หลังจากที่ OPPO ได้นำเอา OPPO Reno7 Series 5G มาบุกตลาดประเทศไทยไปเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดก็ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟน 5G น้องเล็กรุ่นใหม่ในซีรีย์ที่ยังคงเอาใจสายพอร์ตเทรตในรุ่น OPPO Reno7 Z 5G ที่มุ่งเน้นไปที่การถ่ายภาพพอร์ตเทรตระดับมืออาชีพตามสโลแกน “The Portrait Expert” บนดีไซน์ขอบเหลี่ยมที่สวยงามบางเบา ตอบสนองการใช้งานได้อย่างลื่นไหลด้วยชิปประมวลผล Snapdragon 695 5G ความจำ RAM 8GB ขยายได้อีก 5GB รองรับชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC และยังผ่านการรับรองมาตรฐาน TÜV SÜD ระดับ A ซึ่งแน่นอนว่าในรุ่นนี้มีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายแบบสุดๆ ตามมาดูกันได้เลย
สเปก OPPO Reno7 Z 5G
- จอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว
- สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ In-display Fingerprint Unlock
- กล้องหลัง 64MP Triple Camera
- กล้องหน้า 16MP In-display Selfie Camera
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 695 5G
- ความจำ RAM 8GB + 5GB (RAM Expansion), ROM 128GB
- ระบบปฏิบัติการ ColorOS 12 บนพื้นฐาน Android 11
- แบตเตอรี่ 4500mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Rainbow Spectrum และ Cosmic Black
- สี Rainbow Spectrum มีความบาง 7.55 มิลลิเมตร
- สี Cosmic Black มีความบาง 7.49 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 173 กรัม
ดีไซน์บางขอบเหลี่ยมสีสันสวยงาม และ Dual Orbit Lights
OPPO Reno7 Z 5G ผลิตออกมาให้เลือก 2 สี ได้แก่ Rainbow Spectrum และ Cosmic Black โดยทีมงาน @Flashfly ได้รับสี Rainbow Spectrum มารีวิว ซึ่งมีสีสันสดใสด้วยเอฟเฟกต์ไล่ระดับสีเหมือนเฉดสีรุ้งหลังจากฝนตก ที่เกิดจากเทคนิคการเคลือบผิว 2 ชั้น เริ่มจากชั้นแรกที่มีการเคลือบแบบไล่ระดับสีระหว่างเฉดสีแดง, สีเหลือง และ สีเขียว จากนั้นจึงเคลือบด้วยสีเงินสะท้อนแสงในชั้นบนสุด และสำหรับผู้ใช้งานที่เน้นความเรียบง่ายคลาสสิค OPPO Reno7 Z 5G ก็ยังมีสี Cosmic Black เป็นอีกทางเลือก
ทั้งสี Rainbow Spectrum และ Cosmic Black ล้วนมีความสวยงามแตกต่างกันไป เนื่องจากพื้นผิวชั้นบนของทั้ง 2 สี ประกอบด้วย พื้นผิวที่มีความมันเงาผสานกับพื้นผิวด้าน และเคลือบทับด้วยพื้นผิวระยิบระยับจากเทคนิค OPPO Glow
ด้านหน้าของ OPPO Reno7 Z 5G เต็มไปด้วยพื้นที่ของจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ที่มีขอบจอรอบด้านบางเป็นพิเศษจนทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อบอดี้สูงถึง 90.8% และยังซ่อนเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้หน้าจอแบบเดียวกับสมาร์ทโฟนระดับเรือธง จอแสดงผลของ OPPO Reno7 Z 5G ถูกเจาะหลุมเล็กๆ ไว้ที่มุมบนเพื่อติดตั้งกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล เหนือขึ้นไปที่สุดขอบด้านบนเป็นตำแหน่งของลำโพงหูฟัง
OPPO Reno7 Z 5G ยังมาพร้อม Ultra-Slim Retro Design ซึ่งมีส่วนขอบแบนราบและบางเฉียบเพียง 7.49 มิลลิเมตร สำหรับสี Cosmic Black ขณะที่สี Rainbow Spectrum มีความบาง 7.55 มิลลิเมตร ผ่านงานประกอบที่ประณีต ทำให้สมาร์ทโฟนมีความสวยงามโดดเด่นเมื่อถืออยู่ในมือ และยังพกพาได้อย่างสะดวก
ปุ่มเพาเวอร์ถูกติดตั้งไว้ที่ส่วนขอบด้านซ้ายของจอแสดงผล อีกข้างมีถาดใส่ซิมการ์ด ถัดลงมาเป็นปุ่มเพิ่มและลดระดับเสียง
