iPhone SE รุ่นที่ 3 ได้ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Apple Event “Peek performance” เมื่อคืนที่ผ่านมา และสำหรับประเทศไทยก็จะเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าในวันที่ 18 มีนาคม และวางจำหน่าย 25 มีนาคมนี้ โดยมีราคาเริ่มต้น 15,900 บาท ใครที่สนใจกำลังพิจารณาจะซื้อ มาดู 15 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ iPhone รุ่นใหม่รุ่นนี้กันก่อน
ดีไซน์ iPhone 8 แบบเดิม
ยังคงใช้ดีไซน์เดิมของ iPhone 8 เหมือนกับ iPhone SE รุ่นปี 2020 ที่มีขนาดกะทัดรัด พกพาได้สะดวก
2 สีใหม่ และสีแดง PRODUCT(RED)
มาพร้อมกับ 2 สีใหม่ สตาร์ไลท์, มิดไนท์ แบบเดียวกันกับ iPhone 13 นอกจากนี้ยังคงมีสีแดง PRODUCT(RED) ให้เลือกเช่นเคย
จอภาพ Retina HD ขนาด 4.7 นิ้ว
เนื่องจากใช้ดีไซน์เดิม ดังนั้นขนาดหน้าจอจึงเป็นที่ 4.7 นิ้วเท่าเดิม และเป็นจอภาพ Retina HD ความละเอียด 1334 x 750 พิกเซล ขอบเขตสีกว้าง (P3)
ปุ่ม Touch ID
มาพร้อมปุ่ม Touch ID โดยใช้ร่วมกับปุ่มโฮมเพื่อทำการสแกนลายนิ้วมือปลดล็อคหน้าจอ และด้านความปลอดภัยส่วนตัวในการซื้อแอปพลิเคชันและเข้าถึงข้อมูลต่างๆ
ใช้กระจก Ceramic Shield ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
ใช้กระจก Ceramic Shield กระจกที่ Apple ได้พัฒนาและนำมาใช้งานตั้งแต่ iPhone 12 มาใช้กับ iPhone SE รุ่นที่ 3 ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพื่อป้องกันรอยขีดข่วนและเพิ่มความทนทานให้กับตัวเครื่อง
ชิป A15 Bionic แบบเดียวกันกับ iPhone 13
ถือเป็นการอัปเกรดแบบก้าวกระโดดสำหรับ iPhone SE รุ่นที่ 3 โดยนำชิป A15 Bionic ชิปที่แรงที่สุดในสมาร์ทโฟนเข้ามาใช้งานในเครื่องนี้ ทำให้สามารถใช้งานแอปพลิเคชันหนักๆ และเล่นเกมกราฟิกสูงๆ ก็ยังได้ โดยมีประสิทธิภาพกราฟิกเร็วขึ้น 1.2 เท่าเมื่อเทียบกับ iPhone SE รุ่นที่ 2
กล้องไวด์ความละเอียด 12MP พร้อมคุณสมบัติใหม่ๆ
ยังคงใช้กล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเท่าเดิม แต่เนื่องจากมีการใช้ชิปรุ่นใหม่ จึงทำให้ iPhone SE รุ่นที่ 3 นั้นมีคุณสมบัติในการถ่ายภาพเพิ่มมากขึ้น ซึ่งนั่นก็คือ Deep Fusion ที่เข้ามาช่วยในการประมวลผลภาพ และยังมาพร้อมกับ “สไตล์ภาพถ่าย” แบบเดียวกับใน iPhone 13 ให้เลือกใช้งานอีกด้วย แน่นอนว่าคุณสมบัติใหม่ๆ นี้ รวมไปถึงกล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซลอีกด้วย
ความจุสูงสุด 256GB
iPhone SE รุ่นที่ 3 มาพร้อมกับความจุสูงสุด 256GB โดยเป็นความจุเพิ่มเติมจาก 64GB และ 128GB
รองรับ 5G
เป็น iPhone SE รุ่นแรกที่รองรับการเชื่อมต่อ 5G ที่จะทำให้การสตรีม การเล่นเกม การแชร์วิดีโอ หรือแม้แต่การโทร FaceTime รวมถึงการใช้งาน SharePlay ก็ทำได้ร่วมเร็วมากขึ้น และถ้าไม่ได้ใช้ความเร็วระดับ 5G ทาง iPhone SE ก็จะสลับเป็นโหมดข้อมูลอัจฉริยะเพื่อช่วยประหยัดแบตเตอรี่ให้อีกด้วย
มาตฐานทนน้ำ IP67
ด้วยมาตรฐาน IP67 ทำให้ iPhone SE รุ่นที่ 3 สามารถรับมือกับของเหลวทั่วไปที่หกใส่ได้สบายๆ เช่น น้ำ โซดา กาแฟ ชา หรือน้ำผลไม้ แล้วก็แน่นอนว่าไม่ต้องกังวลเรื่องฝุ่นเล็กๆ น้อยๆ ด้วยเช่นกัน
ราคาและการวางจำหน่าย
iPhone SE รุ่นที่ 3 เปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้า 18 มีนาคม และเริ่มวางจำหน่าย 25 มีนาคม มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ มิดไนท์, สตาร์ไลท์ และ PRODUCT(RED) โดยมีราคาดังนี้
- 64GB ราคา 15,900 บาท
- 128GB ราคา 17,900 บาท
- 256GB ราคา 21,900 บาท