vivo เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มาพร้อมกล้องกันสั่นสไตล์ Gimbal ในปีที่แล้ว โดยมีอยู่ใน vivo X50 Pro 5G และ vivo X50 Pro Plus 5G หลังจากนั้น vivo ยังคงพัฒนาระบบกล้องอย่างต่อเนื่องและมีความก้าวหน้ามากขึ้นใน vivo X60 Series 5G ที่ไม่เพียงแต่ปรับปรุงเทคโนโลยีกันสั่น Gimbal Stabilization มาเป็นรุ่นที่ 2 แต่ยังมีการจับมือกับ ZEISS ผู้ผลิตเลนส์ชั้นนำของโลก เพื่อนำเลนส์คุณภาพสูงจาก ZEISS มาสู่สมาร์ทโฟนของ vivo เป็นครั้งแรก
ล่าสุดทั้ง 2 บริษัท ยังคงจับมือกันอย่างเหนียวแน่น เพื่อพัฒนาด้านวิศวกรรมร่วมกัน และนำเทคโนโลยีการเคลือบหน้าเลนส์ ZEISS T* Coating มาใช้กับ vivo X70 Series 5G เป็นครั้งแรก อีกทั้งยังมาพร้อมเทคโนโลยีกันสั่น Gimbal Stabilization รุ่นที่ 3 ทำให้ vivo X70 Series 5G เป็นเหมือนกล้องระดับโปรที่สามารถโทรได้ รองรับการถ่ายภาพและวิดีโอได้อย่างคมชัดแม้ในสภาพแสงน้อย ซึ่งทีมงาน @Flashfly พร้อมแล้วที่จะพาไปทำความรู้จักกับ vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G ให้มากขึ้น หลังจากนำเสนอพรีวิวพร้อมแกะกล่องไปแล้วก่อนหน้านี้
สเปก vivo X70 5G
- จอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว อัตราการรีเฟรช 120Hz
- กล้องหลัง Ultra-Sensing Gimbal Camera (40 + 12 + 12 ล้านพิกเซล )
- กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล
- ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 1200-vivo
- ความจำ RAM 8GB + 4GB (Extended RAM)
- ความจุ ROM 128GB แบบ UFS 3.1
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6 (2.4/5GHz), Bluetooth 5.2, NFC, OTG, USB Type-C
- เซ็นเซอร์ In-Display Fingerprint Scanning, Accelerometer, Ambient light sensor, Proximity Sensor, E-compass, Gyroscope
- ระบบนำทาง GPS, BEIDOU, GLONASS, GALILEO, QZSS, A-GPS
- ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 12 บนพื้นฐาน Android 11
- แบตเตอรี่ 4400mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 44W FlashCharge
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Cosmic Black และ Aurora Dawn
- ขนาดบอดี้ 160.10 x 75.39 x 7.55 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 181 กรัม (Cosmic Black), 182 กรัม (Aurora Dawn)
สเปก vivo X70 Pro 5G
- จอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว อัตราการรีเฟรช 120Hz
- กล้องหลัง Ultra-Sensing Gimbal Camera (50 + 12 + 12 + 8 ล้านพิกเซล )
- กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล
- ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 1200-vivo
- ความจำ RAM 12GB + 4GB (Extended RAM)
- ความจุ ROM 256GB แบบ UFS 3.1
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6 (2.4/5GHz), Bluetooth 5.2, NFC, OTG, USB Type-C
- เซ็นเซอร์ In-Display Fingerprint Scanning, Accelerometer, Ambient light sensor, Proximity Sensor, E-compass, Gyroscope
