หลังจากส่ง HUAWEI P50 Pro และ HUAWEI P50 Pocket เข้ามาทำตลาดประเทศไทยในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุด HUAWEI ก็คงเดินหน้าบุกตลาดสมาร์ทโฟนอย่างต่อเนื่องด้วยการส่งรุ่นน้อง HUAWEI P50 เข้ามาเสริมทัพแล้ว ภายใต้สโลแกนเดียวกัน “Legend Reborn” ซึ่งมีจุดเด่นที่ระบบกล้องหลังเช่นเดียวกัน รวมถึงประสิทธิภาพก็ไม่ได้แตกต่างกันมาก เพราะใช้ชิปประมวลผลรุ่นเดียวกัน และยังได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงามพรีเมียมในสไตล์เดียวกันกับรุ่น Pro ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า
สเปก HUAWEI P50
- จอแสดงผล OLED 1.07 พันล้านสี ขนาด 6.5 นิ้ว
- กล้องหลัง 50MP True-Colour Camera + 13MP Ultra-Wide Angle Camera + 12MP Telephoto Camera
- กล้องหน้า 13MP Selfie Camera
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 888 4G
- ความจำ RAM 8GB + ROM 256GB
- รองรับเสียงสเตอริโอ พร้อมระบบเสียง HUAWEI Histen
- การเชื่อมต่อ 4G, Wi-Fi 6 (2.4/5GHz), Bluetooth 5.2, NFC, USB Type-C (USB 3.1 GEN1)
- ระบบนำทาง GPS, AGPS, GLONASS, BeiDou, GALILEO, QZSS, NavIC
- เซ็นเซอร์ Fingerprint Sensor, Gravity Sensor, Hall Sensor, Gyroscope, Compass, Ambient Light Sensor, Proximity Sensor, Laser Sensor, Colour Temperature Sensor
- ระบบปฎิบัติการ EMUI 12 บนพื้นฐาน Android
- ป้องกันน้ำและฝุ่นที่ระดับ IP68 (ความลึกไม่เกิน 1.5 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที)
- แบตเตอรี่ 4100mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 66W HUAWEI SuperCharge
- ขนาดตัวเครื่อง 156.5 x 73.8 7.92 มิลลิเมตร
- น้ำหนักประมาณ 181 กรัม (รวมแบตเตอรี่)
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Golden Black และ Cocoa Gold
แกะกล่อง HUAWEI P50
กล่องบรรจุภัณฑ์ของ HUAWEI P50 เหมือนกับกล่องของ HUAWEI P50 Pro ที่จัดส่งมาในกล่องสีขาวสะอาดตา หน้ากล่องมีรูปภาพวงกลมที่สื่อถึงดีไซน์กล้องหลังแบบ Dual-Matrix เหนือขึ้นไประบุชื่อรุ่นสมาร์ทโฟนไว้อย่างชัดเจน และข้างใต้มีโลโก้ HUAWEI AppGallery
หลังจากยกฝากล่องขึ้นมา จะพบกับ HUAWEI P50 ถูกห่อหุ้มไว้อย่างดี โดยมีลิ้นช่วยดึงสมาร์ทโฟนขึ้นมาจากถาดรองได้อย่างสะดวก
ใต้ถาดรองสมาร์ทโฟน จะพบกล่องเอกสารที่แนบเข็มช่วยถอดถาดใส่ซิมการ์ดมาให้ด้วย ภายในยังแถมเคสป้องกันแบบใสที่มีความยืดหยุ่น และที่ขาดไม่ได้ก็คือ คู่มือเริ่มต้นใช้งาน กับ บัตรรับประกัน
ชั้นล่างสุดเป็นช่องเก็บอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ รองรับชาร์จเร็ว 66W HUAWEI SuperCharge พร้อมด้วยสายชาร์จแบตเตอรี่ USB Type-C
ดีไซน์สวยงามพรีเมียม
