vivo แบรนด์สมาร์ตโฟนชั้นนำระดับโลก เปิดตัวไลน์อัปสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นท็อปสุดสำหรับการถ่ายภาพระดับมืออาชีพ vivo X70 Series 5G จากตระกูล X Series ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยประกอบด้วยมือถือสองรุ่นทั้ง X70 5G และ X70 Pro 5G นับเป็นก้าวสำคัญของการเป็นพันธมิตรด้านการถ่ายภาพในระดับโลกกับ ZEISS เพื่อสร้างที่สุดแห่งประสบการณ์การถ่ายภาพบนมือถือแก่ผู้ใช้งาน ซึ่ง vivo X70 Series 5G มาพร้อมโหมดการถ่ายภาพพอร์ตเทรตหรือภาพบุคคลแบบใหม่จาก ZEISS รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเพื่อการถ่ายภาพบนมือถือ พร้อมกับสเปกแรงแบบจัดเต็มเพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดแก่ผู้ใช้งาน
vivo X70 Series 5G จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการพร้อมกันในทุกช่องทางทั้ง vivo Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายชั้นนำทั่วประเทศ ในวันเสาร์ ที่ 16 ตุลาคม 2564 โดย X70 5G จำหน่ายในราคา 21,999 บาท และ X70 Pro 5G จำหน่ายในราคา 27,999 บาท
เดินหน้าพัฒนาสู่ที่สุดของเทคโนโลยีการถ่ายภาพบนมือถือร่วมกับ ZEISS
vivo X70 Series 5G คือเครื่องพิสูจน์ความมุ่งมั่นของ vivo ในการเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีด้านการถ่ายภาพบนสมาร์ตโฟนที่ผ่านการพัฒนาทางวิศวกรรม (Co-Engineer) ร่วมกับ ZEISS ตำนานแบรนด์ผู้ผลิตเลนส์กล้องชั้นนำระดับโลกมากว่า 175 ปี เพื่อผสานการทำงานระหว่างซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์สำหรับการถ่ายภาพบนมือถือระดับพรีเมียม
Spark Ni รองประธานอาวุโสและผู้บริหารฝ่ายการตลาดของ vivo กล่าวว่า “นับเป็นอีกครั้งที่ vivo ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดใหม่ๆ ด้วยการนำเสนอสุดยอดความล้ำหน้าด้านการถ่ายภาพบนมือถือที่พัฒนาร่วมกับ ZEISS ผู้นำระดับโลกด้านเลนส์และการถ่ายภาพ ปัจจุบันนี้ สมาร์ตโฟนกลายเป็นเครื่องมือที่ผู้ใช้งานเลือกใช้ในการเก็บภาพความทรงจำต่างๆ และนับเป็นประตูสู่โลกดิจิทัล เพื่อใช้บอกเล่าเรื่องราวและแบ่งปันความสร้างสรรค์ของตนสู่โลกกว้าง โดย vivo X70 Series 5G จะเข้ามาช่วยเติมเต็มช่องว่างของการถ่ายภาพบนมือถือและการถ่ายภาพระดับมืออาชีพผ่านการผสมผสานนวัตกรรมที่เน้นผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลางเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัยใหม่ๆ”
vivo X70 Series 5G คือสมาร์ตโฟนที่รวมเอาคุณสมบัติด้านการประมวลผลการภาพถ่ายชั้นยอดจากทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ส่งผลให้เกิดประสบการณ์การถ่ายภาพที่เป็นธรรมชาติสูงสุด ให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพหรือบันทึกวิดีโอที่ดูเป็นธรรมชาติได้อย่างน่าทึ่ง โดยกล้องหน้าของ vivo X70 Series 5G ทั้งสองรุ่นมีความละเอียด 32MP ในขณะที่กล้องหลังของ X70 Pro 5G จะใช้กล้องหลัง 4 ตัว โดยกล้องหลักมีความละเอียดที่ 50MP (พร้อม Gimbal Stabilization 3.0) กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 12MP กล้อง Portrait ความละเอียด 12MP และกล้อง Periscope ขนาด 8MP ในขณะที่รุ่น X70 5G จะใช้ระบบกล้องหลัง 3 ตัว กล้องหลักความละเอียด 40MP (พร้อม Gimbal Stabilization 3.0) กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 12MP และกล้อง Portrait 12MP
นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ถ่ายภาพบุคคล ZEISS Biotar Portrait Style ที่ช่วยสร้างภาพ Bokeh ที่สวยงาม vivo X70 Series 5G ยังเพิ่มอีก 3 ฟีเจอร์ภาพถ่ายบุคคลในสไตล์ของ ZEISS ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพถ่ายพอร์ตเทรตจากเลนส์สไตล์คลาสสิกต่างๆ ของ ZEISS ได้แก่ฟีเจอร์ Distagon, Planar และ Sonnar ให้ผู้ใช้งาน X70 Series ได้เลือกใช้ โดยฟีเจอร์ ‘Distagon’ จะให้ภาพกว้างมากขึ้นแบบ (Anamorphic) โดยระบบจะนำเสนอเอฟเฟกต์การภาพถ่ายแบบ Dynamic Perspective เหมาะกับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตและสถาปัตยกรรมต่างๆ หรือสถานที่ ที่มีการตกแต่งภายในให้เห็นรายละเอียดของพื้นหลัง มอบสุนทรียภาพให้ภาพพอร์ตเทรตราวกับงานภาพยนตร์ระดับฮอลลีวูด ส่วนฟีเจอร์ ‘Planar’ ให้เอฟเฟกต์ภาพ Bokeh แบบคลาสสิก เผยคาแรกเตอร์ที่แท้จริงของผู้ถูกถ่าย ตลอดจนถ่ายทอดความรู้สึกได้อย่างตรงไปตรงมาผ่านภาพถ่ายพอร์ตเทรต สุดท้ายฟีเจอร์ ‘Sonnar’ ให้มุมมองภาพถ่ายพอร์ตเทรตที่มี Bokeh แบบนุ่มนวล จึงเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่ต้องการให้เน้นบุคคลให้มีความชัดเจนขึ้นจากฉากหลัง
โดย vivo X70 Series 5G ทั้งสองรุ่นได้ผ่านการรับรองตามมาตรฐานการเคลือบเลนส์ของ ZEISS T* (T Star) ที่ช่วยลดการสะท้อนและเพิ่มการส่งผ่านแสง ลดการเกิดแสงหลอก แสงฟุ้ง และปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อคุณภาพและความสดใสของภาพที่ได้ โดยสัญลักษณ์แห่งคุณภาพอย่างโลโก้ของ ZEISS และโลโก้ ZEISS T* ถูกประทับอยู่บริเวณกล้องหลังของ vivo X70 Series 5G พร้อมเครื่องหมายการค้า ZEISS VARIO-TESSAR ที่บ่งบอกเทคโนโลยีเลนส์เฉพาะของ ZEISS ถูกสลักอยู่บริเวณแผงไฟแฟลชด้านหลังของตัวมือถือ
สมาร์ตโฟนเรือธงด้านการถ่ายภาพมืออาชีพระดับไฮเอนด์
vivo X70 Series 5G ประกอบด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงฟีเจอร์ด้านการถ่ายภาพและการถ่ายวิดีโอหลากหลายรูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของ vivo ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถแสดงความคิดสร้างสรรค์ของตนได้อย่างเต็มที่ภายใต้คุณภาพความละเอียดสูง รวมถึงสร้างคอนเทนต์วิดีโอหรือภาพถ่ายโดยไม่ถูกลดทอนคุณภาพลงไป
โดย vivo X70 Pro 5G และ X70 5G ติดตั้งกล้องหลักที่มีระบบกันสั่นแบบ Ultra-Sensing Gimbal ทำงานร่วมกับ Gimbal Stabilization 3.0 ระบบกันภาพสั่นไหวแบบ 5 แกน ให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพหรือวิดีโอได้อย่างเสถียรและนิ่งกว่าที่เคยแม้อยู่ระหว่างการเคลื่อนไหว โดยระบบจะช่วยเสริมการทำงานฮาร์ดแวร์กันสั่นด้วยซอฟต์แวร์ (OIS และ EIS) เพื่อช่วยการลดการสั่นของเลนส์ระหว่างแกน X และ Y ด้วยการหมุนแกน Z เพื่อรักษาความเสถียรในองค์รวม
เพื่อสอดรับกับความสามารถด้านการถ่ายภาพระดับสูงของ X70 Series 5G ทาง vivo จึงให้ฟีเจอร์ด้านการถ่ายภาพและวิดีโอมาในเครื่องอย่างจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์สำหรับตอนกลางคืนอย่าง Real-Time Extreme Night Vision, Super Night Video และ Pure Night View ฟีเจอร์การถ่ายวิดีโอระดับโปรอย่าง Pro Cinematic Mode รวมถึงฟีเจอร์สุดล้ำอื่นๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถปลดปล่อยศักยภาพและค้นพบสุนทรียภาพใหม่ๆ ด้านการถ่ายภาพและวิดีโอ