- ระบบนำทาง GPS, BEIDOU, GLONASS, GALILEO, QZSS, A-GPS
- ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 12 บนพื้นฐาน Android 11
- แบตเตอรี่ 4450mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 44W FlashCharge
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Cosmic Black และ Aurora Dawn
- ขนาดบอดี้ 158.30 x 73.21 x 7.99 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 183 กรัม (Cosmic Black), 184 กรัม (Aurora Dawn)
ดีไซน์หรูหราพรีเมียม
vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G แชร์ดีไซน์ร่วมกัน ทำให้ภาพรวมมีส่วนคล้ายกันมาก เรียกได้ว่าสวยงามทั้ง 2 รุ่น ไม่ว่าจะเลือกรุ่นไหน โดยทั้งคู่ถูกออกแบบมาอย่างหรูหราพรีเมียม สมกับเป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธง ด้านหลังทำส่วนขอบให้โค้งรับกับฝ่ามือ ช่วยให้จับถือใช้งานได้สะดวกสบาย และมีให่้เลือก 2 สีเหมือนกัน ได้แก่ Cosmic Black และ Aurora Dawn (vivo X70 5G ที่ทีมงาน @Flashfly ได้รับมารีวิวเป็นสี Aurora Dawn ส่วน vivo X70 Pro 5G เป็นสี Cosmic Black)
สีดำ Cosmic Black สื่อถึงความกว้างใหญ่ของจักรวาล ดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ส่องแสงระยิบระยับ ให้ความรู้สึกถึงพลังอันแท้จริงของธรรมชาติและชีวิต สี Aurora Dawn ได้แรงบันดาลใจมาจากแสงออโรร่าบนท้องฟ้าในช่วงเวลารุ่งอรุณ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สั้นแต่ก็ให้ความงดงามและมีความหมายอย่างลึกซึ้ง
มุมมองด้านหน้าพอจะมองเห็นความแตกต่างได้บ้าง ถึงแม้ทั้งคู่จะใช้ดีไซน์หน้าจอแบบ Ultra O Screen เหมือนกัน (เจาะหลุมไว้ที่ส่วนบนสำหรับติดตั้งกล้องหน้า) แต่ vivo X70 Pro 5G ใช้จอแสดงผลแบบขอบโค้งทั้ง 2 ข้าง ทำให้มีขอบจอด้านข้างที่บางกว่า อย่างไรก็ตามทั้ง 2 รุ่น ให้ประสบการณ์ในการรับชมไม่แตกต่างกันเท่าไรนัก เพราะมีสเปกหน้าจอแบบเดียวกัน คือใช้จอแสดงผล AMOLED ความละเอียด Full HD+ ขนาด 6.56 นิ้ว และรองรับอัตราการรีเฟรชหน้าจอสูงสุด 120Hz
vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G ถูกเจาะหลุมที่ส่วนบนของจอแสดงผล เพื่อติดตั้งกล้องหน้า ความละเอียดเท่ากัน 32 ล้านพิกเซล เหนือขึ้นไปเป็นตำแหน่งของลำโพงหูฟัง ซ่อนไว้ในสุดขอบด้านบน
ด้านหลังมีส่วนขอบที่โค้งมน ทำให้จับถือได้อย่างถนัด โดยพื้นผิวด้านหลังถูกเคลือบด้วยเทคโนโลยีใหม่ Fluorite AG ให้ผิวสัมผัสที่สวยงาม และเกิดรอยนิ้วมือขึ้นได้ยาก
มุมมองด้านหลังช่วยให้มองเห็นความแตกต่างระหว่าง vivo X70 5G กับ vivo X70 Pro 5G ได้ง่ายขึ้น เนื่องจาก vivo X70 5G ได้รับกล้องหลัง 3 ตัว ขณะที่ vivo X70 Pro 5G มีกล้อง Telephoto แบบ Periscope เพิ่มมาด้วย แต่กล้องหลังของทั้งคู่ก็ใช้ดีไซน์เดียวกัน ด้วยการจัดวางรูปแบบกล้องแบบ Cloud Valley ที่ไม่เหมือนใคร
ส่วนขอบรอบด้านของ vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G ก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก มีการติดตั้งปุ่มปรับระดับเสียง กับปุ่มเพาเวอร์ ไว้ฝั่งเดียวกัน
