ถึงแม้ Samsung Galaxy Watch3 จะวางจำหน่ายมาพักใหญ่แล้ว และทีมงาน @flashfly ก็เคยนำเสนอรีวิวไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่ด้วยวิกฤตการณ์ด้านสุขภาพที่ยังเกิดขึ้นทั่วโลก และยังเป็นเรื่องที่ควบคุมได้ยาก ทำให้อุปกรณ์ติดตามสุขภาพกลายเป็นสิ่งจำเป็นเช่นเดียวกับสมาร์ทโฟน ดังนั้น ในวันนี้ทีมงาน @flashfly จะขอนำ Galaxy Watch3 มารีวิวอีกครั้ง โดยจะเน้นไปที่ฟีเจอร์ติดตามสุขภาพโดยเฉพาะ
Samsung Galaxy Watch3 เป็นสมาร์ทวอทช์ระดับแฟลกชิปที่สามารถวัดค่าสุขภาพต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ ด้วยการติดตั้งเซนเซอร์ถึง 8 จุด พร้อมด้วยฟีเจอร์ด้านสุขภาพที่ครบวงจร สามารถตรวจจับ ติดตาม และวิเคราะห์กิจวัตรด้านสุขภาพ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นหนึ่งในผู้ช่วยส่วนตัวที่สำคัญในการดูแลสุขภาพ และช่วยผลักดันให้ผู้สวมใส่พิชิตเป้าหมายในการออกกำลังกายในทุกวัน
Samsung Galaxy Watch3 ยังได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงามคลาสสิก พร้อมสายนาฬิกาที่ปรับเปลี่ยนได้ง่าย เพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ในแต่ละวัน สามารถสวมใส่ได้อย่างสบาย เข้ากับทุกโอกาส
สเปก Galaxy Watch3
- จอแสดงผล ขนาด 1.4 นิ้ว สำหรับรุ่น 45 มม. หรือ 1.2 นิ้ว สำหรับรุ่น 41 มม.
- ชิปประมวลผล Exynos 9110 Dual-Core 1.15GHz
- ความจำ RAM 1GB + ROM 8GB
- ระบบปฏิบัติการ Wearable OS 5.5 บนพื้นฐาน Tizen
- การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0, Wi-Fi (b/g/n), NFC (มีรุ่นรองรับ LTE ให้เลือกด้วย)
- ระบบนำทาง GPS/GLONASS/Beidou/Galileo
- เซ็นเซอร์ Accelerometer, Barometer, Gyro sensor, Light Sensor, Optical Heart Rate Sensor, Electrical Heart Rate Sensor
- ป้องกันน้ำที่ระดับ 5 ATM + IP68
- มาตรฐานการทนต่อแรงสั่นสะเทือนแบบ MIL-STD 810G
- แบตเตอรี่ 340mAh สำหรับรุ่น 45 มม. หรือ 247mAh สำหรับรุ่น 41 มม.
- รองรับการชาร์จแบบไร้สาย
- ขนาดตัวเรือน 45 x 46.2 x 11.1 มม. สำหรับรุ่น 45 มม. หรือ 41 x 46.2 x 11.1 มม. สำหรับรุ่น 41 มม.
- สนับสนุนการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ Android 5.0 ขึ้นไป ที่มี RAM อย่างน้อย 1.5GB และ iOS 9.0 ขึ้นไป
การวัดค่าออกซิเจนในเลือด SpO2
การวัดค่าออกซิเจนในเลือด หรือ SpO2 กลายเป็นฟีเจอร์ที่หลายคนกำลังให้ความสำคัญในช่วงที่มีสถานการณ์โรคระบาด ซึ่งแน่นอนว่า Samsung Galaxy Watch3 ก็สนับสนุนฟีเจอร์นี้เช่นกัน โดยใช้ LED สีแดง กับรังสีอินฟราเรด ส่องลงไปใต้ผิวหนัง เพื่อประมาณค่าระดับ SpO2 หรือปริมาณออกซิเจนในกระแสเลือด
ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปวัดค่าออกซิเจนในเลือด ได้ที่ฟีเจอร์ Blood Oxygen และ กดปุ่ม Measure เพื่อเริ่มการวัด แต่ก่อนจะเริ่มวัดค่า ควรสวมใส่ Galaxy Watch3 ให้อยู่เหนือข้อมือประมาณ 3 นิ้ว ไม่ขยับข้อมือหรือเคลื่อนไหวร่างกายในระหว่างการวัดค่า และควรพักจากการทำกิจกรรมต่างๆ ก่อนวัดค่าราว 10 นาที เป็นอย่างน้อย เพื่อให้ได้ผลที่แม่นยำที่สุด
