Xiaomi พร้อมทำตลาดสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นแรกของปี 2022 ในประเทศไทยแล้ว ซึ่งทีมงาน @Flashfly ได้รับมารีวิวพร้อมกัน 2 รุ่น ได้แก่ Xiaomi 12 และ Xiaomi 12 Pro มาพร้อมสโลแกน Master every scene ซึ่งแน่นอนว่ามีความโดดเด่นด้านการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโออย่างแน่นอน โดยทั้งคู่มีการออกแบบใช้ดีไซน์ร่วมกัน แตกต่างกันที่ขนาดตัวเครื่อง ส่วนประสิทธิภาพไม่ต้องห่วงเรื่องความแรง เพราะใช้ชิปประมวลผลที่ดีที่สุดของ Qualcomm ในปัจจุบันนี้ อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างระหว่างรุ่นมาตรฐานกับรุ่น Pro ย่อมต้องมีอย่างแน่นอน แต่จะเป็นอะไรนั้น? สามารถหาคำตอบได้จากรีวิวด้านล่าง
สเปก Xiaomi 12
- จอแสดงผล 120Hz AMOLED ขนาด 6.28 นิ้ว
- กล้องหลัง 50MP Triple Camera
- หล้องหน้า 32MP In-Display Selfie Camera
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1
- เทคโนโลยีระบายความร้อน LiquidCool
- ความจำ RAM แบบ LPDDR5 + ROM แบบ UFS 3.1
- ลำโพงคู่ ปรับเสียงโดย Harman Kardon รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2, NFC, USB Type-C
- ระบบปฏิบัติการ MIUI 13 (บนพื้นฐาน Android 12)
- แบตเตอรี่ 4,500mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 67W, ชาร์จไร้สาย 50W และ 10W Reverse Wireless Charging
- ขนาดตัวเครื่อง 152.70 x 69.90 x 8.16 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 180 กรัม
- มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Gray, Purple และ Blue
สเปก Xiaomi 12 Pro
- จอแสดงผล 120Hz AMOLED ขนาด 6.73 นิ้ว
- กล้องหลัง 50MP Triple Camera
- หล้องหน้า 32MP In-Display Selfie Camera
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1
- เทคโนโลยีระบายความร้อน LiquidCool
- ความจำ RAM 8GB แบบ LPDDR5 + ROM 256GB แบบ UFS 3.1
- ลำโพง 4 ตัว ปรับเสียงโดย Harman Kardon รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2, NFC, USB Type-C
- ระบบปฏิบัติการ MIUI 13 (บนพื้นฐาน Android 12)
- แบตเตอรี่ 4,600mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 120W, ชาร์จไร้สาย 50W และ 10W Reverse Wireless Charging
- ขนาดตัวเครื่อง 163.60 x 74.60 x 8.16 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 205 กรัม
- มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Gray, Purple และ Blue
แกะกล่อง Xiaomi 12 และ Xiaomi 12 Pro
Xiaomi 12 Pro ถูกจัดส่งมาในกล่องสีดำ ขณะที่ Xiaomi 12 ถูกเก็บไว้ในกล่องสีขาว หน้ากล่องพิมพ์เลข 12 ขนาดใหญ่ ถัดลงมาเป็นชื่อรุ่น Xiaomi 12 หรือ Xiaomi 12 Pro พร้อมด้วยโลโก้ SOUND BY Harman Kardon
เมื่อยกฝากล่องขึ้นมา จะพบกับซองเอกสารที่มีการแนบเข็มช่วยถอดช่องใส่ซิมการ์ดมาให้ด้วย ภายในแถมเคสใส 1 อัน รวมถึงคู่มือแนะนำการใช้งานฉบับเร่งด่วน, ข้อมูลด้านความปลอดภัย และการรับประกัน
