หลังจากที่ทาง Huawei ได้ปล่อยระบบปฏิบัติการ HarmonyOS 2.0 Beta สำหรับ HUAWEI nova 9 ออกมาเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งผู้ใช้งานในประเทศไทยสามารถอัปเกรดเพื่อทดสอบใช้งาน HarmonyOS Beta นี้ได้เช่นกัน ทำให้ HUAWEI nova 9 เป็นสมาร์ทโฟนนอกประเทศจีนรุ่นแรกที่สามารถใช้งาน HarmonyOS ได้ และทางทีมงาน @flashfly ก็ได้นำตัวเครื่องมาทดสอบใช้งานกันแล้ว และจะเป็นอย่างไร เชิญติดตามรีวิวกันได้
HarmonyOS ระบบปฏิบัติการใหม่จากทาง HUAWEI ได้ถูกใช้งานในสมาร์ทวอทช์และแท็บเล็ตกันไปแล้ว โดยหลังจากนี้จะมีการทยอยอัปเกรดให้กับสมาร์ทโฟนในหลายๆ รุ่น สำหรับระบบปฏิบัติการ HarmonyOS นั้นได้รับการออกแบบมาเน้นที่ความเรียบง่าย ให้ประสบการณ์ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของ HUAWEI อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต สมาร์ทวอทช์ แล็ปท็อป ผลิตภัณฑ์ IoT และผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมต่างๆ
Multi-cam ควบคุมกล้องอุปกรณ์อื่นอย่างง่ายดาย
เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่มาใน HarmonyOS 2.0 beta โดยจะเป็นฟีเจอร์ที่ทำให้สมาร์ทโฟนที่เป็น Harmony OS ที่อยู่ใกล้เป็นกล้องหรือหน้าจอมอนิเตอร์ในการถ่ายภาพหรือวิดีโอได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ไปที่แอปพลิเคชันกล้อง จากนั้นเลือก More แล้วเลือก Mult-cam แล้วทำการเลือกกล้องที่จะใช้งาน หากเลือก This device จะเป็นการใช้กล้องของเครื่องที่เลือก แต่ถ้าเลือกอีกเครื่อง เครื่องที่ทำการเลือกก็จะทำหน้าที่เป็นหน้าจอมอนิเตอร์พร้อมกับรีโมทชัตเตอร์ไปในตัว โดยอุปกรณ์ที่จะเชื่อมต่อนั้นจะต้องใช้ HUAWEI ID และ Wi-Fi เดียวกัน
ฟีเจอร์ Multi-Cam นี้ ก็จะช่วยอำนวยความสะดวกสบายในกรณีที่เราต้องถ่ายรูปในมุมสูง หรือมุมต่ำ หรือต้องการมุมมองที่แตกต่างออกไปแต่ไม่สามารถดูหน้าจอของตัวเครื่องได้ ก็จะมีหน้าจอมอนิเตอร์เสริมเข้ามาทำให้เรามองเห็นมุมมองต่างๆ และสามารถกดถ่ายรูปในมุมมองที่เราต้องการได้ทันที
อินเทอร์เฟซคล้ายเดิม ไม่ต้องปรับตัวมาก
สำหรับหน้าตาของ HarmonyOS 2.0 beta นั้นยังคงมีความคล้ายคลึงกับ EMUI ที่ใช้งานในสมาร์ทโฟนก่อนหน้านี้ ซึ่งหากมีการอัปเกรดมาใช้งานก็สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องทันที เพราะมีความคุ้นเคยอยู่แล้ว แทบจะไม่ต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติม อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพในการเปิดแอปพลิเคชันต่างๆ ก็ทำได้รวดเร็วแบบรู้สึกได้ ในส่วนของการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันและเกมต่างๆ นั้น ก็ดาวน์โหลดได้จาก HUAWEI AppGallery ได้เหมือนเดิม
Control Panel ศูนย์รวมการควบคุมทั้งหมด
Control Panel ยังคงเป็นส่วนหลักในการควบคุมการใช้งานและฟีเจอร์ต่างๆ โดยจะมาพร้อมกับวิดเจ็ตแผงควบคุมเพลง และปุ่มเมนูสำคัญต่างๆ อาทิ Wi-Fi, Bluetooth ที่แตะเพื่อเปิด/ปิด หรือแตะค้างไว้เพื่อเข้าไปทำการตั้งค่าต่างๆ ได้
ส่วนถัดมาก็จะเป็นปุ่มทางลัดสำหรับการเปิด/ปิด การตั้งค่าเกี่ยวกับตัวเครื่องหรือเครื่องมือต่างๆ อาทิ ไฟฉาย, การแจ้งเตือน, การหมุนหน้าจอ, HUAWEI Share, พิกัด, Airplane Mode และอื่นๆ อีกมากมาย โดยสามารถแตะที่ขีดด้านล่างเพื่อขยายดูปุ่มเมนูทั้งหมดได้
สุดท้ายจะเป็น Super Device ที่เป็นฟีเจอร์ที่ทาง HUAWEI ต้องการให้ HarmonyOS มีการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเราสามารถแตะเพื่อทำการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ตรงส่วนนี้ได้เลย
