ถึงแม้ปัญหา Batterygate จะเกิดขึ้นมานานหลายปี และมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นมากมาย แต่ดูเหมือนว่ายังไม่จบลงง่ายๆ เพราะล่าสุด Apple ต้องเผชิญกับการถูกฟ้องร้องอีกครั้งในสหราชอาณาจักร จากปัญหาเดียวกัน
สำหรับใครที่ลืมไปแล้ว ปัญหา Batterygate ถูกเรียกครั้งแรกในปี 2018 จากปัญหาแบตเตอรี่ของ iPhone รุ่นเก่า ที่เริ่มถูกพบในปี 2017 โดยเฉพาะ iPhone 6 และรุ่นใหม่กว่า เมื่อแบตเตอรี่เริ่มเสื่อมสภาพ จะปิดเครื่องเองทันที หลังจากนั้น Apple ได้ปล่อยซอฟต์แวร์ iOS 10.2.1 ออกมาให้เจ้าของ iPhone รุ่นเก่าที่ได้รับผลกระทบได้อัปเดท แต่กลายเป็นว่าประสิทธิภาพของ iPhone รุ่นเก่า ทำงานช้าลง และจำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ เพื่อให้ประสิทธิภาพของ iPhone กลับมาทำงานดีอย่างเคย
Apple ถูกฟ้องร้องจากปัญหา Batterygate มากมายหลายคดีและหลายประเทศ แต่คดีในสหรัฐอเมริกา ได้ข้อยุติลงแล้วในปี 2020 โดย Apple ยอมจ่ายค่าชดเชยให้เจ้าของ iPhone ที่ได้รับผลกระทบ เป็นเงิน 25 ดอลล่าร์สหรัฐ ต่อ iPhone จำนวน 1 เครื่อง ซึ่งเป็นมูลค่าเดียวกับค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ในปีนั้น
สำหรับการต่อสู้ครั้งใหม่ที่ Apple ต้องเผชิญ เกิดขึ้นในสหราชอาณาจักร โดยนักรณรงค์สิทธิผู้บริโภค Justin Gutmann เป็นตัวแทนฟ้องร้อง โดยอ้างว่ามีเจ้าของ iPhone ประมาณ 25 ล้านคน ที่ได้รับผลกระทบ ครอบคลุมตั้งแต่ iPhone 6, iPhone 6 Plus, iPhone 6S, iPhone 6S Plus, iPhone SE, iPhone 7, iPhone 7 Plus, iPhone 8, iPhone 8 Plus และ iPhone X
Justin Gutmann คาดว่า ถ้าหาก Apple แพ้คดี จะต้องจ่ายเงินชดเชยมากกว่า 750 ล้านปอนด์ หรือราว 3.2 หมื่นล้านบาท โดยหวังว่า Apple จะได้รับบทเรียน เพื่อไม่ให้เกิดการกระทำในลักษณะเดียวกันนี้ในอนาคต และต้องการให้เจ้าของ iPhone หลายล้านคนทั่วสหราชอาณาจักร ได้รับเงินชดเชยจากปัญหาที่เกิดขึ้น
ที่มา – The Guardian