล็ปท็อปได้ด้วย เมื่อกางออกมาแล้วสามารถวาง ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition ทับลงไปได้เลย และให้ความมั่นคงพอสมควร เรียกได้ว่าใช้เป็นขาตั้งหรือแท่นวางได้จริง
โดยช่วยยกส่วนท้ายของแล็ปท็อปให้สูงขึ้น 23 องศา เป็นมุมที่ ASUS คำนวณออกมาแล้วว่าสามารถเพิ่มความสบายให้กับผู้ใช้งานขณะพิมพ์ได้ อีกทั้งยังเป็นการลดขยะที่เกิดจากบรรจุภัณฑ์ได้อีกทางหนึ่งด้วย
สำหรับอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ที่แถมมากับ ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition เป็นอะแดปเตอร์แปลงไฟ USB-C ขนาด 100 วัตต์
ชั้นล่างแถมซอฟต์เคสมาให้ มาในสีเงินแวววาวสไตล์อวกาศ รับรองว่าถือแล้วโดดเด่นอย่างแน่นอน โดยมีสายคาดไว้รัดแขนขณะพกพา
นอกจากนี้ ภายในกล่องยังแถมปากกา ASUS Pen 2.0 มาให้ด้วย พร้อมสายชาร์จปากกา เนื่องจาก ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition ใช้จอแสดงผลระบบสัมผัสนั่นเอง
ดีไซน์อวกาศสุดล้ำ
ตัวเครื่อง ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition ผลิตจากวัสดุอลูมิเนียมอัลลอยที่ให้ทั้งความสวยงาม และทนทานกว่าแล็ปท็อปทั่วไป เคลือบด้วยสีชนิดพิเศษ Zero-G Titanium เฉดสีที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการก่อสร้างยานอวกาศ และแสดงถึงการเดินทางในอวกาศของโน้ตบุ๊กรุ่น ASUS เมื่อ 25 ปีที่แล้ว โดยมีขนาดตัวเครื่อง 31.12 x 22.11 x 1.59 เซนติเมตร น้ำหนัก 1.4 กิโลกรัม
ดีไซน์ของ ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition มีความโดดเด่นตั้งแต่ฝาเครื่องด้วยลายเส้นสุดล้ำสไตล์แคปซูลอวกาศ ซึ่งสร้างมาจากรหัสมอร์ส แต่ที่น่าสนใจที่สุดก็คือ ZenVision จอแสดงผลบนฝาเครื่อง สามารถแสดงข้อความที่ผู้ใช้งานตั้งค่าไว้ล่วงหน้า หรือ จะแสดงข้อมูลการติดต่อเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของเครื่อง รวมถึงแสดงภาพเคลื่อนไหวในธีมอวกาศ และสามารถเวลา กับสถานะแบตเตอรี่ได้
เมื่อเปิดฝาเครื่องขึ้นมา จะพบกับจอแสดงผล OLED ความละเอียด 4K ขนาด 14 นิ้ว โดยมีพื้นที่ขอบจอรอบด้านที่บางเป็นพิเศษ ทำให้ขนาดตัวเครื่องไม่ใหญ่เกินไป และที่อยากให้สังเกตก็คือ ระหว่างกางหน้าจอ กลไกบานพับ ErgoLift ก็จะยกส่วนท้ายของแล็ปท็อปให้สูงขึ้นด้วย ช่วยให้แผงคีย์บอร์ดลาดเอียงรับกับการวางมือขณะพิมพ์
กล้องเว็บแคมที่ติดตั้งอยู่เหนือจอแสดง มีความละเอียด HD 720p มาพร้อมปุ่มซอฟต์แวร์สำหรับปิดหรือเปิดเว็บแคม เมื่อกดปิดจะมี Electric Webcam Shield (วัตถุสีส้ม) ขึ้นมาบังเลนส์กล้อง หมดกังวลเรื่องการถูกสอดแนม
ส่วนของแผงคีย์บอร์ดก็มีลายเส้นสไตล์อวกาศวาดลงบนบริเวณที่พักมือทั้ง 2 ข้าง แต่นอกเหนือจากความสวยงามของลวดลายกราฟิก คือการออกแบบแผงคีย์บอร์ดอย่างใส่ใจ เพื่อให้ประสบการณ์การพิมพ์ที่ดีที่สุด ซึ่ง ASUS เรียกว่า ErgoSense Keyboard มีการจัดวางแต่ละปุ่มให้ห่างกันอย่างเหมาะสมในระยะ 19.05 มิลลิเมตร การตอบสนองต่อการกดของแต่ละปุ่มก็มีความรวดเร็ว ด้วยระยะเดินทางของการกดเพียง 1.4 มิลลิเมตร พื้นผิวของแต่ละปุ่มยังทำเป็นรูปทรงจานที่มีความลึก 0.2 มิลลิเมตร เพิ่มความแม่นยำในการกดและยังรับกับสรีระของปลายนิ้ว