ใต้ซองเอกสารเป็นชั้นวางสมาร์ทโฟน ที่ถูกห่อหุ้มมาอย่างดี และมีการระบุจุดเด่นไว้ที่ด้านหน้าซองด้วย โดย Xiaomi 12 Pro มีจุดเด่นที่ระบบกล้องหลัง 50 ล้านพิกเซล ทั้ง 3 ตัว ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 8 Gen 1 ซึ่งเป็นชิปที่แรงที่สุดของ Qualcomm ในปัจจุบันนี้ มาพร้อมจอแสดงผล 2K AMOLED ให้อัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz ลำโพง 4 ตัว และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 120W HyperCharge
สำหรับ Xiaomi 12 มีจุดเด่นที่กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล ใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 1 เช่นเดียวกับรุ่น Pro จอแสดงผล 120Hz AMOLED ลำโพง 2 ตัว รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 67W และชาร์จเร็วแบบไร้สาย 50W (ซึ่งรุ่น Pro ก็รองรับเหมือนกัน)
ชั้นล่างสุดเป็นช่องเก็บสายชาร์จ USB Type-C และอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ 120W สำหรับ Xiaomi 12 Pro และ 67W สำหรับ Xiaomi 12
ดีไซน์สุดพรีเมี่ยม
ดีไซน์โดยรวมของ Xiaomi 12 และ Xiaomi 12 Pro มีส่วนคล้ายกันอย่างมาก รวมถึงสีสัน ก็ผลิตออกมาให้เลือก 3 เช่นกัน และได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงามพรีเมี่ยม สมกับเป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธง อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่มีขนาดแตกต่างกันอย่างชัดเจน เนื่องจาก Xiaomi 12 มีขนาดหน้าจอ 6.28 นิ้ว ส่วน Xiaomi 12 Pro มีขนาดหน้าจอ 6.73 นิ้ว
ด้านหน้าของ Xiaomi 12 และ Xiaomi 12 Pro เต็มไปด้วยพื้นที่ของจอแสดงผล ขนาด 6.28 นิ้ว และ 6.73 นิ้ว ตามลำดับ หน้าจอของทั้งคู่ใช้ดีไซน์ DotDisplay ซึ่งถูกเจาะหลุมไว้ที่ขอบบนสำหรับติดตั้งกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล และได้รับการป้องกันด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus ทั้ง 2 รุ่น
พลิกมาดูที่ด้านหลัง จะเห็นว่าทั้งคู่มีขนาดแตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่มีการจัดวางองค์ประกอบต่างๆ ในลักษณะเดียวกัน โดดเด่นที่ระบบกล้องหลัง 3 ตัว 50MP Triple Camera
ถึงแม้ Xiaomi 12 กับ Xiaomi 12 Pro จะมีมิติความสูงและกว้างแตกต่างกัน แต่ส่วนความบางนั้นเท่ากันที่ 8.16 มิลลิเมตร
ปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่มเพาเวอร์ติดตั้งอยู่ทางฝั่งเดียวกัน
ด้านบนของทั้ง 2 รุ่น จะเห็นตำแหน่งของลำโพง พร้อมโลโก้ Harman Kardon ที่ช่วยปรับจูนเสียง พร้อมรองรับระบบเสียง Dolby Atmos แต่ความแตกต่างก็คือ Xiaomi 12 มีลำโพง 2 ตัว ส่วน Xiaomi 12 Pro ได้รับลำโพง 4 ตัว (ขับเสียงรวมกับลำโพงด้านล่าง)
ด้านล่างประกอบด้วยถาดใส่ซิมการ์ด, ไมโครโฟน, พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C และ ลำโพง
ถึงแม้ Xiaomi 12 Pro จะมีมิติตัวเครื่องที่ใหญ่กว่า แต่มีความบางเท่ากัน และให้สัมผัสสบายมือด้วยดีไซน์โค้งแบบ 3D รอบตัวเครื่องจากด้านหน้าไปด้านหลังและจากมุมหนึ่งไปยังอีกมุมหนึ่ง ทำให้มั่นใจได้ถึงการจับถือที่พอดีกับฝ่ามือ ขณะที่ Xiaomi 12 มีขนาดกะทัดรัดกว่า เนื่องจากมีขนาดหน้าจอที่เล็กกว่า ทำให้มีความกว้างและความสูงที่พอดีกับฝ่ามือ จับถือได้ง่าย
