Fitbit เริ่มวางจำหน่ายสายรัดข้อมือดิจิทัลรุ่นใหม่สำหรับติดตามสุขภาพ Fitbit Charge 5 ในประเทศไทยแล้ว ซึ่งยังอยู่ในช่วงเวลาที่ใครหลายคนต้องหันมาใส่ใจสุขภาพเป็นพิเศษ และในรุ่นใหม่ล่าสุดก็มีการปรับปรุงความสามารถในการติดตามสุขภาพให้ดีขึ้น รวมถึงปรับปรุงการออกแบบให้ทันสมัย ส่วนจะมีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง ทีมงาน @Flashfly พร้อมพาไปสำรวจแล้ว
สเปก Fitbit Charge 5
- จอแสดงผล AMOLED รองรับโหมด Always-On Display
- ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
- ตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2)
- ตรวจวัดอุณหภูมิของผิว
- ตรวจสอบความเครียดผ่านแอป EDA Scan
- ติดตามสุขภาพสำหรับผู้หญิง ใช้งานร่วมกับแอป Fitbit
- ติดตามความเครียด, ฝึกการหายใจ, ติดตามการนอนหลับ
- ติดตามการออกกำลังกายได้ 20 ประเภท
- ป้องกันน้ำ 50 เมตร พร้อมฟีเจอร์ติดตามการว่ายน้ำ
- การเชื่อมต่อ Bluetooth, NFC
- ระบบนำทาง GPS + GLONASS
- รองรับการแจ้งเตือนจากแอปต่างๆ ของสมาร์ทโฟนที่จับคู่
- โหมด Do Not Disturb ช่วยปิดกั้นการรบกวนจากแอปต่างๆ
- รองรับ Google Fast Pair ช่วยจับคู่กับอุปกรณ์ Android ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
- รองรับการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ Android 8.0 หรือใหม่กว่า และ iOS 12.2 หรือใหม่กว่า
- แบตเตอรี่ Lithium-polymer ให้อายุการใช้งาน นานสูงสุด 7 วัน
แกะกล่อง Fitbit Charge 5
Fitbit Charge 5 ผลิตออกมาทั้งหมด 3 สี ได้แก่ Black (สาย) / Graphite Stainless Steel (ตัวเรือน), Steel Blue (สาย) / Platinum Stainless Steel (ตัวเรือน) และสีที่ทีมงาน @Flashfly ได้รับมารีวิวเรียกว่าสี Lunar White (สาย) / Soft Gold Stainless Steel (ตัวเรือน) แต่ละสีสามารถแยกแยะได้ชัดเจนจากรูปภาพบนหน้ากล่อง เนื่องจากถูกพิมพ์ออกมาตามสีจริงที่เก็บอยู่ภายใน
ภายในกล่องจะพบกับ Fitbit Charge 5 เป็นอย่างแรก (มีแผ่นพลาสติกพันรอบตัวเรือนมาอย่างดี) ถัดลงมาจะพบว่าแถมสายรัดข้อมือมาให้อีกเส้น เป็นสายยาวขนาด 170 – 210 มิลลิเมตร เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถถอดเปลี่ยนให้พอดีกับข้อมือของตัวเองมากที่สุด (ส่วนสายสั้นติดตั้งมาให้อยู่แล้ว มีขนาด 130 – 170 มิลลิเมตร)
ภายในกล่องยังมีสายชาร์จแบบแม่เหล็ก สำหรับแนบติดกับด้านหลังตัวเรือน ซึ่งมีความแน่นหนาพอสมควร แนบติดแล้วไม่หลุดหล่นง่าย ด้านล่างสุดเป็นที่เก็บเอกสารต่างๆ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และคู่มือแนะนำการใช้งาน Quick Start Guide
ดีไซน์ใหม่ใช้จอ AMOLED
