Apple TV 4K รุ่นใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวในเดือนเมษายนที่ผ่านมา นับเป็น Apple TV 4K รุ่นที่ 2 ซึ่งได้รับการปรับปรุงจากรุ่นก่อนด้วยชิปประมวลผล A12 Bionic ที่เร็วขึ้น สนับสนุนการเชื่อมต่อ Wi‑Fi 6 และ HDMI 2.1 โดยมีจุดเด่นที่การแสดงผลในรูปแบบ HDR ที่มีอัตราเฟรมสูง สนับสนุนวิดีโอ Dolby Vision ระบบเสียง Dolby Atmos และยังใช้เป็นเกมคอนโซลได้อีกด้วย เมื่อเชื่อมต่อกับเกมคอนโทรลเลอร์
สเปก Apple TV 4K (2021)
- ชิปประมวลผล A12 Bionic พร้อมสถาปัตยกรรม 64-bit
- ความจุ 32GB และ 64GB
- การเชื่อมต่อไร้สาย Wi‑Fi 6 802.11ax พร้อม MIMO, (2.4GHz และ 5GHz), Bluetooth 5.0
- พอร์ตเชื่อมต่อ HDMI 2.1, Gigabit Ethernet
- รองรับวิดีโอ H.264/HEVC แบบ SDR สูงสุด 2160p, 60 fps, โปรไฟล์ Main/Main 10
- รองรับ HEVC Dolby Vision (โปรไฟล์ 5)/HDR10 (โปรไฟล์ Main 10)/HLG สูงสุด 2160p, 60 fps
- รองรับโปรไฟล์ Baseline H.264 ระดับ 3.0 หรือต่ำกว่าพร้อมเสียง AAC-LC สูงสุด 160 Kbps ต่อช่องสัญญาณ, 48kHz, เสียงสเตอริโอในรูปแบบไฟล์ .m4v, .mp4 และ .mov
- รองรับวิดีโอ MPEG-4 สูงสุด 2.5 Mbps, 640 x 480 พิกเซล, 30 fps, โปรไฟล์ Simple พร้อมเสียง AAC-LC สูงสุด 160 Kbps, 48kHz, เสียงสเตอริโอในรูปแบบไฟล์ .m4v, .mp4 และ .mov
- รองรับรูปแบบเสียง HE-AAC (V1), AAC (สูงสุด 320 Kbps), Protected AAC (จาก iTunes Store), MP3 (สูงสุด 320 Kbps), MP3 VBR, Apple Lossless, FLAC, AIFF และ WAV, AC-3 (Dolby Digital 5.1) และ E-AC-3 (เสียงรอบทิศทาง Dolby Digital Plus 7.1) และ Dolby Atmos
- รองรับรูปแบบไฟล์ภาพ HEIF, JPEG, GIF, TIFF
- ขนาด 98 x 98 x 35 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 425 กรัม
สเปก Apple TV Remote
- การเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0, Infrared
- พอร์ตเชื่อมต่อ Lightning (สำหรับชาร์จแบตเตอรี่)
- คลิกแพดที่รองรับการสัมผัส
- ปุ่มทางลัดเรียกใช้งาน Siri โดยตรง
- ขนาด 35 x 9.25 x 136 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 63 กรัม
แกะกล่อง Apple TV 4K (2021)
Apple TV 4K รุ่นใหม่ ถูกบรรจุไว้ในกล่องสีขาว หน้ากล่องพิมพ์รูปภาพ Apple TV พร้อม Remote ให้เห็นอย่างชัดเจน ใต้กล่องมีการแนะนำ App Store ที่มีแอปพลิเคชั่นของบริการสตรีมมิ่งยอดนิยม, รองรับ AirPlay สำหรับแชร์คอนเท้นต์จาก iPhone หรือ iPad และสนับสนุนการเชื่อมต่อกับ AirPods เพื่อรับชมความบันเทิงแบบส่วนตัว
เมื่อยกฝากล่องออกไป จะพบกับ Apple TV 4K ที่ถูกพันด้วยแผ่นพลาสติกสีดำรอบตัวเครื่องและด้านล่าง วางคู่กับ Apple TV Remote ซึ่งถูกเก็บไว้ในซองอย่างดี
ใต้ช่องเก็บ Apple TV Remote จะพบกับสายไฟ ส่วนใต้ช่องเก็บ Apple TV 4K จะพบกับคู่มือ, สติกเกอร์โลโก้ Apple และสายเคเบิล Lightning to USB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ให้กับ Remote
ดีไซน์
Apple TV 4K รุ่นใหม่ ออกแบบมาในรูปทรงกล่องสีดำ พื้นผิวด้านบนกับด้านล่างเป็นสีดำด้าน ส่วนขอบรอบด้านใช้สีดำเงา
ด้านบนมีโลโก้ Apple TV
ด้านล่างมีฐานรองวงกลม โดยมีช่องระบายความร้อนรอบฐาน
ด้านหลังมีช่องต่อสายไฟ, พอร์ตเชื่อมต่อ HDMI 2.1 และ Gigabit Ethernet สำหรับต่อสาย LAN
สำหรับตัวรีโมท Apple TV Remote ทำมาจากวัสดุอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% ประกอบไปด้วยไมโครโฟน, ปุ่มเพาเวอร์, ปุ่มคลิกแพด, ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม/ทีวี, ปุ่มเล่น/หยุดพัก, ปุ่มปิดเสียง และ ปุ่มปรับระดับเสียง
ด้านข้างรีโมทมีปุ่มค้นหา หรือ Siri ด้านบนรีโมทเป็นอินฟราเรด
ด้านล่างมีพอร์ตเชื่อมต่อ Lightning สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ให้กับรีโมท
จุดเด่นของ Apple TV Remote รุ่นใหม่ อยู่ที่ปุ่มคลิกแพด สามารถกดนำทางได้ 5 ทิศทาง หรือใช้วิธีการปัดนิ้วก็ได้ ขณะที่ส่วนขอบก็รองรับการสัมผัส สามารถใช้ปลายนิ้วหมุนไปตามขอบเพื่อเลื่อนดูฉากที่ต้องการได้อย่างละเอียดและแม่นยำ
เริ่มต้นใช้งานครั้งแรก
ก่อนที่จะเริ่นต้นใช้งาน Apple TV 4K ก่อนอื่นต้องตรวจสอบ TV ที่จะนำไปติดตั้งรับชมนั้นรองรับความละเอียด 4K HDR หรือไม่ ซึ่งถ้าเป็น TV แบบ Full HD ภาพที่ได้จะแสดงได้ที่ความละเอียด 1080P เท่านั้น โดยในกล่องของ Apple TV 4K ไม่ได้แถมสาย HDMI มาให้ด้วยใครที่ไม่มีแนะนำให้ซื้อมาพร้อมตอนสั่งซื้อ Apple TV ด้วยเลย ราคา 890 บาท
เมื่อเปิดเครื่องใช้งานครั้งแรก หลังจากเชื่อมต่อ Apple TV 4K กับปลั๊กไฟและทีวีแล้ว จะเข้าสู่การตั้งค่าภาษา (มีภาษาไทยให้เลือกด้วย) จากนั้นเลือกประเทศ ต่อมาจะเข้าสู่การตั้งค่า สามารถเลือการตั้งค่าอัตโนมัติ โดยดึงข้อมูลมาจาก iPhone หรือ iPad และยังมีตัวเลือกให้ตั้งค่าด้วยตัวเอง
กรณีตั้งค่าด้วย iPhone หรือ iPad จะมีหน้าจอให้คำแนะนำถือ iPhone หรือ iPad (รวมถึง iPod touch) ไปถือใกล้ๆ กับ Apple TV 4K แล้วตั้งค่าตามคำแนะนำบนหน้าจอของ iPhone หรือ iPad ซึ่งมีขั้นตอนที่ง่ายๆ มากๆ เพียงป้อนรหัสที่ขึ้นบนจอทีวี ให้ถูกต้อง Apple TV 4K ก็จะตั้งค่าให้อัตโนมัติ เมื่อตั้งค่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะพบตัวเลือกให้ใช้ iPhone หรือ iPad เป็นรีโมทควบคุมได้ด้วย
