ในแต่ละปี Google และ Apple มีการพัฒนาระบบปฏิบัติการของตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอฟีเจอร์ใหม่ๆ และมีอยู่บ่อยครั้งที่พบว่าทั้ง 2 ค่าย ต่างก็มีฟีเจอร์ที่ดูเหมือนจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากอีกฝ่ายอยู่เสมอ อย่างเช่น 5 ฟีเจอร์ใหม่ต่อไปนี้ ของ iOS 16 ที่มีใช้งานอยู่แล้วบนสมาร์ทโฟน Android
Lock Screen แบบใหม่!!
หน้าจอ Lock Screen ของ iOS 16 เป็นฟีเจอร์แรกที่ Apple ภูมิใจนำเสนอ โดยมีการยกเครื่องใหม่หมด ทั้งรูปภาพวอลเปเปอร์จากภาพถ่ายที่โดดเด่นมีมิติ พร้อมด้วยวิดเจ็ตที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกลไกหน้าปัด Apple Watch ทำให้มองเห็นข้อมูลที่ต้องการได้โดยง่าย เช่น กิจกรรมในปฏิทินที่กำลังจะเกิดขึ้น สภาพอากาศ ระดับแบตเตอรี่ การตั้งปลุก เขตเวลา ความคืบหน้าของวงแหวนกิจกรรม และอีกมากมาย และยังสามารถเปลี่ยนหน้าตาของวันที่และเวลา ทั้งรูปแบบตัวอักษร สีของนาฬิกา ให้เข้ากับวอลเปเปอร์
ทางด้าน Google ก็มีวิดเจ็ต At a Glance ซึ่งให้ข้อมูลอย่างชาญฉลาดที่คล้ายกัน และสามารถคาดคะเนเพื่อให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้งานแต่ละคนได้มากกว่า ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมที่จะเกิดขึ้น คำเตือนพายุโซนร้อน หรือ บัตรผ่านก่อนขึ้นเครื่องบิน ขณะที่สีของนาฬิกาก็สามารถเปลี่ยแปลงได้เพื่อให้เข้ากับวอลล์เปเปอร์ โดยดึงมาจากจานสี Material You
การแชร์อัตโนมัติในแอป Photos
แอป Photos ใน iOS 16 มาพร้อมฟีเจอร์แชร์รูปภาพของครอบครัวโดยอัตโนมัติ ในอัลบั้มที่ถูกแชร์ ซึ่งทุกคนในครอบครัวสามารถเข้าถึงได้ และมีตัวเลือกที่สามารถแชร์รูปภาพที่มีอยู่ในอัลบั้มส่วนตัว หรือจะแชร์โดยพิจารณาจากวันที่เริ่มต้นหรือผู้คนในรูปภาพก็ยังได้
นอกจากนี้ ผู้ใช้ iOS 16 ยังจะได้รับคำแนะนำอันชาญฉลาด เพื่อให้แชร์รูปภาพที่มีภาพสมาชิกของอัลบั้มที่ถูกแชร์ โดยผู้ใช้งานทุกคนในอัลบั้มที่ถูกแชร์ จะสามารถ เพิ่ม ลบ ปรับแต่ง หรือตั้งให้รูปภาพและวิดีโอที่แชร์เป็นรายการโปรด ซึ่งจะปรากฏในคุณสมบัติความทรงจำและรูปภาพแนะนำของผู้ใช้งานแต่ละคน
อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ที่คล้ายกับข้างต้น มีใช้งานมานานกว่า 2 ปีแล้ว ใน Google Photos เพียงแต่ Google Photos ไม่ได้เป็นแอปที่ถูกจำกัดไว้เฉพาะอุปกรณ์ Android แต่มีให้ใช้งานเช่นกันบน App Store ซึ่งหมายความว่าเจ้าของ iPhone สามารถใช้งานแอป Google Photos ได้ทันที ไม่ต้องรอการอัปเดท iOS 16
ฟีเจอร์ป้อนตามคำบอกที่ฉลาดยิ่งขึ้น
iOS 16 ได้รับการปรับปรุงฟีเจอร์ป้อนตามคำบอกให้ฉลาดมากขึ้น ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสลับไปมาระหว่างเสียงและการสัมผัสได้อย่างสะดวก ผู้ใช้สามารถพิมพ์ด้วยคีย์บอร์ด แตะช่องข้อความ ขยับเคอร์เซอร์ และแทรกคำแนะนำ QuickType โดยทั้งหมดไม่จำเป็นต้องหยุดใช้ฟีเจอร์การป้อนตามคำบอก นอกจากนี้ การป้อนตามคำบอก ยังรองรับการใส่เครื่องหมายวรรคตอนแบบอัตโนมัติ และสามารถใส่อิโมจิด้วยการป้อนตามคำบอกได้ด้วย
และเช่นเดียวกับฟีเจอร์ก่อนๆ การป้อนตามคำบอก ก็มีใช้งานอยู่แล้วใน Pixel 6 และ 6 Pro ด้วยความสามารถของ Google Assistant ที่น่าสนใจก็คือ ผู้ช่วยเสียงของ Google ยังทำงานได้ดีกว่า เนื่องจาก iOS 16 มักจะใส่เครื่องหมายวรรคตอนในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง แต่ยังหวังว่าจะได้รับการพัฒนาให้ฉลาดยิ่งขึ้น เนื่องจากปัจจุบันยังเป็นเวอร์ชั่น Beta ที่ Apple ปล่อยออกมาเป็นครั้งแรก
เพิ่มจุดแวะพักบนแผนที่ได้หลายแห่ง
Google Maps อนุญาตให้ผู้ใช้งานเพิ่มจุดแวะพักได้หลายจุดมานานหลายปีแล้ว แต่สามารถเพิ่มได้สูงสุด 10 แห่ง ขณะที่ Apple Maps ใน iOS 16 สามารถเพิ่มจุดแวะพักได้สูงสุด 15 แห่ง และถ้าผู้ใช้งาน iPhone ต้องการแอปแผนที่นำทาง ที่สามารถเพิ่มจุดแวะพักได้หลายแห่ง ก็สามารถทดลองใช้ Google Maps ได้เช่นกัน โดยไม่ต้องรอให้ Apple ปล่อย iOS 16 ออกมา
คำบรรยายสด
Live Captions หรือ คำบรรยายสด เป็นส่วนหนึ่งของฟีเจอร์การช่วยการเข้าถึง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานที่มีปัญหาในการได้ยิน สามารถติดตามเสียงพูดคุยได้ ไม่ว่าจะอยู่ระหว่างการโทร หรือ FaceTime การใช้แอปการประชุมทางวิดีโอหรือโซเชียลมีเดีย การสตรีมคอนเทนต์สื่อ หรือการสนทนากับบุคคลข้างๆ
แน่นอนว่า Google ก็มีฟีเจอร์นี้เช่นกัน และเปิดตัวมานานแล้วตั้งแต่งาน Google I/O 2019 ก่อนจะประกาศขยายการทำงานให้ครอบคลุมสมาร์ทโฟนเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และยังดูเหมือนว่า Live Captions ของ Google ยังทำงานได้รวดเร็วและแม่นยำกว่าด้วย
ที่มา – 9to5Google