ErgoSense Keyboard ของ ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition รองรับทั้งภาษาไทยและอังกฤษ โดยใช้เลเซอร์ทำให้แสงไฟพื้นหลังของแผงคีย์บอร์ดรอดผ่านตัวอักษรทั้ง 2 ภาษา ขณะที่ปุ่มเพาเวอร์ก็ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ด้วย ช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าสู่ระบบด้วย Windows Hello ได้ง่ายดายและปลอดภัยด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว
ทัชแพดขนาดใหญ่รองรับการสัมผัสแบบ Multi-touch ได้อย่างแม่นยำ ด้วยการเคลือบผิว PVD ให้มีแรงเสียดทานต่ำ และยังป้องกันรอยนิ้วมือ ผ่านการทดสอบในการเลื่อนถูมากกว่า 10,000 ครั้ง ทัชแพดก็ยังราบรื่นเหมือนใหม่ และยังทำความสะอาดได้ง่ายมาก
ทัชแพดของ ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition ยังใช้เป็นปุ่มกดตัวเลขได้อีกด้วย เพียงแตะที่ไอคอน NumberPad มุมบนขวา ก็จะพบกับแผงตัวเลขสว่างขึ้นมา และสามาถรปรับความสว่างได้จากการแตะที่ไอคอนมุมบนซ้าย (ขณะเปิดใช้งาน NumberPad ก็ยังคงใช้การควบคุมบนทัชแพดได้เช่นกัน)
ส่วนขอบด้านข้างมีความบาง 15.9 มิลลิเมตร โดยข้างซ้ายของตัวเครื่องจะพบกับพอร์ต USB Type-A (USB 3.2 Gen 2), ช่อง Combo Audio Jack ขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ช่องระบายความร้อน 3 ช่อง, ช่องอ่านการ์ด MicroSD, ไฟแสดงสถานะตัวเครื่อง และ ไฟแสดงสถานะแบตเตอรี่
อีกข้างมีพอร์ต HDMI 2.0b, Thunderbolt 4 (USB-C) ทั้ง 2 ช่อง รองรับการชาร์จเร็ว, ต่อจอภาพภายนอก 4K UHD และ มีอัตราการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด 40 Gbps ถัดจากนั้นเป็นช่องระบายความร้อน 3 ช่อง
ด้านหลังที่เป็นส่วนของบานพับ ErgoLift มีช่องระบายความร้อน และติดยางรองมาให้ 2 จุด เพราะหลังจากเปิดฝาเครื่องขึ้นมา ด้านหลังของแล็ปท็อปจะถูกยกขึ้น เพื่อให้แผงคีย์บอร์ดเอียงขึ้นเล็กน้อย แต่ช่วยให้การวางมือขณะพิมพ์มีความเหมาะสมที่สุด อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการระบายความร้อน และให้เสียงที่ออกจากลำโพงมีคุณภาพมากขึ้น
ด้านใต้ตัวเครื่องจะพบว่าขอบทั้ง 4 ด้านมีความลาดเอียง เพื่อให้เสียงที่ออกจากช่องลำโพงทั้ง 2 ข้าง ไม่มีอะไรขวางกั้น และยังมีช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่ ทั้งด้านข้างและใต้ตัวเครื่อง พร้อมด้วยข้อความภาษาละติน “Ad astra Per Aspera” ที่มีความหมายว่า “ผ่านความยากลำบากสู่ดวงดาว” ขอบล่างยังมีข้อความและตัวเลขต่างๆ แบบเดียวกับที่พบบนกล่อง รวมถึงชื่อ Space Edition ขนาดใหญ่ และที่มุมทั้ง 4 มียางรองเพิ่มแรงยึดเกาะ และยกตัวเครื่องให้สูงจากพื้นอีกเล็กน้อย
