หลังจากผู้ให้บริการเครือข่ายฯ ในประเทศไทยเริ่มให้บริการ 5G เมื่อ 2 ปีก่อน ก็ทำให้สมาร์ทโฟน 5G มีส่วนแบ่งในตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ส่วนใหญ่ถ้าไม่จำกัดอยู่ในรุ่นเรือธงที่มีราคาสูง ก็อยู่ในกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับกลางที่ให้ความสำคัญในการเชื่อมต่อเป็นหลัก ทำให้ OPPO Reno7 Series 5G เป็นหนึ่งในตัวเลือกสมาร์ทโฟน 5G ที่ดีที่สุด ที่รองรับทั้งเทคโนโลยี 5G และยังรองรับการถ่ายภาพได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะการถ่ายภาพและวิดีโอพอร์ทเทรต ที่ให้ภาพสวยงามราวกับถ่ายจากกล้อง DSLR
The Portrait Expert
OPPO Reno7 Series 5G มาพร้อมสโลแกน “The Portrait Expert” เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในการถ่ายภาพพอร์ทเทรต ซึ่งเป็นจุดแข็งของสมาร์ทโฟน Reno Series ของ OPPO มาตั้งแต่รุ่นแรก และได้รับการพัฒนาซอฟต์แวร์กล้องมาอย่างต่อเนื่องจนมาถึงรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G ทำให้ทั้งคู่กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้งานที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟน 5G ที่ตอบโจทย์การถ่ายภาพพอร์ทเทรตได้อย่างสวยงาม
OPPO Reno7 5G เป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่มอบประสบการณ์การถ่ายภาพระดับมืออาชีพด้วยฟีเจอร์ Portrait Mode ที่สามารถปรับค่า F ได้ถึง 25 ระดับตั้งแต่ F0.95 ถึง F16 เสมือนกล้อง DSLR จึงให้เอฟเฟกต์เบลอพื้นหลังได้หลายระดับอย่างแนบเนียนและแม่นยำ ทำให้ได้ภาพพอร์ทเทรตที่สวยงามโดดเด่น
Portrait Mode ยังมีฟิลเตอร์ Bokeh Flare Portrait ที่ยกระดับการถ่ายภาพพอร์ทเทรตขึ้นไปอีกขึ้น ด้วยเอฟเฟกต์ดวงไฟโบเก้จากแสงที่หลุดโฟกัสบนพื้นหลัง ไม่ว่าจะถ่ายภาพในเวลากลางวันหรือกลางคืนที่มีแสงน้อย รองรับทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า
ที่น่าสนใจก็คือ Portrait Mode ของ OPPO Reno7 5G ยังมีฟิลเตอร์ Bokeh Flare Portrait กับการโหมดวิดีโอด้วย ทำให้ได้วิดีโอที่มีเอฟเฟกต์โบเก้สวยงาม ซึ่งปกติต้องใช้กล้อง DSLR ที่มีรูรับแสงขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ OPPO Reno7 5G สามารถสร้าง Bokeh Flare Portrait Video ได้อย่างง่ายดาย โดยอาศัยอัลกอริทึม AI ของ OPPO ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ช่วยเพิ่มการจดจำวัตถุ จึงสามารถสร้างเอฟเฟกต์ดวงไฟโบเก้ที่มีความเสถียรมากขึ้น มอบวิดีโอพอร์ตเทรตที่สวยงามระดับมืออาชีพ
OPPO Reno7 Pro 5G สมารท์โฟน 5G ที่มาพร้อมกล้องพอร์ตเทรตระดับแฟล็กชิพ ไม่ว่าจะเป็นกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ Sony IMX709 กล้องหลังตัวหลัก 50 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ Sony IMX766 โดยเซนเซอร์ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังเกิดจากการพัฒนาร่วมกันระหว่าง OPPO กับ Sony เพื่อส่งมอบประสิทธิภาพที่ก้าวล้ำแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ถึงแม้จะถ่ายภาพในบริเวณที่แสงไม่เป็นใจ ก็ยังสามารถบันทึกช่วงเวลาดีๆ ได้ครบทุกรายละเอียดด้วยประสิทธิภาพระดับแฟล็กชิพ
ตัวอย่างภาพถ่าย OPPO Reno7 5G
ตัวอย่างภาพถ่าย OPPO Reno7 Pro 5G
ดีไซน์สุดล้ำ OPPO Glow กับเทคโนโลยี LDI
OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G นับเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้เทคโนโลยี LDI (Laser Direct Imaging) สำหรับการสลักพื้นผิวฝาหลังอย่างละเอียดถึง 1.2 ล้านครั้ง เสมือนมีดาวหาง 1.2 ล้านดวงพาดผ่านฝาหลังของทั้งคู่ที่มาในสี Startrails Blue และยังผสานกับดีไซน์ OPPO Glow ที่ให้เอฟเฟกต์แสงระยิบระยับพร้อมไล่ระดับสีอย่างสวยงาม
