ในโอกาสที่ OPPO กำลังจะเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของ OPPO Reno Series ในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ ทีมงาน @Flashfly ขอพาทุกคนย้อนเวลากลับไปดูจุดเริ่มต้นของ OPPO Reno Series ตั้งแต่รุ่นแรก เพื่อติดตามพัฒนาการของกล้องในแต่ละรุ่น ที่ใส่เทคโนโลยีใหม่ๆ มาให้อยู่เสมอ จนทำให้ OPPO Reno Series เป็นสมาร์ทโฟนที่หลายคนยอมรับว่ามีฟีเจอร์กล้องที่ล้ำหน้าที่สุด
OPPO Reno 10x Zoom
OPPO Reno 10x Zoom เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของ OPPO Reno Series ได้รับการเปิดตัวในประเทศไทยเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2562 มาพร้อมสโลแกน “Further Your Vision” มีจุดเด่นที่ระบบกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX586 รูรับแสง F1.7 กล้อง Ultra Wide 8 ล้านพิกเซล เก็บภาพในมุมกว้างถึง 120 องศา ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX319 รูรับแสง F2.2 และ กล้อง Telephoto 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง F3.0
กล้อง Telephoto ของ OPPO Reno 10x Zoom สามารถซูมได้ไกลสุด 60 เท่า และซูม 10x Hybrid Zoom โดยไม่สูญเสียรายละเอียด และถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกๆ ที่ใช้การวางโครงสร้างเลนส์แบบ Periscope ช่วยให้ซูมได้ไกลโดยที่ตัวเลนส์ไม่นูนออกมาจากพื้นผิว อีกทั้งยังมีดีไซน์โดดเด่น ด้วยกล้องหน้าแบบ Pivot-Rising Camera ที่ถูกซ่อนไว้ที่ด้านบน และสามารถสไลด์ขึ้นมาได้แบบครีบฉลาม
ตัวอย่างการซูมด้วย OPPO Reno 10x Zoom ตั้งแต่ระยะ Ultra Wide 120 องศา,1x,2x,6x,10x และ 60x
รีวิว OPPO Reno 10x Zoom – https://www.flashfly.net/wp/254123
OPPO Reno2 Series
หลังจาก OPPO Reno 10x Zoom ประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม OPPO จึงได้เปิดตัว OPPO Reno2 Series ในเดือนตุลาคมของปีเดียวกัน มาพร้อมสโลแกน “สมาร์ทโฟน 4 กล้องหลังชัดทุกระยะ สวยทุกมุมมอง” ไม่ว่าจะถ่ายภาพ หรือวิดีโอ ก็ชัดทุกระยะ สวยทุกมุมมอง และมีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ OPPO Reno2 F และ OPPO Reno2
OPPO Reno2 F มาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัว ระยะไหนก็ถ่ายสวย และกล้องหน้าที่มาแบบ Rising Camera ด้วยกล้องหลักความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล และโหมดต่างๆ ที่ช่วยให้ถ่ายภาพได้สวยทุกมุมมอง อาทิ โหมด Portrait ที่เพิ่ม Bokeh Effect ถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังละลาย หรือ Ultra Wide Angle เก็บภาพมุมกว้างได้อย่างจุใจ อีกทั้งยังมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ความจุ 4,000 mAh และเทคโนโลยีชาร์จไว VOOC 3.0
รีวิว OPPO Reno2 F – https://www.flashfly.net/wp/270166
OPPO Reno2 ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนเน้นการถ่ายวิดีโอเป็นพิเศษ มาพร้อมกับ ระบบกันสั่น Ultra Steady Mode ช่วยให้ถ่ายวิดีโอได้คมชัดทุกช็อตและนิ่งทุกสถานการณ์ พร้อม 5x Hybrid Zoom หรือ ดิจิตอลซูมได้สูงสุดถึง 20 เท่า และยังมี Ultra Macro Mode ถ่ายได้ใกล้ถึง 2.5 เซนติเมตร ช่วยให้ถ่ายภาพได้ชัดทุกระยะ พร้อมแบตเตอรี่ 4,000mAh และเทคโนโลยีชาร์จไว VOOC 3.0
รีวิว OPPO Reno2 – https://www.flashfly.net/wp/271164
OPPO Reno3 Pro
OPPO Reno Series กลายเป็นที่จดจำในฐานะสมาร์ทโฟนที่มีกล้องหลังโดดเด่นเป็นพิเศษ ก็ถึงเวลาที่ OPPO จะปรับปรุงกล้องหน้าให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการเปิดตัว OPPO Reno3 Pro สมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลก ที่ให้กล้องหน้าคู่คมชัดสูงสุดถึง 44 ล้านพิกเซล มาพร้อมสโลกแกน “Clear in Every Shot กล้องหน้าคู่สวยชัด 44 MP” ยกระดับ Selfie Expert ขึ้นไปอีกขั้นกับ Ultra Night Selfie สำหรับถ่ายเซลฟี่ในเวลากลางคืน และยังมีดีไซน์สวยงามเรียบง่ายอย่างลงตัว ด้วยการติดตั้งกล้องคู่เซลฟี่ไว้ใต้จอแสดงผลแบบ Dual Punch-hole Display
รีวิว OPPO Reno3 Pro – https://www.flashfly.net/wp/296368
OPPO Reno4 Series 5G