นอกจากนี้ ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition ยังได้รับการออกแบบมาให้มีความทนทานเป็นพิเศษ จนสามารถพกพาไปทำงานในอวกาศได้ โดยผ่านมาตรฐานของ US Space Systems Command Standard (SMC-S-016A) ปกป้องการกระเทือนตั้งแต่ระดับ 20 ถึง 2,000 Hz และทนต่ออุณหภูมิตั้งแต่ –24 ถึง 61 เซลเซียส และยังผ่านมาตรฐานของ US Department of Defense Standard (MIL-STD 810H) มั่นใจได้ว่าแล็ปท็อปเครื่องนี้มีความแข็งแกร่งเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน และสบายใจได้เมื่อต้องนำติดตัวไปใช้งานระหว่างเดินทาง
จอหลังอัจฉริยะ ZenVision
จุดเด่นแรกของ ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition มองเห็นได้ตั้งแต่ยังไม่เปิดฝาเครื่อง นั่นคือจอแสดงผลด้านนอกที่เรียกว่า ZenVision Display เป็นจอ OLED ขนาด 3.5 นิ้ว ให้สีขาว-ดำแต่คมชัด ไม่รองรับการสัมผัส สามารถแสดงภาพเคลื่อนไหวได้ในธีมอวกาศ ซึ่งถูกกำหนดเป็นค่าเริ่มต้น แต่ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปปรับแต่งการแสดงผลของ ZenVision Display ได้จากแอป MyASUS
นอกจากภาพเคลื่อนไหว ZenVision Display ยังสามารถแสดง เวลา วันที่ อายุแบตเตอรี่ หรือ จะสร้างนามบัตรเพื่อระบุช่องทางการติดต่อหรือแสดงความเป็นเจ้าของ และยังสามารถใส่ข้อความที่กำหนดขึ้นเองได้ โดยเปิดเข้าไปที่แอป MyASUS เลือก Customization จากเมนูด้านซ้ายมือ แล้วไปที่แท็บ Exclusives เมื่อเข้ามาในการปรับแต่ง ZenVision Display ของแอป MyASUS จะพบว่าค่าเริ่มต้นถูกกำหนดเป็นโหมด Animations ซึ่งมีภาพเคลื่อนไหวในธีมอวกาศให้เลือก 4 แบบ หรือ เปลี่ยนเป็นการแสดงเวลา ก็มีให้เลือก 2 แบบ สามารถเปลี่ยนรูปแบบระหว่าง 12 กับ 24 ชั่วโมง และปรับความเร็วในของการเคลื่อนไหวได้ 3 ระดับ
โหมด Text ที่อยู่ถัดจากโหมด Animations จะแสดงข้อความที่มีเคลื่อนไหวได้ เบิ้องต้นมีให้เลือก 6 แบบ แต่ผู้ใช้งานสามรถคลิกที่แท็บ Customized เพื่อป้อนข้อความได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษหรือไทย รวมทั้งใส่ตัวเลขรวมไปได้ หลังจากบันทึกแล้ว ข้อความที่ปรับแต่งเองจะไปโผล่ในแท็บ Text template นั่นหมายความว่า สามารถเพิ่มข้อความได้หลายชุด
สุดท้ายเป็นโหมด Personal Identity Tag เปรียบเสมือนนามบัตร เพื่อระบุช่องทางการติดต่อ หรือ แสดงความเป็นเจ้าของเครื่อง โดยเบิ้องต้นมีแม่แบบให้เลือก 6 แบบ แต่ละแบบสามารถแก้ไขข้อมูลการติดต่อ และสร้างเป็น QR Code ออกมาแสดงผลบน ZenVision Display เพิ่มความสะดวกในการติดต่องาน สามารถใช้สมาร์ทโฟนสแกน QR Code ได้ทันที แทนการมอบนามบัตรของจริง
จอหลัก 4K OLED
ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition มาพร้อมจอแสดงผล OLED แบ็คไลท์แบบ LED ความละเอียด 3840 x 2400 พิกเซล ขนาด 14 นิ้ว ให้สีสัน 1.07 พันล้านสี คมชัดสมจริงระดับ DCI-P3 100% มาตรฐานเดียวกับที่ใช้ในวงการภาพยนตร์ อีกทั้งยังออกแบบมาให้มีขอบจอรอบด้านที่บางเป็นพิเศษ (NanoEdge) จนทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 92% และมีอัตราส่วนภาพ 16:10 ให้พื้นที่การแสดงผลใหญ่ขึ้น 11%
