realme เปิดตัวสมาร์ทโฟนพร้อมกัน 2 รุ่น ภายใต้แบรนด์ narzo ที่สร้างมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ใน Generation Z โดยเฉพาะ ด้วยจุดเด่นด้านความบันเทิง การเล่นเกม และมีราคาที่เหมาะสม ซึ่งในปีนี้เคยแนะนำ narzo 50 และ narzo 50A Prime ในตลาดประเทศไทยมาแล้ว ก่อนจะถึงคิวของ narzo 50 5G และ narzo 50 Pro 5G ที่เดินทางมาอยู่ในมือทีมงาน @Flashfly เรียบร้อยแล้ว พร้อมด้วยหูฟังไร้สายรุ่นใหม่ realme Buds Q2s ที่มีดีไซน์โดดเด่นด้วยฝาเคสแบบโปร่งแสง
สเปก narzo 50 5G
- จอแสดงผล 90Hz Ultra Smooth Display ขนาด 6.5 นิ้ว
- กล้องคู่หลัง 48MP AI Dual Camera
- กล้องหน้า 8MP Selfie Camera
- ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 810 5G
- ความจำ RAM 6GB + ROM 128GB
- ขยาย RAM ได้สูงสุด 5GB ผ่านเทคโนโลยี Dynamic RAM Expansion
- รองรับการ์ด MicroSD สูงสุด 1TB
- สแกนนิ้วด้านข้าง (Side-Mounted Fingerprint Scanner)
- ระบบปฏิบัติการ realme UI 3.0 บนพื้นฐาน Android 12
- แบตเตอรี่ 5000mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 33W Dart Charge
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Hyper Blue และ Hyper Black
สเปก narzo 50 Pro 5G
- จอแสดงผล 90Hz Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว
- สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ In-display Fingerprint Scanner
- วัดอัตราการเต้นของหัวใจผ่าน In-display Fingerprint Scanner
- กล้องหลัง 48MP AI Triple Camera
- กล้องหน้า 16MP In-display Selfie Camera
- ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 920 5G
- ความจำ RAM 8GB + ROM 128GB
- ขยาย RAM ได้สูงสุด 5GB ผ่านเทคโนโลยี Dynamic RAM Expansion
- ลำโพงคู่สเตอริโอ รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
- ระบบปฏิบัติการ realme UI 3.0 บนพื้นฐาน Android 12
- แบตเตอรี่ 5000mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 33W Dart Charge
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Hyper Blue และ Hyper Black
แกะกล่อง narzo 50 5G และ narzo 50 Pro 5G
realme narzo 50 5G และ narzo 50 Pro 5G ถูกจัดส่งมาในกล่องสีฟ้า ที่หน้ากล่องมีชื่อแบรนด์ narzo ขนาดใหญ่ พร้อมด้วยชื่อรุ่นสมาร์ทโฟน narzo 50 5G และ narzo 50 Pro 5G ข้างใต้กล่องระบุจุดเด่นไว้ 6 รายการ พร้อมฉลากสติกเกอร์ระบุความจำ, สีสัน และ เครือข่ายที่รองรับ
ใต้กล่อง realme narzo 50 5G บอกจุดเด่นไว้ดังนี้… ชิปประมวลผล Dimensity 810 5G ของ MediaTek, จอแสดงผล 90Hz Ultra Smooth Display, ดีไซน์บางเพียง 8.1 มิลลิเมตร, แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh, รองรับชาร์จเร็ว 33W Dart Charge และ สนับสนุนฟีเจอร์ Dynamic RAM Expansion ทำให้มีความจำ RAM สูงสุด 11GB
ขณะที่ realme narzo 50 Pro 5G ให้จุดเด่นไว้ 6 รายการเช่นกัน ได้แก่ ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 920 5G, จอแสดงผล 90Hz Super AMOLED, ดีไซน์บางเฉียบ 7.99 มิลลิเมตร, สนับสนุนฟีเจอร์ Dynamic RAM Expansion ทำให้มีความจำ RAM สูงสุด 13GB, ระบบระบายความร้อน Vapor Chamber Cooling System และ ความจุแบตเตอรี่ 5000mAh
เมื่อยกฝากล่องขึ้นมา จะพบกับซองเอกสารสีขาวที่มีข้อความ Feel The Power ซึ่งเป็นสโลแกนของแบรนด์ narzo ภายในแถมเคส กับ เข็มช่วยถอดช่องใส่ซิมการ์ด พร้อมด้วยคู่มือ
ถัดลงมาเป็นชั้นวางสมาร์ทโฟน ที่ถูกเก็บไว้ในซองอย่างดี เมื่อแกะสมาร์ทโฟนออกจากซอง จะพบว่า narzo 50 5G และ narzo 50 Pro 5G ได้รับการติดฟิล์มป้องกันรอยหน้าจอมาให้แล้ว
ชั้นล่างสุดเป็นช่องเก็บสายเคเบิล และ อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่
ดีไซน์ Kevlar Speed Texture แรงบันดาลใจจากรถสปอร์ต