Fitbit Charge 5 ได้รับการปรับปรุงดีไซน์ให้ดูทันสมัยมากขึ้น ด้วยตัวเรือนบางลงกว่าเดิม 10% เมื่อเทียบกับรุ่น Charge 4 และที่สำคัญก็คือรุ่น Charge 5 ได้เปลี่ยนมาใช้จอสี ที่ให้ความสว่างเพิ่มขึ้น 2 เท่า จากรุ่นก่อนที่เป็นจอขาวดำ ด้านหน้าเป็นพื้นที่ของจอแสดงผล AMOLED ขนาด 1.04 นิ้ว ได้รับการป้องกันด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 3 ควบคุมการใช้งานด้วยการสัมผัสหน้าจออย่างเต็มรูปแบบ ตัวอย่างเช่น แตะหน้าจอ 2 ครั้ง เพื่อปลุกหน้าจอหรือกลับหน้าจอลัก, ส่วนการเลื่อนดูฟีเจอร์หรือเมนูต่างๆ ใช้วิธีปัดหน้าจอ ซึ่งปัดได้ทั้ง 4 ทิศทาง (ขึ้น/ลง/ซ้าย/ขวา)
จอแสดงผลของ Fitbit Charge 5 ยังรองรับโหมด Always-On Display สำหรับแสดงข้อมูลที่จำเป็น สามารถมองเห็นหน้าจอได้ตลอดเวลาขณะทำกิจกรรมหรือออกกำลังกาย หรือจะใช้มีฟีเจอร์ปลุกหน้าจออัตโนมัติ เมื่อพลิกข้อมือ ก็จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้ดีกว่า และยังสามารถเปลี่ยนหน้าปัดได้ 20 แบบ
ด้านหลังมีการติดตั้งเซ็นเซอร์สำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, เซ็นเซอร์แสงสีแดงและอินฟราเรดสำหรับวัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2) และยังมีเซ็นเซอร์สำหรับวัดอุณหภูมิของผิวด้วย ส่วนภายในมีการติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบ 3 แกน และเซ็นเซอร์ตรวจจับแสงสว่างรอบข้าง
Fitbit Charge 5 ยังได้รับการออกแบบมาให้ทนน้ำในระดับ 50 เมตร และมีฟีเจอร์ติดตามการว่ายน้ำ จึงสามารถสวมใส่ระหว่างว่ายน้ำในสระได้อย่างไร้กังวล หรือสวมใส่ขณะเดินฝ่าสายฝนได้อย่างสบาย ดังนั้น ถ้าต้องการล้างมือก็ไม่จำเป็นต้องถอดออกให้เสียเวลา
สำหรับสายรัดข้อมือ ก็มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์เล็กน้อยตรงวิธีการเก็บปลายสาย จะมีช่องสอดให้เก็บไว้ด้านใน ทำให้มีความคล่องตัวในระหว่างการทำกิจกรรมได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนที่ใช้ดีไซน์แบบสายนาฬิกาข้อมือ ต้องเก็บปลายสายกับห่วงรัดสายนาฬิกา โดยในกล่องให้สายมา 2 ขนาด ได้แก่ สายสั้นขนาด 130 – 170 มิลลิเมตร (ติดตั้งมาให้อยู่แล้ว) และแถมสายยาวขนาด 170 – 210 มิลลิเมตร มาให้อีกเส้น สามารถสลับเปลี่ยนสายได้ง่าย
ติดตามสุขภาพได้ครอบคลุม
Fitbit Charge 5 เพียบพร้อมไปด้วยเครื่องมือในการติดตามสุขภาพ เริ่มตั้งแต่การตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจตลอดเวลา พร้อมระบบแจ้งเตือนเมื่อพบว่าผู้สวมใส่มีอัตราการเต้นของหัวใจที่สูงหรือต่ำกว่าระดับปกติ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนของอาการเกี่ยวกับหัวใจ และควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์
ผู้ใช้งาน Fitbit Charge 5 ยังสามารถเข้าไปตรวจสอบข้อมูลสุขภาพทั้งหมดได้ที่ Health Metrics Dashboard ผ่านทางแอปพลิเคชั่น Fitbit ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลข้อมูลอัตราการหายใจ, ความแปรผันของอัตราการเต้นของหัวใจ (HRV – Heart Rate Variability), การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิผิวหนัง และ ตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2)
