สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่ง เริ่มเผยแพร่รีวิว iPhone 13 series ให้ได้ชมและได้อ่านกันแล้ว ก่อนที่ Apple จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2021 เป็นต้นไป เฉพาะในกลุ่มประเทศแรก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, จีน, เยอรมนี, อินเดีย, ญี่ปุ่น, สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย และอีกกว่า 30 ประเทศ
iPhone รุ่นใหม่ในปีนี้ ยังคงมีให้เลือก 4 รุ่นเหมือนกับปีที่แล้ว ทั้งหมดมาพร้อมชิปรุ่นใหม่ A15 Bionic ได้รับการปรับปรุงกล้อง อายุการใช้งานแบตเตอรี่ ส่วนดีไซน์โดยรวมที่การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่รอยบากบนหน้าจอมีขนาดเล็กลง แต่กรอบกันชนของกล้องหลังมีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับปรุงคุณภาพกล้อง
สำหรับ iPhone 13 Pro ได้รับการปรับปรุงที่น่าสนใจที่สุดเมื่อเทียบกับ iPhone 12 Pro เนื่องจากได้รับคุณสมบัติกล้องแบบเดียวกับ iPhone 13 Pro Max จะแตกต่างก็เพียงขนาดหน้าจอ ขนาดตัวเครื่อง น้ำหนัก และ อายุการใช้งานแบตเตอรี่ ซึ่งตอนนี้สื่อนอกได้ปล่อยรีวิวออกมาให้ชมแล้ว
จอแสดงผลทัชลื่นติดนิ้ว
Dieter Bohn จากเว็บไซต์ The Verge บอกว่าจอแสดงผล ProMotion บน iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม ช่วยให้ iPhone 13 ทั้ง 2 รุ่น รองรับอัตราการรีเฟรชแบบปรับได้ระหว่าง 10Hz ถึง 120Hz ขึ้นอยู่กับประเภทของคอนเท้นต์ที่แสดงบนหน้าจอ ทำให้การแสดงคอนเท้นต์ราบรื่นยิ่งขึ้นขณะดูวิดีโอ เล่นเกม และเลื่อนหน้าจอ
ทีมงานของ The Verge อ้างว่า เขาสามารถอ่านข้อความบนหน้าจอ iPhone 13 Pro ได้ในระหว่างเลื่อนหน้าจอ จากปกติที่ควรจะเบลอ และรู้สึกว่าหน้าจอของ iPhone รุ่นใหม่เหมือนมีปฏิสัมพันธ์กับนิ้ว สามารถเปลี่ยนอัตราการรีเฟรชตามการเคลื่อนไหวของปลายนิ้วได้
อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานขึ้น
Joanna Stern จากสำนักข่าว The Wall Street Journal บอกว่า iPhone 13 series ทั้ง 4 รุ่น ให้อายุการใช้งานยาวนานขึ้นอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ขณะที่ iPhone 13 Pro Max สามารถใช้งานได้ยาวนานข้ามวันแบบสบายๆ และยังขยายอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้นได้อีกเมื่อปิดการใช้งาน 5G
นอกจากนี้ Joanna Stern ยังแนะนำว่า เจ้าของ iPhone รุ่นเก่า ควรนำไปเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ หากพบว่าแบตเตอรี่ให้อายุการใช้งานสั้นลง แทนที่จะซื้อ iPhone เครื่องใหม่ ซึ่งจะช่วยประหยัดเงินไปได้มาก
คุณภาพกล้อง
Patrick Holland จาก CNET รู้สึกประทับใจกับโหมด Cinematic ที่มาพร้อม iPhone 13 series ทั้ง 4 รุ่น ซึ่งรองรับการใช้งานได้ทั้งกล้องหลัง และ กล้องหน้า เพื่อถ่ายวิดีโอความละเอียด 1080p ที่อัตรา 30 เฟรมต่อวินาที โดยมีจุดเด่นที่ให้เอฟเฟกต์ระยะชัดลึกหรือเบลอฉากหลังอย่างสวยงาม เพื่อโฟกัสที่ตัวบุคคล และยังสามารถเปลี่ยนโฟกัสได้โดยอัตโนมัติ ช่วยสร้างวิดีโอในสไตล์ภาพยนตร์
อย่างไรก็ตาม Patrick Holland ตั้งข้อสังเกตว่า การถ่ายวิดีโอด้วยโหมด Cinematic จำเป็นต้องใช้แสงในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้คุณภาพที่ดีที่สุด หากใช้งานในที่แสงน้อย จะได้รับการแจ้งเตือนให้เปิดแฟลช
ประสิทธิภาพจากชิปรุ่นใหม่
iPhone 13 series ทั้ง 4 รุ่น มาพร้อมชิปรุ่นใหม่ A15 Bionic ซึ่งมีความเร็วขึ้นประมาณ 10 – 15% เมื่อเทียบกับชิป A14 Bionic ใน iPhone 12 series อ้างอิงจากคะแนนทดสอบประสิทธิภาพด้วยแอปพลิเคชั่น Geekbench 5
ทั้งนี้ Apple จะเปิดรับจอง iPhone 13 series ทั้ง 4 รุ่น ในประเทศไทย วันที่ 1 ตุลาคมนี้ ก่อนจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2021 เป็นต้นไป
ที่มา – MacRumors