ทั้งนี้ Xiaomi 12 Pro มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีเทา, สีม่วง และ สีน้ำเงิน ส่วน Xiaomi 12 มาในสีเทา, สีม่วง และ สีฟ้า
จอแสดงผลระดับ DisplayMate A+
Xiaomi 12 Pro มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ใช้วัสดุ E5 ของ Samsung ให้ความลึกสี 10-bit หรือมากกว่า 1 พันล้านสี ความละเอียด 3200 x 1440 พิกเซล ขนาด 6.73 นิ้ว อัตราส่วนภาพ 20:9 อัตราความคมชัด 8,000,000:1 ให้ความสว่างสูงสุด 1,500 นิต สนับสนุน Dolby Vision และ HDR 10+
จอแสดงผลของ Xiaomi 12 Pro ใช้เทคโนโลยีการแสดงผล LTPO (Low Temperature Poly-silicon and Oxide) ช่วยให้รองรับอัตราการรีเฟรชแบบ AdaptiveSync Pro สามารถปรับได้ในช่วง 1Hz ถึง 120Hz และให้อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate ที่ 480Hz
Xiaomi 12 Pro ยังติดตั้งเซนเซอร์วัดแสงรอบข้าง Ambient Light Sensor แบบ 360 องศา สามารถปรับระดับความสว่างของหน้าจอได้ถึง 16,000 ระดับ และได้รับการรับรองมาตรฐานดูแลดวงตา SGS Eye Care Display Certification
Xiaomi 12 มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ให้ความลึกสี 12-bit หรือมากกว่า 6.8 หมื่นล้านสี ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.28 นิ้ว อัตราส่วนภาพ 20:9 อัตราความคมชัด 5,000,000:1 ให้ความสว่างสูงสุด 1,100 นิต สนับสนุน Dolby Vision และ HDR 10+
จอแสดงผลของ Xiaomi 12 ให้อัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz แบบ AdaptiveSync ให้อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส 480Hz ได้รับเซนเซอร์วัดแสงรอบข้างแบบ 360 องศา สามารถปรับระดับความสว่างของหน้าจอได้ถึง 16,000 ระดับ และผ่านการรับรองมาตรฐานด้านลดแสงสีฟ้า
ถึงแม้จอแสดงผลของ Xiaomi 12 Pro และ Xiaomi 12 จะมีรายละเอียดบางอย่างที่แตกต่างกันออกไป แต่ถ้าเป็นเรื่องการแสดงผลที่สวยงามคมชัด ทั้งคู่ไม่มีใครเป็นรองใคร เพราะได้รับเกรด A+ จาก DisplayMate เช่นเดียวกัน อีกทั้งยังมีความแข็งแรงพอๆ กัน เนื่องจากได้รับการป้องกันด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus ทั้ง 2 รุ่น
ระบบความปลอดภัย
Xiaomi 12 และ Xiaomi 12 Pro ใช้ระบบรักษาความปลอดภัยและยืนยันตัวตนด้วยวิธีการสแกนลายนิ้วมือและสแกนใบหน้า โดยติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล ส่วนการสแกนใบหน้าจะอาศัยกล้องหน้าความละเอียดสูงทำงานร่วมกับ AI เพื่อระบุใบหน้าเจ้าของสมาร์ทโฟนได้อย่างถูกต้อง ซึ่งวิธียืนยันตัวตนทั้ง 2 แบบ สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
กล้องหลังระดับภาพยนตร์
ระบบกล้องหลัง 3 ตัว 50MP Triple Camera ของ Xiaomi 12 Pro และ Xiaomi 12 ถือว่าเป็นอีกจุดเด่นที่มีความน่าสนใจที่สุด โดยใช้อัลกอริทึม AI ขั้นสูงของ Xiaomi ช่วยให้ถ่ายภาพระดับการถ่ายทำภาพยนตร์ได้ทุกสถานการณ์ พร้อมความสามารถของเอฟเฟกต์พิเศษระดับมืออาชีพ และฟีเจอร์สร้างสรรค์ภาพอย่าง Xiaomi ProFocus และ One-click AI cenema ขณะเดียวกัน ยังสามารถถ่ายวิดีโอในโหมด Ultra Night Video เมื่ออยู่ในที่แสงน้อย และถ่ายภาพบุคคล (Portrait) ได้อย่างหลากหลายรูปแบบ ให้คุณภาพเหมือนยกสตูดิโอถ่ายภาพติดตัวไปด้วยทุกที่
