วันนี้ Apple เผยโฉม MacBook Pro ที่คิดขึ้นใหม่หมดในทุกรายละเอียดพร้อมด้วยขุมพลังอย่างชิป M1 Pro และ M1 Max แบบใหม่หมด ซึ่งถือเป็นชิประดับโปรคู่แรกที่ออกแบบมาเพื่อ Mac โดยครั้งนี้ MacBook Pro ซึ่งมีให้เลือกระหว่างรุ่น 14 นิ้ว และ 16 นิ้ว มาพร้อมประสิทธิภาพที่แรงเหลือล้นทั้งในด้านการประมวลผล กราฟิก และการเรียนรู้ของระบบ (ML) ไม่ว่าจะทำงานด้วยแบตเตอรี่หรือเสียบปลั๊ก และยังมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานอย่างน่าทึ่ง จึงสามารถทำเวิร์กโฟลว์ต่างๆ ที่ไม่เคยคิดว่าจะทำได้มาก่อนบนโน้ตบุ๊ก
นอกจากนี้ MacBook Pro ใหม่ยังมีจอภาพ Liquid Retina XDR ที่งดงาม, หลากหลายพอร์ตเพื่อการเชื่อมต่ออันล้ำสมัย, กล้อง FaceTime HD ความละเอียด 1080p และระบบเสียงที่ดีที่สุดในโน้ตบุ๊ก ซึ่งเมื่อรวมกับ macOS Monterey ที่ออกแบบชนิดลงลึกถึงแก่นเพื่อใช้ประโยชน์เต็มที่จากชิป M1 Pro และ M1 Max แล้ว จึงสามารถมอบประสบการณ์การใช้งานในระดับที่ยากจะหาใครเทียบ และ MacBook Pro ยังทลายทุกขีดจำกัดของสิ่งที่โน้ตบุ๊กทำได้ เพราะออกแบบมาสำหรับนักพัฒนา, ช่างภาพ, ผู้สร้างภาพยนตร์, ศิลปิน 3D, นักวิทยาศาสตร์, โปรดิวเซอร์เพลง และใครก็ตามที่ต้องการโน้ตบุ๊กที่ดีที่สุดในโลก MacBook Pro ใหม่จะเข้ามาเสริมทัพของ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้วพร้อมชิป M1 เพื่อสร้างกลุ่มผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กระดับโปรที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดย MacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว และ 16 นิ้ว ใหม่จะวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้”เรามุ่งมั่นตั้งใจที่จะสร้างโน้ตบุ๊กระดับโปรที่ดีที่สุดในโลก และวันนี้เรายินดีอย่างยิ่งกับการเปิดตัว MacBook Pro แบบใหม่หมดที่มาพร้อมชิป M1 Pro และ M1 Max ซึ่งพร้อมสร้างปรากฏการณ์ด้วยการผสมผสานระหว่างประสิทธิภาพที่เหนือชั้น ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่ไม่มีใครเทียบได้ และคุณสมบัติสุดล้ำต่างๆ” Greg Joswiak รองประธานอาวุโสฝ่าย Worldwide Marketing ของ Apple กล่าว “MacBook Pro แบบใหม่หมดนี้ยังมาพร้อมจอภาพ XDR ที่สวยสดงดงาม, พอร์ตที่มีให้มากขึ้นอย่าง MagSafe 3, กล้อง 1080p ที่ล้ำสมัย และระบบเสียง 6 ลำโพงที่เต็มอิ่ม ทั้งหมดนี้ในดีไซน์ใหม่ที่โดดเด่นสะดุดตา พูดง่ายๆ ว่า MacBook Pro ใหม่นั้นไม่มีใครเทียบได้ และจัดเป็นโน้ตบุ๊กระดับโปรที่ดีที่สุดเท่าที่เราเคยสร้างมาเลยทีเดียว”
ชิประดับโปรคู่ใหม่ เพื่อประสิทธิภาพระดับพลิกวงการ