อีกข้างถูกปล่อยให้เรียบ แต่ก็ช่วยให้มองเห็นขอบจอโค้งของ vivo X70 Pro 5G ได้อย่างชัดเจน ขณะที่ vivo X70 5G มีส่วนขอบที่บางกว่า (vivo X70 5G มีความบางเพียง 7.55 มิลลิเมตร ส่วน vivo X70 Pro 5G มีความบาง 7.99 มิลลิเมตร)
ด้านบนมองเห็นข้อความ Professional Photography แสดงให้เห็นว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เน้นด้านการถ่ายภาพ พร้อมไมโครโฟนตัวที่ 2 และใกล้กันเป็น Infrared ช่วยในการควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย
ด้านล่างมีถาดใส่ซิมการ์ด รองรับ 2 ซิม (Dual Nano-SIM) ถัดมามีไมโครโฟนตัวหลัก ตามมาด้วยพอร์ต USB Type-C และ ลำโพง
โดยรวมแล้ว vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G ได้รับการออกแบบมาคล้ายกัน ทั้งขนาด น้ำหนัก แต่ vivo X70 5G บางกว่าเล็กน้อย ขณะที่ vivo X70 Pro 5G มีความโดดเด่นที่จอแสดงผลขอบโค้ง
จอแสดงผล 120Hz รอง HDR10+
vivo X70 5G มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ความละเอียด 2376 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.56 นิ้ว ให้อัตราการรีเฟรชหน้าจอสูงถึง 120Hz รองรับเทคโนโลยี HDR10+ จึงเป็นจอภาพที่ให้สีสันสวยงามคมชัด แสดงคอนเทนต์ต่างๆ ได้อย่างลื่นไหล เหมาะสำหรับการรับชมภาพยนตร์และเล่นเกม อีกทั้งยังได้รับการรับรอง SGS Eye Care Display และ SGS Seamless ช่วยยืนยันได้ว่าผู้ใช้งานจะได้รับประสบการณ์การรับชมที่ชัดเจนและสบายตา
สำหรับจอแสดงผลของ vivo X70 Pro 5G ได้รับสเปกแบบเดียวกับ vivo X70 5G แต่โดดเด่นกว่าด้วยจอแสดงผล E5 AMOLED และใช้ดีไซน์ขอบจอโค้งทั้ง 2 ข้าง ทำให้ขอบจอด้านข้างบางกว่า ให้ความรู้สึกพรีเมียมกว่า อย่างไรก้ตาม
นอกจากจะให้ภาพที่คมชัดด้วยเทคโนโลยี HDR10+ สมาร์ทโฟน vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G ยังสนับสนุนระบบเสียง Hi-Res ทำให้ทั้งคู่ตอบสนองความบันเทิงได้อย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านภาพที่ให้รายละเอียดสีสันสวยงาม และให้ประสบการณ์เสียงที่สมจริง
สแกนลายนิ้วมือใต้จอแสดงผล
vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G ได้รับการติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล จึงสามารถปลดล็อคสมาร์ทโฟนหรือยืนยันตัวตนได้อย่างสะดวก ผ่านฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ โดยตัวเซ็นเซอร์สามาถรอ่านลายนิ้วมือได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ อีกทั้งยังรองรับฟีเจอร์สแกนใบหน้า ช่วยเพิ่มความสะดวกในกรณีที่นิ้วมืออาจจะเลอะไม่อยากสัมผัสหน้าจอ หรือใช้ปลดล็อคในขณะที่ไม่ได้สวมหน้ากากป้องกัน COVID-19
กล้องหลังคุณภาพสูงระดับโปรจาก ZEISS