realme narzo 50 5G และ narzo 50 Pro 5G ผลิตออกมาให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีน้ำเงินเข้ม Hyper Blue และ สีดำ Hyper Black โดยทีมงาน @Flashfly ได้รับ narzo 50 Pro 5G สี Hyper Blue และ narzo 50 5G สี Hyper Black มารีวิว ด้านหลังของทั้งคู่ใช้ดีไซน์ร่วมกัน ซึ่งเรียกว่า Kevlar Speed Texture ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถยนต์สปอร์ต เพื่อสะท้อนถึงความแรง ทำให้พื้นผิวด้านหลังของ narzo 50 5G และ narzo 50 Pro 5G มีลวดลายของ Kevlar แบบไล่ระดับจากล่างขึ้นบน โดยลาย Kevlar จะหายไปบริเวณตำแหน่งกล้องหลัง
ด้านหน้าจะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน เนื่องจาก narzo 50 5G มีขนาดหน้าจอใหญ่กว่าเล็กน้อย และ ติดตั้งกล้องหน้าไว้ในรอยบากแบบหยดน้ำ ขณะที่ narzo 50 Pro 5G มีขนาดหน้าจอ 6.4 นิ้ว และ ซ่อนกล้องหน้าไว้ในหลุมที่มุมบนหน้าจอ ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมลำโพงคู่ให้เสียงสเตอริโอ โดยลำโพงตัวบนติดตั้งไว้ที่ขอบจอด้านบน ลำโพงอีกตัวอยู่ด้านล่าง
กล้องหลังเป็นอีกจุดที่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่าง 2 รุ่น ได้อย่างชัดเจน โดย narzo 50 5G ได้รับกล้องหลัง 2 ตัว ส่วน narzo 50 Pro 5G มีกล้องหลัง 3 ตัว
realme narzo 50 Pro 5G มีส่วนขอบด้านข้างที่บางเพียง 7.99 มิลลิเมตร มาพร้อมปุ่มเพาเวอร์ ส่วนขอบด้านข้างของ narzo 50 5G มีความบาง 8.1 มิลลิเมตร และมีปุ่มเพาเวอร์ที่ใหญ่กว่า เนื่องจากรวมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเอาไว้ด้วย ส่วน narzo 50 Pro 5G ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้หน้าจอ
อีกข้างมีถาดใส่ซิมการ์ด รองรับ 2 ซิมแบบนาโน พร้อมรองรับการ์ด microSD สูงสุด 1TB ถัดลงมาเป็นปุ่มปรับระดับเสียง
realme narzo 50 5G และ narzo 50 Pro 5G มีไมโครโฟนตัวที่ 2 ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้าง พบได้ที่ด้านบนของทั้งคู่
ด้านล่างของทั้งคู่จัดวางองค์ประกอบต่างๆ ในลักษณะเดียวกัน โดยมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟนตัวหลัก, พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C และ ลำโพงสเตอริโอ (ขับเสียงคู่กับลำโพงด้านบน)
หน้าจอทัชลื่น 90Hz
จอแสดงผลของ realme narzo 50 5G ตอบสนองการสัมผัสและเลื่อนดูหน้าจอในแอปโซเชี่ยลได้อย่างลื่นไหล ด้วยอัตราการรีเฟรชสูงสุด 90Hz อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate ที่ 180Hz โดยมีความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.5 นิ้ว ให้สีสัน 16.7 ล้านสี ความสว่างสูงสุด 600 นิต และมีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 90.5%
realme narzo 50 Pro 5G มาพร้อมจอแสดงผล Super AMOLED ที่ให้สีสันสวยสดกว่า โดยมีขนาดหน้าจอ 6.4 นิ้ว ให้อัตราการรีเฟรชสูงสุด 90Hz อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate ที่ 360Hz ความสว่างสูงสุด 1,000 นิต มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 90.8% และได้รับการป้องกันด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 ทำให้จอแสดงผลของ narzo 50 Pro 5G มีความคมชัดและควบคุมเกมได้ดีกว่าเล็กน้อย
ระบบความปลอดภัย
realme narzo 50 Pro 5G มีความพรีเมียมกว่า narzo 50 5G ด้วยการติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล จึงรองรับการสแกนนิ้วบนหน้าจอแบบเดียวกับสมาร์ทโฟนเรือธง และเป็นตำแหน่งที่ช่วยให้ปลดล็อคสมาร์ทโฟนได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังรองรับการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจอีกด้วย
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอของ narzo 50 Pro 5G สามารถตรวจจับและบันทึกอัตราการเต้นของหัวใจให้กับผู้ใช้งานได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องอาศัยสมาร์ทวอทช์หรืออุปกรณ์เสริมอื่นๆ โดยสามารถระบุอัตราการเต้นของหัวใจที่แตกต่างกันได้ 8 แบบ คือ ทั่วไป, การทำงาน, การออกกำลังกาย, การพักผ่อน, ตื่นเต้น, เครียด, เต็มไปด้วยพลังงาน และ นอนไม่หลับ
