เรียกได้ว่าทันใจแฟน Apple ในประเทศไทย ที่ได้พร้อมวางจำหน่าย MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ชิป M2 แล้ววันนี้ หลังจากเปิดตัวที่งาน WWDC22 ช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พร้อมกับ MacBook Air รุ่นใหม่ชิป M2 นั่นเอง เพื่อเสริมทัพ MacBook Pro รุ่น 14 และ 16 นิ้ว ที่ใช้ชิป M1 Pro และ M1 Max ในฐานะ MacBook Pro ที่ทรงประสิทธิภาพ แต่พกพาได้สะดวกกว่า และสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายกว่า
สเปก MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ชิป M2
- จอภาพ Retina ขนาด 13.3 นิ้ว พร้อมการแสดงผลแบบ True Tone
- ชิปประมวลผล Apple M2
- หน่วยความจำแบบรวม (RAM) ขนาด 8GB / 16GB / 24GB
- ตัวจัดเก็บข้อมูลแบบ SSD ความจุ 256GB / 512GB / 1TB / 2TB
- Magic Keyboard มาพร้อม Touch Bar, Touch ID และ แทร็คแพด Force Touch
- กล้อง FaceTime HD ความละเอียด 720p
- การเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 6, Bluetooth 5.0
- พอร์ต Thunderbolt / USB 4 จำนวน 2 พอร์ต, ช่องต่อหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
- ลำโพงสเตอริโอ รองรับระบบเสียง Spatial Audio และ Dolby Atmos
- ไมโครโฟน 3 ตัวคุณภาพระดับสตูดิโอ
- แบตเตอรี่ Lithium Polymer 58.2Wh
- เล่นภาพยนตร์ในแอป Apple TV นานสูงสุด 20 ชั่วโมง
- ขนาดตัวเครื่อง 304.1 x 212.4 x 15.6 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 1.38 กิโลกรัม
แกะกล่อง
MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ชิป M2 ถูกจัดส่งมาในกล่องสีขาวตามสไตล์ Apple ตัวกล่องถูกพันด้วยแผ่นพลาสติกที่สามารถฉีกออกได้อย่างง่ายดาย หน้ากล่องพิมพ์รูปภาพผลิตภัณฑ์ขนาดใหญ่ ข้างกล่องจะกับโลโก้ MacBook Pro และโลโก้ Apple
เมื่อยกฝากล่องขึ้นมา ก็เจอกับ MacBook Pro รุ่นใหม่ ซึ่งถูกห่อหุ้มมาอย่างดี พร้อมทำลิ้นไว้ช่วยดึง MacBook Pro ขึ้นจากกล่องได้อย่างสะดวก
หลังจากยก MacBook Pro ออกจากกล่อง จะพบกับถาดรองที่มีซองเอกสาร และ หลุมสำหรับเก็บสายชาร์จ USB-C ความยาว 2 เมตร
ในซองเอกสาร ประกอบไปด้วยคู่มือ, บัตรรับประกัน, เอกสารยืนยันการรับรองจาก กสทช. และ สติกเกอร์โลโก้ Apple
ใต้ซองเอกสารเป็นที่อยู่ของ USB-C Power Adapter ขนาด 67W
ทั้งนี้ Apple วางแผนลดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศให้เป็นศูนย์ในทุกภาคส่วนของธุรกิจภายในปี 2030 ทำให้กล่องบรรจุภัณฑ์ของ MacBook Pro รุ่นใหม่ ใช้เยื่อไม้ที่มาจากป่าที่ได้รับการจัดการอย่างรับผิดชอบ ส่วน MacBook ก็ใช้อะลูมิเนียมที่ผ่านการรีไซเคิล 100% และทุกขั้นตอนการผลิตยังมีความเป็นกลางทางคาร์บอน 100%
ดีไซน์คุ้นเคยกลับมาพร้อม Touch Bar
ขณะที่ MacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว และ 16 นิ้ว ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ได้รับการออกแบบใหม่ แต่ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ชิป M2 ยังดูเหมือนกับรุ่นก่อนหน้าที่ใช้ชิป M1 ด้วยมิติตัวเครื่องทั้งความยาว ความกว้าง ความหนา เท่ากันในทุกมิติ แต่สังเกตได้ว่า MacBook Pro รุ่นใหม่ มีน้ำหนักที่เบาลงเล็กน้อย
เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้า MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ชิป M2 ยังคงมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเงิน กับ สีเทาสเปซเกรย์ วัสดุตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียมที่มีความทนทานและพรีเมี่ยมอย่างเคย อีกทั้งยังใช้อะลูมิเนียมที่ผ่านการรีไซเคิล 100% เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเมื่อแกะซองพลาสติกที่ Apple ห่อหุ้มมาให้ ก็จะได้สัมผัสกับ MacBook Pro รุ่นใหม่ ที่ยังคงดีไซน์เดียวกับ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ชิป M1 ที่เปิดตัวในปลายปี 2020
ด้านซ้ายมือมีพอร์ต Thunderbolt หรือ USB 4 ติดตั้งมาให้ 2 ช่อง
อีกข้างจะพบช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
ด้านบนฝามีเพียงโลโก้ Apple ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ MacBook
หลังจากกางหน้าจอขึ้นมา จะพบกับจอภาพ Retina ขนาด 13.3 นิ้ว ไม่มีรอยบากแบบที่พบในรุ่น 14 นิ้ว หรือ 16 นิ้ว ส่วนกล้องเว็บแคมเหนือจอแสดงผล ก็ยังคงใช้ความละเอียด 720p
ในส่วนของ Magic Keyboard ใช้กลไกปุ่มกดแบบ Scissor มาพร้อม Touch Bar แถบสัมผัสที่ทำงานสอดคล้องกับแอปพลิเคชั่นต่างๆ เพื่อให้งายเสร็จเร็วขึ้น และยังมี Touch ID สำหรับยืนยันตัวตนด้วยการสแกนลายนิ้วมือ ไม่ว่าจะเป็นการปลดล็อค MacBook ยืนยันการซื้อแอป และปกป้องข้อมูลที่สำคัญ
ถัดลงมาเป็นพื้นที่ของแทร็คแพดแบบ Force Touch ขนาดใหญ่ ที่ไวต่อแรงกด จึงควบคุมเคอร์เซอร์ได้อย่างแม่นยำ และสามารถรับรู้แรงกดในการคลิกลงน้ำหนัก หรือ เร่งความเร็วตามแรงกด รวมถึงรองรับคำสั่ง Multi-Touch
แผงคีย์บอร์ดถูกประกบข้างด้วยลำโพงคู่ ให้เสียงสเตอริโอ และรองรับระบบเสียงตามตำแหน่ง (Spatial Audio) เมื่อเล่นเพลงหรือวิดีโอที่มาพร้อม Dolby Atmos แต่ระบบเสียงตามตำแหน่งพร้อมการติดตามศีรษะแบบไดนามิก จำเป็นต้องใช้ AirPods (รุ่นที่ 3), AirPods Pro หรือ AirPods Max
เมื่อพลิกตัวเครื่องหงายขึ้น จะเห็นว่ามีแผ่นยังวงกลมติดตั้งไว้ทั้ง 4 มุม ช่วยยึดเกาะพื้นผิวเมื่อวาง MacBook บนโต๊ะ
จอแสดงผลขนาด 13.3 นิ้ว
MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ชิป M2 มาพร้อมจอแสดงผล Retina ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล ขนาด 13.3 นิ้ว ใช้แบ็คไลท์แบบ LED พร้อมเทคโนโลยี IPS ช่วยเพิ่มความคมชัดแม้มองจากด้านข้าง ให้ขอบเขตสีกว้างแบบ P3 แสดงสีสันได้มากกว่า sRGB ถึง 25% และมีความสว่างสูงสุด 500 นิต ถือเป็นจอภาพที่ให้สีสันสวยงาม เหมาะสำหรับการรับชมภาพยนตร์ความละเอียดสูง
จอแสดงผลของ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ชิป M2 ยังรองรับเทคโนโลยี True Tone ซึ่งอาศัยใช้เซ็นเซอร์แบบหลายช่องสัญญาณระดับสูง ช่วยในการปรับสีและความเข้มของจอภาพ (รวมถึง Touch Bar) เพื่อให้เหมาะกับแสงสว่างรอบข้าง ทำให้ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอสวยงามเป็นธรรมชาติมากขึ้น
MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ชิป M2 รองรับการโทรทั้งแบบวิดีโอและเสียงผ่าน FaceTime โดยใช้เว็บแคมความละเอียด 720p ทำงานร่วมกับโปรเซสเซอร์รับสัญญาณภาพพร้อมการประมวลผลวิดีโอด้วยคอมพิวเตอร์ และหลังจากอัปเดทระบบปฏิบัติการเป็น macOS Ventura ผู้ใช้งานจะได้รับฟีเจอร์ใหม่ Continuity Camera สามารถใช้ iPhone มาเป็นเว็บแคมได้ ผ่านการเชื่อมต่อไร้สาย และยังได้รับฟีเจอร์ Center Stage โดยใช้กล้อง Ultra Wide ของ iPhone ขณะวิดีโอคอลหรือประชุมทางไกล (Continuity Camera รองรับ iPhone XR และรุ่นใหม่กว่า, Center Stage รองรับ iPhone 11 และรุ่นใหม่กว่า)
