Apple เปิดตัว iPhone SE รุ่นใหม่ ในกิจกรรม Peek Performance เมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา โดยเว้นระยะห่างจากรุ่นก่อนนาน 2 ปี ซึ่งช่วงเวลาที่หายไป Apple ได้สร้างความแตกต่างอย่างไรบ้าง? ระหว่าง iPhone SE ในปี 2022 กับ iPhone SE ในปี 2020 เว็บไซต์ iPhoneHacks ได้ทำการเปรียบเทียบมาให้แล้ว
ดีไซน์และจอแสดงผล
- iPhone SE 2020: จอภาพ LCD พร้อมเทคโนโลยี IPS ความละเอียด 1334 x 750 พิกเซล ขนาด 4.7 นิ้ว ความสว่างสูงสุด 625 นิต น้ำหนัก 148 กรัม
- iPhone SE 2022: จอภาพ LCD พร้อมเทคโนโลยี IPS ความละเอียด 1334 x 750 พิกเซล ขนาด 4.7 นิ้ว ความสว่างสูงสุด 625 นิต น้ำหนัก 144 กรัม
ดูเหมือนจอแสดงผลของ iPhone SE รุ่นที่ 2 และ 3 จะเป็นแบบเดียวกัน แต่ที่น่าสนใจก็คือ ในดีไซน์แบบเดียวกัน iPhone SE รุ่นที่ 3 กลับมีน้ำหนักเบากว่า ถึงแม้จะถูกเสริมความแข็งแรงด้วยกระจก Ceramic Shield ทั้งด้านหน้าและด้านหลังก็ตาม
ด้านสีสัน iPhone SE รุ่นที่ 2 มาในสี Black, White และ (PRODUCT)RED ขณะที่ iPhone SE รุ่นที่ 3 มีความแตกต่างเล็กน้อย เรียกว่าสี Midnight, Starlight และ (PRODUCT)RED
ลำโพงและไมโครโฟน
- iPhone SE 2020: ลำโพงสเตอริโอ, ไมโครโฟนในตัว
- iPhone SE 2022: ลำโพงสเตอริโอ, ไมโครโฟนในตัว
iPhone SE ทั้ง 2 เจเนอเรชัน ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงลำโพงและไมโครโฟนในตัว
การชาร์จแบบไร้สาย
- iPhone SE 2020: 7.5W (ใช้ร่วมกับเครื่องชาร์จ Qi)
- iPhone SE 2022: 7.5W (ใช้ร่วมกับเครื่องชาร์จ Qi)
การชาร์จแบบไร้สายยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งน่าเสียดายที่ iPhone SE รุ่นที่ 3 ยังขาดการสนับสนุน MagSafe
คุณสมบัติทนน้ำและฝุ่น
- iPhone SE 2020: สามารถทนน้ำและฝุ่นที่ระดับ IP67 ตามมาตรฐาน IEC 60529 (ความลึกไม่เกิน 1 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที)
- iPhone SE 2022: สามารถทนน้ำและฝุ่นที่ระดับ IP67 ตามมาตรฐาน IEC 60529 (ความลึกไม่เกิน 1 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที)
เนื่องจาก iPhone SE ทั้ง 2 เจเนอเรชัน ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้านดีไซน์ ความสามารถในการทนน้ำและฝุ่น จึงไม่ได้รับการปรับปรุง
โปรเซสเซอร์
- iPhone SE 2020: A13 Bionic
- iPhone SE 2022: A15 Bionic
ชัดเจนว่า iPhone SE รุ่นที่ 3 ได้รับการปรับปรุงอย่างมากในเรื่องของประสิทธิภาพ โดยมาพร้อมชิปประมวลผล A15 Bionic แบบเดียวกับที่พบใน iPhone 13 series ให้ประสิทธิภาพกราฟิกเร็วขึ้นสูงสุด 1.2 เท่า เมื่อเทียบกับ iPhone SE รุ่นที่ 2 และเร็วกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกันถึง 50%
หน่วยความจำ
- iPhone SE 2020: ความจุในตัว 64GB, 128GB, 256GB ความจำ RAM 3GB
- iPhone SE 2022: ความจุในตัว 64GB, 128GB, 256GB ความจำ RAM 4GB
iPhone SE รุ่นที่ 3 ยังไม่ได้รับการเพิ่มความจุในตัว แต่ได้รับการปรับปรุง RAM ให้มากขึ้นอีก 1GB ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากในการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน รวมถึงการสตรีมวิดีโอ และเล่นเกม
กล้อง
- iPhone SE 2020: กล้อง Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, รูรับแสงขนาด f/1.8, ซูมดิจิทัลสูงสุด 5 เท่า, ระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS, ชุดเลนส์ 6 ชิ้น ส่วนกล้อง 7 ล้านพิกเซล, รูรับแสงขนาด f/2.2
- iPhone SE 2022: กล้อง Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, รูรับแสงขนาด f/1.8, ซูมดิจิทัลสูงสุด 5 เท่า, ระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS, ชุดเลนส์ 6 ชิ้น ส่วนกล้อง 7 ล้านพิกเซล, รูรับแสงขนาด f/2.2