การออกแบบในภาพรวมของ HUAWEI P50 ดูคล้ายกับรุ่นไฮเอนด์ HUAWEI P50 Pro ที่ทีมงาน @Flashfly เคยนำเสนอรีวิวไปก่อนหน้านี้ ซึ่งมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ สัมผัสได้ถึงความพรีเมียมสมกับเป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธง โดยมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีทอง Cocoa Gold และ สีดำ Golden Black
ทีมงาน @Flashfly ได้รับ HUAWEI P50 Golden Black มารีวิว ซึ่งแน่นอนว่าเป็นตัวเครื่องสีดำตามชื่อรุ่น แต่ด้านหลังก็ตัดด้วยขอบสีทองจากกรอบวงแหวนของกันชนกล้อง ให้ความรู้สึกหรูหราพรีเมียม รวมถึงชื่อแบรนด์ HUAWEI และ Leica ก็ใช้สีทองเช่นกัน
ด้านหลังมีดีไซน์กล้องที่โดดเด่น เรียกว่า Dual-Matrix Camera Design และเป็นดีไซน์แบบเดียวกับ HUAWEI P50 Pro ประกอบด้วยกันชนกล้องแบบวงแหวนขนาดใหญ่ 2 วง วางซ้อนกันในแนวตั้ง แต่จะแตกต่างจากรุ่น Pro ตรงที่มีจำนวนกล้องหลัง 3 ตัว ขณะที่รุ่น Pro มีกล้อง 40MP True-Colour Camera เพิ่มเข้ามา
พลิกมาดูที่ด้านหน้า จะพบกับจอแสดงผล True-Chroma ขนาด 6.5 นิ้ว ซึ่งให้สีสันคมชัดสมจริงด้วยความลึกสีมากถึง 1.07 พันล้านสี พร้อมเจาะหลุมไว้ที่กึ่งกลางด้านบน เพื่อติดตั้งกล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล เหนือขึ้นเป็นเป็นช่องลำโพงที่ถูกซ่อนไว้ในขอบบนสุด
ส่วนขอบด้านข้างมีความบางเพียง 7.92 มิลลิเมตร และมีความโค้งมนรอบด้าน ทางด้านซ้ายจะไม่มีปุ่มใดๆ
สำหรับปุ่มปรับระดับเสียง และ ปุ่มเพาเวอร์จะถูกรวมมาอยู่ด้านขวาข้างเดียวกัน ทั้งหมด
ด้านบนติดตั้งไมโครโฟนมาให้ 2 ตัว และลำโพงสเตอริโอ (ขับเสียงร่วมกับลำโพงตัวล่าง) แต่ไม่มีเซ็นเซอร์ Infrared เหมือนกับรุ่น Pro
สำหรับด้านล่างประกอบด้วยถาดใส่ซิมการ์ด, ไมโครโฟน, พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C และ ลำโพงสเตอริโอ (ขับเสียงร่วมกับลำโพงตัวบน)
โดยรวมแล้ว HUAWEI P50 มีดีไซน์พรีเมียมคล้ายกับ HUAWEI P50 Pro แต่มีความบางเบาและกะทัดรัดกว่า จึงพกพาได้สะดวกกว่า แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนความแตกต่างที่สำคัญ อยู่ที่จอแสดงผลในรุ่น Pro ใช้ดีไซน์ขอบจอโค้ง ขณะที่รุ่น P50 ใช้จอแบนปกติ ส่วนขอบด้านข้างก็โค้งมนรอบด้าน ขณะที่รุ่น P50 ทำขอบบนกับขอบล่างให้แบนราบ
นอกจากนี้ HUAWEI P50 ยังได้รับการออกแบบมาให้มีความทนทานต่อน้ำและฝุ่นในระดับ IP68 มาตรฐาน IEC 60529 เช่นเดียวกับ HUAWEI P50 Pro จึงสามารถป้องกันความเสียหายจากน้ำที่ความลึกสูงสุด 1.5 เมตร เป็นระยะเวลา 30 นาที
หน้าจอพันล้านสี 6.5 นิ้ว 90Hz
HUAWEI P50 มาพร้อมจอแสดงผล OLED ความละเอียด 2700 x 1224 พิกเซล ขนาด 6.5 นิ้ว ที่มีความหนาแน่นพิกเซล 458 พิกเซลต่อนิ้ว ให้สีสันมากถึง 1.07 พันล้านสี รองรับขอบเขตสีระดับ P3 จึงแสดงสีสันได้อย่างแม่นยำสมจริงแบบ True-Chroma โดยมีพื้นที่ขอบจอรอบด้านที่บางเฉียบ
