OPPO แนะนำสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของ OPPO Reno6 Series 5G ในประเทศไทยด้วย OPPO Reno6 Z 5G ซึ่งมีกระแสตอบรับเป็นอย่างดีการันตีจากยอดขายอันดับ 1 ในกลุ่มสมาร์ทโฟนที่มีราคาในช่วง 12,000 – 15,000 บาท (อ้างอิงจากยอดขายในระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม – 1 สิงหาคม 2564) ตามมาด้วย OPPO Reno6 Pro 5G ที่เน้นทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น และสามารถสร้างยอดขายเป็นอันดับ 1 บน Shopee Mall ในกลุ่มสมาร์ทโฟน Android ที่มีราคา 20,000 บาทขึ้นไป (อ้างอิงจากยอดขายในระหว่างวันที่ 26 – 30 สิงหาคม 2564) ล่าสุด OPPO พร้อมแล้วที่จะนำ OPPO Reno6 5G เข้ามาเสริมทัพเป็นรุ่นที่ 3 ของ Series เดียวกัน โดยยังคงสโลแกน “อารมณ์ไหน ก็พอร์ตเทรต” แต่มีดีไซน์ที่แตกต่างออกไป และให้ความสำคัญกับการถ่ายวิดีโอมากขึ้น
แกะกล่อง OPPO Reno6 5G
กล่องบรรจุภัณฑ์ของ OPPO Reno6 5G คล้ายกับกล่องของ OPPO Reno6 Pro 5G และ OPPO Reno6 Z 5G ที่ทีมงาน @Flashfly เคยรีวิวไปก่อนหน้านี้ โดยถูกเก็บไว้ในกล่องสีดำ ที่มีปลอกกล่องสีเขียวมิ้นท์หรือสีเขียวอมฟ้า ด้านหน้าพิมพ์เลข 6 ขนาดใหญ่ ซึ่งหมายถึงเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟน OPPO Reno6 Series 5G ส่วนล่างระบุชื่อรุ่น OPPO Reno6 5G ไว้อย่างชัดเจน
หลังจากฉีกซีลพลาสติกใสที่ห่อหุ้มตัวกล่อง ก็สามารถดันตัวกล่องสีดำออกจากปลอกได้ไม่ยาก และเมื่อยกฝากล่องขึ้นมา ก็จะพบกล่องแบนๆ สีดำเป็นอย่างแรก ภายในแถมเคสใสมาให้ 1 อัน พร้อมแนบเข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ดไว้กับแผ่นกระดาษแข็ง และยังมีเอกสารต่างๆ อย่างคู่มือแนะนำการใช้งานเบื้องต้น และบัตรรับประกัน
ถัดลงมาจะพบกับสมาร์ทโฟนที่มีซองห่อหุ้มไว้เพื่อป้องกันริ้วรอยในระหว่างขนส่ง หน้าซองระบุชื่อ OPPO Reno6 5G พร้อมจุดเด่น 5 รายการ ได้แก่ Bokeh Flare Portrait Video การถ่ายวิดีโอที่สามารถละลายฉากหลังเป็นเอฟเฟกต์ Bokeh ได้อย่างสวยงาม, AI Highlight Video เพิ่มรายละเอียดและความคมชัดสำหรับวิดีโอที่ถ่ายในสภาพแสงน้อยหรือภายในห้อง, Ultra-slim Retro Design ดีไซน์บาง มาพร้อมขอบแบนราบ, รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperVOOC 2.0 และ จอแสดงผลให้อัตราการรีเฟรชหน้าจอสูงสุด 90Hz
ชั้นล่างสุดเป็นช่องเก็บสายเคเบิล USB Type-C และอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ 65W Power Adapter
นอกจากนี้ ยังแถมหูฟังมาให้ในกล่องด้วย โดยเป็นหูฟังแบบ USB Type-C เนื่องจาก OPPO Reno6 5G ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
Ultra-slim Retro Design
ถึงแม้จะเป็นหนึ่งใน OPPO Reno6 Series 5G แต่สมาร์ทโฟน OPPO Reno6 5G กลับมีดีไซน์ที่แตกต่างไปจาก OPPO Reno6 Z 5G และ OPPO Reno6 Pro 5G ที่ทำวางจำหน่ายไปก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะส่วนขอบที่ถูกทำให้แบนราบ แทนที่จะโค้งมน แต่ยังคงให้ความสำคัญกับความบาง โดยมีความบางเพียง 7.59 มิลลิเมตร และเบาเพียง 182 กรัม
พื้นผิวด้านหลังของ OPPO Reno6 5G ยังใช้ดีไซน์ OPPO Reno Glow ที่เปล่งประกายระยิบระยับเช่นเดียวกับ OPPO Reno6 Z 5G และ OPPO Reno6 Pro 5G โดยมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Aurora ซึ่งเป็นโทนสีฟ้าอ่อน แต่มีเอฟเฟกต์ไล่ระดับสีที่สะท้อนออกมาในมุมมองที่แตกต่างกันไปตามแสงที่สาดส่องลงบนพื้นผิว และสามารถสะท้อนแสงไปบนผนังจนเกิดเป็นสีรุ้งอย่างส่วนงาม
อีกตัวเลือกเรียกว่าสีดำ Stellar Black ซึ่งใช้ดีไซน์ OPPO Reno Glow เช่นเดียวกัน ทำให้เกิดเอฟเฟกต์แสงที่เปล่งประกายระยิบระยับไปตามมุมที่แสงตกลงมากระทบบนพื้นผิว ให้ความรู้สึกเหมือนกลุ่มดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
90Hz Refresh Rate
OPPO Reno6 5G มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล ขนาด 6.4 นิ้ว ให้อัตราการรีเฟรชหน้าจอ 90Hz และให้อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate สูงสุดที่ 180Hz ถือเป็นจอแสดงผลที่ให้สีสันสวยงามคุณภาพสูง รองรับทั้งการเล่นเกมและรับชมภาพยนตร์ได้เป็นอย่างดี และยังผ่านการรับรองเกี่ยวกับการถนอมดวงตา