ถึงแม้ iPhone SE รุ่นที่ 3 อาจจะใช้โมดูลกล้องชุดเดียวกับรุ่นก่อน แต่ด้วยชิปประมวลผล A15 Bionic ก็ช่วยให้ iPhone SE ในปี 2022 ได้รับการปรับปรุงในเรื่องของซอฟต์แวร์ ซึ่งส่งผลให้ภาพถ่ายและวิดีโอมีคุณภาพดีขึ้นอย่างมาก โดยรองรับทั้ง Deep Fusion, Smart HDR 4 และ Photographic Styles
การเชื่อมต่อ
- iPhone SE 2020: LTE ระดับ Gigabit พร้อม MIMO แบบ 2×2 และ LAA, Wi‑Fi 6 พร้อม MIMO แบบ 2×2, Bluetooth 5.0
- iPhone SE 2022: 5G (sub-6 GHz) พร้อม MIMO แบบ 2×2, LTE Advanced พร้อม MIMO แบบ 2×2 และ LAA, Wi-Fi 6 พร้อม MIMO แบบ 2×2, Bluetooth 5.0
ระบบเชื่อมต่อไร้สายของ iPhone SE รุ่นที่ 3 ได้รับการปรับปรุงอย่างมาก ด้วยการรองรับ 5G ถึงแม้จะเป็น sub-6 GHz ที่มีความเร็วน้อยกว่า mmWave แต่ในหลายประเทศ ก็ยังไม่พร้อมใช้งาน 5G แบบ mmWave
ระบบเซ็นเซอร์
- iPhone SE 2020: Touch ID (เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือ), Barometer, Three-axis gyro, Accelerometer, Proximity sensor, Ambient light sensor
- iPhone SE 2022: Touch ID (เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือ), Barometer, Three-axis gyro, Accelerometer, Proximity sensor, Ambient light sensor
iPhone SE ในปีนี้ กับรุ่นก่อนหน้า ยังไม่มีความแตกต่างในระบบเซ็นเซอร์
อายุการใช้งานแบตเตอรี่
- iPhone SE 2020: เล่นวิดีโอนานสูงสุด 13 ชั่วโมง, เล่นวิดีโอ (ผ่านการสตรีม) นานสูงสุด 8 ชั่วโมง, เล่นเสียงนานสูงสุด 40 ชั่วโมง และชาร์จได้สูงสุด 50% ใน 30 นาที ด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 20W หรือสูงกว่า
- iPhone SE 2022: เล่นวิดีโอนานสูงสุด 15 ชั่วโมง, เล่นวิดีโอ (ผ่านการสตรีม) นานสูงสุด 10 ชั่วโมง, เล่นเสียงนานสูงสุด 50 ชั่วโมง และชาร์จได้สูงสุด 50% ใน 30 นาที ด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 20W หรือสูงกว่า
ยังไม่ชัดเจนว่า iPhone SE รุ่นที่ 3 มีความจุแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นหรือไม่ แต่ด้วยชิปประมวลผลรุ่นใหม่กว่า ก็ช่วยให้ iPhone SE ในปีนี้ ได้รับการปรับปรุงอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานขึ้น แต่ไม่ควรคาดหวังว่าจะให้อายุการใช้งานที่ยาวนานเมื่อใช้งานอย่างหนักบนเครือข่าย 5G
ราคาเปิดตัว
- iPhone SE 2020: ราคา 14,900 บาท สำหรับรุ่น 64GB, ราคา 16,900 บาท สำหรับรุ่น 128GB และ ราคา 20,900 บาท
- iPhone SE 2022: ราคา 15,900 บาท สำหรับรุ่น 64GB, ราคา 17,900 บาท สำหรับรุ่น 128GB และ ราคา 21,900 บาท
iPhone SE รุ่นที่ 3 มีราคาสูงกว่ารุ่นก่อนหน้า 1,000 บาท ในทุกตัวเลือก แต่ก็ยังเป็นตัวเลขที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหา iPhone รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพไม่แพ้ iPhone ระดับเรือธง
สรุป
iPhone SE รุ่นที่ 3 มี 4 ฟีเจอร์ที่เรียกได้ว่าเป็นการปรับปรุงครั้งสำคัญเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ได้แก่ รองรับ 5G, ชิปรุ่นใหม่ A15 Bionic, ความจำ RAM 4GB และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น อย่างไรก็ตาม iPhone SE รุ่นที่ 2 อาจยังไม่ถึงจุดที่คุ้มค่าหากต้องการอัพเกรดมาซื้อ iPhone SE รุ่นใหม่ อีกทั้งการปรับราคาขึ้นมาอีก 1,000 บาท ทำให้ขยับเข้าใกล้ iPhone 11 และ iPhone 12 mini มากยิ่งขึ้น
สรุปแล้ว iPhone SE รุ่นที่ 3 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ iPhone ที่มีประสิทธิภาพสูง รองรับ 5G และมีราคาประหยัด โดยเฉพาะเจ้าของ iPhone รุ่นเก่ากว่า iPhone 11 ที่ต้องการอัพเกรดเป็นรุ่นใหม่ และยังชื่นชอบความคลาสสิคของ Touch ID บนปุ่มโฮม
ที่มา – iPhoneHacks