นอกเหนือจากสีสันที่สวมงามสมจริง จอแสดงผลของ HUAWEI P50 ยังให้อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate ที่ 300Hz เหมาะสำหรับการเล่นเกม และให้อัตราการรีเฟรชหน้าจอสูงสุด 90Hz อีกทั้งยังมีอัตราเฟรม PWM Dimming ที่ 1440Hz ช่วยลดอาการปวดตา แม้ใช้งานในที่แสงน้อย ให้ประสบการณ์การรับชมที่สบายตามากขึ้น พร้อมปกป้องดวงตาของผู้ใช้งาน
สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
HUAWEI P50 ได้รับการติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล จึงสามารถปลดล็อคสมาร์ทโฟนและยืนยันตัวตนด้วยวิธีสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอได้แบบเดียวกับ HUAWEI P50 Pro โดยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอของ HUAWEI P50 มีความแม่นยำ ปลอดภัย และทำงานได้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังรองรับการสแกนใบหน้าได้อีกด้วย ช่วยอำนวยความสะดวกเวลาใช้งานสมาร์ทโฟนขณะที่ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย
ระบบกล้อง True-Form Dual-Matrix Camera
ระบบกล้องหลัง True-Form Dual-Matrix Camera ของ HUAWEI P50 มาพร้อมเทคโนโลยี True-Chroma Image Engine ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี HUAWEI XD Optics ทำให้แสงและสีในภาพถ่ายออกมาเสมือนตาเห็น ด้วยรายละเอียดที่คมชัดสมจริง มาในดีไซน์ Dual-Matrix Camera Design เช่นเดียวกับ HUAWEI P50 Pro ประกอบด้วยกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดสูงสุด 50MP รองรับเทคโนโลยีกันสั่นทั้ง AIS และ OIS ติดตั้งไว้ในวงแหวนขนาดใหญ่ 2 วง โดยวงแหวนด้านบน เป็นที่อยู่ของกล้องหลัก True-Chroma กับกล้อง Ultra-Wide และยังมี Laser Sensor รวมอยู่ในนั้นด้วย ส่วนวงแหวนด้านล่างเป็นตำแหน่งกล้อง Telephoto พร้อมแฟลช LED
- กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล True-Chroma Camera รูรับแสง f/1.8
- กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/3.4 กันสั่น OIS รองรับ AF
เมื่อเข้ามาในแอปกล้องของ HUAWEI P50 จะพบกับโหมดถ่ายภาพ Aperture, Night, Portrait, Photo, Video, Pro ส่วนโหมดอื่นๆ ถูกรวมไว้ใน More ได้แก่ Slow-Mo, Panorama, Monochrome, AR Lens, Time-Lapse, Stickers, Documents, Underwater, Dual-View, High-res, Story Creator และ Snapshot
โหมด Photo รองรับการซูมได้ตั้งแต่ระยะ W (ใช้กล้อง Ultra Wide) ตั้งแต่ 0.6x ,1x, 5x 10x จนสูงสุด 50x มาพร้อมฟิลเตอร์จากแบรนด์กล้อง Leica อาทิ Leica Standard, Leica Vivid, Leica Smooth เป็นต้น ซึ่งการซูมในระยะ 5x และ 10x ได้ภาพถ่ายที่คมชัดประทับใจมาก