เพิ่มประสิทธิภาพให้ไม่เป็นรองใคร
เนื่องจากเป็นมือถือระดับเรือธงตัวท็อปที่จะปฏิวัติการถ่ายภาพบนมือถือ vivo X70 Series 5G ทั้งสองรุ่น จึงให้สเปกภายในเครื่องมาแบบจัดเต็ม พร้อมมอบประสิทธิภาพการทำงานขั้นสูงสุด ตอบโจทย์ความพึงพอใจของผู้ใช้งาน
vivo X70 Pro 5G และ X70 5G ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังชิปเซต MediaTek Dimensity 1200 มอบประสิทธิภาพในการประมวลผลของ CPU และ GPU ขั้นสูงสุด โดยโปรเซสเซอร์ชุดนี้จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อ 5G ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและยังช่วยประหยัดพลังงาน
X70 Pro 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4450mAh และ X70 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ 4400 mAh รองรับ FlashCharge 44W ให้ผู้ใช้งานสามารถเต็มที่กับกิจกรรมยาวนานตลอดทั้งวัน ทั้งสองรุ่นติดตั้งจอแสดงผลขนาด 6.56 นิ้ว พร้อมอัตราการรีเฟรชสูงสุดที่ 120Hz และอัตราการตอบสนอง 240Hz เพื่อการใช้งานที่ลื่นไหลกว่าที่เคย
การออกแบบเหนือกาลเวลาและประสบการณ์การใช้งานที่ไร้รอยต่อ
vivo ได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการพัฒนา vivo X70 Series 5G ให้สมกับเป็นสมาร์ตโฟนระดับเรือธงที่จะสร้างสุดยอดประสบการณ์ด้านการถ่ายภาพบนมือถือ โดยออกแบบตัวมือถือให้มีสไตล์ร่วมสมัยเหนือกาลเวลา พร้อมรูปลักษณ์สวยสะดุดตาไม่เหมือนใคร ซึ่ง vivo ได้เลือกใช้เทคโนโลยีการเคลือบผิวโทรศัพท์มือถือด้วย Fluorite AG ซึ่งนับเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมการออกแบบผลิตภัณฑ์จาก vivo โดย X70 Pro 5G และ X70 5G จะถูกเคลือบด้วยกระจกคริสตัลที่มีผิวเคลือบแบบปริซึม ช่วยกระจายแสงเมื่อตัวสมาร์ตโฟนกระทบแสงไฟ โดยกล้องด้านหลังของทั้งรุ่น X70 Pro 5G และ X70 5G ถูกออกแบบมาในดีไซน์คอนเซปต์ใหม่ของ vivo ที่เรียกว่า Cloud Valley โดยแยกกล้องและไฟแฟลชออกเป็นสองแถวอย่างชัดเจน
vivo X70 Pro 5G และ X70 5G วางจำหน่ายในสี Cosmic Black และ Aurora Dawn ซึ่งสี Cosmic Black ได้รับแรงบันดาลใจจากอำนาจและพลังของจักวาล โดยใช้สีดำที่เป็นสัญลักษณ์สื่อถึงความยิ่งใหญ่ของจักรวาล เสริมด้วยกลิตเตอร์สีเงินที่เปรียบเหมือนดวงดาวท่ามกลางท้องฟ้าในคืนอันมืดมิด ในขณะที่สี Aurora Dawn สื่อถึงแสงเหนือหรือแสงสีรุ้งออโรราที่ขั้วโลกเหนือ รวมเป็นสีที่สะดุดตาและให้ความหรูหราอย่างไร้ที่ติ
vivo X70 Series 5G จะเป็นไลน์อัปผลิตภัณฑ์แรกจาก vivo ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 12 มอบประสบการณ์การใช้งานที่มีประสิทธิภาพ เหมาะกับผู้ใช้งานแต่ละคนมากกว่าที่เคย โดย Funtouch OS 12 มาพร้อมกับวิดเจ็ตชุดใหม่ให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งหน้า Home Screen ตามต้องการ กำหนดวิธีแสดงผลข้อมูลสำคัญของแอปพลิเคชันโดยไม่ต้องเปิดแอปฯ ปรับแต่งประสบการณ์การใช้สมาร์ตโฟนได้ดั่งใจ และเข้าถึงสิ่งที่ต้องการได้เร็วกว่าที่เคย รวมถึงโปรแกรมเล่นเพลงใหม่ล่าสุด Nano Music Player ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเพลงโปรดจากแอปฯ ต่างๆ เช่น Spotify และ JOOX ได้เพียงคลิกเดียว ผ่านวิดเจ็ตบนหน้า Home Screen ได้อย่างง่ายดาย
