มาพบกับรีวิวฉบับเต็มของ realme 9 Pro Series ทั้ง 2 รุ่นได้แก่ realme 9 Pro และ realme 9 Pro+ ที่มาพร้อมดีไซน์ตัวเครื่องอันโดดเด่นฝาหลังเปลี่ยนสีได้ Light Shift Design ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากแสงของพระอาทิตย์กำลังขึ้นยามเช้านั่นเอง ซึ่งก่อนหน้านี้ทีมงาน @Flashfly ได้นำเสนอพรีวิวพร้อมแกะกล่องให้ได้ชมกันไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับสมาร์ทโฟน realme 9 Pro และ realme 9 Pro+ ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อสำรวจดูว่าทั้งคู่มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร และมีฟีเจอร์อะไรที่เป็นจุดเด่นของแต่ละรุ่นภายใต้สโลแกน Capture The Light
สเปก realme 9 Pro
- จอแสดงผล 120Hz Ultra Smooth Display ขนาด 6.6 นิ้ว
- กล้องหลัง 64MP Nightscape Camera
- กล้องหน้า 16MP In-display Selfie Camera
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 695 5G
- ความจำ RAM 6GB + ROM 128GB และ RAM 8GB + ROM 128GB
- ขยาย RAM ได้สูงสุด 5GB ผ่านเทคโนโลยี (Dynamic RAM Expansion)
- รองรับการ์ด microSD (Hybrid Slot)
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 5 (802.11b/g/n/a/ac), Bluetooth 5.1, USB Type-C, 3.5mm Earphone Jack
- เซนเซอร์ Magnetic induction sensor, Light sensor, Proximity Sensor, Gyro-meter, Acceleration sensor
- ระบบนำทาง GPS/AGPS, Beidou, Glonass
- ระบบปฏิบัติการ realme UI 3.0 บนพื้นฐาน Android 12
- แบตเตอรี่ 5000mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 33W Dart Charge
- ขนาดบอดี้ 164.3 x 75.6 x 8.5 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 195 กรัม
สเปก realme 9 Pro+
- จอแสดงผล Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว
- สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ In-display Fingerprint Scanner
- วัดอัตราการเต้นของหัวใจผ่าน In-display Fingerprint Scanner
- กล้องหลัง 50MP Triple Camera (กล้องหลัก Sony IMX766 OIS)
- กล้องหน้า 16MP In-display Selfie Camera
- ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 920 5G
- ความจำ RAM 8GB + ROM 256GB
- ขยาย RAM ได้สูงสุด 5GB ผ่านเทคโนโลยี (Dynamic RAM Expansion)
- ระบบระบายความร้อน Vapor Chamber Cooling System
- มอเตอร์สั่นเชิงเส้นบนแกน X (X-axis Linear Motor)
- ลำโพงคู่ รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6 (IEEE802.11 a/b/g/n/ac/ax), Bluetooth 5.2, USB Type-C, 3.5mm Earphone Jack
- เซนเซอร์ Magnetic induction sensor, Light sensor, Proximity Sensor, Gyro-meter, Acceleration sensor
- ระบบนำทาง GPS/AGPS, Beidou, Glonass
- ระบบปฏิบัติการ realme UI 3.0 บนพื้นฐาน Android 12
- แบตเตอรี่ 4500mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 60W SuperDart Charge
- ขนาดบอดี้ 160.2 x 73.3 x 7.99 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 182 กรัม
Light Shift Design
ถึงแม้ realme 9 Pro Series จะมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่ในภาพรวมก็ถือว่ามีดีไซน์แบบเดียวกัน รวมถึงสีสันที่ผลิตออกมาให้เลือก 3 สี เหมือนกัน ได้แก่ Sunrise Blue, Aurora Green และ Midnight Black โดยทีมงาน @Flashfly ได้รับ realme 9 Pro สีเขียว Aurora Green กับ realme 9 Pro+ สี Sunrise Blue มารีวิว