ติดตามการออกกำลังกาย
Fitbit Charge 5 ทำหน้าีท่เป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวได้ ด้วยโหมดติดตามการออกกำลังกายถึง 20 แบบ เช่น วิ่ง, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ, วิ่งบน Treadmill, ยกน้ำหนัก, ออกกำลังกายแบบ Training Workout นอกเหนือจากสี้สามารถเข้าไปตั้งค่าเพิ่มได้จากแอปพลิเคชั่น Fitbit
Fitbit Charge 5 ยังมีฟีเจอร์ตรวจจับการออกกำลังกายอัตโนมัติ และประเมินค่า V02 Max อีกทั้งยังมี GPS ในตัว จึงสามารถติดตามการออกกำลังกายกลางแจ้ง ไม่ว่าจะวิ่งหรือปั่นจักรยานได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ยังสามารถติดตามการว่ายน้ำได้อย่างไร้กังวล เพราะออกแบบมาให้ป้องกันน้ำในระดับ 50 เมตร พร้อมฟีเจอร์ Water Lock ช่วยล็อคหน้าจอเมื่อสวมใส่อยู่ในน้ำ สำหรับสมาชิก Fitbit Premium ยังสามารถเข้าถึงคอนเทนต์การออกกำลังกายกว่า 200 แบบ จากเทรนเนอร์ที่ได้รับการรับรองและแบรนด์ดังต่างๆ เช่น Daily Burn, barre3, obé และการออกกำลังกายด้วยพลังงานสูงแบบใหม่จาก LES MILLS
จัดการความเครียดได้ดียิ่งขึ้น
ผลสำรวจในช่วงปี 2020 ที่ผ่านมา พบว่าผู้ใหญ่กว่า 40% ต้องเผชิญกับความเครียดเป็นอย่างมาก Fitbit จึงให้ความสำคัญกับการจัดการความเครียดบนอุปกรณ์ติดตามสุขภาพรุ่นใหม่ ซึ่งรวมถึง Fitbit Charge 5 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ EDA Scan สามารถวัดระดับความเครียด โดยวัดจากการเปลี่ยนแปลงของต่อมเหงื่อบริเวณนิ้วมือ และประเมินจากการตอบสนองของร่างกายผู้สวมใส่
Fitbit เริ่มนำ EDA Scan มาใช้ครั้งแรกกับ Fitbit Sense แล้วพบว่า 70% ของผู้ใช้งาน สามารถลดอัตราการเต้นของหัวใจลงได้ ในระหว่างการทำ EDA Scan เป็นเวลา 2 นาที ซึ่งพิสูจน์ว่าฟีเจอร์นี้ สามารถช่วยลดความเครียดได้จริง
ผู้ใช้งานยังสามารถตรวจสอบความเครียดในแต่ละวันที่ผ่านมาได้ โดยดูจากคะแนน Stress Management Score ผ่านทางแอปพลิเคชั่น Fitbit สำหรับสมาชิก Premium สามารถเข้าถึงคอนเทนต์การทำสมาธิกว่า 300 แบบจากแบรนด์และผู้เชี่ยวชาญต่างๆ เพื่อช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถจัดการความเครียดได้ดีขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ Fitbit ได้จับมือกับ Calm แอปพลิเคชั่นอันดับ 1 สำหรับการนอนหลับ ทำสมาธิ และผ่อนคลาย ซึ่งสมาชิก Fitbit Premium สามารถติดตามการนอนหลับ และดูฟีเจอร์ Calm ที่ช่วยลดความเครียดได้ถึงจำนวน 30 รายการ
ติดตามการนอนหลับ
การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอเป็นอีกปัจจัยที่มีความสำคัญต่อสุขภาพ Fitbit Charge 5 จึงมาพร้อมเครื่องมือเกี่ยวกับการนอนหลับ เช่น Sleep Score แบบรายวัน Sleep Stages และฟีเจอร์ปลุกอย่าง SmartWake และสำหรับสมาชิก Fitbit Premium จะได้รับบทวิเคราะห์เชิงลึกและแนวทางในการพัฒนาคุณภาพการนอนอีกด้วย
