หลังจากแนะนำ Galaxy S22 และ Galaxy S22 Plus กันไปแล้ว ก็ถึงเวลาทำความรู้จักกับรุ่นไฮเอนด์ Galaxy S22 Ultra ซึ่งไม่เพียงแต่ออกมาสานต่อ Galaxy S21 Ultra ในปีที่แล้ว แต่ยังออกมาแทนที่ Galaxy Note 20 Ultra อีกด้วย
การออกแบบโดยรวมของ Galaxy S22 Ultra แตกต่างจากรุ่นน้องที่เปิดตัวพร้อมกัน แต่มีส่วนคล้ายกับ Galaxy Note 20 Ultra และมีช่องเสียบปากกา S Pen ในตัว โดย S Pen ของ Galaxy S22 Ultra ยังได้รับการปรับปรุงให้มีค่าเวลาแฝง หรือ Latency ต่ำเพียง 2.8 มิลลิวินาที ขณะที่ S Pen ของ Galaxy Note 20 Ultra มีค่า Latency อยู่ที่ 9 มิลลิวินาที หมายความว่า S Pen ของ Galaxy S22 Ultra จะตอบสนองการวาดเขียนได้ราบรื่นและรวดเร็วกว่า ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน
ปากกา S Pen ของ Galaxy S22 Ultra ได้รับการปรับปรุงฟีเจอร์การเขียนด้วยลายมือเป็นข้อความให้รองรับถึง 88 ภาษา มาพร้อมฟีเจอร์ Quick Note ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถแนบหรือเชื่อมโยงเนื้อหาในบันทึกย่อแบบป๊อปอัปภายในแอปของ Samsung และยังมีฟีเจอร์ใหม่ Collaboration View สามารถซิงค์ระหว่าง Galaxy S22 Ultra กับ Galaxy Tab S8 Series ช่วยให้เจ้าของสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตรุ่นใหม่ของ Samsung ทำงานข้ามอุปกรณ์ได้อย่างราบรื่น
Samsung Galaxy S22 Ultra มาพร้อมจอแสดงผล Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.8 นิ้ว รองรับอัตราการรีเฟรชไดนามิก 1-120Hz ให้ความสว่างสูงสุด 1,750 นิต ครอบคลุม DCI-P3 100% และยังถูกเจาะหลุมเพื่อติดตั้งกล้องหน้า 40 ล้านพิกเซล
กล้องหลังของ Galaxy S22 Ultra มีทั้งหมด 4 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 108 ล้านพิกเซล มีระบบกันสั่น OIS, กล้อง Ultra Wide 12 ล้านพิกเซล และ วางกล้อง Telephoto มาให้ 2 ตัว ความละเอียดเท่ากัน 10 ล้านพิกเซล แต่รองรับออปติคัลซูมต่างกัน 3x และ 10x
เช่นเดียวกับรุ่นน้อง Galaxy S22 Ultra ถูกผลิตออกมา 2 เวอร์ชั่น ที่ใช้ชิปประมวลผลแตกต่างกัน บางตลาดจะถูกจัดส่งไปพร้อมกับ Snapdragon 8 Gen 1 แต่ในบางภูมิภาค จะได้รับเวอร์ชั่น Exynos 2200 อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะใช้ชิปรุ่นใด ก็จะมีความจุแบตเตอรี่เท่ากัน 5,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 45W ทำงานบนพื้นฐาน Android 12 ครอบทับด้วย One UI 4.1
ด้านความจำมีด้วยกัน 4 ตัวเลือก ได้แก่ RAM 8GB + ROM 128GB, RAM 12GB + ROM 256GB, RAM 12GB + ROM 512GB และ RAM 12GB + ROM 1TB โดยมีให้เลือก 4 สี Phantom Black, Phantom White, Green และ Burgundy