กล้องหลังของ Xiaomi 12 ประกอบด้วย
- กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล (Sony IMX766) ขนาดเซนเซอร์ 1/1.56” รูรับแสง f/1.88 เลนส์ 6P
- กล้อง Ultra-wide 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 เลนส์ 5P มุมมองกว้าง 123 องศา
- กล้อง Telemacro 5 ล้านพิกเซล ทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 50 มิลลิเมตร ระยะโฟกัสอัตโนมัติ 3 – 7 เซนติเมตร
กล้องหลังของ Xiaomi 12 Pro ประกอบด้วย
- กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล (Sony IMX707) ขนาดเซนเซอร์ 1/1.28” รูรับแสง f/1.9 เลนส์ 7P
- กล้อง Ultra-wide 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 เลนส์ 6P มุมมองกว้าง 115 องศา
- กล้อง Telephoto 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9 เลนส์ 5P ทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 48 มิลลิเมตร
ถึงแม้กล้องหลักของทั้งคู่จะมีความละเอียดเท่ากัน แต่ Xiaomi 12 Pro ใช้เทคโนโลยีการรวมพิกเซล 2.44 ไมโครเมตร 4-in-1 Super Pixel เพิ่มความสามารถในการจับภาพแสงได้ถึง 120% และใช้โหมด 50MP ได้ทั้งกล้องหลัก Ultra-wide และ Telephoto ขณะที่กล้องหลักของ Xiaomi 12 ใช้เทคโนโลยีการรวมพิกเซล 2 ไมโครเมตร 4-in-1 Super Pixel และแน่นอนว่าใช้โหมด 50MP ได้เฉพาะกล้องหลัก นอกจากนี้ กล้องหลักของทั้ง 2 รุ่น ยังมีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัล OIS
เปิดเข้ามาในแอปกล้องของ Xiaomi 12 Pro จะพบกับโหมดถ่ายภาพ Pro, Video, Photo, Portrait ส่วนโหมดอื่นๆ ถูกรวมไว้ใน More ได้แก่ Night, 50MP, Short video, Panorama, Documents, VLOG, Slow motion, Time-lapse, Movie effects, Long exposure, Supermoon และ Dual video
โหมด Photo สำหรับการถ่ายภาพทั่วไป สามารถซูมได้ตั้งแต่ 0.6x (สลับไปใช้กล้อง Ultra-wide) จนสูงสุด 20x แบบดิจิทัล (การซูมแบบออปติคัลสูงสุด 2x) แถบเครื่องมือด้านบนมีฟีเจอร์ HDR ช่วยถ่ายภาพย้อนแสง หรือ ในฉากที่มีทั้งส่วนมืดและสว่าง อีกทั้งยังมี AI มาช่วยปรับการตั้งค่ากล้องให้อัตโนมัติ รวมถึงโหมดบิ้วตี้และเอฟเฟกต์โบเก้
โหมด Pro สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการปรับค่ากล้องให้ละเอียดยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสมดุลสีขาว, ระบบโฟกัส, ความไวแสง ISO, ค่าชดเชยแสง และ เลนส์กล้อง โดยมีการแสดงกราฟ Histogram ที่ช่างภาพชื่นชอบ
โหมด Portrait ช่วยให้ภาพถ่ายบุคคลออกมาโดดเด่นยิ่งขึ้น มาพร้อม Cinematic effects ให้เลือก 5 แบบ ปรับค่ารูรับแสงได้ในช่วง F1.0 – F16 รวมถึงฟีเจอร์เปิดโหมดบิ้วตี้ และเพิ่มฟิลเตอร์
โหมด Night ออกแบบมาเพื่อถ่ายภาพในเวลากลางคืน โดยเฉพาะ Xiaomi 12 Pro สามารถถ่ายภาพด้วยโหมด Night ได้ทั้งกล้องหลัก กล้อง Ultra-wide และ Telephoto ขณะที่โหมด Night ของ Xiaomi 12 ใช้ได้กับกล้องหลัก และกล้อง Ultra-wide