สี Sunrise Blue มีความโดดเด่นกว่าตัวเลือกอื่น เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ realme ใช้ดีไซน์แบบ Photochromism ทำให้ฝาสามารถเปลี่ยนสีได้ Light Shift Design โดยภายใต้แสงแดดปกติ ฝาหลังจะเปลี่ยนจากสีฟ้าเป็นสีแดงหรือชมพูเข้มภายใน 3 วินาที และถ้าไม่มีแสงแดด สีของฝาหลังจะกลับมาเป็นสีฟ้าเหมือนเดิมภายใน 2 – 5 วินาที ซึ่งการเปลี่ยนเฉดสีของ Sunrise Blue ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแสงของดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นนั่นเอง
ไม่ว่าจะเป็นสี Sunrise Blue, Aurora Green หรือ Midnight Black จะได้รับการเคลือบผิว Photochromic Layer ถึง 3 ชั้น เพื่อทำให้สีสันบนพื้นผิวเปล่งประกายเจิดจ้า พร้อมสร้างเอฟเฟกต์แสงแบบแนวตั้งที่พริ้วไหวไปตามมุมของแสงจากการเอียงตัวเครื่อง
สำหรับดีไซน์รอบตัวเครื่องของทั้งคู่ ทีมงาน @Flashfly เคยนำเสนอไปแล้วในการแกะกล่องและพรีวิว แต่ในรีวิวเราจะพาไปดูกันว่าระหว่าง realme 9 Pro กับ realme 9 Pro+ มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
ที่ชัดเจนเลยก็คือขนาดของทั้งคู่ มีดีไซน์โดยรวมคล้ายกัน ทั้งสีสัน การจัดวางตำแหน่งกล้องหน้า ระบบกล้องหลัง รวมถึงตำแหน่งของปุ่มควบคุม พอร์ตเชื่อมต่อ และองค์ประกอบทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม realme 9 Pro Series มีขนาดและน้ำหนักแตกต่างกัน ถ้านำมาวางคู่กันจะเห็นว่า realme 9 Pro มีขนาดใหญ่กว่า เนื่องจากมีขนาดหน้าจอ 6.6 นิ้ว ขณะที่ realme 9 Pro+ มีขนาดหน้าจอ 6.4 นิ้ว ถาดใส่ซิมการ์ดของ realme 9 Pro เป็นแบบไฮบริด คือ สามารถเลือกใส่การ์ด microSD ในช่อง SIM2 ได้ แต่ realme 9 Pro+ ไม่รองรับการ์ด microSD แต่ก็มีความจุในตัวมากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับ realme 9 Pro
ความแตกต่างที่ชัดเจนอีกจุดก็คือ เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ โดย realme 9 Pro+ ได้รับการติดตั้งไว้ใต้จอแสดงผล แบบเดียวกับสมาร์ทโฟนเรือธง ขณะที่ realme 9 Pro ติดตั้งไว้ที่ขอบด้านข้างรวมกับปุ่มเพาเวอร์ สามารถใช้งานได้สะดวกไม่แพ้กัน
ด้วยขนาดหน้าจอที่เล็กกว่า และความจุแบตเตอรี่น้อยกว่า ส่งผลให้ realme 9 Pro+ พกพาได้สะดวกกว่า โดยมีความบางเพียง 7.99 มิลลิเมตร น้ำหนัก 182 กรัม (บางกว่าทุกรุ่นก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น realme 6 Pro, realme 7 Pro, realme 8 Pro) ขณะที่ realme 9 Pro มีความบาง 8.5 มิลลิเมตร น้ำหนัก 195 กรัม ส่วนงานประกอบ ความแข็งแรง และวัสดุ ถือว่าน่าประทับใจทั้ง 2 รุ่น
จอแสดงผลรีเฟรชสูง
realme 9 Pro+ มาพร้อมจอแสดงผล Super AMOLED ที่ขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องความคมชัด โดยมีความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.4 นิ้ว ให้อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 90.8% อัตราการรีเฟรช 90Hz อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate ที่ 360Hz และได้รับการป้องกันด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5