ซึ่งถ้าใครที่ใช้ AIS Fibre อยู่ Apple TV ทำการติดตั้งแอพพลิเคชั่น AIS Play และเปิดใช้งานทันทีโดยไม่ต้องยืนยันด้วยเบอร์โทร สุดท้ายเป็นการตั้งค่าห้องที่มีการใช้งาน Apple TV 4K ซึ่งหน้าจอถัดมาจะมีตัวเลือกให้จับคู่กับลำโพง HomePod หากใครไม่มีสามารถสามารถเลือก Not Now เพื่อใช้ลำโพงของทีวี
ปรับสมดุลสีด้วย iPhone
ก่อนจะไปรับชมความบันเทิง ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปตั้งค่าสีของจอทีวีได้ง่ายๆ ด้วยฟีเจอร์ Color Balance ซึ่งอยู่ในส่วน Calibration ของการตั้งค่า Video and Audio เมื่อเข้ามาในฟีเจอร์ Color Balance ผู้ใช้งานจะต้องใช้ iPhone ไปวางบนจอทีวีในกรอบที่แสดงผลขึ้นมา โดยหันหน้าจอ iPhone ไปประกบกับจอทีวี
การปรับสมดุลสีบน Apple TV 4K อาศัยเซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงใน iPhone เพื่อเปรียบเทียบสมดุลสีให้ตรงตามข้อกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรม แบบเดียวกับนักถ่ายทำภาพยนตร์ทั่วโลกใช้ ช่วยให้ Apple TV 4K แสดงสีสันที่ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น รวมไปถึงช่วยปรับปรุงคอนทราสต์โดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องไปตั้งค่าการแสดงผลของทีวีให้ยุ่งยาก
ทั้งนี้ iPhone ที่รองรับฟีเจอร์ Color Balance ต้องเป็น iPhone ที่มี Face ID และทำงานบน iOS 14.5 ขึ้นไป
รับชมความบันเทิงด้วยความละเอียดสูง
หลังจากปรับสมดุลสีเรียบร้อยแล้ว ก็พร้อมรับชมความบันเทิงได้อย่างเต็มที่ ผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่างๆ ซึ่งชิปประมวลผล A12 Bionic ที่อยู่ใน Apple TV 4K รุ่นใหม่ ช่วยให้ Apple TV สนับสนุนการแสดงผลด้วยความละเอียดสูง 4K ให้จำนวนพิกเซลมากกว่า 4 เท่า เมื่อเทียบกับ Apple TV HD อีกทั้งยังรองรับ HDR (High Dynamic Range) ที่มีอัตราเฟรมสูง และวิดีโอ Dolby Vision ทำให้เล่นคอนเทนต์มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วระดับ 60 เฟรมต่อวินาที เหมาะสำหรับการชมภาพยนตร์แนวแอคชั่น หรือการแข่งขันกีฬา
Apple ได้ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการวิดีโอชั้นนำทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น FOX Sports, NBCUniversal, Paramount+, Red Bull TV และ Canal+ เพื่อนำเสนอวิดีโอสตรีมมิ่งในรูปแบบ HDR ที่มีอัตราเฟรมสูงเป็นพิเศษ เพื่อให้ภาพเคลื่อนไหวที่นุ่มนวลและสมจริงมากขึ้น