ชิป M1 Pro และ M1 Max ปฏิวัติประสบการณ์การใช้งาน MacBook Pro และถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในการเปลี่ยนผ่านสู่ Apple Silicon บน Mac เพราะ MacBook Pro พร้อมชิป M1 Pro และ M1 Max นั้นนำสถาปัตยกรรม System on Chip (SoC) มาใช้กับระบบระดับโปรเป็นครั้งแรก โดยมีทั้งหน่วยความจำแบบรวมที่รวดเร็วและแบนด์วิดท์หน่วยความจำที่เพิ่มขึ้นเพื่อประสิทธิภาพที่เหลือเชื่อ รวมถึงประสิทธิภาพต่อวัตต์ที่ดีที่สุดในกลุ่ม และการประหยัดพลังงานชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรมชิป M1 Pro ยกระดับสถาปัตยกรรมของชิป M1 ที่เหนือชั้นอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ด้วย CPU อันทรงพลังสูงสุด 10 คอร์ ซึ่งประกอบด้วย 8 คอร์ประสิทธิภาพสูง และ 2 คอร์ประหยัดพลังงานสูง พร้อมด้วย GPU สูงสุด 16 คอร์ ทั้งหมดนี้ทำให้ชิป M1 Pro มีประสิทธิภาพ CPU เร็วขึ้นสูงสุด 70% เมื่อเทียบกับชิป M1 และมีประสิทธิภาพ GPU เร็วขึ้นสูงสุด 2 เท่า นอกจากนี้ชิป M1 Pro ยังมีแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงสุด 200GB/s หรือมากกว่าแบนด์วิดท์ของชิป M1 เกือบ 3 เท่า และรองรับหน่วยความจำแบบรวมที่รวดเร็วสูงสุด 32GB เท่านั้นยังไม่พอ เพราะชิป M1 Pro นั้นออกแบบมาเพื่อติดปีกให้กับเวิร์กโฟลว์งานวิดีโอระดับโปรโดยการใส่ตัวเร่งความเร็ว ProRes เพิ่มมาในมีเดียเอนจิ้นเพื่อการประมวลผลวิดีโอที่เร็วเหลือเชื่อแต่ยังคงประหยัดพลังงาน
ชิป M1 Max คือชิปที่ทรงพลังที่สุดในโลกสำหรับโน้ตบุ๊กระดับโปร และต่อยอดมาจากชิป M1 Pro เพื่อยกระดับความสามารถที่น่าทึ่งให้ล้ำหน้ายิ่งขึ้นไปอีก ชิป M1 Max มาพร้อม CPU แบบ 10-core อันทรงพลังไม่ต่างจาก M1 Pro แต่มี GPU มากขึ้นอีกสองเท่าเป็นสูงสุด 32 คอร์ จึงมีประสิทธิภาพ GPU เร็วกว่าชิป M1 สูงสุด 4 เท่า ทั้งยังมีแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงสุด 400GB/s หรือ 2 เท่าของชิป M1 Pro และเกือบ 6 เท่าของชิป M1 และมีหน่วยความจำแบบรวมที่รวดเร็วสูงสุด 64GB ยิ่งกว่านั้น ในขณะที่แล็ปท็อป PC รุ่นล่าสุดมีหน่วยความจำวิดีโอสูงสุดเพียง 16GB การมีหน่วยความจำมากขนาดนี้จึงถือเป็นสิ่งที่พลิกวงการสำหรับการทำงานระดับโปรเลยทีเดียว ช่วยให้มือโปรสามารถทำอะไรๆ อย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะทำได้มาก่อนบนโน้ตบุ๊ก อย่างศิลปิน 3D ที่วันนี้สามารถใช้ MacBook Pro เพื่อทำงานกับรูปทรงเรขาคณิตและลวดลายที่สลับซับซ้อนสุดๆ ในฉากที่แม้แต่แล็ปท็อป PC ระดับโปรยังรับมือไม่ไหว1 นอกจากนี้ชิป M1 Max ยังมาพร้อมมีเดียเอนจิ้นที่ดียิ่งขึ้นพร้อมด้วยตัวเร่งความเร็ว ProRes สองตัวเพื่อประสิทธิภาพการทำงานแบบหลายสตรีมที่สูงขึ้น และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ มือโปรสามารถตัดต่อวิดีโอ ProRes ระดับ 4K ได้สูงสุด 30 สตรีม หรือวิดีโอ ProRes ระดับ 8K ได้สูงสุด 7 สตรีมใน Final Cut Pro ซึ่งสูงกว่า Mac Pro แบบ 28-core พร้อม Afterburner เลยด้วยซ้ำ อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกบน Mac ที่นักตัดต่อวิดีโอสามารถปรับแก้สีแบบ HDR กับวิดีโอ ProRes 4444 ระดับ 8K ได้เลยขณะใช้แบตเตอรี่โดยไม่ต้องพึ่งห้องตัดต่อ2
โน้ตบุ๊ก Mac ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา
MacBook Pro ใหม่ก้าวข้ามขีดจำกัดของสิ่งที่โน้ตบุ๊กทำได้ด้วยประสิทธิภาพที่แรงเหลือเชื่อและความสามารถใหม่ๆ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนMacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว แบบใหม่หมดทรงพลังยิ่งขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับรุ่น 13 นิ้ว ระดับไฮเอนด์รุ่นก่อนหน้า3MacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว พร้อม CPU แบบ 10-core ในชิป M1 Pro และ M1 Max สามารถทำสิ่งต่อไปนี้ได้
- สร้างโปรเจ็กต์ด้วย Xcode ได้เร็วขึ้นสูงสุด 3.7 เท่า
- ใส่ปลั๊กอิน Amp Designer ใน Logic Pro ได้มากขึ้นสูงสุด 3 เท่า
- มีประสิทธิภาพพลศาสตร์ของไหลเชิงคำนวณใน NASA TetrUSS เร็วขึ้นสูงสุด 2.8 เท่า
MacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว พร้อม GPU แบบ 16-core ในชิป M1 Pro และ GPU แบบ 32-core ในชิป M1 Max สามารถพลิกโฉมเวิร์กโฟลว์ที่เน้นกราฟิกหนักๆ ได้ดังนี้
- เรนเดอร์ระดับ 4K ใน Final Cut Pro ได้เร็วขึ้นสูงสุด 9.2 เท่าด้วยชิป M1 Pro และสูงสุด 13.4 เท่าด้วยชิป M1 Max
- มีประสิทธิภาพ GPU ด้านเวคเตอร์และราสเตอร์รวมกันใน Affinity Photo เร็วขึ้นสูงสุด 5.6 เท่าด้วยชิป M1 Pro และสูงสุด 8.5 เท่าด้วยชิป M1 Max
- เรนเดอร์เอฟเฟ็กต์ใน Blackmagic Design DaVinci Resolve Studio ได้เร็วขึ้นสูงสุด 3.6 เท่าด้วยชิป M1 Pro และสูงสุด 5 เท่าด้วยชิป M1 Max
ทั้งชิป M1 Pro และ M1 Max มาพร้อมขุมพลังสุดแรงอย่าง Neural Engine แบบ 16-core จึงสามารถทำงาน ML ได้เร็วขึ้นดังนี้
- ประสิทธิภาพการติดตามวัตถุใน Final Cut Pro เร็วขึ้นสูงสุด 8.7 เท่าด้วยชิป M1 Pro และสูงสุด 11.5 เท่าด้วยชิป M1 Max
- ทำ Scene Edit Detection กับวิดีโอ ProRes 422 ระดับ 1080p ใน Adobe Premiere Pro ได้เร็วขึ้นสูงสุด 7.2 เท่า
- มีประสิทธิภาพเร็วขึ้นสูงสุด 2.6 เท่าเมื่อเลือกตัวแบบในภาพใน Adobe Photoshop
เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าแล้ว MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว ใหม่มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นมากแม้แต่กับเวิร์กโฟลว์ที่ซับซ้อนที่สุด โดยเฉพาะในด้านที่สำคัญกับมือโปรมากที่สุด4MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว พร้อม CPU แบบ 10-core ที่ทรงพลังเท่ากันในชิป M1 Pro และ M1 Max สามารถทำสิ่งต่อไปนี้
- มีประสิทธิภาพพลศาสตร์ของไหลเชิงคำนวณใน NASA TetrUSS เร็วขึ้นสูงสุด 3 เท่า
- สร้างโปรเจ็กต์ใน Xcode ได้เร็วขึ้นสูงสุด 2.1 เท่า
- ประสิทธิภาพในการเผยแพร่เร็วขึ้นสูงสุด 2.1 เท่าใน Vectorworks
MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว พร้อม GPU แบบ 16-core ในชิป M1 Pro และ GPU แบบ 32-core ในชิป M1 Max มีประสิทธิภาพกราฟิกเร็วขึ้นดังนี้
- มีประสิทธิภาพ GPU ด้านเวคเตอร์และราสเตอร์รวมกันใน Affinity Photo เร็วขึ้นสูงสุด 2.9 เท่าด้วยชิป M1 Pro และสูงสุด 4.5 เท่าด้วยชิป M1 Max
- เรนเดอร์เอฟเฟ็กต์ใน Maxon Cinema 4D พร้อม Redshift ได้เร็วขึ้นสูงสุด 2.5 เท่าด้วยชิป M1 Pro และสูงสุด 4 เท่าด้วยชิป M1 Max