สำหรับ realme narzo 50 5G ได้รับการติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือรวมไว้กับปุ่มเพาเวอร์ด้านข้าง ซึ่งสามารถสแกนลายนิ้วมือได้อย่างแม่นยำและปลอดภัยเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ทั้งคู่ ยังสามารถปลดล็อคด้วยการสแกนใบหน้าได้อีกด้วย โดยอาศัยการทำงานระหว่างกล้องหน้ากับระบบจดจำใบหน้าที่มีความแม่นยำ
กล้องหลัง 48 ล้านพิกเซล
realme narzo 50 5G มาพร้อมกล้องหลัง 2 ตัว เน้นถ่ายภาพบุคคล ขณะที่ narzo 50 Pro 5G ได้รับกล้องหลัง 3 ตัว รองรับการถ่ายภาพในมุมมองกว้างพิเศษ และมีกล้อง Macro ช่วยให้ผู้ใช้งานใกล้ชิดกับสิ่งเล็กๆ ได้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่มีกล้องหลักความละเอียดเท่ากัน 48 ล้านพิกเซล
กล้องหลัง narzo 50 Pro 5G
- กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.79
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ให้มุมมองกว้าง 120 องศา
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ช่วยถ่ายภาพในระยะใกล้วัตถุ
กล้องหลังของ realme narzo 50 Pro 5G มีจุดเด่นที่ AI Noise Reduction Engine 3.0 ช่วยลดสิ่งรบกวนบนภาพถ่ายได้ถึง 30% ทำให้ภาพถ่ายมีความละเอียดมากยิ่งขึ้น และเมื่อเข้ามาในแอปกล้อง จะพบกับโหมดถ่ายภาพ Night, Street, Video, Photo, Portrait, 48MP ส่วนโหมดอื่นๆ รวมอยู่ใน More ได้แก่ Pro, Panorama, Ultra Macro, Movie, Slo-Mo, Time-Lapse, Dual View Video และ Text Scanner
โหมด Photo รองรับการซูมในช่วง 0.6x – 20x โดยการซุมที่ระยะ 0.6x จะเป็นการเปิดใช้กล้อง Ultra Wide มาพร้อมฟีเจอร์ Retouch สำหรับปรับความงามบนใบหน้า และเพิ่ม Filters ได้หลายแบบ อาทิ Natural, Sweet, Delight, Crystal, Misty เป็นต้น ส่วนแถบเครื่องมือด้านบนมีฟีเจอร์ HDR ช่วยถ่ายภาพย้อนแสง หรือ ถ่ายภาพในบริเวณที่มีทั้งส่วนมืดและสว่าง, AI ช่วยปรับค่ากล้องตามฉากหรือวัตถุที่กล้องระบุได้
โหมด Portrait สามารถปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลังได้ตามต้องการ พร้อมด้วยฟีเจอร์ Retouch ช่วยปรับความงามบนใบหน้า และมี Filters ที่น่าสนใจอย่าง Dynamic bokeh, AI Color Portrait และ Bokeh Flare Portrait ที่ให้เอฟเฟกต์ดวงไฟโบเก้แบบเดียวกับที่พบในกล้องมืออาชีพ
โหมด Street ถือเป็นอีกจุดเด่นของสมาร์ทโฟนจาก realme และใน narzo 50 Pro 5G ก็มาพร้อมโหมดถ่ายภาพแนวสตรีทระดับมืออาชีพ 2.0 ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพแนวสตรีทได้อย่างง่ายดายเหมือนเป็นช่างภาพมืออาชีพ โดยมีการเปลี่ยนช่วงของการซูมเป็นระยะเลนส์หรือทางยาวโฟกัส 16mm – 120mm
โหมด Street ยังมี Filter ที่น่าสนใจอย่าง 90’s Pop ที่ realme ได้ทำตามเสียงเรียกร้องที่ผู้ใช้งานชื่นชอบจากฟิลเตอร์แสงสลัว ภาพสีน้ำมัน และ ฟิลเตอร์สี นอกจากนี้ ยังมี Filter ให้เลือกหลายแบบ ได้แก่ Original, Street, B&W Plus, Dramatic, Modern gold, Cyberpunk, Flamingo, Astral และ Dazzle เพื่อให้การถ่ายภาพในโหมด Street สนุกยิ่งขึ้น narzo 50 Pro 5G จึงมาพร้อมฟีเจอร์ Peek & Zoom ช่วยให้ควบคุมตำแหน่งการซูมและโฟกัสได้ง่ายขึ้น สามารถทำได้ด้วยการปัดและแตะเพียงไม่กี่ครั้ง รวมถึงการควบคุมโฟกัสด้วยตนเองได้ง่ายๆ ซูมเข้า/ออกได้พร้อมกัน
โหมด Video รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุด 4K ที่อัตรา 30 เฟรมต่อวินาที หรือ Full HD 1080p ที่อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที รองรับการซูมสูงสุด 10x มี Filters ที่ต่างไปจากโหมด Photo อย่างเช่น Crimson, Forest green และ Sky blue แต่มีฟีเจอร์ Retouch สามารถปรับความงามบนใบหน้าได้ และสามารถปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลังได้แบบโหมด Portrait
โหมด Night สามารถซูมได้ในช่วง 0.6x ถึง 2x มาพร้อม Filters ได้แก่ Original, Modern gold, Cyberpunk, Flamingo, Astral และ Dazzle