ด้านบนมีรูไมโครโฟนตัวที่ 2 ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้าง
ด้านล่างจะพบกับลำโพง, พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C, ไมโครโฟนตัวหลัก และ ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
มุมมองด้านหลังวางระบบกล้อง 3 ตัว พร้อมแฟลช LED มีความโดดเด่นที่ Dual Orbit Lights แสงไฟรอบกล้องหลัก 2 ตัว ซึ่งจะกะพริบหรือเปล่งแสงเป็นสีน้ำเงิน ฟ้าอ่อน ฟ้าคราม หรือเบบี้บลู ตามสถานการณ์ต่างๆ เช่น เมื่อเปิดเครื่อง ขณะชาร์จ รับสายเรียกเข้า มีการแจ้งเตือนที่ยังไม่ได้อ่าน รวมถึงการเปิดเกมอีกด้วย
จอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว
OPPO Reno7 Z 5G มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ความละเอียด Full HD+ (2400 x 1080 พิกเซล) ขนาด 6.4 นิ้ว รองรับตอนเท้นต์ Netflix, Amazon และ YouTube ระดับ HD ให้ประสบการณ์ในการรับชมภาพได้อย่างสบายตา ด้วยดีไซน์ไร้กรอบ จนทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อบอดี้สูงถึง 90.8% ใต้จอแสดงผลมีการติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ซึ่งเป็นวิธีการยืนยันตัวตนแบบเดียวกับที่พบในสมาร์ทโฟนระดับเรือธง และยังเจาะหลุมไว้ที่มุมบนของหน้าจอ เพื่อวางกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล
สแกนลายนิ้วมือใต้จอแสดงผล
OPPO Reno7 Z 5G ใช้ระบบยืนยันตัวตนทางไบโอเมทริกซ์แบบเดียวกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นใน Series เดียวกัน นั่นคือการสแกนลายนิ้วมือผ่านเซนเซอร์ที่ซ่อนอยู่ใต้จอแสดงผล (In-display Fingerprint Unlock) ถือเป็นวิธีที่ทันสมัย สามารถสแกนลายนิ้วมือได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ที่สำคัญยังเป็นวิธีการยืนยันตัวตนที่ปลอดภัยต่อสุขภาพในยุค COVID-19
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากใช้งานภายในบ้านหรือพื้นที่ส่วนตัวที่ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย OPPO Reno7 Z 5G ก็รองรับวิธีปลดล็อกด้วยการสแกนใบหน้าได้เช่นกัน โดยอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่าง AI กับกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล ช่วยให้ระบุใบหน้าเจ้าของสมาร์ทโฟนได้อย่างถูกต้อง
กล้องหลัง 3 ตัวความละเอียดสูง 64 ล้านพิกเซล
ระบบกล้องหลัง ถือเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจที่สุดของสมาร์ทโฟน OPPO Reno7 Z 5G โดยมีกล้องหลักความละเอียดสูงถึง 64 ล้านพิกเซล พร้อมด้วยกล้อง Depth และ Macro ชูจุดเด่นที่การถ่ายภาพและวิดีโอพอร์ตเทรตระดับมืออาชีพ เหมือนถ่ายจากกล้อง DSLR
- กล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล
- กล้อง Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
เปิดเข้ามาในแอปกล้องของ OPPO Reno7 Z 5G จะพบกับโหมดถ่ายภาพ Night, Video, Photo, Portrait ส่วนโหมดอื่นๆ ถูกรวมอยู่ใน More ได้แก่ Dual-view video, Slow-motion, Time-lapse, Expert, Extra HD, Panorama, Text scanner, Macro และ Sticker
ไฮไลท์ของกล้องหลังอยู่ที่โหมด Portrait ซึ่งมีสไตล์หรือฟิลเตอร์ Bokeh Flare Portrait ช่วยสร้างเอฟเฟกต์ดวงไฟโบเก้เพิ่มความโดดเด่นให้กับตัวบุคคลเหมือนถ่ายด้วยกล้อง DSLR โดยใช้อัลกอริทึมที่ได้รับการฝึกฝนกว่า 100 ฉาก ทำให้การแยกตัวบุคคลออกจากพื้นหลังมีความแม่นยำมากขึ้น