- เรนเดอร์ระดับ 8K ใน Final Cut Pro ได้เร็วขึ้นสูงสุด 1.7 เท่าด้วยชิป M1 Pro และสูงสุด 2.9 เท่าด้วยชิป M1 Max
MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว พร้อม Neural Engine แบบ 16-core ในชิป M1 Pro และ M1 Max สามารถทำงานด้าน ML ได้เร็วยิ่งกว่าที่เคยดังนี้
- ทำ Scene Edit Detection กับวิดีโอ ProRes 422 ระดับ 1080p ใน Adobe Premiere Pro ได้เร็วขึ้นสูงสุด 4.4 เท่า
- ประสิทธิภาพการติดตามวัตถุใน Final Cut Pro เร็วขึ้นสูงสุด 3.6 เท่าด้วยชิป M1 Pro และสูงสุด 4.9 เท่าด้วยชิป M1 Max
- มีประสิทธิภาพเร็วขึ้นสูงสุด 1.5 เท่าด้วยชิป M1 Pro และสูงสุด 2 เท่าด้วยชิป M1 Max เมื่อเลือกตัวแบบในภาพใน Adobe Photoshop
ประหยัดพลังงานชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรม พร้อมแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานเหลือเชื่อ
MacBook Pro มีประสิทธิภาพที่เหนือชั้นแต่ยังคงประหยัดพลังงานได้ดีเยี่ยม ตั้งแต่เวิร์กโฟลว์ระดับโปรจนถึงงานทั่วไปในแต่ละวัน ไม่ว่าผู้ใช้จะเสียบปลั๊กหรือใช้แบตเตอรี่ที่มีระยะเวลาการใช้งานอันน่าทึ่ง ช่วยให้สามารถทำอะไรๆ ได้มากขึ้นจากการชาร์จครั้งเดียวเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าแล้ว MacBook Pro สามารถทำสิ่งต่อไปนี้ได้จากการชาร์จครั้งเดียว5
- รุ่น 14 นิ้ว เล่นวิดีโอได้นานสูงสุด 17 ชั่วโมง หรือเพิ่มขึ้น 7 ชั่วโมง ในขณะที่รุ่น 16 นิ้ว เล่นวิดีโอได้นานสูงสุดถึง 21 ชั่วโมง หรือเพิ่มขึ้น 10 ชั่วโมง จึงเรียกได้ว่าเป็นแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานที่สุดเท่าที่เคยมีมาบนโน้ตบุ๊ก Mac
- นักพัฒนาที่ทำงานใน Xcode จะสามารถคอมไพล์โค้ดได้มากขึ้นสูงสุด 4 เท่า
- ช่างภาพจะสามารถใช้งาน Adobe Lightroom Classic ขณะเดินทางได้นานขึ้นสูงสุด 2 เท่า
MacBook Pro มีประสิทธิภาพในระดับเดียวกันเสมอไม่ว่าจะเสียบปลั๊กหรือใช้แบตเตอรี่ ซึ่งต่างจากโน้ตบุ๊กระดับโปรอื่นๆ ที่ประสิทธิภาพลดลงเมื่อไม่ได้เสียบปลั๊ก และการผสมผสานที่ลงตัวเช่นนี้ ระหว่างประสิทธิภาพของระบบ ประสิทธิภาพขณะใช้แบตเตอรี่ และระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงทำให้ MacBook Pro แตกต่างจากโน้ตบุ๊กอื่นๆ ทั้งหมด
ออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพ
MacBook Pro รุ่น 14 และ 16 นิ้ว มาพร้อมดีไซน์สดใหม่อันสวยงามที่ออกแบบมาโดยเน้นเรื่องประสิทธิภาพและประโยชน์ใช้สอยเป็นสำคัญ เริ่มจากตัวเครื่องอะลูมิเนียมภายนอกแบบใหม่หมดที่จัดสรรพื้นที่ภายในอย่างเหมาะสมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและคุณสมบัติต่างๆ ตัวเครื่องได้รับการตัดแต่งรูปทรงอย่างแม่นยำโดยที่ภายในมีระบบควบคุมความร้อนอันล้ำสมัยที่สามารถถ่ายเทอากาศได้มากขึ้น 50% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า แม้ความเร็วของพัดลมจะต่ำกว่าเดิม และดีไซน์เพื่อการควบคุมความร้อนนี้เองคือสิ่งที่ทำให้ MacBook Pro มีประสิทธิภาพแรงสุดขั้วได้นานต่อเนื่องโดยที่ยังคงเย็นและเงียบ นอกจากนี้ เนื่องจาก Apple Silicon ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พัดลมจึงแทบไม่ต้องทำงานเลยสำหรับงานส่วนใหญ่ในชีวิตประจำวันหยุดฉายวีดีโอ: แอนิเมชั่นการควบคุมความร้อนของ MacBook ProMacBook Pro มาพร้อมดีไซน์เพื่อการควบคุมความร้อนอันล้ำสมัย จึงมีประสิทธิภาพแรงสุดขั้วได้นานต่อเนื่องโดยที่ยังคงเย็นและเงียบMacBook Pro ใหม่ยังมาพร้อม Magic Keyboard ซึ่งวางอยู่ในแอ่งสีดำที่ผ่านการชุบผิวสองชั้น ช่วยเสริมให้อักขระบนปุ่มที่มีแบ็คไลท์ส่องสว่างดูโดดเด่นสวยงาม และยังมีแถวปุ่มฟังก์ชั่นแบบเต็มขนาดด้วย ส่วน Touch Bar ก็ถูกแทนที่ด้วยปุ่มฟังก์ชั่นจริงๆ รวมถึงปุ่ม Escape ที่กว้างขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้ระดับโปรได้สัมผัสกับแรงตอบสนองที่คุ้นเคยเมื่อกดเหมือนกับปุ่มแบบกลไกที่ชื่นชอบ และคีย์บอร์ดใหม่นี้ก็มาคู่กับแทร็คแพด Force Touch ที่ดีที่สุดและเหมาะสมลงตัวสำหรับแอปพลิเคชันระดับโปร
สะกดทุกสายตาด้วยจอภาพโน้ตบุ๊กที่ดีที่สุดในโลก
นี่คือครั้งแรกที่ MacBook Pro มาพร้อมกับจอภาพ Liquid Retina XDR อันงดงาม ซึ่งใช้เทคโนโลยี Mini-LED แบบเดียวกับที่ใช้ใน iPad Pro จึงมีความสว่างต่อเนื่องแบบเต็มหน้าจอสูงสุด 1,000 นิต ในขณะที่ความสว่างสูงสุดเพิ่มได้ถึง 1,600 นิต ที่อัตราส่วนคอนทราสต์ 1,000,000:1 และช่วงไดนามิกก็กว้างถึงขีดสุด ทำให้คอนเทนต์ HDR ดูมีชีวิตชีวาด้วยรายละเอียดที่น่าเหลือเชื่อในส่วนเงามืด ไฮไลท์ที่สว่างสดใส สีดำที่ดำสนิทยิ่งขึ้น และสีสันที่สวยสดยิ่งกว่าที่เคย ที่สำคัญยังรองรับขอบเขตสีกว้างแบบ P3 และแสดงสีสันได้ 1 พันล้านสี จึงสามารถไล่ระดับสีได้เนียนตายิ่งขึ้น ยิ่งกว่านั้นเทคโนโลยี ProMotion ก็ยังมาอยู่บนจอภาพใหม่ของ Mac ด้วยโดยที่สามารถรีเฟรชด้วยอัตราสูงสุด 120Hz และ ProMotion ยังคอยปรับอัตราการรีเฟรชให้เหมาะสมกับคอนเทนต์บนหน้าจอโดยอัตโนมัติเพื่อช่วยประหยัดแบตเตอรี่ พร้อมกับช่วยให้งานต่างๆ ดูลื่นไหลและตอบสนองฉับไวยิ่งขึ้น ส่วนนักตัดต่อวิดีโอก็สามารถล็อคอัตราการรีเฟรชที่เหมาะกับวิดีโอของตัวเองได้ และเมื่อรวมเอาประสิทธิภาพที่โดดเด่นในแบบ XDR เข้ากับเทคโนโลยี ProMotion ที่ลื่นไหลสุดๆ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือจอภาพโน้ตบุ๊กที่ดีที่สุดในโลกนั่นเองทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับจอภาพขนาดใหญ่ขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยที่รุ่น 16 นิ้ว มีจอภาพที่ใหญ่เต็มตาขนาด 16.2 นิ้ว6 พร้อมจำนวนพิกเซลมากถึง 7.7 ล้านพิกเซล ซึ่งถือว่ามากที่สุดเท่าที่เคยมีมาบนโน้ตบุ๊ก Mac ในขณะที่รุ่น 14 นิ้ว มีพื้นที่บนหน้าจอมากยิ่งกว่าที่เคยด้วยพื้นที่แสดงผลขนาด 14.2 นิ้ว7 และมีจำนวนพิกเซลทั้งหมดมากถึง 5.9 ล้านพิกเซล ซึ่งมากกว่า MacBook Pro 16 นิ้ว รุ่นก่อนหน้าด้วยซ้ำ นอกจากนี้จอภาพยังมีขอบที่แคบลง และขยายกว้างขึ้นไปจนรอบกล้องเพื่อให้ผู้ใช้มีพื้นที่สำหรับคอนเทนต์มากขึ้น ทีนี้ไม่ว่าจะดูภาพยนตร์หรือปรับแก้สีในวิดีโอระดับ 8K จอภาพใหม่ก็พร้อมมอบประสบการณ์ด้านภาพที่สวยงามสมจริงระดับโรงภาพยนตร์