นอกจากนี้ OPPO Reno6 5G ยังได้รับการติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับแสงโดยรอบแบบ 360° Lightsensing ด้วยการติดตั้งเซ็นเซอร์ 2 ตัว (หน้า-หลัง) จึงสามารถปรับความสว่างของจอแสดงผลตามสภาพแสงรอบข้างโดยอัตโนมัติได้อย่างแม่นยำ
Bokeh Flare Portrait Video
จุดเด่นที่น่าสนใจที่สุดของ OPPO Reno6 5G อยู่ที่การถ่ายวิดีโอ ด้วยกล้องหลัง 64MP Triple Camera ทำงานร่วมกับ AI ช่วยสร้างเอฟเฟกต์ Cinematic Bokeh Flare ที่ละลายฉากหลังให้เป็นเอฟเฟกต์ Bokeh อย่างสวยงามเหมือนภาพยนตร์ และสามารถใช้งานได้ไม่ว่าจะถ่ายวิดีโอในสภาพแสงปกติตอนกลางวัน หรือในสภาพแสงน้อยเวลากลางคืน ที่สำคัญก็คือ กล้องหน้า 32MP ของ OPPO Reno6 5G ก็สามารถถ่ายวิดีโอแบบ Bokeh Flare Portrait ได้เช่นเดียวกับกล้องหลัง
AI Highlight Video
สมาร์ทโฟนของ OPPO สามารถถ่ายภาพนิ่งได้อย่างสวยงามอยู่แล้ว ดังนั้น OPPO จึงให้ความสำคัญในการถ่ายวิดีโอมากยิ่งขึ้น และนอกจากการ ถ่ายวิดีโอแบบ Bokeh Flare Portrait สมาร์ทโฟน OPPO Reno6 5G ก็ยังมี AI Highlight Video ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยี AI มาช่วยตรวจจับแสงโดยรอบเพื่อเติมความคมชัด ความสว่าง และความสดใส ให้กับการถ่ายวิดีโอ Portrait โดยอัตโนมัติ
ด้วย AI Highlight Video ช่วยให้วิดีโอที่เน้นถ่ายบุคคล มีใบหน้าที่สว่างคมชัด โดยเฉพาะการถ่ายวิดีโอในช่วงเวลาที่ตัวบุคคลอยู่เบื้องหน้าแสง ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลากลางคืน หรือ อยู่ภายในห้อง
ชิปประมวลผล Dimensity 900
OPPO Reno6 5G ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 900 ที่ประกอบด้วยซีพียู ARM Cortex-A78 แบบ 2-Core ความเร็วสูงสุด 2.4GHz จับคู่กับ ARM Cortex-A55 แบบ 6-Cores ความเร็วสูงสุด 2GHz พร้อมด้วยจีพียู ARM Mali-G68 MC4 และชิปโมเด็ม 5G ในตัว อีกทั้งยังสนับสนุนการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 (802.11ax) ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ล่าสุด ให้ทั้งความแรงของชิปประมวลผล และความเร็วในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
นอกจากนี้ OPPO Reno6 5G ยังได้รับการติดตั้ง Z-axis Linear Motor เพื่อรองรับระบบสั่นสะเทือนแบบ 4D Vibration ช่วยเพิ่มความสมจริงเวลาเล่นเกม PUBG Mobile
65W SuperVOOC 2.0
OPPO Reno6 5G ได้รับความจุแบตเตอรี่ 4300mAh พร้อมสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperVOOC 2.0 สามารถชาร์จจนเต็ม 100% ภายในเวลาเพียง 28 นาที หรือใช้เวลาชาร์จแค่ 5 นาที สามารถนำไปใช้รับชมวิดีโอได้นานถึง 4 ชั่วโมง อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ช่วยประหยัดพลังงานของแบตเตอรี่อย่าง Super Power Saving Mode ช่วยขยายระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่ให้ยาวนานขึ้น และ Super Nighttime Standby ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ในช่วงเวลาที่เจ้าของสมาร์ทโฟน OPPO Reno6 5G หลับพักผ่อน
เปิดตัวทางการในไทย 16 กันยายนนี้
OPPO Reno6 5G เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่ได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงามและแตกต่างจาก OPPO Reno6 Series 5G รุ่นอื่นๆ โดยเน้นความบางเฉียบ และดีไซน์ Retro ขอบเรียบ บนพื้นผิวที่เปล่งประกายระยิบระยับ ไม่ว่าจะเลือกสี Aurora หรือ Stellar Black
นอกเหนือจากความสวยงาม OPPO Reno6 5G มีจุดเด่นที่ฟีเจอร์การถ่ายวิดีโอ ซึ่ง Bokeh Flare Portrait กับ AI Highlight Video ที่ทีมงาน @Flashfly นำเสนอไปข้างต้นเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ระบบกล้องของ OPPO Reno6 5G ยังมีจุดเด่นที่น่าสนใจมากมาย ติดตามรอชมได้ในรีวิวอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ OPPO Reno6 5G จะเปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายในประเทศทัน วันที่ 16 กันยายนนี้ คาดว่าจะมีราคาอยู่ในช่วง 15,000 – 20,000 บาท