จอแสดงผลหลักของ ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition ยังผ่านการรับรอง PANTONE Validated มั่นใจได้ในเรื่องของการให้สีสันที่แม่นยำ ได้รับการรับรอง DisplayHDR True Black 500 จึงแสดงสีดำที่แท้จริง และยังเป็นจอภาพที่ช่วยถนอมดวงตาจากแสงสีฟ้าได้ถึง 70% ได้รับการรับรองจาก TÜV นอกจากนี้ ยังเป็นจอแสดงผลระบบสัมผัส แถมปากกา ASUS Pen 2.0 มาให้ในกล่อง ไว้รองรับงานศิลปะ และจดบันทึก
ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition ยังรองรับจอแสดงผลสูงสุด 4 จอ ประกอบด้วยจอแสดงผลหลักของตัวเครื่องเอง และต่อจอภายนอกเพิ่มได้อีก 3 จอ ผ่านพอร์ต Thunderbolt 4 ที่มีมาให้ 2 ช่อง และ HDMI อีก 1 ช่อง
ระบบเสียงคุณภาพสูง
ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition ถูกสร้างมาเพื่อตอบโจทย์ด้านความบันเทิงอย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่มีจอแสดงผล 4K OLED ที่ให้สีสันแม่นยำสมจริง แต่ยังมีระบบเสียงคุณภาพสูงด้วย โดยใช้ลำโพงคู่สเตอริโอที่รับรองโดย Dolby Atmos และผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงที่ Harman Kardon
ระบบเสียงของ ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition มาพร้อมแอมพลิฟายเออร์อัจฉริยะแบบดูอัลแชนเนล ให้ระดับเสียงมากกว่าแอมพลิฟายเออร์มาตรฐานถึง 350% และยังมีชิป DSP ช่วยลดความผิดเพี้ยนของเสียง ขณะเดียวกันยังช่วยป้องกันความเสียหายระยะยาวต่อวอยซ์คอยล์ของลำโพง ทำให้ ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition เป็นแล็ปท็อปที่เหมาะทั้งการดูหนัง ฟังเพลง
สำหรับการประชุมทางไกล ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition ก็ได้รับการติดตั้งไมโครโฟนที่มาพร้อมเทคโนโลยีเสียงตัดเสียงรบกวนด้วย AI ของ ASUS ซึ่งใช้การเรียนรู้ของเครื่องมาช่วยแยกเสียงที่ไม่ต้องการออกจากคำพูดของมนุษย์ได้อย่างแม่นยำ จึงให้การสนทนาชัดเจน
ในแอป MyASUS ยังมีฟีเจอร์ ClearVoice Mic สามารถกรองเสียงรบกวนรอบข้าง และทำให้เสียงทั้งหมดเป็นมาตรฐานในโหมดผู้นำเสนอหลายคนจากตำแหน่งต่างๆ เพื่อคุณภาพการประชุมทางไกลแบบกลุ่มที่ดีที่สุด และยังมีฟีเจอร์ ClearVoice Speaker ช่วยกรองเสียงรบกวนรอบข้างทั้งหมดออกจากเสียงพูดของมนุษย์ เพื่อให้ผู้ใช้งานได้ยินเสียงจากปลายทางได้ชัดเจนมากขึ้น
ประสิทธิภาพ
Sergei Avdeev นักบินอวกาศชาวรัสเซีย ที่นำโน้ตบุ๊ก ASUS P6300 ขึ้นไปทำภารกิจบนสถานีอวกาศ MIR ในปี 1998 กล่าวว่า “โน้ตบุ๊กของ ASUS ไม่ร้อนเกินไป แตกต่างจากอุปกรณ์ที่ผลิตโดยบริษัทอื่น” นั่นเป็นการยืนยันถึงประสิทธิภาพของโน้ตบุ๊ก ASUS เมื่อ 25 ปีที่แล้ว ช่วยเพิ่มความมั่นใจถึงประสิทธิภาพที่จะได้รับจาก ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition
ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ UX5401ZAS-KU721WS ใช้โปรเซสเซอร์ 12th Gen Intel Core i7-12700H ความจำ RAM 16GB LPDDR5 และ UX5401ZAS-KU921WS ใช้โปรเซสเซอร์ 12th Gen Intel Core i9-12900H ความจำ RAM 32GB LPDDR5 โดยทั้ง 2 รุ่น ใช้ตัวจัดเก็บข้อมูลแบบ SSD PCIe 4.0 ที่เร็วเป็นพิเศษ ขนาดเท่ากัน 1TB พร้อมด้วยกราฟฟิก Intel Iris Xe
