ในกิจกรรม Peek Performance เมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา Apple ได้เปิดตัว iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max สีเขียวอัลไพน์ พร้อมกับ iPhone 13 และ iPhone 13 mini สีเขียว ซึ่งทั้งคู่จะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป ทีมงาน @Flashfly จึงถือโอกาสนำ iPhone 13 Pro สีเขียวอัลไพน์ และ iPhone 13 mini สีเขียวใหม่ มาพรีวิวให้ชมเพื่อแชร์ความรู้สึกแรกที่ได้สัมผัส
แกะกล่อง
iPhone 13 Pro สีเขียวอัลไพน์ ถูกจัดส่งมาในกล่องสีดำ หน้ากล่องพิมพ์รูปภาพด้านหลังของ iPhone ขนาดใหญ่ในบอดี้สีเขียวอัลไพน์ ขณะที่ iPhone 13 mini สีเขียว ถูกบรรจุไว้ในกล่องสีขาว หน้ากล่องพิมพ์รูปภาพด้านหลังของ iPhone สีเขียว
เช่นเดียวกับสีสันอื่นๆ ที่ทำตลาดไปก่อนหน้านี้ ตัวกล่องของ iPhone 13 Pro สีเขียวอัลไพน์ และ iPhone 13 mini สีเขียว ถูกทำให้บางลงนับตั้งแต่ iPhone 12 เพื่อเพิ่มปริมาณการจัดส่งในแต่ละครั้งให้มากขึ้น ผลที่ได้ก็คือ สามารถลดการใช้เชื้อเพลิงและพลังงานของระบบขนส่งได้ในทางอ้อม
ใต้กล่องของทั้งคู่ถูกปิดผนึกด้วยแถบกระดาษกาว แทนที่การซีลด้วยพลาสติกใส พร้อมติดฉลากระบุชื่อรุ่น อุปกรณ์ภายในกล่อง และให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเชื่อมต่อไร้สาย
เมื่อยกฝากล่องขึ้นมา ก็จะพบกับ iPhone นอนคว่ำหน้าอยู่ เพื่อเผยให้เห็นด้านหลังที่มาในสีสันใหม่ ซึ่งสีเขียวของ iPhone 13 mini (รวมถึง iPhone 13) มีพื้นผิวมันเงา ขณะที่สีเขียวอัลไพน์ของ iPhone 13 Pro (รวมถึง iPhone 13 Pro Max) มีพื้นผิวด้าน
iPhone 13 Pro สีเขียวอัลไพน์ และ iPhone 13 mini สีเขียว ได้รับการปกป้องริ้วรอยบนหน้าจอด้วยแผ่นกระดาษ แทนการห่อหุ้มด้วยซองพลาสติก โดยแผ่นกระดาษที่ติดบนหน้าจอ ยังมีลิ้นยื่นออกมาช่วยให้ผู้ใช้งานหยิบ iPhone ออกจากกล่องได้สะดวก
ถัดลงมาเป็นช่องเก็บซองเอกสารภายในบรรจุเอกสารต่างๆ ได้แก่ คู่มือแนะนำการใช้งานเบื้องต้น การรับประกัน และ เอกสารยืนยันว่าผ่านการรับรองจาก กสทช. อีกทั้งยังแนบเข็มช่วยถอดถาดใส่ซิมการ์ด และแถมสติกเกอร์โลโก้ Apple มาให้ 1 ชิ้น
อุปกรณ์ชิ้นสุดท้ายเป็นสายเคเบิล USB‑C to Lightning ไม่ต้องตกใจที่ไม่พบอุปกรณ์ชาร์จ หรือ Power Adapter เพราะ Apple ไม่ได้แถมมาให้ตั้งแต่เปิดตัว iPhone 12 ในปี 2563 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายใส่ใจสิ่งแวดล้อมของ Apple
สีสันใหม่บนดีไซน์สุดหรู
iPhone 13 Pro สีเขียวอัลไพน์ และ iPhone 13 mini สีเขียว ยังคงใช้ดีไซน์เดิมแบบเดียวกับสีสันอื่นๆ และเมื่อนำทั้งคู่มาอยู่คู่กัน ก็เห็นได้ชัดเจนว่ามีโทนสีเขียวที่แตกต่างกันไป iPhone 13 Pro สีเขียวอัลไพน์ มีพื้นผิวด้าน ซึ่งเกิดจากการนำเซรามิกโลหะหลายชั้นที่บางระดับนาโนเมตรมาเคลือบลงบนพื้นผิวกระจก ขณะที่ด้านหลังของ iPhone 13 mini สีเขียว ใช้วัสดุกระจกที่มีพื้นผิวมันเงา