เรื่องความคมชัดของภาพคงจะหมดปัญหาไปแล้วหลังจากอัปเดทเป็น macOS Ventura ส่วนระบบเสียงก็ไม่ต้องกังวล เพระได้รับการติดตั้งไมโครโฟนคุณภาพระดับสตูดิโอมาถึง 3 ตัว พร้อมบีมฟอร์มมิ่งตามทิศทางของเสียง สามารถลดสัญญาณรบกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การบันทึกและสนทนามีคุณภาพเสียงชัดเจน
ชิป M2 รุ่นแรกในตลาด
ชิปประมวลผล M2 ถือเป็นการปรับปรุงที่สำคัญที่สุดของ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ในปีนี้ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าซึ่งใช้ชิป M1 โดยชิป M2 ยังคงใช้ CPU แบบ 8-core ประกอบด้วยคอร์ด้านประสิทธิภาพ 4 คอร์ และ คอร์ด้านประหยัดพลังงาน 4 คอร์ ให้ประสิทธิภาพของ CPU เร็วขึ้น 18% เมื่อเทียบกับชิป M1
ชิป M2 มาพร้อม GPU แบบ 10-core ขณะที่ชิป M1 ใช้ GPU แบบ 8-core ทำให้ GPU ของชิป M2 มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับชิป M1 ขณะที่ Neural Engine ก็เร็วขึ้น 40% ถึงแม้จะใช้ Neural Engine แบบ 16-core เหมือนกับชิป M1 ก็ตาม
ชิป M2 ถูกสร้างขึ้นเทคโนโลยีแบบ 5 นาโนเมตร รุ่นที่ 2 ซึ่งประกอบด้วยทรานซิสเตอร์ 2 หมื่นล้านตัว หรือมากกว่าชิป M1 ถึง 25% จึงไม่น่าแปลกใจที่ชิปรุ่นใหม่ของ Apple Silicon ทรงพลังมากกว่ารุ่นก่อน ซึ่งจำนวนทรานซิสเตอร์ที่เพิ่มมากขึ้น มีส่วนทำให้ MacBook Pro ขนาด 13 นิ้ว รุ่นใหม่ล่าสุด รองรับหน่วยความจำแบบรวม 100GB/s หรือมากกว่าชิป M1 ถึง 50% อีกทั้งยังสนับสนุน RAM สูงสุด 24GB ขนาดใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 2 เท่า ทำให้ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ชิป M2 ตอบสนองการทำงานที่หนักและซับซ้อนได้ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น
MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ชิป M2 ยังมาพร้อมระบบระบายความร้อนแบบแอ็คทีฟ ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของพัดลมภายใน เพื่อให้ระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ MacBook กำลังทำงานอย่างต่อเนื่อง
ด้วยประสิทธิภาพองชิป M2 ทำให้ MacBook Pro ขนาด 13 นิ้ว รุ่นใหม่ รองรับการทำงานตัดต่อวิดีโอได้เร็วขึ้นประมาณ 1.4 เท่า เมื่อเทียบกับ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ชิป M1 (CPU แบบ 8-core, GPU แบบ 8-core, RAM ขนาด 16GB และ SSD ความจุ 2TB) และเร็วกว่า 6 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นเก่ากว่าที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel Core i7 (CPU แบบ Quad-core ความเร็ว 1.7GHz พร้อม Intel Iris Plus Graphics 645, RAM ขนาด 16GB และ SSD ความจุ 2TB)
สำหรับผู้ใช้งานแอป Affinity Photo ที่ทำงานกับภาพ RAW จะพบว่า MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ชิป M2 ทำงานได้เร็วขึ้นเกือบ 40% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ซึ่งใช้ชิป M1 และยังเร็วขึ้นสูงสุด 3.4 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นเก่ากว่าที่ยังใช้โปรเซสเซอร์ Intel Core i7 การเล่นก็ลื่นไหลมากขึ้น โดยเฉพาะเกมที่เน้นกราฟิกคุณภาพสูง อย่างเช่นเกม Baldur’s Gate 3 ก็เร็วขึ้นเกือบ 40% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