กล้องหลัง narzo 50 5G
- กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล
- กล้อง Portrait B&W สำหรับถ่ายภาพบุคคลให้มีสไตล์แตกต่างกัน
กล้องหลัก 48MP Ultra HD ช่วยให้ narzo 50 5G สามารถบันทึกช่วงเวลาสำคัญได้อย่างยอดเยี่ยมและสวยงาม ขณะที่กล้อง Portrait B&W รองรับฟิลเตอร์สีต่างๆ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพบุคคลที่มีสไตล์แตกต่างกัน อีกทั้งยังสามารถรับแสงได้ดีขึ้น ช่วยให้ภาพถ่ายบุคคลมีความชัดเจนและเก็บรายละเอียดได้มากขึ้น
เปิดเข้ามาในแอปกล้องของ narzo 50 5G จะพบกับโหมดถ่ายภาพ Night, Street, Video, Photo, Portrait, 48MP ส่วนโหมดอื่นๆ รวมอยู่ใน More ได้แก่ Pro, Panorama, Slo-Mo, Time-Lapse และ Text Scanner โหมด Photo รองรับการซูมในช่วง 1x – 10x มาพร้อมฟีเจอร์ Retouch สำหรับปรับใบหน้าให้ดูดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ และ Filters มากมาย อาทิ Natural, Sweet, Delight, Crystal, Misty เป็นต้น ส่วนแถบเครื่องมือด้านบนมีฟีเจอร์ HDR ช่วยถ่ายภาพย้อนแสง หรือ ถ่ายภาพในบริเวณที่มีทั้งส่วนมืดและสว่าง, AI ช่วยปรับค่ากล้องตามฉากหรือวัตถุที่กล้องระบุได้
โหมด Portrait สามารถปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลังได้ตามต้องการ พร้อมด้วยฟีเจอร์ Retouch ช่วยปรับความงามบนใบหน้า และมี Filters สำหรับเปลี่ยนโทนสีหรืออารมณ์ของภาพถ่าย
โหมด Street ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพแนวสตรีทได้อย่างง่ายดายเหมือนเป็นช่างภาพมืออาชีพ โดยมี Filters ที่น่าสนใจอย่าง 90’s Pop ให้ภาพถ่ายออกมาในแนวคลาสสิกร่วมสมัย
โหมด Video สามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุด Full HD 1080p รองรับการซูมในช่วง 1x – 10x เช่นเดียวกัน แต่มี Filters ที่ต่างออกไป อย่างเช่น Crimson, Forest green, Sky blue, Delight, Natural, Misty เป็นต้น อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ Retouch เหมือนการถ่ายภาพนิ่ง
โหมด Night รองรับการซูมในช่วง 1x – 10x มีจุดเด่นที่เทคโนโลยี Super Nightscape Intelligent Algorithm และ Multi-frame Synthesis Engine ช่วยให้กล้องหลังของ narzo 50 5G สามารถถ่ายภาพทิวทัศน์ในเวลากลางคืนให้ออกมาสว่างสดใสแม้ถ่ายในบริเวณสภาพแสงที่ซับซ้อน และยังสามารถเพิ่มความโดดเด่นได้จากการเพิ่ม Filters ต่างๆ เช่น Modern gold, Cyberpunk, Flamingo, Astral และ Dazzle
กล้องหน้า
realme narzo 50 Pro 5G ซ่อนกล้องหน้าไว้ในหลุมที่มุมบนหน้าจอ โดยมีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มาพร้อมอัลกอริทึม Clear Fusion เพื่อให้ภาพเซลฟี่สวยงามไร้ที่ติและมีความสว่าง แม้ในสภาพแสงน้อยหรืออยู่ภายในอาคาร อัลกอริทึม Clear Fusion ยังช่วยให้กล้องหน้าสามารถจับโฟกัสได้หลายใบหน้า เพื่อรองรับการถ่ายเซลฟี่กับเพื่อนๆ มั่นใจได้ว่าทุกคนในภาพจะดูคมชัดและสมบูรณ์แบบ
โหมด Photo ของกล้องหน้า narzo 50 Pro 5G มาพร้อม AI Beauty ที่ประกอบด้วยฟีเจอร์ Retouch สามารถปรับแต่งใบหน้าได้ละเอียดกว่ากล้องหลัง ทั้งรายละเอียดของผิว แก้ม ขนาดดวงตา และ จมูก รวมถึง Filters อย่าง Original, Natural, Sweet, Delight และ Crystal โหมด Night และ Portrait มาพร้อมฟีเจอร์ Retouch และ Filters แบบโหมด Photo แต่โหมด Portrait สามารถปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลังได้หลายระดับ
realme narzo 50 5G มาพร้อมกล้องหน้าแบบ Ultra-clear ติดตั้งไว้ในรอยบากรูปทรงหยดน้ำ โดยมีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาดใหญ่ f/2.1 และใช้เลนส์ 5P รองรับโหมด AI Beauty ที่มีฟีเจอร์ Retouch สามารถปรับแต่งใบหน้าได้ละเอียด ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดของผิว แก้ม ขนาดดวงตา และ จมูก อีกทั้งยังมี Filters ให้เลือกหลายแบบ