ส่วนขอบรองตัวเครื่องของ iPhone 13 Pro ทำมาจากสแตนเลสสตีลเกรดเดียวกับที่ใช้ทำเครื่องมือศัลยกรรม ส่วนขอบของ iPhone 13 mini ใช้วัสดุอะลูมิเนียม โดยใช้สีเขียวเพื่อให้เข้ากับด้านหลัง
ด้านหน้าของทั้งคู่ได้รับการปกป้องด้วย Ceramic Shield ซึ่ง Apple ยืนยันว่ามีความแข็งแกร่งกว่ากระจกสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ในตลาด นอกจากนี้ iPhone 13 ทุกรุ่น ยังถูกสร้างมาเพื่อทนน้ำและฝุ่นในระดับ IP68
เป็นเลือกยากที่จะตัดสินใจว่าสีเขียวของ iPhone 13 Pro หรือ iPhone 13 แบบไหนที่ดูดีกว่ากัน แต่ถ้าให้ตัดสินใจโดยพิจารณาจากการซื้อไปใช้โดยไม่สวมเคส iPhone 13 Pro สีเขียวอัลไพน์ ถูกใจทีมงาน @Flashfly มากที่สุด เนื่องจากใช้กระจกแบบผิวด้านที่ทำให้เกิดรอยนิ้วมือได้ยากกว่า แต่สำหรับใครที่ชอบความกะทัดรัด แนะนำให้เลือก iPhone 13 mini สีเขียว
ถึงแม้ iPhone 13 mini จะมีคำว่า mini ต่อท้าย แต่ก็ยังมาพร้อมจอแสดงผล Super Retina XDR ขนาด 5.4 นิ้ว ใหญ่กว่าจอแสดงผลของ iPhone SE ที่มีขนาด 4.7 นิ้ว โดยใช้จอภาพ OLED ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล ให้อัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 รองรับ HDR การแสดงผลแบบ True Tone และขอบเขตสีกว้าง P3
จอแสดงผลของ iPhone 13 Pro สีเขียวอัลไพน์ เรียกว่า Super Retina XDR เช่นกัน เพราะใช้จอภาพ OLED เช่นเดียวกัน แต่มีความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล ขนาด 6.1 นิ้ว และเหนือกว่าด้วยเทคโนโลยี ProMotion ทำให้รองรับอัตราการรีเฟรชหน้าจอแบบปรับได้สูงสุดที่ 120Hz จึงตอบสนองการเลื่อนหน้าจอได้อย่างราบรื่น ควบคุมการเล่นเกมได้ลื่นไหล และยังมีช่วยช่วยในการประหยัดแบตเตอรี่
ทั้งนี้ iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max สีเขียวอัลไพน์ รวมถึง iPhone 13 และ iPhone 13 mini สีเขียวใหม่ จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป โดยมีราคาแตกต่างกันดังนี้
ราคา iPhone 13 mini
- ความจุ 128GB ราคา 25,900 บาท
- ความจุ 256GB ราคา 29,900 บาท
- ความจุ 512GB ราคา 37,900 บาท
ราคา iPhone 13
- ความจุ 128GB ราคา 29,900 บาท
- ความจุ 256GB ราคา 33,900 บาท
- ความจุ 512GB ราคา 41,900 บาท
ราคา iPhone 13 Pro
- ความจุ 128GB ราคา 38,900 บาท
- ความจุ 256GB ราคา 42,900 บาท
- ความจุ 512GB ราคา 50,900 บาท
- ความจุ 1TB ราคา 58,900 บาท
ราคา iPhone 13 Pro Max
- ความจุ 128GB ราคา 42,900 บาท
- ความจุ 256GB ราคา 46,900 บาท
- ความจุ 512GB ราคา 54,900 บาท
- ความจุ 1TB ราคา 62,900 บาท