Apple เริ่มวางจำหน่าย iPhone 13 mini, iPhone 13, iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max อย่างทางการแล้วในวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งมีสาวก Apple หลายคนเลือกที่จะไปรับเครื่องด้วยตัวเองในสาขาใกล้บ้าน หลังจากที่สั่งจองทางออนไลน์ก่อนหน้านี้ ขณะที่บางคนเลือกจะเข้าไปสัมผัสและทดลองใช้งานก่อนตัดสินใจซื้อ
อย่างไรก็ตาม iPhone 13 series มีวางจำหน่ายเฉพาะในออสเตรเลีย, แคนาดา, จีน, เยอรมนี, อินเดีย, ญี่ปุ่น, สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา และ อีกกว่า 30 ประเทศเท่านั้น ซึ่งทาง Apple ก็ไม่พลาดโอกาสที่จะจับภาพเจ้าของ iPhone 13 รายแรก ที่เดินทางมารับเครื่องด้วยตนเองใน Apple Store เพื่อนำมาอวดโฉมให้ได้ชมกันเหมือนทุกปีที่ผ่านมา
iPhone 13 และ iPhone 13 mini โดดเด่นด้วยดีไซน์ขอบแบนที่เพรียวบาง มาพร้อมนวัตกรรมอันน่าทึ่ง ตั้งแต่ระบบกล้องคู่ที่ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่เคยมีมาบน iPhone ซึ่งมีกล้องไวด์ใหม่พร้อมพิกเซลที่ใหญ่ขึ้นและระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัล (OIS) ที่ใช้การปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์ เพื่อการถ่ายภาพและวิดีโอในสภาวะแสงน้อยที่ดียิ่งขึ้น รวมถึงวิธีใหม่สำหรับปรับแต่งกล้องในสไตล์ของตัวเองอย่าง “สไตล์ภาพถ่าย” และโหมดภาพยนตร์ที่จะเปิดมิติใหม่ของการเล่าเรื่องด้วยวิดีโอ
iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max ได้รับการออกแบบใหม่ตั้งแต่ภายในจรดภายนอก มาพร้อมจอภาพ Super Retina XDR แบบใหม่หมด รองรับ ProMotion ซึ่งมีอัตราการดึงข้อมูลใหม่แบบปรับได้สูงสุด 120Hz เพื่อประสบการณ์ในการสัมผัสที่รวดเร็วและตอบสนองทันใจยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีระบบกล้องระดับโปรที่ล้ำหน้าที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทั้งกล้องอัลตร้าไวด์ ไวด์ และเทเลโฟโต้ใหม่ ซึ่งสามารถถ่ายภาพและวิดีโอได้อย่างสวยงามน่าทึ่ง
iPhone 13 series ทั้ง 4 รุ่น มาพร้อมชิปประมวลผล A15 Bionic ที่มีประสิทธิภาพเหนือชั้นเป็นหัวใจสำคัญ โดยใช้เทคโนโลยี 5 นาโนเมตร ประกอบด้วย CPU แบบ 6-core ใหม่ที่มาพร้อมคอร์ด้านประสิทธิภาพ 2-core และคอร์ที่ประหยัดพลังงานสูง 4-core ซึ่งเร็วกว่าคู่แข่งสูงสุด 50% จนเรียกได้ว่าเร็วที่สุดในบรรดาสมาร์ทโฟน และสามารถรับมือกับงานหนักๆ ได้อย่างลื่นไหลและประหยัดพลังงานอีกด้วย ในขณะที่ GPU แบบ 4-core ใหม่เร็วกว่าคู่แข่งสูงสุด 30% จึงทำให้เอฟเฟ็กต์ภาพและแสงในเกมที่เน้นกราฟิกมีความสมจริงมากยิ่งขึ้น ส่วน Neural Engine แบบ 16-core ใหม่ก็ประมวลผลได้ถึง 15.8 ล้านล้านรายการต่อวินาที และยังมีการปรับปรุง ISP เจเนอเรชั่นถัดไปให้ล้ำหน้าไปอีกขั้น
iPhone 13 และ iPhone 13 mini จะวางจำหน่ายในสีชมพู, น้ำเงิน, มิดไนท์, สตาร์ไลท์ และรุ่น (PRODUCT)RED ในรุ่นความจุเริ่มต้นใหม่ที่ 128GB ทำให้มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเพิ่มขึ้นสองเท่า และมีรุ่นความจุ 256GB และ 512GB ด้วย
iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max จะวางจำหน่ายในสีกราไฟต์, ทอง, เงิน และเซียร์ร่าบลู ในความจุ 128GB, 256GB, 512GB และ 1TB ซึ่งมีให้เลือกเป็นครั้งแรก
ที่มา – Apple