โหมด Night และ Portrait ของกล้องหน้า ก็สามารถเรียกใช้ฟีเจอร์ Retouch และ Filters ได้เช่นกัน ขณะที่โหมด Portrait ยังสามารถปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลังได้อีกด้วย
โหมด Video ของกล้องหน้า realme narzo 50 Pro 5G และ narzo 50 5G สามารถใช้งานฟีเจอร์ Retouch และเพิ่ม Filters ได้เช่นเดียวกัน และรองรับความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p
ตัวอย่างภาพถ่าย narzo 50 5G
ตัวอย่างภาพถ่าย narzo 50 Pro 5G
ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity ใหม่ล่าสุด
realme narzo 50 Pro 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 920 5G ผลิตด้วยกระบวนการโหนดอุตสาหกรรมประสิทธิภาพสูง 6 นาโนเมตร ของ TSMC ประกอบด้วยซีพียู 64-bit Octa-Core โดยมี Arm Cortex-A78 ที่สามารถทำความเร็วนาฬิกาได้สูงสุดถึง 2.5GHz และ Arm Cortex-A55 ความเร็วสูงสุด 2.0GHz พร้อมด้วยจีพียู Arm Mali-G68 MC4
ไม่เพียงแค่นั้น narzo 50 Pro 5G ยังมาพร้อมระบบระบายความร้อน Vapor Chamber Cooling System ซึ่งเป็นระบบระบายความร้อน 5 ชั้น ช่วยลดอุณหภูมิในพื้นที่แกนกลางได้ถึง 10 องศาเซลเซียส และยังมีระบบทำความเย็นด้วยแผ่นกราไฟท์ 3 ชั้น ช่วยป้องกันความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหลีกเลี่ยงจุดร้อนในทิศทาง z ซึ่งเป็นแนวทางในการกระจายความร้อนในระนาบ X Y
ด้านความจำของ narzo 50 Pro 5G ประกอบด้วย RAM 8GB จับคู่กับ ROM 128GB พร้อมรองรับเทคโนโลยี Dynamic RAM Expansion เปลี่ยน ROM เป็น RAM เสมือน เพื่อขยายพื้นที่ RAM ได้อีก 5GB จึงเปรียบเสมือน narzo 50 Pro 5G มีความจำ RAM 13GB
สำหรับ realme narzo 50 5G ได้รับชิปประมวลผล Dimensity 810 5G ของ MediaTek เช่นกัน ถูกสร้างขึ้นด้วยกระบวนการโหนดอุตสาหกรรมประสิทธิภาพสูงระดับ 6 นาโนเมตร โดยใช้ซีพียูแบบ 64-bit Octa Core ประกอบด้วย Arm Cortex-A55 (6 คอร์) + Arm Cortex-A76 (2 คอร์) ความเร็วสูงสุดถึง 2.4GHz ให้ประสิทธิภาพ Single Core ดีขึ้น 16% ขณะที่ความถี่หลักของซีพียูดีขึ้น 20% พร้อมด้วยจีพียู Arm Mali-G57 MC2 ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับเทคโนโลยีหน้าจอรีเฟรชสูง ให้ประสบการณ์ด้านกราฟิกอย่างเต็มที่
ชิป MediaTek Dimensity 810 5G ยังช่วยให้ narzo 50 5G รองรับการเชื่อมต่อ 5G พร้อมกัน 2 ซิมแบบ Dual 5G Dual Standby ครอบคลุมเครือข่ายหลักทั่วโลกทั้งโหมด SA และ NSA อีกทั้งยังสนับสนุนเทคโนโลยี Dual Network Acceleration ช่วยให้ผู้ใช้งานเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็วไม่สะดุดทั้ง Wi-Fi และ 5G
ด้านความจำของ narzo 50 5G มี 2 ตัว เลือก ได้แก่ RAM 6GB + ROM 128GB และ RAM 8GB + ROM 128GB โดยใช้ RAM แบบ LPDDR4x dual-channel จับคู่กับ ROM แบบ UFS 2.1 และยังสามารถขยายความจำ RAM ได้สูงสุด 5GB ผ่านเทคโนโลยี Dynamic RAM Expansion (ยืมพื้นที่มาจาก ROM) นอกจากนี้ ยังรองรับการ์ด MicroSD สูงสุด 1TB โดยมีช่องวางการ์ดแบบ 3 ช่อง สำหรับซิมการ์ด 2 ช่อง และอีกช่องสำหรับวางการ์ด MicroSD
ระบบเสียง Dolby Atmos
realme narzo 50 Pro 5G มาพร้อมกับลำโพงสเตอริโอคู่ Dolby Atmos ซึ่งให้เสียงที่ดังกังวาลในระดับพรีเมียมมากขึ้น ช่วยยกระดับประสบการณ์การฟังของผู้ใช้ระหว่างการเล่นเกมและการชมภาพยนตร์
แบต 5,000mAh ชาร์จเร็ว 33W Dart charge
realme narzo 50 5G มีความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh สามารถสแตนบายด์ได้นานสูงสุด 727 ชั่วโมง หรือ ใช้ฟังเพลงได้นานสูงสุด 122 ชั่วโมง หรือ สนทนาได้นานต่อเนื่อง 48 ชั่วโมง และยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W Dart charge พร้อมระบบป้องกันการชาร์จที่ปลอดภัย