โหมด Video สามารถซูมได้ตั้งแต่ 0.6x จนสูงสุด 15x แถบเครื่องมือด้านบนมีฟีเจอร์ HDR และระบบป้องกันภาพสั่นไหว ซึ่งเป็นแบบออปติคัล OIS ส่วนความละเอียดของวิดีโอ สามารถปรับได้สูงสุดถึง 8K ที่อัตรา 24 เฟรมต่อวินาที หรือ 4K ที่อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที และยังมีฟีเจอร์เปิดโหมดบิ้วตี้และเอฟเฟกต์โบเก้ได้เหมือนการถ่ายภาพนิ่ง
กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล
Xiaomi 12 Pro และ Xiaomi 12 ได้รับการติดตั้งกล้องหน้าไว้ในหลุมบนหน้าจอแบบ DotDisplay โดยมีความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.45 และใช้เทคโนโลยีการรวมพิกเซล 1.4 ไมโครเมตร 4-in-1 Super Pixel
กล้องหน้าของ Xiaomi 12 Pro และ Xiaomi 12 มีจุดเด่นที่โหมด Selfie Night ถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อยได้อย่างโดดเด่น รองรับการถ่สบวิดีโอสูงสุด 1080p ที่อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที และยังรองรับ AI Portrait ในการถ่ายวิดีโอได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังสามารถบันทึกวิดีโอด้วยกล้องหน้าและกล้องหลังได้พร้อมกัน ผ่านโหมด Dual video
ตัวอย่างภาพถ่าย Xiaomi 12
ตัวอย่างภาพถ่าย Xiaomi 12 Pro
ชิปประมวลผล Snapdragon 8 Gen 1
Xiaomi 12 และ Xiaomi 12 Pro ให้ประสบการณ์การใช้งานแบบเดียวกัน เนื่องจากทั้งคู่ใช้ชิปประมวลผลตัวเดียวกัน Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนเทคโนโลยีการผลิตระดับ 4 นาโนเมตร บนสถาปัตยกรรม ARM-V9 ประกอบด้วยซีพียู ARM Cortex-X2 ความเร็วสูงสุด 3.0GHz, 3x ARM Cortex-A710 ความเร็วสูงสุด 2.5GHz, 4x ARM Cortex-A510 ความเร็วสูงสุด 1.8GHz จากผลทดสอบจาก Antutu ทำได้สูงกว่า 950,000 คะแนนขึ้นเป็นอันดับต้นๆในตารางเลยทีเดียว รวมถึงผลทดสอบอื่นๆก็ทำคะแนนได้สูงทั้งหมด
เมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อน Snapdragon 8 Gen 1 ให้ประสิทธิภาพของซีพียูเร็วขึ้น 20% จีพียู Adreno ให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 30% ในส่วนของการแสดงผลกราฟิก และยังจัดการพลังงานมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึง 25% อีกทั้งยังได้รับการปรับปรุง ISP ให้คุณภาพกล้องดีขึ้น รวมถึง AI Engine ที่ได้รับการพัฒนามาถึงรุ่นที่ 7 ทำงานเร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 4 เท่า
เรือธงรุ่นใหม่ของ Xiaomi ทั้ง 2 รุ่น ยังมาพร้อมเทคโนโลยีระบายความร้อน LiquidCool ประกอบด้วย VC (Vapor Chamber) ขนาดใหญ่ 2900 ตารางมิลลิเมตร สำหรับ Xiaomi 12 Pro และขนาด 2600 ตารางมิลลิเมตร สำหรับ Xiaomi 12 อีกทั้งยังมีแผ่นกราไฟท์ระบายความร้อนขนาดใหญ่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนและให้ประสิทธิภาพมีความเสถียรตลอดการใช้งาน
ด้านความจำ Xiaomi 12 และ Xiaomi 12 Pro มาพร้อม RAM แบบ LPDDR5 ที่มีความเร็วหน่วยความจำสูงถึง 6,400Mbps จับคู่กับ ROM แบบ UFS 3.1 ให้การโหลดและการถ่ายโอนข้อมูลมีความเร็วสูง ตอบสนองการใช้งานได้ทันใจ
ชาร์จเร็ว 120W HyperCharge แบตเต็ม 100% ในเวลาเพียง 18 นาที