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition ตอบสนองการทำงานอย่างหนักได้อย่างราบรื่น คือเทคโนโลยีระบายความร้อน ASUS IceCool ด้วยพัดลมคู่ที่ติดตั้งไว้ใต้เครื่อง พร้อมช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่และมีหลายช่อง โดยผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าการทำงานของพัดลมได้ผ่านแอป MyASUS
แบตเตอรี่และการชาร์จ
ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition มีขนาดแบตเตอรี่ 63WHrs ซึ่งจากการทดสอบของทีมงาน @Flashfly พบว่าให้อายุการใช้งานได้ยาวนานสูงสุดประมาณ 9 ชั่วโมง สำหรับการใช้งานทั่วไป แต่ถ้าเป็นการใช้งานอย่างเต็มที่คาดว่าจะอยู่ได้ราวๆ 5 – 6 ชั่วโมง ซึ่งเพียงพอต่อการพกพาไปทำงานนอกสถานที่ แต่ถ้าจะนำไปทำงานตลอดทั้งวัน ต้องไม่ลืมพกพาที่ชาร์จไปด้วย
สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition แถมอุปกรณ์การชาร์จ 100W มาให้ โดยรองรับอุปกรณ์ชาร์จที่ผ่านการรับรองจาก PD (Power Delivery) และยังรองรับ USB-C Easy Charge สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากพาวเวอร์แบงค์ได้อีกด้วย
สรุปราคาและการวางจำหน่าย
ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition เป็นแล็ปท็อปที่มีดีไซน์สุดล้ำ เพิ่มความโดดเด่นให้กับผู้ใช้งานได้อย่างแน่นอน อีกทั้งยังมีความแข็งแรงทนทาน เพิ่มความสบายใจเมื่อพกพาไปทำงานนอกสถานที่ ขณะที่ประสิทธิภาพก็เพียงพอต่อการทำงานและเล่นเกมตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นที่ใช้โปรเซสเซอร์ 12th Gen Intel Core i7-12700H แต่สำหรับการทำงานระดับมืออาชีพ ก็ยังมีรุ่น Intel Core i9-12900H เป็นอีกทางเลือก
สรุปแล้ว ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาแล็ปท็อปที่มีความพิเศษในด้านการออกแบบและความทนทาน อีกทั้งยังให้ประสิทธิภาพสูงจองสนองการเล่นเกมหนักๆ ได้ รวมถึงการทำงานระดับมืออาชีพ
ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition เริ่มวางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มาพร้อมการรับประกัน ASUS Exclusive Care ครอบคลุมการบริการซ่อมถึงที่ (on-site service) 3 ปี, ประกันระหว่างประเทศ 57 ประเทศทั่วโลก และประกันอุบัติเหตุ (Perfect Warranty) 1 ปีเต็ม พร้อมด้วย Windows 11 และ Pre-installed Office Home & Student 2021 ติดตั้งพร้อมใช้งาน พร้อมรับสมาชิก Adobe Creative Cloud ฟรี เป็นระยะเวลา 3 เดือน
- UX5401ZAS-KU921WS ราคา 63,990 บาท: Intel Core i9-12900H / 32GB LPDDR5 on board / 1TB M.2 NVMe PCIe 4.0 Performance SSD / Intel Iris Xe Graphics
- UX5401ZAS-KU721WS ราคา 53,990 บาท: Intel Core i7-12700H / 16GB LPDDR5 on board / 1TB M.2 NVMe PCIe 4.0 Performance SSD / Intel Iris Xe Graphics
สามารถสั่งซื้อ ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition กับทาง ASUS โดยตรงได้ที่ https://th.asus.click/ofrDWx มั่นใจได้ได้ของใหม่แท้ 100% พร้อมส่งฟรี ทั่วประเทศ, สามารถเปลี่ยนสินค้าได้ภายใน 7 วัน หากพบปัญหา และ ยังให้ผ่อน 0% 10 เดือน กับธนาคารที่ร่วมรายการ