เนื่องจากสมาร์nโฟน 5G มีการใช้พลังงานมากขึ้น เมื่อเทียบกับสมาร์nโฟน 4G ซึ่งทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่สั้นลง realme จึงได้พัฒนาเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน 5G อัจฉริยะ เพื่อให้สามารถตรวจจับสภาพแวดล้อมของสัญญาณโดยรอบ และสลับระหว่างสัญญาณ 4G และ 5G ได้อย่างชาญฉลาด ช่วยลดการใช้พลังงานของ narzo 50 5G ได้ถึง 30% โดยโหมดประหยัดพลังงานจะปรับการทำงานของซีพียู ปรับแสงพื้นหลัง รวมทั้งการใข้งานอื่นๆ เพื่อยืดอายุการใช้งานของสมาร์ทโฟน
realme narzo 50 Pro 5G ได้รับแบตเตอรี่ขนาดเท่ากันที่ความจุ 5,000mAh รวมถึงสนับสนุนเทคโนโลยี 33W Dart charge สามารถชาร์จแบตเตอรี่ถึง 50% ภายในระยะเวลาเพียง 31 นาที และชาร์จจนเต็ม 100% ภายในเวลาเพียง 70 นาที เท่านั้น เรียกได้ว่าใช้งานนานจนเพลิน แต่เมื่อถึงเวลาต้องเติมพลังงานก็ไม่ต้องรอนานจนเกินไป
ไม่เพียงแต่ชาร์จเร็วเท่านั้น narzo 50 Pro 5G ยังมาพร้อมระบบป้องกันการชาร์จที่ปลอดภัยแบบ 5 ชั้น และมาพร้อมกับอัลกอริทึมการปรับแต่งอัจฉริยะ VCVT Intelligent Tuning ที่สามารถปรับแรงดันและกระแสไฟอย่างชาญฉลาด ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการชาร์จและลดการสูญเสียความร้อนที่ไม่จำเป็นที่เกิดจากการชาร์จ นอกจากนี้ ยังมีอัลกอริทึมการเพิ่มประสิทธิภาพการชาร์จแบบ VFC Trickle Charging ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการชาร์จเมื่อชาร์จแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนได้สูงถึง 90% – 100%
realme UI 3.0
realme narzo 50 5G และ narzo 50 Pro 5G ทำงานบนพื้นฐานระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย realme UI 3.0 ซึ่งได้รับการออกแบบ User Interface ใหม่ในสไตล์ที่เรียกว่า Fluid Space มาพร้อมไอคอน 3D ที่ดูสดใสมากยิ่งขึ้น และจัดวางอย่างเป็นระเบียบ โดยเน้นเส้นขอบที่ชัดเจน ผสานการใช้โทนสีแบบกึ่งโปร่งแสง เพื่อเพิ่มความสวยงามสบายตา และดูมีชีวิตชีวา ขณะเดียวกันเอฟเฟกต์ภาพเคลื่อนไหวต่างๆ ก็ได้รับการพัฒนาขึ้นด้วย AI Animation Engine ตั้งค่ารูปแบบการเปลี่ยนแปลงภาพโดยกำหนดตามการเคลื่อนไหวและความโค้งของวัตถุ และเอฟเฟกต์ของแอนิเมชั่นจะสอดคล้องตามการปัดหน้าจอที่เน้นความ “สะดวกง่ายดาย” มากขึ้น ทำให้รู้สึกลื่นไหลมากขึ้นด้วย
realme UI 3.0 ยังได้อัปเดทมาตรฐานความเป็นส่วนตัว เพื่อรับประกันว่าข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานจะมีความปลอดภัยมากขึ้น และยังมีการนำ AI มาช่วยให้การทำงานราบรื่นในทุกฟีเจอร์ เพิ่มประสิทธิภาพการเปิดแอปพลิเคชันในภาพรวมได้ถึง 10% และช่วยลดการใช้พลังงานเพื่อเพิ่มอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้ถึง 12% นอกจากนี้ AI ยังช่วยบีบอัดหน่วยความจำ เพื่อให้สามารถเปิดโปรแกรมการทำงานที่แตกต่างกันได้อย่างราบรื่น รวมถึงการจัดลำดับการใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสม จนสามารถลดการใช้หน่วยความจำเครื่องได้ถึง 30%
realme Buds Q2s หูฟังไร้สายเคสฝาปิดโปร่งแสง
ในโอกาสเดียวกันนี้ realme ยังได้แนะนำหูฟังไร้สายแบบ TWS (True Wireless Stereo) รุ่นใหม่ realme Buds Q2s ที่มาพร้อมเคสชาร์จดีไซน์เก๋ โดดเด่นด้วยฝาปิดแบบโปร่งแสง และให้อายุการใช้งานยาวนานเป็นพิเศษ สมกับสโลแกน “Play all week”
สเปก realme Buds Q2s
- ไดเวอร์ไดนามิกขนาด 10 มิลลิเมตร
- การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.2
- ระบบตัดเสียงรบกวน AI ENC สำหรับการโทร
- รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
- ป้องกันน้ำและกันฝุ่นในระดับ IPX4 (เฉพาะหูฟัง)
- ระบบควบคุมแบบสัมผัสอัจฉริยะ
- โหมดการเล่นเกม ให้ความหน่วงต่ำพิเศษ 88 มิลลิวินาที
- แบตเตอรี่หูฟังแต่ละข้าง 40mAh
- แบตเตอรี่เคสชาร์จ 400mAh
- ขนาดเคสชาร์จ 60.35 x 44.61 x 32.54 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรวมเคสชาร์จ ประมาณ 39 กรัม
- น้ำหนักหูฟัง ข้างละ 4.1 กรัม
แกะกล่อง realme Buds Q2s