SpO2 คือ ค่าความเข้มข้นของออกซิเจนที่วัดจากตรงผิวหนัง ซึ่งระดับค่าที่พบในคนปกติ จะอยู่ที่ประมาณ 95 – 100% ถ้าระดับออกซิเจนในเลือดอยู่ต่ำกว่า 95% แสดงว่าร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ จนเกิดภาวะพร่องออกซิเจน แต่ถ้าระดับออกซิเจนในเลือดอยู่ต่ำกว่า 90% อาจหมายถึงมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับปอดและระบบทางเดินหายใจ จึงควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพอย่างละเอียดอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ค่า SpO2 ที่วัดได้ อาจมีผลคลาดเคลื่อน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น การออกกำลังกายที่หนักหน่วง, ปริมาณออกซิเจนในอากาศ, ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลด็มีส่วน รวมไปถึงปัญหาสุขภาพของร่างกายในขณะนั้น
ติดตามสุขภาพการนอนหลับ
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า Samsung Galaxy Watch3 มาพร้อมฟีเจอร์ติดตามสุขภาพที่ครบวงจร นอกจากจะวัดอัตราการเต้นของหัวใจที่เป็นฟีเจอร์พื้นฐาน และวัดค่า SpO2 ยังสามารถสวมใส่เพื่อติดตามสุขภาพได้ตลอดทั้งวัน ไปจนถึงเวลานอนหลับ เพื่อติดตามสุขภาพการนอนได้อีกด้วย
Samsung Galaxy Watch3 สามารถตรวจจับและบันทึกประวัติการนอนในทุกช่วงเวลา ทั้งในช่วงของวงจร REM หรือช่วงหลับฝัน, เวลาในการหลับลึก และเวลารวมของการนอนหลับ จากนั้นจะประเมินผลเป็นคะแนน เพื่อให้ผู้สวมใส่ดูพัฒนาการของการนอนหลับในแต่ละคืนที่ผ่านมาได้อย่างชัดเจน และปรับปรุงคุณภาพการนอนของตัวเองได้
ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกจากการติดตามสุขภาพการนอนหลับได้จากสมาร์ทโฟนที่จับคู่อยู่ นอกจากนี้ Samsung ยังร่วมมือกับ National Sleep Foundation ในการสร้างคอนเทนต์เพื่อให้ความรู้และเคล็ดลับการนอนหลับต่างๆ สำหรับผู้สวมใส่
ตรวจวัดระดับความเครียด
Samsung Galaxy Watch3 รองรับฟีเจอร์วัดระดับความเครียดของผู้สวมใส่ โดยการวัดความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจระหว่างวัน HRV (Heart Rate Variability) เพื่อประเมินผลออกมาเป็นระดับความเครียดเป็นระยะ และสามารถตรวจสอบความเครียดได้ด้วยตัวเองผ่านแอป Stress
ถ้าหากผลประเมินออกมาบ่งชี้ว่าผู้สวมใส่กำลังอยู่ในภาวะเครียด Galaxy Watch3 ก็ได้เตรียมคำแนะนำสำหรับการจัดการความเครียดไว้ให้แล้ว ด้วยการฝึกหัดหายใจ พร้อมด้วยเครื่องมือช่วยทำสมาธิรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ผ่อนคลายจากความเครียด
วัดอัตราการเต้นของหัวใจ
การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ถือเป็นฟีเจอร์หลักของ Galaxy Watch3 ซึ่งผู้สวมใส่สามารถตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นช่วงพัก หรือ กำลังออกกำลังกาย และสามารถดูข้อมูลได้ทันทีบนหน้าจอของสมาร์ทวอทช์ หรือ ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกได้จากแอป Samsung Health บนสมาร์ทโฟนที่จับคู่อยู่
แจ้งเตือนการล้างมือ
Samsung Galaxy Watch3 มีแอป Hand Wash ให้ดาวน์โหลดแล้วใน Galaxy Store ถือเป็นอีกฟีเจอร์ที่สำคัญอย่างมากในช่วงนี้ ช่วยให้ผู้สวมใส่ตั้งเวลานับถอยหลัง 25 วินาที เพื่อล้างมือให้สะอาด และยังสามารถตั้งเวลาแจ้งเตือนให้ล้างมือได้
ออกไปวิ่งกับผู้ฝึกสอนส่วนตัว
เพียงแค่สวม Galaxy Watch3 ขณะออกไปวิ่ง ก็เปรียบเสมือนมีผู้ฝึกสอนส่วนตัววิ่งเคียงข้างไปด้วย โดยใช้โปรแกรมวิเคราะห์การวิ่ง ที่มีอัลกอริทึมสำหรับวิเคราะห์รูปแบบการเคลื่อนไหว เพื่อแนะนำเคล็ดลับให้กับผู้สวมใส่นำไปปรับปรุงการออกกำลังกาย และยังป้องกันอาการบาดเจ็บต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ ยังสามารถอ่านค่าออกซิเจนที่ร่างกายได้รับ (VO2 Max) เพื่อประเมินประสิทธิภาพในการออกกำลังกายได้อีกด้วย