จอแสดงผลของ realme 9 Pro มีความละเอียด 2412 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.6 นิ้ว ให้อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 90.8% เท่ากับรุ่น Pro+ หมายความว่าทั้งคู่มีส่วนขอบหน้าจอบางเฉียบเท่ากัน แต่ realme 9 Pro อาจจะตอบสนองการสัมผัสได้ลื่นไหลกว่า เนื่องจากมีอัตราการรีเฟรช 120Hz อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate ที่ 240Hz
ข้อดีของ realme 9 Pro คือสามารถปรับอัตราการรีเฟรชหน้าจอได้ 6 ระดับ ขึ้นอยู่กับการใช้งาน เช่น 30Hz สำหรับใช้งานทั่วไป, 48Hz สำหรับดูหนัง,60/90Hz สำหรับเล่นเกม, 120Hz สำหรับเลื่อนหน้าจอท่องโลกโซเชี่ยล
ระบบความปลอดภัย
realme 9 Pro Series ใช้ระบบยืนยันตัวตนทางไบโอเมทริกซ์ทั้งวิธีสแกนลายนิ้วมือและใบหน้า แต่มีความแตกต่างกันที่ตำแหน่งของเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ realme 9 Pro+ ติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล ส่วน realme 9 Pro ติดตั้งไว้ที่ขอบด้านข้างรวมกับปุ่มเพาเวอร์ ทำให้ดีไซน์นภาพรวมของ realme 9 Pro+ มีความพรีเมียมกว่า ส่วนการใช้งานจริงถือว่าตอบสนองการอ่านลายนิ้วมือได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วเช่นเดียวกัน
การยืนยันด้วยระบบสแกนลายนิ้วมือ เรียกได้ว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในช่วงที่ COVID-19 ยังคงระบาด ทำให้ผู้คนต้องสวมหน้ากากอยู่ตลอดเวลาเมื่อออกไปทำธุระนอกบ้าง แต่เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานภายในบ้านหรือในพื้นที่ส่วนตัว realme 9 Pro และ realme 9 Pro+ ก็รองรับการปลดล็อกด้วยการสแกนใบหน้าได้เช่นกัน โดยอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่าง AI กับกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล ช่วยในการระบุใบหน้าเจ้าของสมาร์ทโฟนได้อย่างถูกต้อง
กล้องหลัง 3 ตัวเซนเซอร์เรือธง
realme 9 Pro+ ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางรุ่นแรก ที่มาพร้อมเซนเซอร์กล้องระดับเรือธงอย่าง Sony IMX766 OIS และยังมีกล้อง Ultra Wide กับ Macro มาให้ใช้งานด้วย โดยกล้องแต่ละตัวมีรายละเอียดดังนี้
- กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล (Sony IMX766) ขนาดเซนเซอร์ 1/1.56 นิ้ว ขนาดพิกเซล 2.0 ไมครอน รูรับแสง F1.8 กันสั่น OIS & EIS
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.2 ให้มุมมองกว้าง 119 องศา
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.4 ช่วยถ่ายภาพใกล้วัตถุในระยะ 4 เซนติเมตร
เมื่อเข้ามาในแอปกล้องของ realme 9 Pro+ จะพบกับโหมดถ่ายภาพ Night, Street, Video, Photo, Portrait, 50M ส่วนโหมดอื่นๆ รวมไว้ใน More ได้แก่ Pro, Pano, Ultra Macro, Movie, Slo-mo, Time-lapse. Dual View Video, Text Scanner, Starry Mode และ Tilt-Shift
จุดเด่นของกล้องหลัง realme 9 Pro+ อยู่ที่โหมด Street ซึ่งได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนมาถึง Street Photography 2.0 สำหรับถ่ายภาพแนวสตรีทได้อย่างง่ายดายเหมือนเป็นช่างภาพมืออาชีพ โดยในโหมดนี้ช่วงของการซูมจะเปลี่ยนเป็นระยะเลนส์หรือทางยาวโฟกัส 16mm – 120mm พร้อมด้วยฟีเจอร์ Smart Long Exposure ที่มีให้เลือก 4 แบบ สำหรับเปิดรับแสงให้ยาวนานแตกต่างกันขึ้นอยู่กับฉากหรือสถานการณ์
Smart Long Exposure ประกอบด้วย Neon trail (เหมาะสำหรับการถ่ายภาพแสงไฟบนท้องถนนยามค่ำคืน), Light trail portrait (สำหรับถ่ายภาพบุคคลในเวลากลางคืนที่ฉากหลังมีแสงสีของไฟต่างๆ), Rush hour (เน้นถ่ายภาพบุคคลที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่พลุกพล่านในชั่วโมงเร่งด่วน) และ Light painting (สำหรับถ่ายภาพวาดในอากาศด้วยดวงไฟหรือแสงที่มาจากฟืนหรือไฟฉาย)
นอกจากนี้ ในหมด Street ยังรองรับการถ่ายภาพรูปแบบไฟล์ RAW, มีฟิลเตอร์ Street, B&W Plus, Dramatic และฟิลเตอร์ใหม่ล่าสุด 90’s Pop ให้ภาพถ่ายออกมาในแนวคลาสสิกร่วมสมัย และมีฟีเจอร์ Peek & Zoom ช่วยให้ควบคุมตำแหน่งการซูมและโฟกัสได้ง่ายขึ้น
โหมด Photo สำหรับถ่ายภาพทั่วไป รองรับการซูมตั้งแต่ 0.6x ซึ่งเป็นการเปิดกล้อง Ultra Wide ส่วนกล้องหลักจะซูมในช่วง 1x จนสูงสุด 20x ในรูปแบบดิจิทัล ส่วนแถบเครื่องมือด้านบนรองรับฟีเจอร์ใช้งานแฟลช LED, HDR, AI และ ปรับอัตราส่วนภาพ
โหมด Portrait เน้นการถ่ายภาพบุคคลให้โดดเด่นเป็นพิเศษ มาพร้อมฟีเจอร์ Retouch ช่วยปรับโทนสีหรืออารมณ์ของภาพถ่าย เช่น Natural, Sweet, Delight และยังมี Filters ที่น่าสนใจอย่าง Dynamic bokeh, AI Color Portrait, Bokeh Flare Portrait สามารถละลายแสงของฉากหลังเป็นดวงไฟโบเก้อย่างสวยงาม
โหมด Night สำหรับถ่ายภาพในเวลากลางคืนหรือในที่แสงน้อย รองรับการซูมตั้งแต่ 0.6x จนสูงสุด 10x ในรูปแบบดิจิทัล สามารถเปิดฟีเจอร์ Pro เพื่อตั้งค่าความไวแสง, ความเร็วชัตเตอร์, ระยะโฟกัส, สมดุลสีขาว เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น และยังมี Filters ให้เลือกมากมาย เช่น Modern gold, Cyberpunk, Flamingo, Astral, Dazzle
โหมด Video ของกล้องหลัง realme 9 Pro+ รองรับความละเอียดสูงสุด 4K ด้วยอัตรา 30 เฟรมต่อวินาที รองรับการซูมตั้งแต่ 0.6x จนสูงสุด 10x สามารถงานฟีเจอร์ Retouch และ Filters ได้เหมือนการถ่ายภาพนิ่ง ซึ่งหมายความว่าสามารถใช้ฟิลเตอร์ AI Color Portrait และ Bokeh Flare Portrait ในการถ่ายวิดีโอได้ด้วย
สำหรับ realme 9 Pro ได้รับกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก + กล้อง Ultra Wide + กล้อง Macro เช่นเดียวกับ realme 9 Pro+ แต่กล้องตัวหลักใช้เซนเซอร์ต่างออกไป อย่างไรก็ตาม รูปแบบการใช้งานในแอปพลิเคชั่นกล้องยังให้ประสบการณ์แบบเดียวกัน
- กล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.79 ระยะเลนส์หรือทางยาวโฟกัส 25.18mm
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.2 ให้มุมมองกว้าง 119 องศา
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.4 ช่วยถ่ายภาพใกล้วัตถุในระยะ 4 เซนติเมตร
realme 9 Pro ได้รับโหมดถ่ายภาพแบบเดียวกับ realme 9 Pro+ รองรับ Street Photography 2.0 เช่นเดียวกัน แต่มีโหมด 64M แทนที่จะเป็น 50M หมายความว่าสามารถถ่ายภาพนิ่งในความละเอียดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล ขณะที่ realme 9 Pro+ มีความละเอียดสูงสุด 50 ล้านพิกเซล
โหมด Photo ของกล้องหลัง realme 9 Pro รองรับการซูมตั้งแต่ 0.6x ซึ่งเป็นการเปิดกล้อง Ultra Wide ส่วนกล้องหลักจะซูมในช่วง 1x จนสูงสุด 6x ในรูปแบบดิจิทัล ขณะที่โหมด Video รองรับความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p ด้วยอัตรา 30 เฟรมต่อวินาที หรือ HD 720p ด้วยอัตรา 60 เฟรมต่อวินาที รองรับการซูมตั้งแต่ 0.6x จนสูงสุด 6x
กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล
ถึงแม้กล้องหลักจะมีสเปกแตกต่างกัน แต่กล้องหน้าของ realme 9 Pro และ realme 9 Pro+ มีความละเอียดเท่ากัน 16 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวิดีโอด้วยความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p ด้วยอัตรา 30 เฟรมต่อวินาที
การถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้าของ realme 9 Pro+ มีความพิเศษที่รองรับฟิลเตอร์ Bokeh Flare Portrait รวมถึง AI Color Portrait, Delight และ Natural อีกทังยั้งมีฟีเจอร์ Retouch ที่สามารถปรับความงามบนใบหน้าได้หลายส่วน ทั้งผิวหน้า, รูปทรงแก้ม, ขนาดดวงตา และ จมูก
ตัวอย่างภาพถ่าย realme 9 Pro
ตัวอย่างภาพถ่าย realme 9 Pro+
ประสิทธิภาพ
realme 9 Pro+ ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 920 5G ผลิตด้วยกระบวนการโหนดอุตสาหกรรมประสิทธิภาพสูง 6 นาโนเมตร ประกอบด้วยซีพียู 64-bit Octa-Core โดยมี Arm Cortex-A78 ที่สามารถทำความเร็วนาฬิกาได้สูงสุดถึง 2.5GHz และ Arm Cortex-A55 ความเร็วสูงสุด 2.0GHz พร้อมด้วยจีพียู Arm Mali-G68 MC4
ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 920 5G ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพของซีพียูให้ดีขึ้น 4% สำหรับการทำงานแบบ Single Core ปรับปรุงประสิทธิภาพการเล่นเกมให้เร็วขึ้น 9% และสามารถถ่ายภาพที่มีรายละเอียดได้มากขึ้น 35% เมื่อเทียบกับชิป Dimensity 900
นอกจากนี้ realme 9 Pro+ ยังมาพร้อมระบบระบายความร้อน Vapor Chamber Cooling System ที่มีแผงระบายความร้อนขนาดใหญ่พิเศษ ครอบคลุมแหล่งความร้อนบนพื้นที่มากกว่า 13,029 ตารางมิลลิเมตร ช่วยลดอุณหภูมิได้อย่างดี ทำให้สมาร์ทโฟนอยู่ในสถานะการใช้งานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแม้จะเปิดใช้งานเป็นเวลานาน
ส่วน realme 9 Pro ได้รับชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 695 5G ถูกสร้างขึ้นด้วยกระบวนการโหนดอุตสาหกรรม 6 นาโนเมตรเช่นกัน ประกอบด้วยซีพียู 64-bit Octa-Core สามารถทำความเร็วนาฬิกาได้สูงสุดถึง 2.2GHz พร้อมด้วยจีพียู Adreno 619
ด้านความจำ realme 9 Pro+ ที่เปิดตัวในไทยมีความจำ RAM 8GB จับคู่กับ ROM 256GB รองรับฟีเจอร์ Dynamic RAM Expansion สามารถขยายความจำ RAM ได้สูงสุด 13GB ผ่าน Virtual RAM ที่ปรับได้ 3GB และ 5GB
สำหรับ realme 9 Pro มี 2 ตัวเลือก RAM 6GB + ROM 128GB และ RAM 8GB + ROM 128GB รองรับฟีเจอร์ Dynamic RAM Expansion ขยายความจำ RAM ได้อีก 3GB และ 5GB พร้อมรองรับการ์ด microSD แต่ต้องเลือกว่าจะใช้งานในรูปแบบ 2 การ์ดพร้อมกัน หรือ 1 ซิมการ์ด กับการ์ด microSD
วัดอัตราการเต้นของหัวใจ
realme 9 Pro+ ยังมีความพิเศษกว่า realme 9 Pro เนื่องจากมาพร้อมฟีเจอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ โดยอาศัยเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ ไม่ต้องง้อสมาร์ทวอทช์หรืออุปกรณ์ภายนอก และสามารถบันทึกประวัติอัตราการเต้นของหัวใจเพื่อตรวจสอบย้อนหลังได้
นอกจากนี้ realme 9 Pro+ ยังมาพร้อมระบบเสียง Dolby Atmos Dual Speakers และตอบสนองด้วยระบบสั่นโดยใช้มอเตอร์สั่นเชิงเส้นบนแกน X (X-axis Linear Motor)