realme Buds Q2s ถูกบรรจุไว้ในกล่องสีขาว หน้ากล่องพิมพ์ชื่อผลิตภัณฑ์ไว้อย่างชัดเจน เหนือรูปภาพหูฟังที่อยู่ในเคสสีดำ แต่ภายในกล่องทีมงาน @Flashfly ได้รับสีขาวมารีวิว ข้างกล่องบอกจุดเด่นไว้ 3 รายการ ได้แก่ ชาร์จเพียง 10 นาที ใช้ฟังได้นาน 3 ชั่วโมง, โหมดเกมที่มีความหน่วงต่ำพิเศษ 88 มิลลิวินาที, การเชื่อมต่อแบบทันที ข้างกล่องอีกด้าน ยังระบุจุดเด่นอีก 3 รายการ ได้แก่ อายุการใช้งานยาวนานถึง 30 ชั่วโมง, ไดรเวอร์เพิ่มพลังเสียงเบสแบบไดนามิก 10 มิลลิเมตร และ ระบบตัดเสียงรบกวน AI ENC สำหรับการโทร
หลังจากเปิดกล่องออกมา จะพบกับหูฟัง realme Buds Q2s ทั้ง 2 ข้าง ถูกเก็บอยู่ในเคสชาร์จ ซึ่งมีฝาปิดแบบโปร่งแสง จึงมองเห็นหูฟังที่เก็บไว้ได้อย่างชัดเจน ภายในกล่องยังแถมจุกหูฟังมาให้อีก 2 คู่ (2 ขนาด), สายชาร์จแบบ Micro-USB เส้นสีเหลือง, คู่มือ และ บัตรรับประกัน
ดีไซน์โปร่งแสง
อย่างที่เห็น realme Buds Q2s มาพร้อมเคสชาร์จที่มีดีไซน์แปลกตาอย่างโดดเด่น เพราะใช้ฝาเคสแบบโปร่งแสง ขณะที่ดีไซน์โดยรวมของตัวเคสก็มีความโค้งมนดูเหมือน “แคปซูลอวกาศ” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากก้อนหิน หรือ รูปทรงของก้อนกรวด ให้ความรู้สึกที่อบอุ่น นุ่มนวล และ แข็งแกร่งทนทาน
หูฟัง reamle Buds Q2s ได้รับการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ของรูปทรงภายในหูของคนส่วนใหญ่ ส่วนโค้งของดอกตูมเป็นการแกะสลักอยู่ที่ 48 องศา ที่ด้านบน และ 72 องศา ที่ด้านล่าง ด้วยรูปทรงนี้ทำให้ realme Buds Q2s ใส่พอดีกับช่องหูได้อย่างสมบูรณ์แบบ ให้ทั้งความสบาย ด้วยน้ำหนักเบาเพียง 4.1 กรัม ต่อ 1 ข้าง และยังมีส่วนช่วยแยกเสียงรบกวนจากภายนอก เพื่อมอบประสบการณ์เสียงที่ดียิ่งขึ้น
reamle Buds Q2s ผลิตออกมาให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำ, สีขาว และ สีเขียว ซึ่งเป็นโทนสีที่สื่อถึงความงดงามของธรรมชาติได้อย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อชั่งรวมทั้งหูฟังและเคสชาร์จ จะมีน้ำหนักเพียง 39 กรัม จึงพกพาได้อย่างสบาย ไม่ว่าจะใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้า หรือ กระเป๋าสะพาย
ภายใต้ความสวยงาม realme Buds Q2s ยังถูกออกแบบมาให้มีความทนทาน ได้รับมาตรฐาน IPX4 สามารถป้องกันน้ำกระเซ็น ฝน และเหงื่อในสถานการณ์ต่างๆ (เฉพาะหูฟัง) และยังผ่านการทดสอบที่เข้มงวดในระหว่างกระบวนการผลิต เพื่อรองรับการใช้งานที่ซับซ้อนในแต่ละวัน
reamle Buds Q2s ผ่านการทดสอบในระหว่างกระบวนการผลิต ดังต่อไปนี้
- การทดสอบการเปิด/ปิดเคสชาร์จ 10,000 ครั้ง
- การทดสอบความเสถียรของพอร์ตการชาร์จ 2,000 ครั้ง
- การทดสอบเสียบปลั๊กพอร์ตชาร์จ 5,000 ครั้ง
- การทดสอบอุณหภูมิสุดขั้ว -45/75 องศาเซลเซียส 168 ชั่วโมง
- การทดสอบความชื้นสูง 50/R95% 168 ชั่วโมง
จัดเต็มด้านระบบเสียง
หูฟัง realme Buds Q2s ทั้ง 2 ข้าง มาพร้อมไดรเวอร์เพิ่มพลังเสียงเบสแบบไดนามิก ขนาด 10 มิลลิเมตร ผลิตจากวัสดุ PEEK และ PU คุณภาพสูง เพื่อมอบประสบการณ์เสียงอันน่าทึ่ง โดยวัสดุ PEEK ช่วยสร้างเสียงความถี่ระดับกลาง-สูงได้ดี ขณะที่วัสดุ PU ช่วยให้เสียงเบสที่ทุ้มลึกและทรงพลัง
ไม่เพียงแค่นั้น หูฟัง realme Buds Q2S ยังใช้โซลูชัน Bass Boost + ที่ได้รับการปรับปรุงจากผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงของ realme โดยมีการทดสอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มไดนามิกและเลเยอร์ให้กับเสียงเบส ทำให้เสียงเบสดีขึ้น ไพเราะมากขึ้น
นอกเหนือจากเสียงเบสที่ทรงพลัง realme Buds Q2s ยังรองรับระบบเสียง Dolby Atmos ที่ให้เสียงเซอร์ราวด์แบบสเตอริโอ และสามารถเลือกเสียงที่เหมาะสมตามสภาพแวดล้อมและสถานการณ์การใช้งาน แต่ต้องใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนที่รองรับระบบเสียง Dolby Atmos ด้วยเช่นกัน
พูดถึงการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนแล้ว realme Buds Q2s ยังออกแบบมาเพื่อใช้งานระหว่างเล่นเกมบนสมาร์ทโฟน ด้วยโหมดการเล่นเกมที่มีความหน่วง หรือ Latency ต่ำเพียง 88 มิลลิวินาที ทำให้การซิงค์ระหว่างภาพกราฟิกและเสียงสมบูรณ์แบบ และยังใช้โหมดนี้กับการรับชมภาพยนตร์ได้เช่นกัน ทำให้ภาพและเสียงตรงกันไม่มีดีเลย์