การเชื่อมต่อที่ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน MacBook Pro
MacBook Pro ใหม่มาพร้อมความสามารถในการเชื่อมต่อที่ล้ำสมัยและอเนกประสงค์ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในโน้ตบุ๊ก Mac โดยที่ทั้งสองรุ่นมีพอร์ต Thunderbolt 4 จำนวน 3 พอร์ตสำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่อพ่วงความเร็วสูง, ช่องเสียบการ์ด SDXC ที่ช่วยให้เข้าถึงสื่อต่างๆ ได้รวดเร็ว, พอร์ต HDMI ที่เชื่อมต่อกับจอภาพและทีวีได้อย่างสะดวกสบาย รวมถึงช่องต่อหูฟังที่ดียิ่งขึ้นพร้อมการรองรับหูฟังที่มีค่าความต้านทานสูง ส่วน MagSafe ก็หวนคืนสู่ MacBook Pro กับ MagSafe 3 ซึ่งมาพร้อมดีไซน์ใหม่ที่รองรับการจ่ายไฟให้กับระบบได้มากยิ่งกว่าที่เคย โดยที่ MagSafe 3 ทำให้การเชื่อมต่อสายชาร์จนั้นง่ายและรวดเร็ว และยังช่วยปกป้อง MacBook Pro อีกด้วย อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ Mac รองรับการชาร์จเร็วโดยที่สามารถชาร์จได้สูงสุด 50% ในเวลาเพียง 30 นาที ยิ่งกว่านั้นชิป M1 Pro ยังให้ผู้ใช้เชื่อมต่อกับ Pro Display XDR ได้สูงสุด 2 จอ ในขณะที่ชิป M1 Max ให้ผู้ใช้เชื่อมต่อกับ Pro Display XDR ได้สูงสุด 3 จอ และทีวี 4K อีกหนึ่งเครื่องพร้อมกัน ส่วนความสามารถในการเชื่อมต่อแบบไร้สายนั้น MacBook Pro รองรับทั้ง Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.0
กล้องและระบบเสียงที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาในโน้ตบุ๊ก Mac
MacBook Pro ใหม่มาพร้อมกล้อง FaceTime HD ความละเอียด 1080p ซึ่งดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาในโน้ตบุ๊ก Mac ด้วยความละเอียดและประสิทธิภาพในสภาวะแสงน้อยดีขึ้น 2 เท่า และระบบกล้องยังอาศัยโปรเซสเซอร์รับสัญญาณภาพ (ISP) ที่ทรงพลัง รวมถึง Neural Engine ของชิป M1 Pro และ M1 Max ในการประมวลผลวิดีโอด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อยกระดับคุณภาพของภาพให้ดียิ่งขึ้น ผู้ใช้จึงดูคมชัดยิ่งขึ้นและมีสีผิวที่เป็นธรรมชาติยิ่งกว่าเดิมหยุดฉายวีดีโอ: วิดีโอแอนิเมชั่นของกล้องMacBook Pro มาพร้อมกล้อง FaceTime HD ความละเอียด 1080p ที่ใช้ ISP และ Neural Engine ของชิป M1 Pro และ M1 Max ในการประมวลผลวิดีโอด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อยกระดับคุณภาพของวิดีโอให้ดียิ่งขึ้นMacBook Pro ใหมพร้อมมอบประสบการณ์ด้านเสียงที่ดีขึ้นอีกระดับด้วยไมโครโฟนคุณภาพระดับสตูดิโอที่มีระดับเสียงรบกวนต่ำยิ่งกว่าเดิม ช่วยให้คุยโทรศัพท์และบันทึกเสียงได้ชัดเจนขึ้น ส่วนระบบเสียง 6 ลำโพงที่คมชัดก็มีทวีตเตอร์ 2 ตัวเพื่อสร้างมิติเสียงที่ชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมวูฟเฟอร์แบบตัดแรงสั่น 4 ตัวที่เพิ่มเสียงเบสอีก 