อิชย์ญาดา คลอวุฒิเสถียร บล็อกเกอร์ไอทีจากIAUMReview (ซ้ายสุด) | วฤธ หงสนันทน์ เซเลบริตี้ (กลาง)
นอกจากนี้ภายในงานเปิดตัว vivo X70 Series 5G ในประเทศไทย ยังได้รับเกียรติจาก คุณวฤธ หงสนันทน์ เซเลบริตี้ชื่อดังผู้หลงใหลในนวัตกรรมและความสมบูรณ์แบบ และคุณอิชย์ญาดา คลอวุฒิเสถียร บล็อกเกอร์ไอทีจากIAUMReview มาร่วมแชร์ประสบการณ์การใช้งานพร้อมแง่มุมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และถ่ายทอดนิยามใหม่ของการถ่ายภาพบนสมาร์ตโฟนที่เหนือชั้นกว่าที่เคย
vivo X70 Series 5G ทั้งสองรุ่นจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการพร้อมกัน ในวันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม 2564 โดย vivo X70 Pro 5G จำหน่ายในราคา 27,999 บาท และ vivo X70 5G จำหน่ายในราคา 21,999 บาท ณ vivo Brand Shop ทุกสาขา ตัวแทนจำหน่ายชั้นนำ BaNANA, IT City, CSC, Jaymart, TG FONE, KINGKONG, BKK, แม่วังสื่อสาร, Power Mall, Stamp และ PTE, Advice, Boonchai และผู้ให้บริการเครือข่าย AIS, True, Dtac, รวมถึง vivo Official Store บนร้านค้าออนไลน์ชั้นนำทั้ง LAZADA, Shopee, JD Central และ Thisshop ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.vivo.com/th
นอกจาก X70 Series 5G แล้ว vivo ยังเปิดตัวหูฟังสุดล้ำ vivo TWS 2 Series โดยจะมีให้เลือกสองรุ่นคือ vivo TWS 2 ANC และ vivo TWS 2e สุดยอดหูฟังที่ออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้ทุกช่วงเวลา โดยรุ่น vivo TWS 2 ANC มาพร้อมกับระบบตัดเสียงรบกวนอัจฉริยะ พร้อมคุณภาพเสียงคมชัดระดับ Deep-HD Audio ให้คุณภาพเสียงที่สมจริงและมีมิติ มาพร้อมกับดีไซน์โค้งมนทันสมัย น้ำหนักเบาพกพาสะดวก สวมใส่สบายและระบายอากาศได้ดี ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 29 ชั่วโมง วางจำหน่ายที่ราคา 2,999 บาท และรุ่น vivo TWS 2e มาพร้อมกับระบบการตัดเสียงรบกวนแบบ Dual-Mic และระบบเสียงเอฟเฟกต์ระดับมืออาชีพจากการทดสอบและปรับปรุงแก้ไข เสียงเอฟเฟกต์ที่แตกต่างกัน 3 แบบ ทั้ง Mega Bass เสียงเบสหนักแน่นทรงพลัง Clear Voice รายละเอียดเสียงร้องที่โดดเด่น และ Clear Highs เพิ่มเสียงความถี่ระดับสูงของเครื่องดนตรี ใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องถึง 30 ชั่วโมง วางจำหน่ายที่ราคา 2,499 บาท
สำหรับผู้สนใจต้องการเป็นเจ้าของ vivo X70 Series 5G พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษก่อนใคร สามารถ Pre-Order ได้ตั้งแต่ วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม – 15 ตุลาคม 2564 รับของสมนาคุณรวมมูลค่ากว่า 12,000 บาท ได้แก่ หูฟัง vivo TWS 2e มูลค่า 2,499 บาท, VIP Card มูลค่า 7,999 บาท และ Premium Gift Box มูลค่า 1,999 บาท ที่ vivo Brand Shop ทุกสาขาและตัวแทนจำหน่ายชั้นนำ ทั้ง BaNANA, IT City, CSC, Jaymart, TG FONE, KINGKONG, BKK, แม่วังสื่อสาร, Power Mall, Stamp และ PTE, Advice, Boonchai และผู้ให้บริการเครือข่าย AIS, True, Dtac หรือจองผ่านช่องทางออนไลน์ที่ vivo Official Store บน LAZADA, Shopee, JD Central และ Thisshop