OPPO Reno7 Series 5G ยังมีสี Starlight Black สำหรับรุ่น OPPO Reno7 Pro 5G และ Starry Black สำหรับรุ่น OPPO Reno7 5G เป็นอีกทางเลือก สำหรับผู้ใช้งานที่ชอบความคลาสสิคของสีดำ แต่ไม่ใช่สีดำที่เรียบง่าย เพราะแฝงไปด้วยเอฟเฟกต์คริสตัลขนาดเล็กนับล้านบนฝาหลังจากดีไซน์ OPPO Glow
ไม่เพียงแต่สวยงาม การพกพาและจับถือก็ยังให้ประสบการณ์ที่ดี ด้วยดีไซน์บางเบา OPPO Reno7 5G มีส่วนขอบโค้งมนบางเพียง 7.81 มิลลิเมตร น้ำหนัก 173 กรัม ขณะที่ OPPO Reno7 Pro 5G มีส่วนขอบเหลี่ยมบางเฉียบ 7.45 มิลลิเมตร น้ำหนัก 180 กรัม
OPPO Reno7 Pro 5G ยังถูกเสริมด้วย Orbit Breathing Light สามารถเปล่งแสงรูปแบบวงกลม 3 มิติ ล้อมรอบบริเวณกล้องหลัง เมื่อมีสายเรียกเข้า แจ้งเตือน หรือในระหว่างการชาร์จ
ประสิทธิภาพและสเปกโดยรวม
OPPO Reno7 Series 5G ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED (2400 x 1080 พิกเซล) ให้อัตราการรีเฟรชหน้าจอสูงสุด 90Hz ได้รับการป้องกันด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 ทำงานบนพื้นฐาน Android 11 ครอบทับด้วย ColorOS 12 ความจุแบตเตอรี่ 4,500mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SUPERVOOC สามารถชาร์จแบตเตอรี่ถึง 100% ภายในเวลาเพียง 31 นาที สนับสนุนการเชื่อมต่อมาตรฐานใหม่ 5G และ Wi-Fi 6 (802.11ax)
ความแตกต่างก็คือ OPPO Reno7 5G ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 900 5G ความจำ RAM 8GB + ROM 256GB สามารถขยาย RAM ได้สูงสุด 5GB ผ่านฟีเจอร์ RAM Expansion ส่วน OPPO Reno7 Pro 5G ได้รับชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 1200-MAX 5G ความจำ RAM 12GB + ROM 256GB สามารถขยาย RAM ได้สูงสุด 7GB ผ่านฟีเจอร์ RAM Expansion
ทั้งนี้ OPPO Reno7 5G มีขนาดหน้าจอ 6.4 นิ้ว อัตราส่วนหน้าจอต่อบอดี้ 90.8% ขณะที่ OPPO Reno7 Pro 5G มีขนาดหน้าจอ 6.5 นิ้ว อัตราส่วนหน้าจอต่อบอดี้ 92.8% ซึ่งหมายถึงมีพื้นที่ส่วนขอบรอบจอแสดงผลที่บางกว่า
สรุปราคาและการวางจำหน่าย
ด้วยการออกแบบที่สวยงามพรีเมียม ตอบสนองการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ OPPO Reno7 Series 5G เป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่ไม่ควรมองข้าม สำหรับผู้ใช้งานที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ไว้ตอบโจทย์การถ่ายภาพพอร์ทเทรต โดยเฉพาะวิดีโอพอร์ทเทรตที่ OPPO Reno7 Series 5G ใช้กล้องระดับแฟลกชิพ ทำให้ภาพออกมาสวยงามเสมือนถ่ายจากกล้อง DSLR
OPPO Reno7 Series 5G เปิดรับจองในไทยแล้วตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 ผ่านทาง OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ รวมถึงทั้ง 3 ค่ายมือถือ AIS,dtac และ Truemove H ในราคาเริ่มต้นเพียง 6,990 บาทเท่านั้น
OPPO Reno7 5G ผลิตออกมาให้เลือก 2 สี ได้แก่ Startrails Blue และ Starry Black วางจำหน่ายในราคา 16,990 บาท สำหรับผู้ที่สั่งซื้อล่วงหน้าในระหว่างวันที่ 14 – 18 กุมภาพันธ์ 2565 รับฟรี!! E-VIP Card (ประกันหน้าจอแตก) และหูฟังไร้สาย OPPO Enco Buds มูลค่ารวม 6,999 บาท
OPPO Reno7 Pro 5G มีสี Startrails Blue เช่นกัน ส่วนสีดำเรียกว่า Starlight Black วางจำหน่ายในราคา 22,990 บาท สำหรับผู้ที่สั่งซื้อล่วงหน้าในระหว่างวันที่ 14 – 18 กุมภาพันธ์ 2565 รับฟรี!! E-VIP Card (ประกันหน้าจอแตก) และหูฟังไร้สาย OPPO Enco Air 2 มูลค่ารวม 10,499 บาท
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://bit.ly/3LIHisL และ https://bit.ly/358s8ft
#OPPOReno7Series5G
#ThePortraitExpert
#เป็นตัวเองได้ไม่จำกัดด้วยพอร์ตเทรต