80% อีกทั้งยังรองรับระบบเสียงตามตำแหน่ง ซึ่งสร้างประสบการณ์การฟังแบบ 3 มิติที่มีความสมจริง ดังนั้นไม่ว่าผู้ใช้จะฟังเพลงหรือดูภาพยนตร์ในแบบ Dolby Atmos ก็จะได้สัมผัสกับประสบการณ์ระดับโรงภาพยนตร์ และเมื่อรวมทั้งหมดนี้เข้าด้วยกันจึงได้เป็นระบบเสียงที่ดีที่สุดในโน้ตบุ๊กอย่างไม่ต้องสงสัยหยุดฉายวีดีโอ: วิดีโอแอนิเมชั่นของระบบเสียงMacBook Pro มีระบบเสียงที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาในโน้ตบุ๊ก เพราะมีทั้งไมโครโฟนคุณภาพระดับสตูดิโอ, ระบบเสียง 6 ลำโพงที่คมชัด แถมยังรองรับระบบเสียงตามตำแหน่ง
macOS Monterey ปรับแต่งมาอย่างลงตัวสำหรับชิป M1 Pro และ M1 Max
MacBook Pro รุ่น 14 และ 16 นิ้ว ใหม่มาพร้อม macOS Monterey ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการบนเดสก์ท็อปที่ล้ำสมัยที่สุดในโลกเวอร์ชั่นล่าสุด และเมื่อ macOS Monterrey มารวมกับชิป M1 Pro และ M1 Max อันทรงพลังจึงทำให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับประสิทธิภาพที่เหนือชั้น และช่วยยกระดับการทำงานไปอีกขั้น อย่าง FaceTime ที่มาพร้อมคุณสมบัติใหม่ด้านเสียงและวิดีโอที่ทำให้การพูดคุยเป็นธรรมชาติและสมจริงยิ่งขึ้น หรือเครื่องมือ “ความต่อเนื่อง” ใหม่ๆ อย่าง “AirPlay ไปที่ Mac” ที่จะทำให้อุปกรณ์ Apple ทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีคุณสมบัติใหม่ๆ อย่าง “ข้อความในรูปภาพ” และ “ค้นดูจากภาพ” ที่อาศัยระบบอัจฉริยะเพื่อดึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ขึ้นมาให้เห็น ส่วน Safari ก็มี “กลุ่มแถบ” ที่ช่วยจัดระเบียบแถบเว็บไซต์ได้อย่างทรงพลัง ส่วนแอปคำสั่งลัดสำหรับการสั่งงานอัตโนมัติแบบง่ายๆ ก็มาอยู่บน Mac แล้ว และยังมีคุณสมบัติที่จะพร้อมใช้งานภายในปีอย่าง SharePlay ที่จะทำให้ผู้ใช้แชร์ประสบการณ์ร่วมกันผ่าน FaceTime ได้ รวมถึง “ควบคุมจากอุปกรณ์กลาง” ที่ช่วยให้ทำงานสลับไปมาระหว่าง Mac และ iPad ได้สะดวกรวดเร็วเมื่อมีทั้ง macOS Monterey และ Apple Silicon ผู้ใช้ Mac ก็สามารถใช้แอปได้หลากหลายยิ่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน เพราะแอป Mac ทั้งหมดของ Apple ได้รับการปรับแต่งมาให้สามารถทำงานชิป M1 Pro และ M1 Max ได้เลย นอกจากนี้ยังมีแอปและปลั๊กอิน Universal อีกกว่า 10,000 รายการให้เลือกใช้ อย่าง Lightroom Classic, Cinema 4D, Capture One และอีกมากมาย ส่วนแอป Mac ที่ยังไม่ได้รับการอัปเดตเป็นแบบ Universal ก็สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นโดยอาศัยเทคโนโลยี Rosetta 2 ของ Apple และผู้ใช้ก็สามารถใช้แอป iPhone และ iPad บน Mac ได้โดยตรง ซึ่งช่วยเปิดโลกของความเป็นไปได้ใหม่ๆ อีกมากมาย พร้อมกันนี้ยังมีคุณสมบัติใหม่ๆ อันทรงพลังเพิ่มมาใน Final Cut Pro และ Logic Pro ที่จะใช้ประโยชน์จากขุมพลังและประสิทธิภาพของชิป M1 Pro และ M1 Max อย่างเต็มที่
ดีต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น