Super Device เชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ได้แบบไร้รอยต่อ
เป็นการปรับปรุงจาก Device+ บน EMUI โดย Super Device เป็นฟีเจอร์ที่เปิดให้ผู้ใช้งานอุปกรณ์ HUAWEI สามารถทำการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่มี HUAWEI ID และเชื่อมต่อ Wi-Fi เดียวกันแบบไร้สายได้อย่างไร้รอยต่อ เพื่อใช้งาน MeeTime ในอุปกรณ์อื่น หรือจะสตรีมหน้าจอไปยังสมาร์ททีวีอย่าง HUAWEI Vision ก็ได้ รวมถึงการใช้งาน Multi-Screen Collaboration แสดงผลหน้าจอของสมาร์ทโฟนบนแท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์ รวมถึงการควบคุมการทำงานต่างๆ ผ่านหน้าจอใหญ่ได้ และที่สำคัญ สามารถโอนถ่ายไฟล์ระหว่างอุปกรณ์ได้อย่างสะดวก เพียงแค่ลากไฟล์วางระหว่างหน้าจอได้เลย ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อผ่านสายใดๆ ให้วุ่นวาย
สำหรับการเชื่อมต่อ Super Device บน HarmonyOS ก็ทำได้อย่างง่ายดาย ด้วยการลาก Control Panel จากมุมขวาด้านบนลงมา แล้วเลือกแตะที่ไอค่อนค้นหาที่มุมขวา ก็จะเป็นการแสดงผลอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ใกล้ตัว ซึ่งสามารถลากอุปกรณ์ที่อยู่รอบข้างเข้ามาตรงกลางเพื่อทำการจับคู่เชื่อมต่อได้ทันที และถ้าหากต้องการหยุดการเชื่อมต่อ ก็ทำการลากอุปกรณ์ออกมานอกวง ถือว่าเป็นการจับคู่ที่สะดวกและรวดเร็วมากๆ
Service Widget แสดงผลข้อมูลต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเข้าแอปพลิเคชัน
HarmonyOS มาพร้อมกับ Service Widget ที่เป็นวิดเจ็ตแสดงข้อมูลต่างๆ แบบเรียลไทม์ โดยสามารถเรียกใช้งานวิดเจ็ตได้อย่างง่ายดายด้วยการปัดขึ้นที่ไอคอนของแอปพลิเคชันเพื่อเรียกดูข้อมูลต่างๆ หรือเรียกใช้งานในเมนูต่างๆ (ขึ้นอยู่กับแต่ละแอปพลิเคชัน) ได้โดยที่ไม่ต้องเข้าไปแอปพลิเคชัน อาทิ เลือกโหมด Selfie ได้โดยที่ไม่ต้องเข้าไปเลือกภายในแอปพลิเคชัน, สามารถดูสภาพอากาศโดยที่ไม่ต้องเข้าแอปพลิเคชัน หรือจะเปิดเข้าดู Notes ล่าสุดได้ทันที
และในแต่ละแอปพลิเคชันที่รองรับการทำงาน Service Widget นั้น สามารถเลือกปักหมุดเพื่อใช้งานวิดเจ็ตที่หน้าโฮมสกรีนได้ทันที และถ้าหากต้องการปรับแต่งวิดเจ็ตก็สามารถมาปรับแต่งภายหลังได้ด้วยการแตะที่วิดเจ็ตค้างไว้แล้วเลือก Edit หรือเลือก More snippets เพื่อเลือกใช้ Snipet อื่นๆ หรือวิดเจ็ตในรูปแบบอื่นของแต่ละวิดเจ็ตนั้นๆ เพิ่มเติมได้อีก
สรุปความประทับใจหลังใช้งาน
HarmonyOS 2.0 Beta ถือว่าทำออกมาได้ดี มีหน้าตาอินเทอร์เฟซที่สวยงามและคุ้นตา ทำให้ผู้ใช้งานสมาร์โฟน HUAWEI อยู่แล้วไม่ต้องปรับตัวอะไรมากมาย โดยอาจจะมีการเปลี่ยนชื่อเมนูและฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้ามา แต่หลักๆ ก็ยังใช้งานได้อยู่ตามเดิม อีกทั้งยังมีความรวดเร็วในการเปิดใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ด้วยฟีเจอร์ Super Device ก็ทำให้การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ทำได้สะดวกมากขึ้น ด้าน Service Widget เองก็เพิ่มลูกเล่นและความสะดวกในการเข้าถึงเมนูต่างๆ ของแต่ละแอปลพลิเคชันได้อย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ต้องเปิดแอปให้เสียเวลาเลย ส่วน Mult-cam ก็ถือว่าเป็นการใช้พลังและประสิทธิภาพของการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ของ HUAWEI ได้อย่างมีประโยชน์ และจะทำให้เราได้มุมมองต่างๆ จากการถ่ายรูปภาพมากขึ้นด้วย น่าสนใจว่าตัวเต็มออกมาอัปเกรดให้กับสมาร์ทโฟนรุ่นต่างๆ นั้นจะเป็นอย่างไร ใครที่รอจะอัปเกรดอยู่ ก็อดทนรอกันอีกไม่นานแน่นอน