ดีไซน์จอแสดงผลแบบ Dual Punch-hole Display ยังได้รับการถ่ายทอดมาถึง OPPO Reno4 Series 5G ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยในปีที่แล้ว เริ่มด้วยรุ่น OPPO Reno4 ที่มาพร้อมสโลแกน “Clearly the best you ถ่ายรูปสวยชัดในสไตล์ที่เป็นคุณ” มีจุดเด่นที่กล้องคู่หน้า 32 ล้านพิกเซล พร้อมด้วยฟิลเตอร์ AI Color Portrait ช่วยถ่ายภาพบุคคลให้มีสีสัน แต่ฉากหลังจะกลายเป็นสีขาว-ดำ ทำให้ตัวบุคคลโดดเด่นยิ่งขึ้น และยังถ่ายวิดีโอได้อย่างราบรื่นด้วยระบบกันสั่น Front Steady Video
OPPO Reno4 ยังมาพร้อมกล้องหลัง 48MP AI Quad Camera ซึ่งมีฟิลเตอร์ AI Color Portrait เช่นเดียวกัน และยังมีฟิลเตอร์ Monochrome สำหรับการถ่ายวิดีโอ ด้วยการไฮไลท์สีแดง สีเขียว และสีฟ้าของวัตถุที่อยู่ภายในวิดีโอ ให้วัตถุมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
รีวิว OPPO Reno4 – https://www.flashfly.net/wp/308642
OPPO Reno4 Z 5G ได้รับการยกระดับขึ้นไปอีกขั้นด้วยการรองรับเทคโนโลยี 5G และจอแสดงผล 120Hz แต่ยังมีจุดเด่นที่ฟีเจอร์กล้องเช่นเคย โดยวางกล้องคู่หน้า 16 ล้านพิกเซล พร้อมกับกล้อง Depth ช่วยในการถ่ายภาพ Portrait พร้อมสร้างเอฟเฟกต์ Bokeh ด้วยฮาร์ดแวร์ จึงละลายฉากหลังอย่างสวยงามเป็นธรรมชาติ
กล้องหลังของ OPPO Reno4 Z 5G วางระบบ 48MP AI Quad Camera ซึ่งรวมกล้อง Vintage Portrait Monochrome และ B&W Portrait Monochrome เพื่อทำงานร่วมกับฟิลเตอร์การถ่ายภาพ Portrait ลำดับที่ 06 และ 07 ช่วยให้ได้ภาพถ่ายแนววินเทจ ที่จำลองมาจากเอฟเฟกต์ของภาพฟิล์ม อีกทั้งยังมีโหมด Ultra Dark Mode สามารถภาพถ่ายให้ออกมาสวยสดใสและชัดเจน แม้จะอยู่ในที่มืดสนิท จนมองไม่เห็นด้วยสายตาของมนุษย์
รีวิว OPPO Reno4 Z 5G – https://www.flashfly.net/wp/317550
OPPO Reno5 Series 5G
OPPO Reno5 Series 5G เปิดตัวในประเทศไทยช่วงต้นปี 2564 โดยมีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ OPPO Reno5 และ OPPO Reno5 5G มาในสโลแกน “Picture Life Together” ทั้งคู่มาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัว 64MP AI Quad Camera สามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุดถึง 4K โดยกล้องหน้า OPPO Reno5 มีความละเอียดสูงถึง 44MP ขณะที่ OPPO Reno5 5G ได้รับกล้องหน้า 32MP
OPPO Reno5 มีจุดเด่นที่โหมดถ่ายภาพ AI Mixed Portrait ซึ่งเป็นการนำ Double Exposure Effect มาใช้ในการถ่ายวิดีโอ สามารถนำวิดีโอจาก 2 ไฟล์ มาซ้อนทับกันด้วยเทคโนโลยี AI ขั้นสูง เกิดเป็นภาพเคลื่อนไหวที่โดดเด่นและน่าสนใจ เช่น ถ่ายวิดีโอบุคคล ซ้อนทับฉากหลังที่เป็นวิวทิวทัศน์ เป็นต้น
ถึงแม้ OPPO Reno5 5G จะไม่มี AI Mixed Portrait แต่ก็สามารถถ่ายวิดีโอด้วยโหมด Dual-View Video ได้เช่นเดียวกัน Dual-View Video ช่วยให้ OPPO Reno5 Series 5G สามารถใช้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังถ่ายวิดีโอได้พร้อมกัน สามารถปรับเลย์เอาท์ หรือ แบ่งหน้าต่างได้ 3 แบบ ได้แก่ Split (แบ่งหน้าต่างซ้าย-ขวา), Round (ภาพจากกล้องอีกตัวจะลอยอยู่ในหน้าต่างขนาดเล็กที่มีขอบมุมโค้งมน) และ Rectangle (ภาพจากกล้องอีกตัวจะลอยอยู่ในหน้าต่างขนาดเล็ก)
รีวิว OPPO Reno5 Series 5G – https://www.flashfly.net/wp/329381
OPPO Reno6 Z 5G
OPPO วางแผนเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของ OPPO Reno Series ในเร็วๆ นี้ โดยมีชื่อว่า OPPO Reno6 Z 5G คาดว่าจะมาพร้อมฟีเจอร์กล้องใหม่ๆ ที่ล้ำหน้ากว่าคู่แข่งอีกเช่นเคย ซึ่งมีข้อมูลว่าจะมุ่งเน้นไปที่การถ่ายภาพแนว Portrait ด้วยฟีเจอร์ Bokeh Flare Portrait ถ่ายภาพบุคคลในเวลากลางคืนได้อย่างสวยงาม และ Portrait Beautification Video ถ่ายวิดีโอให้ตัวบุคคลออกมาโดดเด่น
นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่า OPPO Reno6 Z 5G จะมาพร้อมชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 800U ที่มีชิปโมเด็ม 5G ในตัว และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 30W VOOC Flash Charge ส่วนรายละเอียดอย่างเต็มรูปแบบ คงต้องอดใจรอการเปิดตัวทางการในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป