ถึงแม้จะเปิดตัวมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2021 แต่ OPPO Find X3 Pro 5G ก็ยังเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนระดับแฟลกชิปมาใช้งาน ด้วยการออกแบบที่หรูหราพรีเมียม แตกต่างจากเรือธงในตลาด ด้านประสิทธิภาพก็ไม่เป็นรองใคร อีกทั้งยังมีความโดดเด่นที่จอแสดงผล ระบบกล้อง และเทคโนโลยีชาร์จเร็ว ขณะที่ราคาค่าตัวก็ถือว่าได้เปรียบกว่าคู่แข่ง
จอแสดงผล 10-bit Full-path Colour Engine
OPPO Find X3 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลก ที่มาพร้อมจอแสดงผลแบบ 10-bit Full-path Colour Engine ซึ่งหมายถึง สามารถแสดงสีสันได้มากกว่า 1 พันล้านสี ให้สีสันถูกต้องแม่นยำสมจริง เหมาะสำหรับการชมภาพยนตร์ เล่นเกม และดูคอนเท้นต์ต่างๆ ได้อย่างเนียนตา ด้วยอัตราการรีเฟรชหน้าจอสูงสุด 120Hz ถือเป็นมาตรฐานใหม่ของสมาร์ทโฟนแฟลกชิปรุ่นใหม่ๆที่จะออกมาในอนาคต
ไม่เพียงแค่จอแสดงผลเท่านั้น แต่ระบบกล้องหลังของ OPPO Find X3 Pro 5G ก็ให้สีสันมากกว่าพันล้านเฉดสีเช่นกัน จึงเรียกว่าเป็น 10-bit Full-path Colour Engine ตั้งแต่การถ่ายรูป > เข้ารหัส > จัดเก็บ > ถอดรหัส ทำให้ OPPO Find X3 Pro 5G รองรับการถ่ายภาพรูปแบบ 10-bit HEIF และสามารถปรับแต่งภาพระดับ 1 พันล้านสีได้เช่นเดียวกัน ผู้ใช้งานจึงได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ทั้งการถ่ายภาพ และรับชมภาพที่บันทึกไว้ได้ในอุปกรณ์เครื่องเดียว
กล้องหลักคู่ 1 พันล้านสี ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล
ระบบกล้องหลังของ OPPO Find X3 Pro 5G ประกอบด้วยกล้อง Wide + Ultra Wide + Telephoto + Microlens โดยมีกล้องหลักแบบคู่ ได้แก่ กล้อง Wide และ Ultra Wide ซึ่งทั้งคู่มีความละเอียดสูง 50 ล้านพิกเซล สามารถจับภาพระดับ 10-bit หรือ 1 พันล้านสีได้ทั้งคู่ ช่วยทำให้เรือธงรุ่นใหม่ของ OPPO สามารถถ่ายภาพได้คมชัดทั้งมุมกว้างปกติ และมุมกว้างพิเศษ ที่สำคัญกล้องคู่หลักยังใช้เซ็นเซอร์ตัวท็อป Sony IMX 766 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.56” และยังมีระบบโฟกัส All Pixel Omni-directional PDAF
การถ่ายวิดีโอสามารถเก็บสีสันได้ระดับ 10-bit หรือ 1 พันล้านสี เช่นเดียวกับการถ่ายภาพนิ่ง โดยสามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวในความละเอียดสูงสุด 4K รองรับช่วงสี BT.2020, HDR และ Log จึงสามารถเก็บแสงและสีได้มากขึ้น อีกทั้งยังใช้ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS ทำให้ภาพเคลื่อนไหวมีความราบรื่นคมชัด สามารถใช้แทนกล้องโปรในการถ่ายทำ Vlog ได้เลย
นอกจากกล้องคู่หลัก กล้องหลังของ OPPO Find X3 Pro 5G ยังมาพร้อมกล้อง Microlens ซึ่งเหนือระดับกว่ากล้อง Macro ที่พบในสมาร์ทโฟนทั่วไป โดยมีกำลังขยายสูงสุด 60 เท่า เทียบเท่ากับกล้องจุลทรรศน์ ทำให้ผู้ใช้งานมองเห็นรายละเอียดที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยสายตาปกติ อีกทั้งยังสามารถใช้กล้อง Microlens ถ่ายวิดีโอได้ในความละเอียด Full HD 1080p
ดีไซน์สุดล้ำให้ความพรีเมียมไร้รอยต่อ