อยู่แต่ในบ้านก็ออกกำลังกายให้สนุกได้
สำหรับใครที่กังวลเรื่องสถานการณ์โรคระบาด ยังไม่พร้อมไปออกกำลังกายในยิมหรือที่สาธารณะ Galaxy Watch3 ก็มีฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้สวมใส่ออกกำลังกายในบ้านได้อย่างสนุก ผ่านโปรแกรม Home Training ในแอปพลิเคชัน Samsung Health ซึ่งมาพร้อมวิดีโอสอนการออกกำลังกายกว่า 120 รายการ ให้ผู้สวมใส่ทำตามได้ง่ายๆ โดยเลือกโปรแกรมการออกกำลังกายในสมาร์ทโฟนที่จับคู่กับ Galaxy Watch3 แล้วส่งภาพฉายขึ้นจอทีวี
โปรแกรมการออกกำลังกายใน Galaxy Watch3 ยังมาพร้อมการตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจแบบเรียลไทม์ขณะออกกำลังกาย ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถติดตามการออกกำลังกายผ่านสมาร์ทวอทช์ได้อย่างสนุกและมีประสิทธิภาพ
ตรวจจับการล้มพร้อมระบบขอความช่วยเหลือ
ฟีเจอร์ตรวจจับการล้ม ถือได้ว่ามีความสำคัญอย่างมาก หากเกิดเหตุไม่คาดฝันระหว่างออกไปวิ่งกลางแจ้ง แล้วเกิดสะดุดล้มอย่างรุนแรง แต่ไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากใครได้ หรือ แม้แต่ผู้สูงอายุที่อาจหกล้มเมื่ออยู่บ้านคนเดียว Galaxy Watch3 จะสามารถส่งการแจ้งเตือนเพื่อขอความช่วยเหลือได้
ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปเปิดฟีเจอร์ตรวจจับการล้มใน Galaxy Watch3 ได้จากสมาร์ทโฟนที่จับคู่อยู่ โดยเข้าไปที่แอป Galaxy Wearable แตะที่ SOS แล้วเปิดฟีเจอร์ Detect falls จากนั้นให้ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอจนเข้าสู่การเพิ่มหมายเลขติดต่อเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน หลังจากเปิดฟีเจอร์ตรวจจับการล้มให้ทำงานแล้ว และผู้สวมใส่เกิดล้มลง Galaxy Watch3 จะได้รับการแจ้งเตือน พร้อมฟีเจอร์ให้ติดต่อขอความช่วยเหลือ หรือ ปิดการแจ้งเตือน ถ้าหากไม่ได้รับบาดเจ็บที่รุนแรง
กรณีผู้สวมใส่ล้มลงจนหมดสติ หรือ ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง จนไม่สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือด้วยตัวเองได้ Galaxy Watch3 จะทำการติดต่อขอความช่วยเหลือโดยอัตโนมัติ ภายในเวลา 30 วินาที พร้อมส่งพิกัดตำแหน่งผ่านทางข้อความไปยังบุคคลในรายชื่อที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม Galaxy Watch3 ไม่สามารถตรวจจับการล้มทุกรูปแบบได้ และฟังก์ชั่นการโทรรวมถึงส่งข้อความขอความช่วยเหลือ จำเป็นต้องใช้การเชื่อมต่อเครือข่าย และการจับคู่กับสมาร์ทโฟน
ดีไซน์สวยหรูวัสดุระดับพรีเมียม
นอกจากจะมีฟีเจอร์ติดตามการออกกำลังกายและสุขภาพที่ครบวงจรแล้ว Samsung Galaxy Watch3 ยังได้รับการออกแบบมาอย่างสวยหรู ดีไซน์เพรียวบาง และ พิถีพิถัน ผลิตด้วยวัสดุระดับพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็นตัวเรือนแบบสแตนเลสหรือไทเทเนียม โดยมีน้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อนถึง 15%, บางลง 14%, และกะทัดรัดกว่าเดิมถึง 8 %
สมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ของ Samsung มาพร้อมจอแสดงผลที่ใหญ่ขึ้น และยังสามารถควบคุมการทำงานได้อย่างง่ายดาย ด้วยขอบหน้าปัดหมุนได้อันเป็นเอกลักษณ์ กลมกลืนไปกับตัวเรือนอย่างลงตัว โดยผู้สวมใส่สามารถปรับแต่งหน้าปัดการแสดงผลได้กว่า 40 รูปแบบ เพื่อดูข้อมูลและใช้งานแอปฯ ที่ต้องการได้สะดวกยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีหน้าปัดให้เลือกบน Galaxy Store อีกกว่า 80,000 แบบ หรือจะดีไซน์ด้วยตัวเองก็สามารถทำได้เช่นกัน
Samsung Galaxy Watch3 มีตัวเรือนให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ ขนาดหน้าปัด 41 มม. สำหรับผู้ใช้ที่ข้อมือเล็ก และขนาดหน้าปัด 45 มม. สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการหน้าปัดแบบเต็มตามากขึ้น มาพร้อมกับสายรัดหนังแท้สุดพรีเมียมที่ผ่านกรรมวิธีช่วยให้หนังทนทาน สีไม่ซีด และสายโลหะสุดหรูสำหรับรุ่นตัวเรือนไทเทเนียม
การเชื่อมต่อและประสบการณ์การใช้งาน
Samsung Galaxy Watch3 รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ทั้งระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่น 5.0 ขึ้นไป และต้องมีความจำ RAM อย่างน้อย 1.5GB หรือ iPhone ที่ทำงานบน iOS 9.0 ขึ้นไป เมื่อเชื่อมต่อ Galaxy Watch3 กับสมาร์ทโฟน จะสามารถใช้สมาร์ทวอทช์ดูพรีวิวภาพถ่ายจากสมาร์ทโฟนได้, ใช้ค้นหาตำแหน่งของสมาร์ทโฟน, ใช้ควบคุมการเล่นเพลงบน Spotify หรือ จะสลับไปฟังเพลงผ่านหูฟัง Galaxy Buds ก็ทำได้แบบไม่มีสะดุด
Samsung Galaxy Watch3 ยังรองรับการแสดงข้อความในแชทล่าสุด รวมทั้งดูรูปภาพได้โดยไม่ต้องแตะปุ่มใดๆ เพิ่มเติม พร้อมระบบตอบกลับอัจฉริยะ ที่จะช่วยวิเคราะห์ข้อความและรูปภาพจากการแจ้งเตือน จากนั้นระบบจะแนะนำข้อความต่างๆ สำหรับตอบกลับอย่างเหมาะสม และครอบคลุมในหลากหลายหมวดหมู่
สรุปราคาและการวางจำหน่าย
สมาร์ทวอชท์ Samsung Galaxy Watch3 มีจุดเด่นที่ดีไซน์หรูหรา และยังเพียบพร้อมไปด้วยฟีเจอร์ติดตามสุขภาพแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2), ตรวจจับการล้ม, วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, ติดตามคุณภาพการนอนหลับ รวมถึงฟีเจอร์ติดตามการออกกำลัง และการทำกิจกรรมตลอดทั้งวัน ยังให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนาน 2 วัน และรองรับการแจ้งเตือนจากแอพต่างๆ ของสมาร์ทโฟน หรือเป็นอิสระจากสมาร์ทโฟนมากขึ้นเมื่อใช้รุ่น LTE เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทวอชท์ระดับพรีเมียม ที่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพอย่างแท้จริง
Samsung Galaxy Watch3 พร้อมวางจำหน่ายแล้วผ่านทาง samsung.com, Samsung Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ โดยมีราคาดังนี้
- รุ่นขนาดหน้าปัด 45 มม. วางจำหน่ายในราคา 13,900 บาท (Bluetooth) และราคา 16,900 บาท (LTE) มาในตัวเรือนสี Mystic Black และ Mystic Silver
- รุ่นขนาดหน้าปัด 41 มม. วางจำหน่ายในราคา 12,900 บาท (Bluetooth) และราคา 15,900 บาท (LTE) มาในตัวเรือนสี Mystic Bronze และ Mystic Silver
- รุ่นตัวเรือน Titanium ขนาดหน้าปัด 45 มม. วางจำหน่ายในราคา 21,900 บาท (Bluetooth) มาในตัวเรือนสี Mystic Black
สำหรับใครที่สนใจ ตอนนี้ Samsung จัดโปรโมชั่นลดราคาถึง 3,000 บาท ทุกรุ่น ตั้งแต่วันที่ 1-31 ก.ค.64 ณ Samsung Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.samsung.com/th/watches/galaxy-watch/