ระบบเสียงสมจริง
ไม่เพียงแต่การปรับปรุงให้ภาพคมชัดขึ้น Apple TV 4K รุ่นใหม่ ยังได้รับการปรับปรุงระบบเสียงด้วย โดยรองรับระบบเสียง Dolby Atmos ซึ่งจำลองระบบเสียงมาจากโรงภาพยนตร์
เมื่อจับคู่ Apple TV 4K กับ AirPods Pro หรือ AirPods Max ผู้ใช้งานจะได้สัมผัสกับระบบเสียงตามตำแหน่ง หรือ Spatial Audio ให้เสียงออกมาจากตำแหน่งที่ถูกต้องตามคอนเท้นต์ที่กำลังรับชม เหมือนมีลำโพงวางอยู่รอบทิศทาง
แอปพลิเคชั่นที่น่าสนใจ
ผู้ใช้งาน Apple TV 4K รุ่นใหม่ สามารถรับชมความบันเทิงได้จากแอปพลิเคชั่นของผู้ให้บริการวิดีโอชั้นนำอย่าง Apple TV+ ที่มีซีรี่ย์และภาพยนตร์ยอดนิยมอย่าง Ted Lasso, The Morning Show, Greyhound และ Wolfwalkers สำหรับใครที่ซื้อ Apple TV ในช่วงนี้ จะได้รับสิทธิ์ใช้บริการ Apple TV+ ฟรี!! 3 เดือน จากปกติคิดค่าบริการเดือนละ 99 บาท
นอกจากนี้ Apple TV+ ยังมี Netflix, Disney+ Hotstar, YouTube, LINE TV, AIS Play รวมไปถึงแอปพลิเคชั่นยอดนิยมจากผู้ให้บริการวิดีโอรายอื่น สามารถดาวน์โหลดได้จาก App Store หรือจะดูมิวสิควิดีโอก็มีแอปพลิเคชั่น Apple Music ช่วยให้ผู้ใช้งานรับฟังและรับชมมิวสิควิดีโอจากศิลปินทั่วโลก พร้อมฟีเจอร์แสดงเนื้อร้อง สำหรับคนที่ชอบคาราโอเกะ
Apple Arcade
เบื่อจากการดูหนัง ฟังเพลง เปลี่ยนมาเล่นเกมก็ได้ Apple TV 4K รุ่นใหม่ สามารถเล่นเกมมากมายใน Apple Arcade เหมือนเกมคอนโซลเครื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเกม NBA 2K21 Arcade Edition, Asphalt 8 Airborn+ ,Samurai Jack ,Oceanhorn 2 หรือเกมดัง Fantasia จากผู้สร้างเกม Final Fantasy และเร็วนี้กับเกม Castlevania โดยทุกเกมสามารถเล่นต่อจากที่ค้างไว้ใน iPhone, iPad และ Mac ได้ และสามารถเชื่อมต่อกับคอนโทลเลอร์ของ PlayStation, Xbox และ SteelSeries Nimbus+ เพื่อให้การเล่นเกมมีอรรถรสไม่แตกต่างจากการเล่นเกมบนเครื่องคอนโซล
ทั้งนี้ Apple Arcade เป็นบริการสำหรับสมาชิก มีค่าบริการเดือนละ 99 บาท ปัจจุบันมีเกมให้เล่นมากกว่า 200 เกม โดยทุกเกมสามารถเล่นได้อย่างเต็มที่ โดยไม่มีโฆษณาคั่นหรือการซื้อภายในแอป
Apple TV จะบอกวิธีการเชื่อมต่อจอยเกมไร้สายทั้ง Dual Shock 4 ของเครื่อง PS4 ,DualSense ของ PS5 และ จอยของ Xbox สามารถทำตามได้ทันทีไม่ต้องเสียเวลาไปหามูลในอินเตอร์เนทให้วุ่นวายแล้ว
AirPlay
Apple TV 4K รองรับการแสดงคอนเท้นต์ที่แชร์มาจาก iPhone, iPad หรือ Mac อย่างรูปภาพและวิดีโอ โดยเฉพาะวิดีโอ สามารถแชร์วิดีโอในรูปแบบ Dolby Vision ที่ระดับ 60 เฟรมต่อวินาที ขณะที่แอป Photos ใน Apple TV 4K ยังทำหน้าที่เป็นอัลบั้มรูปแบบไดนามิก เพื่อให้สมาชิกในครอบครัว ได้เห็นความทรงจำที่มีร่วมกันผ่านภาพถ่าย และวิดีโอ