โหมด Portrait มีฟีเจอร์ Beauty สำหรับปรับความงามบนใบหน้าได้ 10 ระดับ และเอฟเฟกต์สำหรับถ่ายภาพบุคคลให้โดดเด่นยิ่งขึ้น อาทิ Super, Circles, Hearts, Swirl, Photo Booth, Stage Lighting เป็นต้น และยังมีฟิลเตอร์ให้ใช้งานอีก (เข้าถึงได้จากแถบเครื่องมือด้านบน) สำหรับการซูมสามารถซูมได้ในช่วง 1x – 3x
โหมด Aperture ช่วยให้ผู้ใช้งาน HUAWEI P50 สามารถละลายฉากหลังได้อย่างมืออาชีพ ด้วยการปรับค่า F ได้ตั้งแต่ F0.95 ไปจนถึง F16 สามารถซูมได้ในช่วง 1x – 3x และมีฟิลเตอร์จากแบรนด์กล้อง Leica มาให้ใช้งานด้วยเช่นกัน
โหมด Pro เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีทักษะด้านการถ่ายภาพเป็นพิเศษ เพราะสามารถตั้งค่ากล้องได้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นความไวแสง, ความเร็วชัตเตอร์, ค่าชดเชยแสง, ระบบโฟกัส, สมดุลสีขาว และที่แถบเครื่องมือด้านบนยังมีฟีเจอร์ AF Assist Light ให้เปิดใช้งานด้วย โหมด Night เป็นตัวช่วยสำหรับการถ่ายภาพในที่แสงน้อยหรือในเวลากลางคืน รองรับการซูมได้ตั้งแต่ระยะ W (ใช้กล้อง Ultra Wide) จนสูงสุด 10x และรองรับฟิลเตอร์จากแบรนด์กล้อง Leica (เข้าถึงได้จากไอคอนแผ่นฟิล์มที่แถบเครื่องมือด้านบน)
โหมด Video รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุด 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที สามารถเปิดระบบป้องกันภาพสั่นไหวได้จากไอคอนแรกของแถบเครื่องมือด้านบน ข้างกันเป็นฟีเจอร์ Tracking Shot สำหรับถ่ายวิดีโอขณะที่เคลื่อนไปพร้อมกับวัตถุที่อยู่ห่างไม่เกิน 2 เมตร สามารถซูมได้ตั้งแต่ระยะ W (ใช้กล้อง Ultra Wide) จนสูงสุด 15x ยังมีฟิลเตอร์จากแบรนด์กล้อง Leica รวมถึงฟิลเตอร์อื่นๆ ของ HUAWEI และยังมีฟีเจอร์ Beauty สำหรับปรับความงามบนใบหน้าได้ 10 ระดับ
กล้องหน้า 13MP Selfie Camera
ดูเหมือน HUAWEI P50 จะได้รับกล้องหน้าตัวเดียวกับ HUAWEI P50 Pro โดยมีความละเอียดกล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 มุมมองกว้าง 100 องศา ติดตั้งกล้องหน้าไว้ในหลุมบนหน้าจอ ซึ่งให้ประสบการณ์ในการรับชมคอนเท้นต์ต่างๆ ดีกว่าการทำรอยบาก ที่กินพื้นที่บนจอแสดงผลมากกว่า
โหมด Photo ของกล้องหน้า HUAWEI P50 รองรับการถ่ายภาพเซลฟี่แบบเดี่ยวและแบบกลุ่ม เนื่องจากสามารถปรับระยะการซูมได้ 3 ระดับ W, 0.8x และ 1x หมายความว่า หากต้องการถ่ายเซลฟี่ตัวเองตามปกติสามารถปรับการซูมในช่วง 0.8x – 1x ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าเน้นถ่ายเซลฟี่ร่วมกับเพื่อนๆ หรือต้องการให้เห็นฉากหลังแบบชัดๆ แนะนำให้สามารถปรับการซูมในช่วง W – 0.8x