vivo X70 5G มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ขณะที่ vivo X70 Pro 5G ได้รับกล้องหลัง 4 ตัว แต่ทั้งคู่ใช้กล้อง Ultra Wide มุมมองภาพ 116 องศา และ Portrait ตัวเดียวกัน ขณะที่กล้องหลักก็ใช้เซ็นเซอร์รุ่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม vivo X70 Pro 5G เหนือกว่าในการซูมด้วยการเสริมกล้องตัวที่ 4 ที่เป็นกล้อง Telephoto วางเลนส์แบบ Periscope รองรับออปติคัลซูม 5 เท่า
ระบบกล้องหลังของ vivo X70 5G
- กล้องหลัก 40 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX766V รูรับแสง f/1.89
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- กล้อง Portrait ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.98
ระบบกล้องหลังของ vivo X70 Pro 5G
- กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX766V รูรับแสง f/1.75
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- กล้อง Portrait ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.98
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/3.4
ถึงแม้ทั้งคู่จะมีจำนวนกล้องไม่เท่ากัน แต่ประสบการณ์การใช้งานไม่ได้ให้ความรู้สึกแตกต่าง เนื่องจากใช้ซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นเดียวกัน ทำให้ User Interface ในแอปกล้องมีความคล้ายคลึงกัน โดยทีมงาน เมื่อเปิดเข้ามาในแอปกล้อง จะพบกับโหมดถ่ายภาพ Night, Portrait, Photo, Video และจะพบกับโหมดถ่ายภาพอื่นๆ ใน More ซึ่งประกอบด้วยโหมด 50MP (vivo X70 Pro 5G), Panorama, Live photo, Slo-mo, Time-lapse, Pro, AR stickers, Supermoon, Documents, Astro และ Pro Sports
โหมดถ่ายภาพ Photo รองรับช่วงซูมตั้งแต่ 0.6x – 60x ทั้งสภาพแสงกลางวันและกลางคืน พร้อมรองรับออปติคัลซูมสูงสุด 5x สำหรับ vivo X70 Pro 5G ส่วนโหมดถ่าย Video สามารถซูมได้สูงสุด 15x และสามารถถ่ายวิดีโอในความละเอียดสูงสุด 4K ที่อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที
เลนส์กล้องระดับโปรจาก ZEISS
vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G มาพรัอมสโลแกน Photography. Redefined. จึงถูกสร้างมาเพื่อกำหนดนิยามใหม่ของการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟน โดยให้ความสำคัญกับระบบกล้องเป็นพิเศษ ด้วยการพัฒนาด้านวิศวกรรม (Co-Engineer) ร่วมกับ ZEISS แบรนด์ผู้ผลิตเลนส์กล้องชั้นนำระดับโลก ตั้งแต่รุ่นก่อน (vivo X60 Series) ทำให้เลนส์กล้องทั้งหมดของ vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G ได้รับมาตรฐานการเคลือบ ZEISS T*
Superb Portrait
ไม่ว่าจะเป็น vivo X70 5G หรือ vivo X70 Pro 5G ต่างก็ได้รับกล้อง Portrait ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล โดยมีความยาวโฟกัสเทียบเท่า 50 มม. และเสริมด้วยเทคโนโลยี ZEISS ที่หลากหลายเพื่อทำให้การถ่ายภาพ Portrait โดดเด่นที่สุด ที่น่าสนใจก็คือ vivo X70 Series 5G ทั้ง 2 รุ่น ยังมีลูกเล่นเลนส์คลาสสิกของ ZEISS ไม่ว่าจะเป็น Distagon, Planar, Sonnar และ Biotar และเอฟเฟกต์เลนส์ Zeiss สุดคลาสสิกอื่นๆ อีกมากมาย ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ให้ผู้ใช้งานกลายเป็นช่างภาพได้อย่างง่ายดาย
Ultra-Sensing Gimbal Camera