ชิป M2 ยังมีมีเดียเอนจิ้น ที่รองรับการเข้ารหัสและถอดรหัส ProRes ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเล่นวิดีโอ ProRes ระดับ 4K ได้สูงสุด 11 สตรีม และ 8K สูงสุด 2 สตรีม และสามารถแปลงโปรเจ็กต์วิดีโอเป็น ProRes ได้เร็วขึ้นกว่าเมื่อก่อนถึงเกือบ 3 เท่า
ผลทดสอบประสิทธิภาพของ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ชิป M2
- Geekbench 5 – 1,917 คะแนน สำหรับ Single Core และ 8,961 คะแนน สำหรับ Multi Core
- Geekbench Metal – 27,299 คะแนน
- Cinebench R23 – 1,573 คะแนน สำหรับ Single Core และ 8,704 คะแนน สำหรับ Multi Core
- 3DMark: Wild Life Extreme – 7,109 คะแนน
- GFXBench 5 (1440p Aztec Ruins High Tier Offscreen) – 109 คะแนน
ผลทดสอบประสิทธิภาพของ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ชิป M1
- Geekbench 5 – 1,743 คะแนน สำหรับ Single Core และ 7,93 คะแนน สำหรับ Multi Core
- Geekbench Metal – 21,591 คะแนน
- Cinebench R23 – 1,499 คะแนน สำหรับ Single Core และ 7,699 คะแนน สำหรับ Multi Core
- 3DMark: Wild Life Extreme – 4,977 คะแนน
- GFXBench 5 (1440p Aztec Ruins High Tier Offscreen) – 78 คะแนน
การเชื่อมต่อ
ระบบเชื่อมต่อไร้สายของ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ชิป M2 สนับสนุน Wi-Fi 6 ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับรุ่นก่อน แต่ก็ถือว่าเป็นมาตรฐานใหม่ล่าสุดแล้วในปัจจุบัน และถ้าหาก Router ที่บ้านหรือที่ทำงาน ยังไม่ได้เปลี่ยนเป็นมาตรฐาน IEEE 802.11ax ก็สามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi 5 หรือ Router ตัวเดิมได้เช่นกัน ส่วนการจับคู่กับอุปกรณ์เสริมแบบไร้สาย รองรับเทคโนโลยี Bluetooth 5.0
สำหรับการเชื่อมต่อแบบใช้สาย เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ยังไม่ได้รับการปรับปรุง ยังคงได้รับพอร์ต Thunderbolt หรือ USB 4 จำนวน 2 พอร์ต เหมือนเดิม ขณะที่ MacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว และ 16 นิ้ว ในปัจจุบันมีพอร์ตเชื่อมต่อที่หลากหลายกว่า ทั้ง HDMI และช่องเสียบการ์ด SDXC รวมถึงพอร์ตชาร์จ MagSafe
แบตเตอรี่
นอกจากจะได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพของการประมวลผลแล้ว ชิป M2 ยังสามารถจัดการพลังงานได้ดีขึ้นด้วย โดยใช้แบตเตอรี่ Lithium Polymer 58.2Wh ขนาดเดียวกับรุ่นก่อน สามารถรับชมภาพยนตร์ผ่านแอป Apple TV ได้นานสูงสุด 20 ชั่วโมง หรือ ท่องเว็บไซต์ผ่าน Wi-Fi ได้นานสูงสุด 17 ชั่วโมง ขณะที่ในกล่องยังมาพร้อมอะแดปเตอร์แปลงไฟ USB-C ขนาด 67W
ระบบปฏิบัติการ
ถึงแม้ Apple จะเปิดตัวระบบปฏิบัติการ macOS Ventura อย่างทางการแล้ว แต่ยังไม่ปล่อยออกมาให้เจ้าของ Mac ได้อัปเดทจนกว่าจะถึงช่วงปลายเดือนกันยายน 2022 (จากการคาดการณ์) อย่างไรก็ตาม MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ชิป M2 ก็มาพร้อม macOS Monterey ระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นล่าสุดของ Mac ในปัจจุบันนี้
