สมาร์ทโฟน OPPO Reno Series ไม่เพียงแต่จะให้ความสำคัญกับคุณภาพกล้องเท่านั้น แต่ยังได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงามในทุกรุ่น เพื่อสร้างความประทับใจได้ทันทีตั้งแต่แรกเห็น และยังคำนึงถึงการใช้งานด้วยดีไซน์ที่บางเบา จับถือได้อย่างสะดวก ซึ่งวันนี้ทีมงาน @Flashfly จะขอพาทุกคนย้อนกลับไปชมดีไซน์อันโดดเด่นของ OPPO Reno Series ตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นปัจจุบัน และมองไปถึงรุ่นใหม่ที่กำลังจะได้รับการเปิดตัวในเร็วๆ นี้
OPPO Reno 10x Zoom
สมาร์ทโฟนรุ่นแรกของ OPPO Reno Series เริ่มต้นที่ OPPO Reno 10x Zoom ในปี 2019 มีความโดดเด่นด้านดีไซน์หลายอย่าง ทั้งจอแสดงผลแบบ Panoramic Screen ที่ไม่มีรอยบากมารบกวนสายตา เพราะซ่อนกล้องหน้าไว้ที่ขอบด้านบน เรียกว่าระบบกล้องหน้า Pivot-Rising Camera แบบครีบฉลาม สามารถยกขึ้นมาอัตโนมัติเมื่อต้องการใช้งาน ขณะที่เลนส์กล้องหลังก็ได้รับการป้องกันด้วยปุ่มเซรามิค O-Dot ที่นูนขึ้นมาจากแผงด้านหลัง เพื่อปกป้องเลนส์กล้องหลังจากรอยขีดข่วน เมื่อวางสมาร์ทโฟนในแนวราบ
รีวิว OPPO Reno 10x Zoom – https://www.flashfly.net/wp/254123
OPPO Reno2 F
ดีไซน์จอแสดงผลแบบ Panoramic Screen ระบบกล้องหน้า Pivot-Rising Camera และ ปุ่มเซรามิค O-Dot ยังได้รับการถ่ายทอดมาถึง OPPO Reno2 ซึ่งเปิดตัวพร้อม OPPO Reno2 F แต่สำหรับ OPPO Reno2 F มีการเปลี่ยนระบบกล้องหน้าเป็นแบบ Rising Camera ติดตั้งกล้องหน้าไว้ตรงกึ่งกลาง มีความเร็วเพียง 0.74 วินาที ในการสไลด์กล้องขึ้นมา และยังมาพร้อมไฟแสดงสถานะ Atmosphere Light ที่อยู่ด้านข้างของกล้องหน้า ช่วยเพิ่มความสวยงามและยังใช้เป็นตัวนับถอยหลังเมื่อถ่ายภาพเซลฟี่
รีวิว OPPO Reno2 – https://www.flashfly.net/wp/271164
รีวิว OPPO Reno2 F – https://www.flashfly.net/wp/270166
OPPO Reno3 Pro
OPPO สร้างความแตกต่างอีกครั้งกับ OPPO Reno3 Pro สมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมดีไซน์กล้องหน้าแบบ Dual Punch-hole Display ความละเอียดสูงถึง 44 ล้านพิกเซล ช่วยให้กล้องหน้าสามารถถ่ายภาพ Portrait ได้อย่างสวยงาม เพราะมีกล้องรองช่วยละลายฉากหลัง และยังสามารถถ่ายภาพเซลฟี่ในที่แสงน้อยได้อย่างดี โดยมีดีไซน์บางเพียง 8.1 มิลลิเมตร น้ำหนักราว 175 กรัม ผลิตออกมา 3 สี ได้แก่ สีดำ Midnight Black ,สีน้ำเงิน Auroral Blue และ สีขาว Sky White Limited Edition
รีวิว OPPO Reno3 Pro – https://www.flashfly.net/wp/296368
OPPO Reno4
ดีไซน์กล้องหน้าแบบ Dual Punch-hole Display ถูกส่งต่อมาถึง OPPO Reno4 และเสริมความโดดเด่นด้วยการเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ถูกผลิตขึ้นด้วยเทคนิคพิเศษ เรียกว่า “Reno Glow” ด้วยการเคลือบสีแบบด้าน พร้อมประกายระยิบระยับบนฝาหลัง เพื่อให้สีสันที่สดใส สร้างความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น และยังป้องกันการเกิดรอยนิ้วมือได้อีกด้วย
รีวิว OPPO Reno4 – https://www.flashfly.net/wp/308642
OPPO Reno5 Series 5G
ด้วยการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง OPPO จึงมีการคิดค้นเทคนิคใหม่ๆ ที่ช่วยให้สมาร์ทโฟนของ OPPO Reno Series มีความโดดเด่นกว่าคู่แข่งอยู่เสมอ และใน OPPO Reno5 Series 5G ก็เป็นครั้งแรกที่มีการนำเทคโนโลยีดีไซน์ตัวเครื่อง “Diamond Spectrum Process” มาใช้งาน ช่วยสร้างเฉดสีใหม่นับพันสีภายในเครื่องเดียว สามารถสะท้อนเฉดสีออกมาอย่างโดดเด่น โดยเฉพาะเฉดสีเขียว สีเหลือง สีฟ้า สีม่วง และ สีส้ม
เทคโนโลยี Diamond Spectrum Process ทำให้ฝาหลังสีเงิน Fantasy Silver ของ OPPO Reno5 และ สีเงิน Galactic Silver ของ OPPO Reno5 5G สามารถสะท้อนเฉดสีได้นับพันในเครื่องเดียว เมื่อมองจากมุมหรือในสภาพแสงที่ต่างกัน อีกทั้งยังใช้เทคนิคเคลือบผิวแบบด้าน Reno Glow ช่วยลดการเกิดรอยนิ้วมือ บนตัวเครื่องที่มีดีไซน์เบาบาง พกพาได้อย่างสะดวก
รีวิว OPPO Reno5 Series 5G – https://www.flashfly.net/wp/329381
OPPO Reno6 Series 5G