Fitbit Charge 5 ใช้งานได้ยาวานสุด 7 วันจากการชาร์จหนึ่งครั้งโดยใช้สายชาร์จแบบแม่เหล็กแนบติดกับด้านหลังตัวเรือนเท่านั้น ซึ่งมีความแน่นหนาพอสมควร แนบติดแล้วไม่หลุดหล่นง่าย
ฟรี Fitbit Premium นาน 6 เดือน
Fitbit Charge 5 มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ สำหรับสมาชิก Fitbit Premium คอยให้ข้อมูลสุขภาพในทุกๆ เช้า เพื่อให้ผู้สวมใส่สามารถทำความเข้าใจร่างกายของตัวเอง ว่าพร้อมสำหรับการออกกำลังกายหรือไม่ หรือควรจะให้ความสำคัญกับการพักฟื้น โดยจะได้รับคะแนนที่ประเมินความอ่อนล้าของร่างกาย ระดับการเต้นของหัวใจ (HRV), คุณภาพจากการนอนหลับครั้งล่าสุด และข้อมูลที่วิเคราะห์ว่าปัจจัยใดมีผลกับคะแนน พร้อมคำแนะนำ เช่น Active Zone Minutes และคอนเทนท์บน Fitbit Premium ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานตัดสินใจได้ว่าวันนี้ควรจะดูแลตัวเองอย่างไร
เจ้าของ Fitbit Charge 5 ได้รับสิทธิ์เป็นสมาชิก Fitbit Premium ฟรีนานสูงสุด 6 เดือน เพื่อเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกด้านสุขภาพได้มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งรับคำแนะนำที่สามารถนำไปปฏิบัติตามได้ และวิธีการออกกำลังกายกว่า 500 แบบ ซึ่งรวมไปถึงข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพจิต และโภชนาการที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับร่างกายในแต่ละวัน
สรุปราคาและการวางจำหน่าย
Fitbit Charge 5 เป็นสายรัดข้อมือดิจิทัลที่วางใจได้ในเรื่องการติดตามสุขภาพ โดยมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงประสิทธิภาพจากรุ่นก่อนหน้า และออกแบบมาเพื่อช่วยดูแลสุขภาพหัวใจ วัดคุณภาพการนอนหลับ วัดความพร้อมของร่างกาย ตรวจสอบความเครียด และติดตามการออกกำลังกายได้ โดยมีดีไซน์ที่บางลง ทันสมัยมากขึ้น เปลี่ยนมาใช้จอสีที่สว่างกว่าเดิม แบตเตอรี่ให้อายุการใช้งานยาวนานสูงสุด 7 วัน
นอกจากนี้ Fitbit Charge 5 ยังมีฟีเจอร์ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์รับข้อความและการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนที่จับคู่อยู่ พร้อมฟังก์ชั่นตอบกลับด่วนบนสมาร์ทโฟน Android และยังรองรับฟีเจอร์ Payments จ่ายเงินแบบไร้การสัมผัส สามารถเพิ่มบัตรเครดิตได้จากแอป Fitbit
Fitbit Charge 5 เริ่มวางจำหน่ายแล้ว ในราคา 7,690 บาท มาพร้อมกับสมาชิก Fitbit Premium ฟรี!! นาน 6 เดือน สามารถสั่งซื้อได้ที่ช่องทางออนไลน์ Fitbit.com, JD Central, Lazada, Shopee และมีวางจำหน่ายที่ B2S, Super Sport, Dotlife, PowerBuy, ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน และห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์