macOS Monterey ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ทำงานร่วมกับ Mac ที่ใช้ชิปของ Apple Silicon ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น รองรับแอปพลิเคชั่นที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็น Microsoft 365 หรือแม้แต่แอปของอุปกรณ์ iOS และปัจจุบันนี้ก็มีแอปมากกว่า 10,000 แอป ที่ได้รับการปรับแต่งให้รองรับ Apple Silicon รวมถึงชิป M2
ฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจใน macOS Monterey
- Universal Control ช่วยให้เจ้าของ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ชิป M2 ทำงานร่วมกับ iPad ได้อย่างราบรื่น
- แชร์คอนเท้นต์จาก iPhone หรือ iPad มายัง MacBook Pro รุ่นใหม่ได้อย่างง่ายดายผ่าน AirPlay
- Live Text และ Visual Look Up อาศัยระบบอัจฉริยะเพื่อดึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ขึ้นมาให้เห็น
- Safari มีการเพิ่ม “Tab Groups” เข้ามาช่วยจัดระเบียบแถบเว็บไซต์
- Shortcuts หรือ แอปคำสั่งลัด ที่เคยมีิอยู่ใน iPhone ก็ถูกนำมาอยู่บน Mac เพื่อรองรับการสั่งงานแบบอัตโนมัติ
- FaceTime รองรับโหมด Portrait และระบบเสียง Spatial Audio ที่ทำให้การโทรรู้สึกเป็นธรรมชาติและสมจริงยิ่งขึ้น
- SharePlay ช่วยให้ผู้ใช้งาน MacBook Pro รุ่นใหม่ แชร์คอนเท้นต์กับคนอื่นๆ ผ่าน FaceTime ได้
แน่นอนว่า MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ชิป M2 จะได้รับการอัปเดท macOS Ventura ที่ Apple จะปล่อยออกมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งจะทำให้ MacBook Pro รุ่นใหม่ในปีนี้ สามารถใช้ประโยชน์จากชิป M2 ได้มากขึ้น และได้รับฟีเจอร์ใหม่ๆ อีกหลายอย่าง เช่น Stage Manager หรือ ตัวจัดการให้อยู่ตรงกลาง, Continuity Camera สามารถสลับไปใช้กล้องของ iPhone ได้อย่างง่ายดาย, FaceTime ก็จะรองรับ Handoff ด้วย นอกจากนี้ แอปพื้นฐานของ macOS ก็จะได้รับการปรับปรุงเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Safari, Mail, Messages, Spotlight และแอปพื้นฐานทั่วทั้งระบบ
สรุปราคาและการวางจำหน่าย
MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ชิป M2 ถูกสร้างมาเพื่อเป็นอีกทางเลือก สำหรับผู้ใช้งานระดับมืออาชีพที่ยังใช้งานรุ่นเก่ายังไม่ใช่ชิป Apple Silicon ที่กำลังให้ความสนใจ MacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว และ 16 นิ้ว ซึ่งเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยคำนึงถึงการพกพาที่คล่องตัวกว่า ไม่เน้นเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกมากนัก แต่ยังให้ประสิทธิภาพในการทำงานอย่างหนักได้อย่างราบรื่น และยังเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่คุ้นเคยกับ MacBook Pro ขนาด 13 นิ้ว อยู่ก่อนแล้ว จึงไม่ต้องการจ่ายหนักเพื่อขยับไปซื้อรุ่นที่ใหญ่กว่า
ทั้งนี้ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ชิป M2 พร้อมวางจำหน่ายแล้วในราคาเริ่มต้น 46,900 บาท (กรณีเป็นนักศึกษาหรือบุคลากรทางการศึกษา สามารถซื้อได้ในราคาเริ่มต้น 43,400 บาท) โดยมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเงิน และ สีเทาสเปซเกรย์ สำหรับใครทีรอ MacBook Air ชิป M2 ก็อดใจรอไม่นานเพราะจะวางจำหน่ายภายในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้แล้ว