OPPO Find X3 Pro 5G ยังมีดีไซน์ที่โดดเด่น ไร้รอยต่อ เรียกว่าเป็นดีไซน์แห่งอนาคต ได้แรงบันดาลใจมาจากอวกาศ ผ่านกระบวนการผลิตกว่า 100 ขั้นตอน และใช้เวลาในการผลิตแต่ละเครื่องนานถึง 40 ชั่วโมง เพื่อสร้างกระจกด้านหลังจากแผ่นเดียว รวมถึงส่วนของตำแหน่งกล้องหลังที่เรียกว่า Gradient Arc Camera และใช้การออกแบบ Control points กว่า 2,000 จุด เพื่อให้ได้ความโค้งของกระจกที่แม่นยำ อีกทั้งยังผ่านกระบวนการผลิต Hot-Forge แบบดั้งเดิม ซึ่งออกแบบมาเพื่อการผลิต OPPO Find X3 Pro 5G โดยเฉพาะ
สวยงามเพียงอย่างเดียวยังไม่พอ OPPO ยังให้ความสำคัญในเรื่องของความทนทานด้วย โดยผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวด เพื่อรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างดี และได้รับการออกแบบมาให้ป้องกันน้ำและกันฝุ่นในระดับ IP68 จึงสามารถกันน้ำได้นานสูงสุด 30 นาที ที่ความลึกไม่เกิน 1.5 เมตร โดยมีความบางเพียง 8.26 มิลลิเมตร น้ำหนัก 193 กรัม ซึ่งเบากว่าสมาร์ทโฟนแฟล็กชิพหลายรุ่นในตลาด
ขุมพลังระดับแฟล็กชิพ Snapdragon 888
ประสิทธิภาพ เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ OPPO Find X3 Pro 5G ยังเป็นสมาร์ทโฟนที่ไม่ควรมองข้าม ถึงแม้จะเข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2021 เนื่องจากมาพร้อม Snapdragon 888 ชิปเรือธงในปีนี้ของ Qualcomm ถูกผลิตบนเทคโนโลยีระดับ 5 นาโนเมตร ประกอบด้วยซีพียูแบบ 64-bit Octa Core ความเร็วสูงถึง 2.84GHz ให้ประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้น 25% พร้อมด้วยจีพียู Adreno 660 ให้ประสิทธิภาพดีขึ้น 35% เมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อน และยังประหยัดพลังงานมากกว่าเดิม 20%
OPPO Find X3 Pro 5G ยังมีแชมเบอร์ระบายความร้อนที่บางพิเศษเพียง 0.35 มิลลิเมตร ติดตั้งไว้บริเวณเมนบอร์ดและแบตเตอรี่ ทำให้สมาร์ทโฟนเย็นลงได้แม้กำลังทำงานอย่างหนัก ส่งผลให้ OPPO Find X3 Pro 5G เล่นเกมได้อย่างลื่นไหล แม้เป็นเกมขนาดใหญ่ที่ต้องใช้สเปกระดับสูง
นอกจากนี้ ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 888 ยังมาพร้อมชิปโมเด็ม 5G ในตัว ทำให้ OPPO Find X3 Pro 5G รองรับการเชื่อมต่อ 5G ทั้งแบบ Standalone (SA) และ Non-Standalone (NSA) สนับสนุนคลื่นความถี่ 5G ได้มากถึง 13 ย่าน จึงสามารถใช้งาน 5G ได้ทั่วโลก และยังสามารถใส่ซิมการ์ด 5G ได้พร้อมกัน 2 ช่องแบบ 5G + 5G Dual-SIM โดยแต่ละซิมการ์ดจะรับสัญญาญที่เป็นอิสระต่อกัน และสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นพร้อมกัน 2 แอป ได้อย่างรวดเร็ว โดยแยกเป็นแอปหนึ่งดาวน์โหลดด้วย Wi-Fi (รองรับมาตรฐาน Wi-Fi 6) และอีกแอปดาวน์โหลดผ่านเครือข่าย 5G
ชาร์จไว 65W SuperVOOC 2.0 ชาร์จเร็วแบบไร้สาย 30W AirVOOC Wireless Flash Charge
OPPO Find X3 Pro 5G รองรับการใช้งานที่ยาวนานตั้งแต่เช้าจนเข้านอนด้วยความจุแบตเตอรี่ 4500mAh โดยมีโหมดประหยัดพลังงาน Super Power Saving ช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานยิ่งขึ้น และยังเป็นสมาร์ทโฟนที่พร้อมใช้งานตลอดเวลา เนื่องจากสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperVOOC 2.0 สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้กับ OPPO Find X3 Pro 5G ผ่านพอร์ต USB-C จาก 0 – 40% ได้ในเวลาเพียง 10 นาที สะดวกมากขึ้นกับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบไร้สาย 30W AirVOOC Wireless Flash Charge อีกทั้งยังมีระบบ 10W Reverse Wireless Charging สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้อุปกรณ์อื่นได้ นอกจากนี้ ยังให้ความมั่นใจด้วยมาตรฐานความปลอดภัยที่ได้รับการรับรองจาก TÜV Rheinland