Bokeh Flare Portrait เหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคลทั้งในสภาพแสงปกติตอนกลางวัน โดยเฉพาะบริเวณที่ฉากหลังเป็นต้นไม้และมีแสงรอดผ่านมาตามกิ่งก้านใบ หรือจะใช้งานในเวลากลางคืนที่มีฉากหลังเป็นไฟประดับหรือไฟจากอาคารต่างๆ ก็ได้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ
โหมด Portrait ยังมีฟีเจอร์ Portrait Retouching ช่วยปรับภาพให้สวยงามได้ง่ายๆ เหมือนผ่านการรีทัช ปรับได้ถึง 100 ระดับ โดยใช้ประโยชน์จาก AI ช่วยลดจุดด่างดำบนใบหน้า ทำงานร่วมกับอัลกอริทึมจดจำใบใบหน้า ที่ผ่านการฝึกฝนจากภาพถ่ายกว่า 400,000 ภาพ ที่มีใบหน้ามากกว่า 5,000 ใบหน้า จึงสามารถปรับแต่งผิวหน้าได้อย่างสวยงามเป็นธรรมชาติ
โหมด Photo สามารถซูมแบบดิจิทัลได้สูงสุด 6 เท่า รองรับฟีเจอร์ AI Retouching และยังมีฟีเจอร์ HDR ช่วยถ่ายภาพย้อนแสงหรือในบริเวณที่มีทั้งส่วนมืดและสว่าง เพื่อให้มองเห็นรายละเอียดได้ชัดเจนขึ้น โหมด Night ซูมได้สูงสุด 5 เท่าเช่นกัน พร้อมด้วยฟิลเตอร์ Cosmopolitan, Astral และ Dazzle ช่วยเปลี่ยนโทนสีหรืออารมณ์ของภาพถ่ายยามค่ำคืน
โหมด Video รองรับการซูมแบบดิจิทัลได้สูงสุด 6 เท่า สามารถบันทึกวิดีโอในความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p และรองรับฟีเจอร์ AI Retouching เช่นเดียวกับการถ่ายภาพนิ่ง ซึ่งสามารถระบุจุดสำคัญบนใบหน้าได้สูงสุด 373 จุดบนวิดีโอ ทำให้ใบหน้าดูดีทุกการเคลื่อนไหว
กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล
กล้องหน้าถูกติดตั้งไว้ในหลุมที่มุมบนหน้าจอ โดยมีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ชูจุดเด่นที่ฟีเจอร์ Selfie HDR เพียงเปิด HDR ในโหมด Photo ก็จะได้ภาพถ่ายเซลฟี่ที่สวยงาม แม้จะถ่ายย้อนแสง ไม่ว่าจะเป็นภายในอาคารที่มีแสงเข้ามาจากหน้าต่าง หรือในฉากที่พระอาทิตย์กำลังตก รวมไปถึงการถ่ายเซลฟี่ในเวลากลางคืนที่มีแสงจากหลอดไฟอยู่ด้านหลัง
โหมด Photo ของกล้องหน้า มีฟีเจอร์ AI Retouching มาให้ใช้งานเช่นเดียวกับกล้องหลัง ซึ่งทำงานแทนโหมดบิวตี้ แต่มีความฉลาดมากกว่า สามารถระบุเพศ อายุ และเชื้อชาติได้อย่างแม่นยำ เพื่อรีทัชใบหน้าให้เหมาะสมเฉพาะตัวบุคคล แม้จะถ่ายเซลฟี่แบบกลุ่ม ก็จะทำให้ใบหน้าออกมาดูดีกันทุกคน อีกทั้งยังมีเครื่องมือปรับแต่งความงามด้วยตัวเองถึง 10 แบบ รวมถึงปรับแต่งโครงสร้างใบหน้าได้อย่างละเอียดถึง 8 จุด เช่น ผิว, คาง, จมูก, ดวงตา เป็นต้น
โหมด Portrait ของกล้องหน้า ยังมีสไตล์หรือฟิลเตอร์ Bokeh Flare Portrait แบบเดียวกับกล้องหลัง ช่วยถ่ายภาพเซลฟี่พร้อมละลายฉากหลังได้อย่างกับมืออาชีพ และยังมีฟิลเตอร์ AI Color Portrait ให้เลือกด้วย ช่วยทำให้โลกรอบตัวกลายเป็นสีขาวดำ แต่ยังคงสีสันที่ตัวบุคคลไว้
โหมด Video ของกล้องหลัง รองรับความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p และมีโหมด Dual-View Video ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้าและกล้องหลังได้พร้อมกัน เหมาะสำหรับสาย Vlog เพราะสามารถใช้กล้องหลังบันทึกสิ่งที่กำลังรีวิวหรือสอนทำอะไรสักอย่าง ขณะเดียวกันก็ยังใช้กล้องหน้าถ่ายตัวเองในระหว่างรีวิวรวมอยู่ในเฟรมเดียวกัน หรือจะใช้กล้องหลังบันทึกสถานที่ท่องเที่ยวและใช้กล้องหน้าบันทึกภาพตนเองในระหว่างให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่นั้น โดยไม่ต้องเสียเวลาไปตัดต่อในคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
ประสิทธิภาพชิป Snapdragon 695 5G
OPPO Reno7 Z 5G ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 695 5G ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนเทคโนโลยีการผลิต 6 นาโนเมตร ประกอบด้วยซีพียู 64-bit Octa-Core สามารถทำความเร็วนาฬิกาได้สูงสุดถึง 2.2GHz พร้อมด้วยจีพียู Adreno 619 มีประสิทธิภาพของซีพียูดีขึ้นสูงสุด 15% และจีพียูดีขึ้น สูงสุด30% เมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อน (Snapdragon 690)
ด้านความจำของ OPPO Reno7 Z 5G ได้รับ RAM 8GB จับคู่กับ ROM 128GB รองรับฟีเจอร์ RAM Expansion สามารถขยายความจำ RAM ได้อีก 5GB ผ่าน Virtual RAM (ยืมพื้นที่จาก ROM) จึงเปรียบเสมือนมี RAM ถึง 13GB ตอบสนองการทำงานแบบ Multitasking (เปิดหลายแอปพร้อมกัน) ได้อย่างราบรื่น
ประสบการณ์ในการเล่นเกม
นอกจากจะใช้ชิปประมวลผลระดับ 6 นาโนเมตร OPPO Reno7 Z 5G ยังถูกเสริมด้วยฟีเจอร์พิเศษหลายอย่าง เพื่อช่วยให้การเล่นเกมมีความลื่นไหลและสนุกยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น AI System Booster, AI Frame Rate Stabilizer, Quick Startup และ Game Focus Mode
AI System Booster เป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านซอฟต์แวร์ของระบบปฏิบัติการ ColorOS และ Android เพื่อทำให้การทำงานของสมาร์ทโฟนลื่นไหลที่สุด ประกอบด้วยเทคโนโลยีที่สำคัญมากมาย ไม่ว่าจะเป็น UI First, Super Touch, System Guard และ Idle Time Optimizer
AI Frame Rate Stabilizer ช่วยให้สมาร์ทโฟนคงความเสถียรของเฟรมเรท เพื่อมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ลื่นไหลยิ่งขึ้น ใช้ได้กับ เกม LOL, Mobile Legend, Free Fire, PUBG, Subway Surfers, Call of Duty Mobile และ Genshin Impact
Quick Startup ช่วยให้สมาร์ทโฟนเก็บเกมโปรดของผู้ใช้งานไว้ในเบื้องหลังเมื่อออกจากเกมไปแล้ว ทำให้การเปิดเกมขึ้นมาใหม่อีกครั้งมีความรวดเร็วทันใจ ไม่ต้องรอโหลดนาน และ Game Focus Mode สามารถปิดกั้นการแจ้งเตือนต่างๆ อย่างเช่น สายเรียกเข้า, ข้อความ เพื่อไม่ให้รบกวนระหว่างเล่นเกม
ระบบปฏิบัติการ ColorOS 12 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด
OPPO Reno7 Z 5G ทำงานบนพื้นฐาน Android 11 ครอบทับด้วย ColorOS 12 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ซึ่งได้รับการออกแบบมาให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้ใช้งาน มีการปรับปรุง User Interface ใหม่ให้สบายตามากขึ้น มาพร้อมไอคอน 3D รองรับ 67 ภาษา ครอบคลุมกว่า 140 ประเทศ อีกทั้งยังมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานให้มีความอัจฉริยะมากขึ้น เพื่อมอบความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน โดยมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจหลายอย่าง
Omoji เป็นอิโมจิ 3 มิติ แบบเคลื่อนไหวได้ ด้วยการใช้อัลกอริทึม Face Capture มาช่วยสร้างอิโมจิ 3 มิติ หรือ Avatar โดยอ้างอิงใบหน้าจริงของผู้ใช้งานที่ตรวจจับได้ถึง 77 จุด สามารถปรับแต่งการแสดงอารมณ์ และเครื่องประดับ ได้มากกว่า 200 แบบ
O Relax แอปพลิเคชั่นที่ช่วยบรรเทาความกังวลผ่านเสียงที่ทำให้สบายใจ ไม่ว่าจะเป็น The Sounds of the Cities, White Noise Customization และยังมีมินิเกมให้เล่นคลายเครียด
Air Gesture ช่วยให้สมาร์ทโฟน OPPO Reno7 Z 5G รองรับการควบคุมด้วยท่าทาง หรือ เคลื่อนไหวมือในอากาศ โดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนหน้าจอในแอปโซเชี่ยลต่างๆ รวมถึงการรับสายและปิดเสียงเมื่อมีสายเรียกเข้า
ColorOS 12 ได้รับการรับรองความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยจากหน่วยงานระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น ISO27001, ePrivacy และ TRUSTe นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ Anti-Peeping for Notifications ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัว เมื่อใช้งานสมาร์ทโฟนในที่สาธารณะ โดยสมาร์ทโฟนจะมีการซ่อนข้อความเมื่อพบว่ามีบุคคลอื่นกำลังจ้องมาที่หน้าจอ
แบตเตอรี่ 4,500mAh ชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC
OPPO Reno7 Z 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4,500mAh ถือว่ามีขนาดใหญ่พอสมควร เมื่อเทียบกับความบางของตัวเครื่อง จึงสามารถตอบสนองการใช้งานได้อย่างยาวนานตลอดทั้งวัน และยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC ผ่านพอร์ต USB Type-C สามารถชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% ภายในเวลาประมาณ 63 นาที หรือใช้เวลาชาร์จเพียง 5 นาที ก็สามารถนำไปสนทนาได้นานถึง 3 ชั่วโมง
ผ่านการรับรองมาตรฐาน TÜV SÜD ระดับ A
เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ใน Series เดียวกัน OPPO Reno7 Z 5G ก็ได้รับการรับรองจาก TÜV SÜD ในระดับ A (TÜV SÜD 36-Months‘ Fluency Certification) ซึ่งเป็นการรับรองระดับสูงสุดด้านความรวดเร็วของ TÜV SÜD มั่นใจได้ว่า OPPO Reno7 Z 5G ยังคงให้ประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็ว แม้จะใช้งานผ่านไปนาน 36 เดือน หรือ 3 ปี
ทั้งนี้ TÜV SÜD เป็นหน่วยงานระดับโลกที่มีความน่าเชื่อถือในด้านความปลอดภัย ความมั่นคง และความยั่งยืน อีกทั้งยังเชี่ยวชาญด้านการทดสอบ รับรอง ตรวจสอบ และให้คำปรึกษา โดย Fluency Certification ไม่เพียงเป็นปัจจัยใหม่ในด้านความรวดเร็วของสมาร์ทโฟน แต่ยังถือเป็นสิ่งบ่งบอกความเร็วในการใช้งานที่ต่อเนื่องหลังจากใช้งานมาแล้ว 2 หรือ 3 ปี โดยการทดสอบ ประกอบด้วยข้อมูลด้าน Time Delay ข้อมูลด้านประสิทธิภาพที่รวดเร็ว และอื่นๆ
สรุปราคาและการวางจำหน่าย
OPPO Reno7 Z 5G ถูกสร้างมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่เน้นการถ่ายภาพเป็นหลัก โดยเฉพาะการถ่ายภาพ Portrait ที่สามารถสร้างเอฟเฟกต์ดวงไฟโบเก้ให้กับฉากหลังได้อย่างสวยงามเหมือนถ่ายจากกล้องราคาแพง ขณะที่ประสิทธิภาพก็ตอบสนองการเล่นเกมและทำงานได้อย่างลื่นไหล โดยมีความจำขนาดใหญ่ รองรับชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC และทั้งหมดถูกบรรจุไว้ในตัวเครื่องที่มีดีไซน์สวยงามสะดุดตาจนไม่อยากสวมเคสไว้ สรุปแล้ว OPPO Reno7 Z 5G เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนระดับกลางที่มีประสิทธิภาพคุ้มค่ากับราคา โดดเด่นที่การถ่ายภาพ Portrait ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า
OPPO Reno7 Z 5G มีให้เลือก 2 สีคือสีคือ Rainbow Spectrum และ Cosmic Black เปิดราคาทางการในประเทศไทยเพียง 12,990 บาท พร้อมให้จับจองตั้งแต่วันที่ 3- 16 มีนาคม 2565 วางจำหน่ายทางการ 17 มีนาคมนี้ โดยผู้ที่ทำรายการสั่งซื้อล่วงหน้าในช่วงเวลาดังกล่าว จะได้รับของแถมเป็น OPPO SPORTS BAG และ E-VIP CARD ประกันจอแตกและประกันตัวเครื่อง มูลค่ารวม 7,499 บาท และซื้อพร้อมสมัครแพคเกจจากค่ายมือถือราคาเริ่มต้นแค่ 4,790 บาทเท่านั้น
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://bit.ly/3GLmWLF