MacBook Pro ใหม่ยกระดับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมอีกครั้ง ด้วยตัวเครื่องที่ทำจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100%, การใช้ดีบุกรีไซเคิล 100% ในบัดกรีของแผงวงจรหลัก และยังเป็นครั้งแรกที่โน้ตบุ๊ก Mac ใช้แร่โลหะหายากรีไซเคิล 100% ในแม่เหล็กทุกชิ้นด้วย นอกจากนี้ทั้งสองรุ่นยังใช้พลาสติกรีไซเคิลอย่างน้อย 35% ในส่วนประกอบ 7 ชิ้น ส่วนเยื่อไม้ในบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดมาจากป่าที่ได้รับการจัดการอย่างรับผิดชอบหรือจากแหล่งรีไซเคิล และ MacBook Pro ยังคงปลอดสารอันตรายเช่นเดิม อีกทั้งยังได้รับการผลิตโดยใช้พลังงานหมุนเวียนมากยิ่งขึ้น ตามมาตรฐานระดับสูงของ Apple ในด้านการประหยัดพลังงานวันนี้การดำเนินงานของบริษัท Apple ทั่วโลกมีความเป็นกลางทางคาร์บอน และภายในปี 2030 เราวางแผนที่จะลดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศให้เป็นศูนย์ในทุกภาคส่วนของธุรกิจ ซึ่งรวมถึงซัพพลายเชนการผลิตและวงจรชีวิตของสินค้าทั้งหมด นั่นหมายความว่าอุปกรณ์ Apple ทุกเครื่องที่จำหน่ายจะมีความเป็นกลางทางคาร์บอน 100% ตั้งแต่การผลิตชิ้นส่วน การประกอบ การขนส่ง การใช้งานของลูกค้า การชาร์จ จนถึงการรีไซเคิลและการคัดแยกวัสดุ
ราคาและการวางจำหน่าย
- MacBook Pro ใหม่พร้อมชิป M1 Pro และ M1 Max จะเปิดให้สั่งซื้อบน apple.com/th/storeและแอพ Apple Store และวางจำหน่ายที่ร้าน Apple Store บางสาขา และร้านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Apple ในเร็วๆ นี้ MacBook Pro รุ่น 14 นิ้วใหม่มีราคาเริ่มต้นที่ 73,900 บาท และ 68,700 บาท สำหรับราคาส่งเสริมการศึกษา ส่วน MacBook Pro รุ่น 16 นิ้วใหม่มีราคาเริ่มต้นที่ 89,900 บาท และ 82,900 บาท สำหรับราคาส่งเสริมการศึกษา ดูข้อมูลทางเทคนิคเพิ่มเติม ตัวเลือกในการปรับแต่งตามความต้องการ และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ได้ที่ apple.com/th/mac
- macOS Monterey จะเปิดให้ใช้งานในรูปแบบของการอัปเดตซอฟต์แวร์ฟรีในวันอังคารที่ 26 ตุลาคม (ตามเวลาในประเทศไทย)
- Apple Trade In ให้ลูกค้านำคอมพิวเตอร์เครื่องปัจจุบันมาแลกเป็นเครดิตสำหรับใช้ซื้อ MacBook Pro เครื่องใหม่ และลูกค้าสามารถตรวจสอบมูลค่าของอุปกรณ์ได้ที่ apple.com/th/shop/trade-in
- และเมื่อเลือก Apple Card Monthly Installments จะสามารถผ่อนชำระได้โดยไม่มีดอกเบี้ย
- ลูกค้าทุกท่านที่ซื้อ MacBook Pro จาก Apple สามารถเข้าร่วม Online Personal Session กับ Apple Specialist ฟรี, รับบริการตั้งค่าผลิตภัณฑ์ที่ร้านหลายสาขา รวมถึงความช่วยเหลือในการถ่ายโอนข้อมูล และคำแนะนำเกี่ยวกับการปรับแต่ง MacBook Pro เครื่องใหม่ให้ทำงานอย่างที่ต้องการ
- AppleCare+ สำหรับ Mac มอบบริการช่วยเหลือด้านเทคนิคและความคุ้มครองด้านฮาร์ดแวร์จาก Apple เพิ่มเติม รวมทั้งความคุ้มครองด้านความเสียหายจากอุบัติเหตุสูงสุด 2 ครั้ง ในทุกๆ 12 เดือน โดยแต่ละครั้งมีค่าธรรมเนียมการให้บริการ