การันตีด้วยรางวัลจาก Red Dot และ EISA
ด้วยความสวยงามพรีเมียมและความพิถีพิถันในการออกแบบ ส่งผลให้ OPPO Find X3 Pro 5G สามารถคว้ารางวัลจากเวทีใหญ่ในปีนี้จาก 2 สถาบันชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็นรางวัล Red Dot: Product Design Award ประจำปี 2021 ที่ต้องแข่งขันกับผลงานที่ส่งเข้าร่วมหลายพันชิ้น กว่า 60 ประเทศทั่วโลก เพื่อพิจารณาด้านการออกแบบ และด้วยการผสมผสานความสง่างามแบบคลาสสิกในยุคอวกาศเข้าด้วยกันกับความล้ำสมัยแห่งอนาคต ก็ส่งผลให้ OPPO Find X3 Pro 5G สามารถสร้างความประทับใจจากคณะกรรมการ จนคว้ารางวัล Red Dot Award: Product Design 2021 มาได้
OPPO Find X3 Pro 5G ยังได้รับรางวัล EISA Best Product Advanced Smartphone 2021-2022 จาก EISA (Expert Image and Sound Association) ยิ่งตอกย้ำความเป็นสมาร์ทโฟนแฟล็กชิพระดับโลก โดย EISA เป็นสมาคมที่เกิดจากการรวมตัวกันของนิตยสารด้านอิเล็กทรอนิกส์ 61 ราย ที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคมากที่สุด เพื่อนำเสนอมุมมองระดับโลกที่ไม่เหมือนใครในด้านตลาดอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ผู้บริโภค และเป็นเวลาเกือบ 40 ปีแล้ว ที่รางวัลของ EISA มีส่วนช่วยแนะนำผู้บริโภคในการซื้อสินค้าด้านเทคโนโลยี จากการคัดเลือกเป็นประจำทุกปี ผ่านกลุ่มผู้เชี่ยวชาญจากตัวแทนนิตยสารและเว็บไซต์ชั้นนำด้านการถ่ายภาพ, วิดีโอโฮมเธียเตอร์, เครื่องเสียงโฮมเธียเตอร์, Hi-Fi, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในรถยนต์ และมือถือ
สรุป
สมาร์ทโฟนแฟลกชิป OPPO Find X3 Pro 5G มีความโดดเด่นรอบด้าน ทั้งการออกแบบที่ล้ำสมัยจนได้รับรางวัล Product Design Award 2021 จาก Red Dot มาพร้อมนวัตกรรมใหม่อย่าง 10-bit Full-path Colour Engine ที่ให้สีสันมากกว่า 1 พันล้านสีตั้งแต่กล้องหลังจนถึงจอแสดงผล อีกทั้งยังมีระบบกล้องคู่หลักที่คมชัดไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอ ด้านประสิทธิภาพก้เลือกใช้ชิปที่ดีที่สุดของ Qualcomm ในปีนี้ โดยที่มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ให้อายุการใช้งานยาวนาน และยังชาร์จไวที่สุดเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนแฟลกชิประดับเดียวกันในตลาดปัจจุบัน
ด้วยสเปกที่ยอดเยี่ยมและดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ส่งผลให้ OPPO Find X3 Pro 5G คว้ารางวัล EISA Best Product Advanced Smartphone 2021-2022 มาครองอีกสถาบัน จนเรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนแฟลกชิปที่คุ้มค่าที่สุดของ OPPO
OPPO Find X3 Pro 5G มาพร้อม RAM 12GB + ROM 256GB มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ Gloss Black และสีน้ำเงิน Blue แบบด้าน วางจำหน่ายในราคา 33,990 บาท พิเศษ!! เมื่อซื้อ OPPO Find X3 Pro 5G ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 17 ตุลาคม 2564 สามารถรับสิทธิ์ ผ่อน 0% นาน 24 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ
รานละเอียดเพิ่มเติม – https://bit.ly/3zAoqoG