Meta (ชื่อบริษัทใหม่ของ Facebook) ประกาศแผนปิดระบบจดจำใบหน้า (Face Recognition) บนแพลตฟอร์ม Facebook ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า พร้อมลบเทมเพลตการจดจำใบหน้าของบุคคลมากกว่า 1 พันล้านคน ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานราว 600 ล้านบัญชี ที่มีการใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้า
หลังจาก Facebook ปิดระบบจดจำใบหน้า จะส่งผลให้แพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์กของ Facebook ไม่สามารถระบุใบหน้าของผู้คนในรูปภาพหรือวิดีโอ และยังส่งผลกระทบไปยังผู้ใช้งานที่มีความบกพร่องทางสายตาด้วย เพราะฟีเจอร์ Automatic Alt Text (AAT) จะไม่รวมชื่อบุคคลที่รู้จักในรูปภาพอีกต่อไป
Meta อธิบายถึงสาเหตุที่ต้องปิดระบบจดจำใบหน้า มาจากความกังวลที่เพิ่มขึ้นจากผู้ใช้งาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ในระหว่างการจัดทำกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้งาน อย่างไรก็ตาม Meta ยังให้ความสนใจเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า และอาจจะพิจารณานำกลับมาใช้ในกรณีที่ผู้ใช้งานจำเป็นต้องยืนยันตัวตน หรือเพื่อป้องกันการฉ้อโกง และการแอบอ้างเป็นบุคคลอื่น
แหล่งข่าวรายงานว่า อีกสาเหตุที่ทำให้ Meta ต้องปิดระบบจดจำใบหน้าบน Facebook มาจากความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ของ Frances Haugen อดีตพนักงาน Facebook ที่ออกมาเปิดเผยเอกสารภายในของบริษัทฯ และโจมตีว่า Facebook ตระหนักถึงอันตรายหลายอย่างที่เกิดจากแอปพลิเคชั่นและบริการของตนเอง แต่กลับไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้หรือไม่มีความพยายามในการแก้ไขปัญหา
ทั้งนี้ Facebook ได้ลงทุนไปมากในเทคโนโลยีจดจำใบหน้า ด้วยการซื้อกิจการ Face.com บริษัทสตาร์ทอัพในอิสราเอล เพื่อพัฒนาระบบจดจำใบหน้าสำหรับแอปบนมือถือ ซึ่งก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่เดือน Facebook ยังได้ซื้อกิจการ Instagram
นอกจากนี้ Facebook ยังเคยถูกฟ้องร้อง และต้องจ่ายค่าชดเชยเป็นเงิน 650 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.1 หมื่นล้านบาท ในข้อหารวบรวมและจัดเก็บข้อมูลทางไบโอเมตริกซ์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ ซึ่งขัดกับข้อกำหนดตามพระราชบัญญัติความเป็นส่วนตัวของข้อมูลไบโอเมตริกในรัฐอิลลินอยส์
ที่มา – CNBC