ชาร์จเร็ว 60W SuperDart Charge
realme 9 Pro+ มีความจุแบตเตอรี่ 4500mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 60W SuperDart Charge สามารถชาร์จแบตเตอรี่ถึง 50% ในเวลาประมาณ 15 นาที ขณะที่ realme 9 Pro มีความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่า 5000mAh รองรับชาร์จเร็ว 33W Dart Charge ทั้งคู่แถมอุปกรณ์ชาร์จเร็วมาให้แล้วในกล่อง ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม
สรุปราคาและการวางจำหน่าย
realme 9 Pro และ realme 9 Pro+ มีความโดดเด่นเหมือนกันในหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่ใช้เทคนิคเดียวกัน ดีไซน์โดยรวมคล้ายกัน จะแตกต่างกันที่ realme 9 Pro+ มีขนาดเล็กและบางกว่า พกพาได้ง่ายกว่า ใช้เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ทันสมัยกว่า แบบติดตั้งไว้ใต้จอแสดงผล realme 9 Pro+ มีจุดเด่นที่จอแสดงผลให้ความคมชัดมากว่า กล้องหลักใช้เซนเซอร์ระดับเรือธง Sony IMX766 พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS จึงถ่ายภาพนิ่งได้คมชัด ถ่ายวิดีโอได้ราบรื่นกว่า และยังพร้อมใช้งานได้ทันใจกว่า เนื่องจากรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 60W SuperDart Charge
realme 9 Pro มีจุดเด่นที่จอแสดงผล 120Hz Ultra Smooth Display สามารถปรับอัตราการรีเฟรชหน้าจอได้ 6 ระดับ ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 695 5G ให้ประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่งในราคาใกล้เคียงกัน อีกทั้งยังมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh ชาร์จเร็ว 33W สรุปได้ว่า realme 9 Pro+ เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่เน้นการถ่ายภาพและวิดีโอ ด้วยเซนเซอร์กล้องระดับเรือธง Sony IMX766 OIS ขณะที่ realme 9 Pro เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่เน้นรับชมความบันเทิงผ่านจอแสดงผล 120Hz และยังรองรับการถ่ายภาพในเวลากลางคืนได้อย่างสวยงาม
- realme 9 Pro ขนาดความจุ 6+128 ราคา 8,999 บาท
- realme 9 Pro ขนาดความจุ 8+128 ราคา 9,999 บาท
- realme 9 Pro+ ขนาดความจุ 8+256 ราคา 12,999 บาท
โปรโมชันในช่องทางออนไลน์ ราคา Early bird รอบพิเศษ 3 รุ่น
- 1.realme 9 Pro ขนาดความจุ 6+128 กับการจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูฟเฉพาะบน Lazada เท่านั้น เหลือเพียง 8,499 บาท จากราคา 8,999 บาท ตั้งแต่วันที่ 3 – 5 มีนาคมนี้
- 2.realme 9 Pro ขนาดความจุ 8+128 เหลือเพียง 9,499 บาท จากราคา 9,999 บาท สำหรับผู้ที่สั่งซื้อจากทาง Lazada เท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 3-11 มีนาคมนี้
- 3.realme 9 Pro+ ขนาดความจุ 8+256 เหลือราคาเพียง 12,499 บาท จากราคา 12,999 บาท สำหรับผู้ที่สั่งซื้อจากทาง JD Central เท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 3-11 มีนาคมนี้
โปรโมชันสาหรับ realme Brand Shop และตัวแทนจาหน่ายท่ัวประเทศ Pre-order realme 9 Pro Series ตั้งแต่วันที่ 1 – 11 มีนาคมนี้ จะได้รับของสมนาคุณ รวมทั้งสิ้นกว่า 6,000 บาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1.เซ็ท realmeow Special Gift 2.realme smart scale 3. ประกันหน้าจอแตกตลอด 1 ปี 4. ผ่อน 0% นาน 6 เดือน