ดีไซน์ OPPO Reno Glow ยังถูกนำมาใช้จนถึง OPPO Reno Series ในปัจจุบัน รวมถึง OPPO Reno6 Series 5G โดยเฉพาะ OPPO Reno6 Z 5G ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงามสะดุดตากับดีไซน์แบบ OPPO Reno Glow ทำให้พื้นผิวด้านหลังมีเอฟเฟกต์เปล่งประกายระยิบระยับ อีกทั้งยังมีพื้นผิวด้านช่วยให้เกิดรอยนิ้วมือได้ยาก
OPPO Reno6 Z 5G มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Aurora ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแสงเหนือ มาพร้อมเทคโนโลยี Diamond Spectrum Process ช่วยสร้างเอฟเฟกต์สะท้อนแสงทำให้สีสันเปลี่ยนแปลงไปตามองศาที่แสงตกลงมากระทบ ทำให้มองเห็นอีกสีสันที่ซ่อนอยู่ เมื่อมองจากมุมหรือแสงที่แตกต่างกัน และยังมีสี Stellar Black โทนสีเข้มสุดคลาสสิค ที่ดูเท่าไรก็ไม่เบื่อ เพราะมีการใช้เอฟเฟกต์แบบไดนามิก เพิ่มความระยิบระยับตามสไตล์ OPPO Reno Glow ให้ความรู้สึกเหมือนมองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีแสงของดวงดาวเปล่งประกาย
รีวิว OPPO Reno6 Z 5G – https://www.flashfly.net/wp/351477
OPPO Reno7 Series 5G
OPPO ยกระดับดีไซน์ขึ้นไปอีกขั้นกับสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของ OPPO Reno Series ที่เปิดตัวพร้อมกัน 2 รุ่น ได้แก่ OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G ทั้งคู่ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกในอุตสาหกรรม ที่มีการนำเทคโนโลยี Laser Direct Imaging (LDI) มาใช้บนฝาหลัง เพื่อสร้างเส้นแสงดวงดาวบนฝาหลัง
โดยเฉพาะในสี Startrials Blue ใน OPPO Reno7 5G มีการแกะสลักแกะสลัก micro-rasters จำนวนมากถึง 1.2 ล้านตัว แต่ละตัวถูกสร้างด้วยความละเอียดเพียง 20 ไมครอน มอบลักษณะเส้นแสงดวงดาวที่ละเอียดแม่นยำ
OPPO Reno7 Series 5G ยังมีดีไซน์ที่บางเฉียบ (Ultra Slim Body ) โดยเฉพาะ OPPO Reno7 Pro 5G ที่มีความบางเพียง 7.45 มิลลิเมตร และมาพร้อมกับดีไซน์ขอบเหลี่ยมสุดพรีเมี่ยมและจับถือได้อย่างสบายมืออย่างมาก นอกจากนี้ OPPO Reno7 Pro 5G ยังเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมที่มาพร้อม Orbit Breathing Light ซึ่งเป็นแสงแบบ “breathing” วงกลม 3 มิติ ล้อมรอบบริเวณกล้องบนฝาหลัง สามารถเปล่งแสงเมื่อมีสายเรียกเข้า แจ้งเตือน หรือในระหว่างการชาร์จ
OPPO Reno7 Series 5G ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของ OPPO Reno Series ซึ่งเปิดตัวในไทยเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ OPPO Reno7 5G ราคา 16,990 บาท พร้อมรับฟรี OPPO Sports Bag มูลค่า 2,499 บาท และ OPPO Reno7 Pro 5G ราคา 22,990 บาท พร้อมรับฟรี OPPO Sports bag มูลค่า 2,499 บาท และ OPPO Bluetooth Speaker มูลค่า 2,199 บาท
สามารถเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟน OPPO Reno7 Series 5G ได้แล้ววันนี้ ที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือเป็นเจ้าของได้ง่ายมากขึ้นเมื่อซื้อ OPPO Reno7 5G และ Reno7 Pro 5G ผ่านผู้ให้บริการเครือข่าย ในราคาเริ่มต้นเพียง 7,490 บาท ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 2 มีนาคม 2565 โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
รีวิว OPPO Reno7 5G – https://www.flashfly.net/wp/377561
เตรียมพบกับ OPPO Reno7 Z 5G รุ่นใหม่เร็วๆนี้
ดูเหมือน OPPO Reno7 Series 5G จะไม่ได้มีแค่ OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G เนื่องจากภายในงานเปิดตัวของทั้ง 2 รุ่นทางการในประเทศไทยเมื่อเร็วๆนี้ได้กระแสตอบรับเกินความคาดหมายทั้งยอดจองทะลุถึง 164% ตั้งแต่วันแรกที่เปิดจอง โดยล่าสุดทาง OPPO เองยันยันจะมีน้องเล็กในซีรีย์ในชื่อ OPPO Reno7 Z 5G เอาใจสายพอร์ตเทรต เตรียมปล่อยมาทำตลาดในประเทศไทยตามออกมาด้วย อีกทั้งดีไซน์ Ultra-Slim Retro Design แบบใหม่ ขอบเหลี่ยม ของสมาร์ทโฟนที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสายรุ้ง ที่ระยิบระยับ และเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาติดตามกันในเร็วๆ นี้