Xiaomi 12 Pro เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกในตลาด ที่ใช้แบตเตอรี่แบบ single-cell ที่มีความจุ 4,600mAh และยังสนับสนุนชาร์จเร็ว 120W โดยใช้เทคโนโลยี HyperCharge ระบบชาร์จอัจฉริยะของ Xiaomi สามารถเรียนรู้ลักษณะการชาร์จแบตเตอรีของผู้ใช้งานในแต่ละวัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของแบตเตอรีในระยะยาว อีกทั้งยังใช้ IC การชาร์จ Surge P1 ของ Xiaomi ช่วยเพิ่มความจุและพลังของแบตเตอรี ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการชาร์จโดยรวมได้
Xiaomi 12 รองรับการใช้งานได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องกังวล ด้วยความจุแบตเตอรี่ 4,500mAh มาพร้อม AdaptiveCharge อัลกอริทึมการชาร์จอัจฉริยะของ Xiaomi พัฒนาขึ้นจากการเรียนรู้พฤติกรรมการชาร์จข้ามคืนของผู้ใช้และพัฒนาประสิทธิภาพให้มากขึ้น อีกทั้งยังรองรับการชาร์จเร็ว 67W
Xiaomi 12 Pro และ Xiaomi 12 ยังสนับสนุนการชาร์จไร้สายแบบเทอร์โบ 50W และการชาร์จไร้สายแบบย้อนกลับ 10W Reverse Wireless Charging สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์อื่นๆ แบบไร้สาย เช่น สมาร์ทวอทช์, หูฟังไร้สาย TWS เพียงนำมาวางบนด้านหลังของสมาร์ทโฟน
เทคโนโลยีชาร์จเร็ว 120W HyperCharge ของ Xiaomi 12 Pro สามารถชาร์จแบตเตอรี่ถึง 100% ภายในเวลาเพียง 18 นาที หรือ 24 นาที ด้วยโหมดอุณหภูมิคงที่ สำหรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 67W ของ Xiaomi 12 สามารถชาร์จแบตเตอรี่ถึง 100% ภายในเวลา 39 นาที ส่วนการชาร์จไร้สายแบบเทอร์โบ 50W สามารถชาร์จแบตเตอรี่ถึง 100% ภายในเวลา 42 นาที สำหรับ Xiaomi 12 Pro และใช้เวลา 53 นาที สำหรับ Xiaomi 12
สรุป
Xiaomi 12 Pro และ Xiaomi 12 ถูกวางตำแหน่งเป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธง ดังนั้น การออกแบบ วัสดุ งานประกอบ จึงมีความสวยงามพรีเมียม ถ้าต้องการหน้าจอใหญ่ให้เลือกรุ่น Pro ถ้าเน้นการพกพาให้เลือกรุ่นมาตรฐาน เพราะไม่ว่าจะเลือกรุ่นไหน ก็จะได้รับประสบการณ์การใช้งานที่คล้ายกัน ด้วยชิปประมวลผล Snapdragon 8 Gen 1 ของ Qualcomm และใช้ซอฟต์แวร์หรือระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นเดียวกัน
นอกจากขนาดตัวเครื่อง Xiaomi 12 Pro ยังมีจุดเด่นที่ระบบกล้องหลัง 50 ล้านพิกเซล ทั้ง 3 ตัว ลำโพง 4 ตัว และรองรับการชาร์จที่รวดเร็วกว่า ขณะที่ Xiaomi 12 มีกล้อง 3 ตัวเช่นกัน แต่มีเฉพาะกล้องหลัก ที่ให้ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล และใช้กล้อง Telemacro แทนที่จะเป็น Telephoto แบบรุ่น Pro ส่วนลำโพงเป็นแบบคู่ อย่างไรก็ตาม ยังได้รับการปรับจูนเสียงโดย Harman Kardon และรองรับระบบเสียง Dolby Atmos เช่นเดียวกัน
สรุปแล้ว Xiaomi 12 Pro เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนเรือธงที่ดีที่สุดของ Xiaomi ขณะที่ Xiaomi 12 เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนเรือธงที่มีประสิทธิภาพไม่แตกต่างกัน โดยไม่เน้นการถ่ายภาพระยะไกล แต่สามารถประหยัดเงินในกระเป๋าได้
ราคาและการจัดจำหน่ายในประเทศไทยของ Xiaomi 12 Series
Xiaomi 12 Series วางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 เมษายน 2565