SharePlay
ชมภาพยนตร์ร่วมกับเพื่อนๆ หรือคนในครอบครัว แม้ไม่ได้นั่งอยู่ในห้องเดียวกัน ด้วยฟีเจอร์ SharePlay โดยใช้ FaceTime บน iPhone, iPad หรือ Mac โทรหาบุคคลที่ต้องการรับชมคอนเท้นต์ไปพร้อมกัน แล้วเพิ่ม Apple TV เพื่อสัมผัสประสบการณ์การรับชมร่วมกันบนหน้าจอของทุกคน ทำให้มีอารมณ์ร่วมกันไม่ว่าจะสุข เศร้า หัวเราะ ร้องไห้ ช่วยให้ทุกคนใกล้ชิดกันมากขึ้นในช่วงวิกฤตสุขภาพที่ต้องเว้นระยะห่างกัน หรือต่างคนต่างกักตัวอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง
Siri
Apple TV Remote รุ่นใหม่ ติดตั้งปุ่ม Siri ไว้ที่ด้านข้าง ช่วยในการค้นหาคอนเท้นต์ที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว เพียงกดปุ่มค้างไว้ แล้วออกคำสั่งเสียง แต่เสียดายที Siri บน Apple TV นั้นยังไม่รองรับการใช้งานภาษาไทย จึงยังไม่สามารถตั้งค่าใช้งานในประเทศไทยได้ ทำได้เพียงเป็นปุ่มค้นหา สามารถใช้ iPhone มาเป็นแป้นพิมพ์ หรือใช่งานแทน Apple TV Remote ได้ทันทีอีกด้วย
สรุปราคาและการวางจำหน่าย
Apple TV 4K รุ่นใหม่ ได้รับการปรับปรุงทั้งภาพและเสียง ด้วยชิปประมวลผล A12 Bionic ทำให้การแสดงภาพมีความละเอียดสูงขึ้น โดยมีฟีเจอร์ Color Balance ช่วยปรับสมดุลสีของจอทีวีได้อย่างง่ายดายผ่าน iPhone เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่เป็นสมาชิกบริการวิดีโอสตริมมิ่งต่างๆ ช่วยให้รับชมภาพยนตร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบและคมชัดกว่ากล่องทีวีทั่วไป และยังมีประสิทธิภาพพอสำหรับเล่นเกมที่มีกราฟิก 3D จากบริการ Apple Arcade ได้อย่างลื่นไหล
Apple TV 4K รุ่นใหม่ เริ่มวางจำหน่ายแล้ววันนี้ ในราคาเริ่มต้น 6,700 บาท สำหรับรุ่น 32GB และ 7,400 บาท สำหรับรุ่น 64GB สำหรับใครที่มี Apple TV 4K รุ่นแรกอยู่แล้ว และไม่อยากอัพเกรดมาเป็นรุ่นใหม่ สามารถซื้อเฉพาะ Apple TV Remote รุ่นใหม่ มาใช้งานร่วมกันได้ในราคา 2,090 บาท
สำหรับผู้ที่ต้องการใช้บริการ Apple TV+, Apple Music, Apple Arcade และ iCloud แนะนำให้สมัครใช้บริการ Apple One ได้ เพื่อมัดรวมบริการทั้งหมดไว้ในแพ็คเกจเดียว ซึ่งช่วยประหยัดเงินได้มากกว่าแยกสมัครแต่ละบริการ เริ่มต้นเพียงเดือนละ 225 บาท เหมาะสำหรับการใช้งานคนเดียว ได้พื้นที่ iCloud 50GB หรือสมัครแบบครอบครัว เดือนละ 295 บาท สามารถแชร์การใช้งานร่วมกันได้สูงสุด 5 คน ได้พื้นที่ iCloud 200GB