โหมด Portrait ของกล้องหน้าสามารถซูมได้ในช่วง W – 0.8x มีฟีเจอร์ Beauty สำหรับปรับความงามบนใบหน้า แต่มีเอฟเฟกต์น้อยกว่ากล้องหลัง เหลือเพียง Photo Booth และ Stage Lighting โหมด Video รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุด 4K สามารถปรับระยะการซูมในช่วง 0.8x – 1x ได้เช่นกัน มาพร้อมฟีเจอร์ Beauty ปรับความงามบนใบหน้าได้ 10 ระดับ และมีไอคอนฟิลเตอร์ที่แถบเครื่องมือด้านบน สำหรับเปลี่ยนโทนสีหรืออารมณ์ของวิดีโอ
ตัวอย่างภาพถ่าย
ประสิทธิภาพชิป Snapdragon 888
ด้านการถ่ายภาพ HUAWEI P50 อาจจะเสียเปรียบรุ่น Pro อยู่เล็กน้อยที่ความละเอียด และขาดกล้อง 40MP True-Colour Camera แต่ในด้านประสิทธิภาพ HUAWEI P50 ไม่ได้เป็นรองเท่าไรนัก เพราะใช้ชิปประมวลผลตัวเดียวกัน นั่นคือ Qualcomm Snapdragon 888 4G และยังมีขนาดความจำเท่ากัน มาพร้อม RAM 8GB จับคู่กับ ROM 256GB
ชิป Snapdragon 888 4G ของ Qualcomm ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีการผลิตระดับ 5 นาโนเมตร ประกอบด้วยซีพียู Octa-core (1x [email protected] + 3x [email protected] + 4x [email protected]) และจีพียู Adreno 660 เมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อน จะพบว่าชิป Snapdragon 888 ให้ประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้น 25% ประหยัดพลังงานมากกว่าเดิม 20% และมีประสิทธิภาพด้านกราฟิกดีขึ้น 35%
ชาร์จเร็ว 66W HUAWEI SuperCharg
HUAWEI P50 ได้รับความจุแบตเตอรี่ 4100mAh ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานตลอดทั้งวัน แต่ถ้าใช้งานอย่างหนักหน่วงจนแบตเตอรี่หมดในช่วงบ่าย ก็ไม่ต้องกังวลใจ เพราะสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 66W HUAWEI SuperCharge โดยแถมอุปกรณ์ชาร์จเร็ว 66W มาให้ในกล่องไม่ต้องซื้อแยกต่างหาก
สรุปราคาและการวางจำหน่าย
HUAWEI P50 มีจุดเด่นตั้งแต่ภายนอกที่มีดีไซน์สวยงามพรีเมียมสมกับสมาร์ทโฟนเรือธง ส่วนภายในก็มีประสิทธิภาพสูงไม่แพ้รุ่น Pro โดยมีจุดเด่นที่จอแสดงผล True-Chroma Display ขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว ให้สีสันมากกว่า 1 พันล้านสี ระบบกล้อง True-Form Dual-Matrix Camera ช่วยจัดแสงสีในภาพถ่ายออกมาเสมือนตาเห็น เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนเรือธงที่ตอบโจทย์ด้านการถ่ายภาพอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ HUAWEI P50 จะวางจำหน่ายในราคา 26,990 บาท มาในสีดำ Golden Black และ สีทอง Cocao Gold พร้อมให้จับจองตั้งแต่วันที่ 3 ถึง 30 มิถุนายน 2565 ผ่านทาง HUAWEI Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางออนไลน์อย่าง HUAWEI Store และร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบน Shopee, Lazada และแอปพลิเคชัน My HUAWEI