- Xiaomi 12 Pro รุ่นความจุ 12GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 31,990 บาท ณ Xiaomi Store ทุกสาขาและร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางร้านค้าออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม
- Xiaomi 12 รุ่นความจุ 12GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 26,990 บาท บนช่องทางออนไลน์แพลตฟอร์ม ที่ JD Central, Lazada และ Shopee
- Xiaomi 12 รุ่นความจุ 8GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 24,990 บาท ณ Xiaomi Store ทุกสาขาและร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางร้านค้าออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม
สำหรับลูกค้าที่สั่งจองผ่านผู้ให้บริการเครือข่าย รับสิทธิ์ซื้อสินค้าในราคาพิเศษ* โดย Xiaomi 12 Pro ราคาเริ่มต้นเพียง 17,490 บาท และ Xiaomi 12 ราคาเริ่มต้นเพียง 12,990 บาท
(หมายเหตุ* ตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับราคาพิเศษได้ที่ร้านค้าผู้ให้บริการเครือข่าย)
พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สั่งจอง Xiaomi 12 Pro หรือ Xiaomi 12 ในระหว่างวันที่ 16-27 มีนาคม 2565 รับฟรี** นาฬิกาอัจฉริยะ Xiaomi Watch S1 Active มูลค่า 4,990 บาท
(หมายเหตุ** สำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าผ่านช่องทางผู้ให้บริการเครือข่ายที่เลือกรับสิทธิ์ซื้อสินค้าในราคาพิเศษจากผู้ให้บริการเครือข่าย จะไม่ได้รับนาฬิกาอัจฉริยะ Xiaomi Watch S1 Active ลูกค้าต้องเลือกรับสิทธิ์เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง และสำหรับลูกค้าที่ซื้อ Xiaomi 12 รุ่นความจุ 8GB+256GB ผ่านช่องทางออนไลน์ JD Central หรือ Lazada หรือ Shopee ลูกค้าสามารถเลือกรับนาฬิกาอัจฉริยะ Xiaomi Watch S1 Active หรือ เลือกอัพเกรดเป็นรุ่นความจุ 12GB+256GB ฟรี! อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น)
นอกจากนี้! เสียวหมี่ยังมอบเซอร์ไพรส์ให้แก่ลูกค้ากลุ่มแรกที่สั่งจอง Xiaomi 12 Pro หรือ Xiaomi 12 และร่วมกิจกรรมตามที่กำหนดโดยลูกค้ามีสิทธิ์รับ Mi TV P1 55” มูลค่า 15,990 บาท
- โอกาสที่ 1 วันที่ 16 มีนาคม ตั้งแต่เวลา 00.00 น. จำนวนรวม 100 สิทธิ์ สำหรับลูกค้าที่สั่งจองผ่านระบบออนไลน์ของ BaNANA Online, Jaymart Online, TG FONE Online, CSC / IT City Online, Lazada, Shopee หรือ JD Central
- โอกาสที่ 2 วันที่ 16 มีนาคม ตั้งแต่เวลา 10.00 น. จำนวนรวม 60 สิทธิ์ สำหรับลูกค้าที่สั่งจองผ่านระบบออนไลน์ของผู้ให้บริการเครือข่าย AIS, dtac หรือ True (โดยสงวนสิทธิ์ให้เฉพาะลูกค้า AIS Serenade, True Black Card หรือ dtac Blue Member)
- โอกาสที่ 3 วันที่ 19 มีนาคม ตั้งแต่เวลา 10.00 น. จำนวนรวม 100 สิทธิ์ สำหรับลูกค้าที่สั่งจองสินค้าและร่วมกิจกรรมพิเศษที่ Xiaomi Store สาขา Fashion Island ชั้น 3 หรือ Xiaomi Store สาขา Central World ชั้น 4
- โอกาสที่ 4 วันที่ 2 เมษายน ตั้งแต่เวลา 10.00 น. จำนวนรวม 100 สิทธิ์ สำหรับลูกค้าที่จองสินค้าผ่านช่องทาง BaNANA IT, Jaymart, TG FONE, CSC / IT City หรือ Xiaomi Store by Wiratmalee และร่วมกิจกรรมพิเศษที่ศูนย์การค้า Siam Paragon