กล้องตัวหลักของ vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX766V โดดเด่นในเรื่องความไวแสง มาพร้อมเทคโนโลยีป้องกันการสั่นไหว Gimbal Stabilization 3.0 ช่วยให้กล้องจับโฟกัสได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ ให้ภาพที่คมชัดแม้ในเวลากลางคืน
ไม่เพียงแต่ภาพนิ่ง การถ่ายวิดีโอก็ได้รับการปรับปรุงขึ้นอย่างมาก ด้วยระบบป้องกันภาพสั่นไหวของวิดีโอ VIS 5-Axis Ultra Stable Video ครอบคลุมมุมมองที่กว้างขึ้น ไม่ว่าผู้ใช้งานถ่ายวิดีโอขณะวิ่งหรือปั่นจักรยาน ก็สามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่นนุ่มนวล นอกจากนี้ ยังมาพร้อม Pro Cinematic Mode ช่วยให้ vivo X70 Series กลายเป็นกล้องวิดีโอสำหรับถ่ายทำภาพยนตร์ได้เลย
Pro Cinematic Mode
vivo ทำให้สมาร์ทโฟน vivo X70 Series 5G ทั้ง 2 รุ่น กลายเป็นกล้องระดับมืออาชีพ ที่ไม่เพียงแต่ถ่ายภาพนิ่งได้อย่างยอดเยี่ยมเท่านั้น การถ่ายวิดีโอก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน ช่วยให้เจ้าของสมาร์ทโฟนถ่ายวิดีโอให้ดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น จากฟีเจอร์มากมายที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างสรรค์ภาพยนตร์ได้อย่างอิสระ
Pure Night View
ประโยชน์ที่ได้รับจากการเคลือบ Zeiss T* คือช่วยให้กล้องลดการเกิด Ghosting และ Stray light ในเวลากลางคืน เพื่อให้ภาพถ่ายในยามค่ำคืนมีความคมชัดมากขึ้น แน่นอนว่าการถ่ายภาพในสภาพแสงปกติ จะได้รับการปรับปรุงคุณภาพของภาพอย่างมีประสิทธิภาพ ให้ค่าสีได้อย่างแม่นยำ ทำให้ทุกภาพถ่าย มีสีสันสดใสยิ่งขึ้น
Real-Time Extreme Night Vision
vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G สร้างมาตรฐานใหม่ของการถ่ายภาพในเวลากลางคืน เพียงเปิดโหมดกลางคืน ก็จะทำให้องค์ประกอบของภาพดูสว่างมากขึ้น และยังมองเห็นตัวอย่างภาพได้แบบเรียลไทม์
Super Night Video
vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยกล้อง Gimbal แบบ Ultra-Sensing ที่มีคุณภาพสูงในการป้องกันการสั่น ทำงานร่วมกับอัลกอริทึมขั้นสูง ช่วยให้วิดีโอที่บันทึกมีภาพที่สว่างและชัดเจน แม้ถ่ายทำในที่มืด
กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล
vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G ติดตั้งกล้องหน้าไว้ในหลุมบนหน้าจอ โดยมีความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.45 สามารถปรับสไตล์ ใส่ฟิลเตอร์ และเพิ่มเอฟเฟกต์แสง หลังจากถ่ายเซลฟี่ได้อย่างหลากหลาย ส่วนการถ่ายวิดีโอ รองรับความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p ที่อัตรา 30 เฟรมต่อวินาที
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
ประสิทธิภาพ Dimensity 1200-vivo แรม 12GB
vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G ใช้ชิปประมวลผล Dimensity 1200-vivo ซึ่งเป็นชิประดับเรือธงของ MediaTek และได้รับการปรับแต่งสำหรับสมาร์ทโฟน vivo โดยเฉพาะ ถูกสร้างขึ้นบนเทคโนโลยีการผลิตระดับ 6 นาโนเมตร ของ TSMC สามารถทำคะแนนจากการทดสอบด้วยแอป Antutu ได้มากกว่า 700,000 คะแนน