realme Buds Q2s ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถโทรศัพท์ได้อย่างสะดวกแบบแฮนด์ฟรี และยังมีระบบลดเสียงรบกวนอันทรงพลัง โดยใช้อัลกอริทึมการตัดเสียงรบกวน ENC (Environmental Noise Cancellation) ช่วยลดเสียงรบกวนระหว่างการโทร ทำให้อีกฝ่ายได้ยินชัดเจนขึ้น
ใช้งานได้อย่างชาญฉลาด
realme Buds Q2s สนับสนุนการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.2 ซึ่งมีคุณภาพของสัญญาณที่เสถียร ช่วยให้การรับ-ส่งข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว และยังใช้พลังงานต่ำ รองรับการจับคู่กับสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อื่นในรัศมี 10 เมตร เพิ่มความคล่องตัวให้กับผู้ใช้งาน โดยไม่จำเป็นต้องถือสมาร์ทโฟนไปด้วยเมื่อใช้งานในบริเวณบ้าน
หูฟัง realme Buds Q2s ทั้ง 2 ข้าง ถูกออกแบบมาให้สามารถควบคุมด้วยระบบสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นการสลับเพลง, รับสาย/วางสาย หรือ เปิดใช้งานโหมดเกม โดยผู้สวมใส่สามารถควบคุมด้วยคำสั่งต่อไปนี้…
- แตะสองครั้ง เพื่อเล่น หรือ หยุดเพลงชั่วคราว และยังใช้ตอบหรือวางสายได้ด้วย
- แตะสามครั้ง เพื่อเล่นเพลงถัดไป
- กดค้างที่ข้างใดข้างหนึ่ง เพื่อปฏิเสธการรับสาย
- กดค้างทั้งสองข้าง เพื่อเข้าหรือออกจากโหมดการเล่นเกม
ใช้งานยาวนานถึง 30 ชั่วโมง
อีกจุดเด่นของ realme Buds Q2s คือ อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ที่ยาวนานถึง 30 ชั่วโมง หากใช้งานวันละ 3 ชั่วโมง ก็สามารถใช้งานได้นานถึง 10 วัน ต่อการชาร์จเต็มเพียงครั้งเดียว โดยมีความจุแบตเตอรี่ 40mAh ในตัวหูฟัง และอีก 400mAh ในเคสชาร์จ โดยหูฟังทั้ง 2 ข้าง รองรับการฟังนานต่อเนื่อง 7 ชั่วโมง เพียงพอสำหรับการชมภาพยนตร์ 12 เรื่อง ฟังเพลง 600 เพลง หรือชมซีรีย์ Game of Thrones ได้จบใน 3 ภาค
realme Buds Q2s ยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วผ่านพอร์ต USB Type-C ด้วยการชาร์จเพียง 10 นาที สามารถเล่นเพลงได้ 3 ชั่วโมง และใช้เวลาเพียง 2.5 ชั่วโมงในการชาร์จหูฟังให้เต็ม
สรุปราคาและการวางจำหน่าย
realme narzo 50 5G มีจุดเด่นที่ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 810 รองรับ 5G ทั้ง 2 ซิม (Dual 5G Dual Standby) กล้องหลังความละเอียดสูง 48 ล้านพิกเซล แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh ชาร์จไว 33W จอแสดงผล 90Hz Ultra Smooth Display พื้นที่เก็บข้อมูลในตัวสูงสุด 128GB ส่วนความจำ RAM สามารถขยายได้อีก 5GB ผ่านเทคโนโลยี Dynamic RAM Expansion ทำให้ narzo 50 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่มีประสิทธิภาพครบครันในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าคู่แข่ง
สำหรับ realme narzo 50 Pro 5G เหนือกว่าด้วยชิปประมวลผล 5G ที่เร็วที่สุดในกลุ่มอย่าง MediaTek Dimensity 920 5G จอแสดงผล 90Hz Super AMOLED ที่ให้สีสันสวยงามคมชัด กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล พร้อมกล้อง Ultra Wide และ Macro จึงถ่ายภาพได้หลากหลายสถานการณ์ อีกทั้งยังให้อายุการใช้งานที่ยาวนานด้วยความจุแบตเตอรี่ 5000mAh และชาร์จไว 33W ทำให้ narzo 50 Pro 5G เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเกมมิ่งสมาร์ทโฟน 5G ที่ดีที่สุด เมื่อเทียบกับคู่แข่งในราคาใกล้เคียงกัน
realme Buds Q2s เป็นหูฟังไร้สายที่เหมาะสำหรับการฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกม ด้วยค่า Latency ที่ต่ำเพียง 88 มิลลิวินาที โดยมีดีไซน์ที่โดดเด่นแบบโปร่งใส รองรับการใช้งานที่ฉลาดทั้งการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.2 ควบคุมด้วยระบบสัมผัส ให้เสียงเบสทรงพลัง ใช้โทรก็ชัดเจน ไม่เพียงแค่นั้น หูฟังทั้ง 2 ข้าง ยังกันน้ำได้ในระดับ IPX4 และรองรับการจับคู่กับสมาร์ทโฟนที่มีระบบเสียง Dolby Atmos