โดยพื้นฐานแล้ว ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 1200 ใช้ CPU แบบ 8-core ที่ประกอบด้วย 1x Ultra Core (Arm Cortex-A78) ความเร็วสูงสุดถึง 3GHz, 3x Super Cores (Arm Cortex-A78 ) ความเร็วสูงสุด 2.6GHz และ 4x Efficiency Cores (Arm Cortex-A55) ความเร็วสูงสุด 2GHz สามารถทำความเร็วได้ดีขึ้น 22% และประหยัดพลังงานมากขึ้น 25% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน จึงให้อายุการใช้งานยาวนานขึ้น
ด้วยชิประดับเรือธงของ MediaTek ผสานกับจอแสดงผลที่ให้อัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz ช่วยให้ vivo X70 Series 5G รองรับการเล่นเกมยอดนิยมใน Google Play Store ได้อย่างลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็น ROV เฟรมเรทสูงสุด 60fps, Call of Duty Mobile, Asphalt 9, PUBG Mobile บางเกมยังสามารถเปิดระบบสั่นแบบ 4D ช่วยเพิ่มความสมจริงในการเล่นเกม ซึ่ง vivo X70 Series 5G ก็มาพร้อม Linear Motor สำหรับตอบสนองการสั่นสะเทือนในเกม
ด้านความจำ RAM รองรับเทคโนโลยี Extended RAM สามารถดึงพื้นที่เก็บข้อมูล ROM มาเพิ่มเป็นพื้นที่ RAM ได้สูงสุด 4GB เพื่อการตอบสนองที่ราบรื่นยิ่งขึ้น ขณะที่ ROM ก็ใช้มาตรฐานใหม่ UFS 3.1 สามารถคัดลอกไฟล์ภาพยนตร์คุณภาพ HD หรือไฟล์ขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยอัตราการส่งข้อมูลสูงสุด 1.7GB/s
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 รุ่น ได้รับขนาดความจำที่แตกต่างกันดังนี้ vivo X70 5G มีความจำ RAM 8GB + 4GB (Extended RAM) ความจุ ROM 128GB แบบ UFS 3.1 ขณะที่ vivo X70 Pro 5G มีความจำ RAM 12GB + 4GB (Extended RAM) ความจุ ROM 256GB แบบ UFS 3.1
Linear Motor + Infrared Remote Control
นอกจากนี้ vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G ยังได้รับการติดตั้งมอเตอร์ส่งการสั่นสะเทือน Linear Motor ช่วยตอบสนองในระหว่างการเล่นเกม เพิ่มความสมจริงให้มากขึ้น และที่ด้านบนยังติดตั้ง Infrared มาให้ด้วย ทำให้ทั้งคู่สามารถใช้เป็น Remote Control ช่วยควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อื่นๆ ภายในบ้านได้อย่างสะดวกและง่ายดาย
5G + Wi-Fi 6
vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G สนับสนุนการเชื่อมต่อ 5G และ Wi-Fi 6 ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ของการเชื่อมต่อไร้สายทั้ง 2 รูปแบบ ในด้าน 5G สมาร์ทโฟน vivo X70 Series 5G ทั้ง 2 รุ่น ก็พร้อมใช้งานทันทีตั้งแต่แกะกล่อง เพียงใส่ซิมการ์ดที่เปิดใช้งาน 5G เรียบร้อยแล้ว และอยู่ในบริเวณที่มีคลื่น 5G โดยรองรับ 5G ทั้งในรูปแบบ SA และ NSA หรือ จะเปิดให้สลับการใช้งานโดยอัตโนมัติก็ได้ อีกทั้งยังรองรับ
สำหรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 (802.11ax) ถือเป็นมาตรฐานใหม่ล่าสุดที่ให้ความเร็วมากกว่า Wi-Fi 5 (802.11ac) รองรับคลื่นความถี่ 2.4GHz และ 5GHz ถ้าหากใช้งานภายในบ้าน จำเป็นต้องใช้ Wi-Fi Router ที่รองรับ Wi-Fi 6 ด้วย แต่ถ้ายังไม่อยากเปลี่ยน vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G ก็สามารถเชื่อมต่อด้วย Wi-Fi 5 ได้เช่นกัน
การเชื่อมต่อมาตรฐานทั้ง 5G และ Wi-Fi 6 นอกจากจะให้ความเร็วเพิ่มขึ้นกว่าเดิมแล้ว ยังรองรับจำนวนอุปกรณ์ที่ใช้งานในพื้นที่เดียวกันได้มากขึ้น และมีค่าหน่วงเวลาแฝงที่ต่ำกว่า เมื่อเทียบกับ 4G และ Wi-Fi 5 ทำให้การเล่นเกมออนไลน์ สตรีมภาพยนตร์ รวมถึงดาวน์โหลดข้อมูลขนาดใหญ่ มีความเสถียรมากยิ่งขึ้น
แบตใหญ่ชาร์จเร็ว 44W FlashCharge
vivo X70 5G มาพร้อมความจุแบตเตอรี่ 4400mAh ขณะที่ vivo X70 Pro 5G มีความจุแบตเตอรี่ 4450mAh จึงไม่มีความแตกต่างกันเท่าไรนักในเรื่องของอายุการใช้งานแบตเตอรี่ นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังได้รับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 44W FlashCharge แถมอุปกรณ์ชาร์จเร็ว (11V/4A) มาให้ในกล่องด้วย ไม่ต้องหาซื้อเพิ่ม ทำให้ vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G รองรับการใช้งานได้ยาวนานขึ้น และชาร์จเต็ม 100% ได้ไวยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับ Vivo X60 Pro 5G ที่มีความจุแบตเตอรี่ 4200mAh และชาร์จเร็ว 33W
สรุปราคาและการวางจำหน่าย
vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G มีทุกอย่างที่สมาร์ทโฟนระดับเรือธงควรจะมี ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่ให้ความหรูหราพรีเมียม จอแสดงผลที่ให้สีสันคมชัดสมจริงด้วยการรองรับ HDR10+ ระบบเสียงคุณภาพสูง และประสิทธิภาพที่ทรงพลังที่สุดของ MediaTek เมื่อทำงานร่วมกับจอแสดงผล AMOLED ที่ให้อัตราการรีเฟรชสูงถึง 120Hz ช่วยให้การเล่นเกมมีความลื่นไหลไม่สะดุด
เหนือสิ่งอื่นใด vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G มีจุดเด่นที่ระบบกล้องหลัง โดยใช้เลนส์คุณภาพสูงจาก ZEISS และยังมีเทคโนโลยี Gimbal Stabilization ที่ได้รับการปรับปรุงมาเป็นรุ่นที่ 3 แล้ว จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนเรือธงที่เน้นการถ่ายภาพและวิดีโอในทุกสภาพแสงได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดย vivo X70 5G มีจุดเด่นที่ดีไซน์เพรียวบางกว่าเล็กน้อย และเป็นจอแบนปกติ ซึ่งอาจถูกใจคนเน้นเล่นเกมมากกว่า ขณะที่ vivo X70 Pro 5G ได้เปรียบกว่าที่ดีไซน์ขอบจอโค้ง และกล้องหลังทำได้ดีกว่าในเรื่องของการซูม
vivo X70 5G (8+128GB) จะวางจำหน่ายในประเทศไทยราคา 21,999 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Cosmic Black และ Aurora Dawn ส่วน vivo X70 Pro 5G (12+256GB ) จะวางจำหน่ายในประเทศไทยราคา 27,999 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Cosmic Black และ Aurora Dawn เช่นเดียวกับ vivo X70 5G นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวหูฟังไร้สายรุ่นใหม่ vivo TWS 2 ANC ราคา 2,999 บาท และ vivo TWS 2e ราคา 2,499 บาท